Skip to content

King of Gods 1158

King Of Gods

บทที่ 1158 โจมตีจนล่าถอย

“ผู้อาวุโสจ้าว?”

คนเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองทั้งหมดชะงักไป คิดไม่ถึงว่าเป้าหมายในการมาเยือนครั้งนี้ของเผ่าสุริยันชาดจะเป็นเพราะจ้าวเฟิง

“จ้าวเฟิง!” เทพแท้จริงเทียนหั่วขมวดคิ้วน้อยๆ

ในช่วงระยะนี้ จ้าวเฟิงก็เคยไปตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายมาก่อน หากเป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงจะต้องเคยยั่วโทสะคนของเผ่าสุริยันชาดตอนอยู่ที่นั่นแน่

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นอดีตที่ผ่านมา เมื่อถูกบีบคั้นจากเผ่าสุริยันชาด เทพแท้จริงเทียนหั่วอาจจะยอมมอบตัวจ้าวเฟิงให้ก็ได้

อย่างไรเสีย เผ่าสุริยันชาดก็เป็นขั้วอำนาจสี่ดาวที่แข็งแกร่งในเกาะเทียนอวี่ ส่วนแพะเพลิงทองเป็นเพียงแค่ขั้วอำนาจสี่ดาวระดับต่ำ ยิ่งมีปัญหากระทบกระทั่งกัน ฝ่ายเสียเปรียบย่อมต้องเป็นพวกเขาอยู่แล้ว

แต่ในวันนี้ จ้าวเฟิงเพิ่งตอบตกลงเทพแท้จริงเทียนหั่วเพื่อเข้าร่วมการประลองแย่งชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย

ในทันทีที่ส่งมอบตัวจ้าวเฟิงออกไป ก็จะเท่ากับว่าเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองสูญเสียโอกาสได้ลืมตาอ้าปากไป เกรงว่าจะต้องเป็นขั้วอำนาจชั้นล่างในเกาะเทียนอวี่ไปตลอดกาล

“ผู้อาวุโสสูงสุด ไม่รู้ว่าจ้าวเฟิงผู้นี้ไปก่อเรื่องเลวร้ายอะไรเอาไว้ มอบตัวเขาไปเถอะ มีเพียงทำเช่นนี้ถึงจะสามารถหลีกเลี่ยงความวินาศของเผ่าเราได้!”

ความเย็นชาพาดผ่านในแววตาผู้อาวุโสที่สองซือซูหาน รีบเอ่ยกับผู้อาวุโสสูงสุดทันที

“ผู้อาวุโสสูงสุด ขอให้คิดถึงเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองเป็นสำคัญ!”

ผู้อาวุโสที่สามรีบเสริม

“หึ รีบส่งตัวเขาออกมาได้แล้ว!”

บนฟ้าสีแดงฉานที่ไกลลิบ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งข้างกายเทพแท้จริงหยางเหยียนแค่นเสียงเย็นอย่างอดไม่ไหว

คนผู้นี้ก็คือเทพแท้จริงจวี้หั่ว (เพลิงมหาศาล) แห่งเผ่าสุริยันชาดที่เพิ่งเลื่อนระดับขั้นเมื่อหลายพันปีก่อน การปรากฏกายขึ้นของเขาทำให้เผ่าสุริยันชาดเปลี่ยนจากขั้วอำนาจสี่ดาวชั้นล่างเป็นชั้นกลาง

“จ้าวเฟิงเป็นแขกของข้า ถ้าหากส่งมอบตัวเขาไปในตอนนี้ ภายหน้าคนอื่นในเกาะเทียนอวี่จะมองข้าอย่างไร!”

เทพแท้จริงเทียนหั่วสาดซัดแสงเย็นยะเยียบออกไปสายหนึ่ง พลานุภาพเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง

“หืม?” คนระดับสูงของเผ่าสุริยันชาดที่เฝ้ามองเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองอยู่กลางอากาศเผยสีหน้าแปลกใจ

เห็นได้ชัด ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่าเทพแท้จริงเทียนหั่วจะกล้าปฏิเสธ!

“ผู้อาวุโส จ้าวเฟิงเป็นแค่คนนอก เหตุใดท่านจึงเห็นแก่เขาจนไม่ไยดีในสวัสดิภาพของเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองเลยเล่า…”

สีหน้าผู้อาวุโสที่สองซือซูหานตกตะลึง แววตาตื่นตระหนกอย่างยิ่ง และรีบเอ่ยโน้มน้าว

“หุบปาก!” เทพแท้จริงเทียนหั่วตะโกนกร้าว ขัดคำพูดของซือซูหาน

การตัดสินใจเช่นนี้ เทพแท้จริงเทียนหั่วย่อมครุ่นคิดมาแล้วอย่างละเอียด

ขอแค่จ้าวเฟิงมีพลังที่สามารถต้านทานเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่ง ก็จะผ่านพ้นอันตรายคราวนี้ไปได้ จากนั้นค่อยยึดครองตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองก็จะลืมตาอ้าปากได้อย่างรวดเร็ว

และส่วนสำคัญที่ชี้ว่าจะรักษาตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายไว้ได้หรือไม่ก็คือจ้าวเฟิง

เทพแท้จริงเทียนหั่ววางเดิมพันทุกอย่างไว้กับจ้าวเฟิง

เดิมพันว่าเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองจะผงาดได้หรือไม่ หากวางเดิมพันผิดก็จะไม่มีทางรุ่งเรืองได้อีก

“ได้ คนแพะเพลิงทองสังหารเฉินอวี๋ไห่ผู้เป็นผู้อาวุโสที่สองในเผ่าข้า ในวันนี้จะให้พวกเจ้าได้เห็นโทสะของเผ่าสุริยันชาด!”

เพลิงสีแดงลุกทั่วร่างเทพแท้จริงหยางเหยียน สาดซัดอานุภาพร้อนแรงไร้ขอบเขตออกมา

“พวกเจ้าตามหาข้างั้นรึ?”

และในเวลาเดียวกัน เสียงสูงเสียงหนึ่งดังขึ้นในวินาทีที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น

วูบ! แสงอัสนีสีเหลืองเข้มสายหนึ่งวาบผ่านมาข้างกายเทพแท้จริงเทียนหั่ว บนบ่าของชายผู้นี้มีแมวขโมยสีเทาเงินตัวหนึ่ง

“จ้าวเฟิง!”

เทพแท้จริงหยางเหยียนมองไปทางจ้าวเฟิงด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว

ในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายรับรู้ข้อมูลข่าวสารกันอย่างรวดเร็ว จะสืบหาเอกลักษณ์ของจ้าวเฟิงก็ง่ายดายอย่างยิ่ง

ผู้อาวุโสที่สอง ผู้อาวุโสที่สาม และยังมีคนในเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองส่วนหนึ่งมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวเช่นกัน

เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองต้องเผชิญกับภัยอันตรายถึงเพียงนี้ล้วนเป็นเพราะจ้าวเฟิง เพียงแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสไม่ยินยอมส่งมอบตัวจ้าวเฟิงไป

พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนัก

“จ้าวเฟิง เผ่าสุริยันชาดมีเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่งสองคน!”

เมื่อเทพแท้จริงเทียนหั่วเห็นจ้าวเฟิงมาแล้ว จึงเอ่ยขึ้นทันที

ความหมายของเขาชัดเจนอย่างยิ่ง ขอแค่จ้าวเฟิงยื้อเทพแท้จริงได้คนหนึ่ง ก็นับว่าได้ชัยในครั้งนี้

อย่างไรเสีย เทพแท้จริงหยางเหยียนก็พาคนมาแค่ส่วนหนึ่ง ส่วนที่นี่เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง จำนวนกำลังพลของพวกเขาย่อมได้เปรียบกว่า

“ก็แค่เทพแท้จริงขั้นที่หนึ่งสองคน มีอะไรต้องกังวล!”

จ้าวเฟิงมีสีหน้าสงบนิ่ง แววตากวาดมองทั่วร่างเผ่าสุริยันชาด ก่อนระบายยิ้มน้อยๆ

ทันใดนั้น ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดในเผ่าพันธุ์ทั้งสองใจเต้นระส่ำ

‘เทพแท้จริงขั้นที่หนึ่งสองคน มีอะไรให้ต้องกังวล’ ถ้าหากประโยคนี้มาจากปากของเทพแท้จริงขั้นสองหรือแข็งแกร่งกว่านั้นก็คงจะไม่มีอะไร แต่ประโยคนี้เป็นของมนุษย์ในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงคนหนึ่ง

คนจำนวนมากในเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองอยากจะหัวเราะแต่กลับหัวเราะไม่ออก เพราะพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับอันตรายใหญ่หลวง

สีหน้าเทพแท้จริงเทียนหั่วและยอดผู้อาวุโสแข็งค้าง ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย แน่นอนว่าพวกเขาหวังให้จ้าวเฟิงไม่หวาดกลัวเทพแท้จริงขั้นหนึ่งทั้งสอง เพียงแต่นี่จะเป็นไปได้หรือ?

ส่วนคนระดับสูงของเผ่าสุริยันชาด สีหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง

ตามรายงานข่าวเรื่องจ้าวเฟิงสังหารเฉินอวี๋ไห่ในตอนนั้น เฉินอวี๋ไห่ผู้เป็นครึ่งเทพอยู่ในเงื้อมมือเขายังไม่มีแรงจะขัดขืน นั่นแสดงให้เห็นว่าจ้าวเฟิงมีพลังแข็งแกร่ง และมีศักยภาพอย่างแท้จริง

‘หรือว่าเขาเก็บงำขอบเขตพลังฝึกตนเอาไว้?’

เทพแท้จริงหยางเหยียนคาดเดาในใจ

เจ้ามนุษย์ขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงผู้นี้ เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายขนาดนี้กลับยังมีท่าทีสงบสุขุม ไม่ร้อนรน ทำให้เทพแท้จริงหยางเหยียนคาดเดาอะไรไม่ค่อยออก

ถึงอย่างไรเขาเองก็เป็นเทพแท้จริงที่มีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปี ไม่ใช่วัยหนุ่มที่คึกคะนองอีกแล้ว

“จ้าวเฟิง ดูสถานการณ์แล้วไปกับพวกเราแต่โดยดีเสีย!”

ในตอนนี้ เทพแท้จริงจวี้หั่วตะเบ็งเสียง

“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าเจ้าจะมีความสามารถหรือไม่!”

จ้าวเฟิงเผยแววชั่วร้าย

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยน้อยบนบ่าจ้าวเฟิงแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เทพแท้จริงจวี้หั่ว แสดงออกถึงการดูหมิ่น

“เจ้า…ได้ วันนี้ข้าจะต้องสังหารเจ้าด้วยมือของตัวเองให้ได้!”

ทั่วร่างของเทพแท้จริงจวี้หั่วพลันระเบิดเพลิงออกเป็นระยะหนึ่งจั้ง ทุกแห่งที่ผ่านไป ในรัศมีพันลี้จะมีไฟลุกโชนเป็นสีแดงอ่อนจาง

“ข้าก็อยากจะเห็นความสามารถของเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่งสักหน่อย!”

ทั่วร่างจ้าวเฟิงเปล่งแสงลวดลายสีทองขาว ร่างกายขยายใหญ่หลายส่วน เป็นประหนึ่งขุนเขาอัสนีธาตุทองอันหนักอึ้ง ตรงดิ่งไปปะทะอีกฝ่ายทันที

คนอื่นๆ ในเผ่าทั้งสองไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

ผู้อาวุโสที่สองและผู้อาวุโสที่สามกำลังครุ่นคิด ถ้าหากจ้าวเฟิงถูกเทพแท้จริงจวี้หั่วกำจัดไปได้ เรื่องนี้ก็จะจบลง

ส่วนเทพแท้จริงเทียนหั่วและยอดผู้อาวุโสคิดจะอาศัยโอกาสนี้หยั่งเชิงพลังที่แท้จริงของจ้าวเฟิง

“เจ้าเด็กนี่ ถึงกับกล้าประมือกับเทพแท้จริงจวี้หั่วเชี่ยวรึ!”

ทางฟากของเผ่าสุริยันชาด สีหน้าเทพแท้จริงหยางเหยียนอึ้งไป

เป็นแค่เทวาเร้นลับชั้นสูงเท่านั้น แต่กลับกล้าลงมือทำร้ายเทพแท้จริงขั้นหนึ่ง นี่ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล

“ระเบิดเพลิง!”

“หมัดอัสนีศักดิ์สิทธิ์!”

อัสนีที่ระเบิดออกกลุ่มหนึ่งและเพลิงสีแดงแสบตาปะทะเข้าหากันทันที

โครม บึ้ม!

ฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่นโครมครามขึ้น ไฟ ดิน และสายฟ้าที่น่าหวาดกลัวม้วนตัวออกไปสี่ทิศทาง

เทพแท้จริงเทียนหั่วรีบโคจรพลังเทพ ขัดขวางระลอกพลังที่เหลือส่วนหนึ่งไว้ หลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบไปถึงเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง

ฟิ้ว! เงาแสงสองกลุ่มพุ่งออกมาจากใจกลางของระเบิด

“กายเทพ!”

สีหน้าเทพแท้จริงจวี้หั่วตะลึงค้าง

อยู่แค่ขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูง แต่กลับครอบครองกายเทพของเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่ง

หนำซ้ำจ้าวเฟิงยังฝึกฝนวิชาฝึกร่างกายที่สูงส่งยิ่ง พลังป้องกันแข็งแกร่งนัก หนำซ้ำร่างกายและการโจมตียังแฝงไปด้วยพลังอัสนีเทวะทำลายล้าง ถึงจะเป็นเขาที่อยู่ในฐานะเทพแท้จริงขั้นหนึ่งก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวนัก

บริเวณทรวงอกของจ้าวเฟิงเจ็บแสบปวดร้อนอย่างมาก ด้านบนมีเพลิงแดงฉานเผาไหม้อยู่ อีกทั้งยังมุดเข้าไปในร่างของเขาเรื่อยๆ

“เหอะ ลักษณะพิเศษของสายเลือดเผ่าสุริยันชาดของข้าคือสามารถใช้ไฟพิษ แทรกซึมเข้าไปในร่างศัตรู!”

เทพแท้จริงจวี้หั่วยิ้มอย่างชั่วร้าย จากการประมือเมื่อครู่ เขาสัมผัสได้ว่าจ้าวเฟิงไม่มีสายเลือดบรรพกาล

ในดินแดนเทพรกร้าง สายเลือดบรรพกาลคือสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง ถ้าหากร่างกายมีสายเลือดที่น่าสะพรึงกลัว ก็จะถูกผู้แข็งแกร่งในขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอดหรือกระทั่งห้าดาวนำตัวไป

ยามนี้ บนร่างจ้าวเฟิงปลดปล่อยแสงสว่างสีแดงออกมาในฉับพลัน

ฟู่~

ทั่วร่างของจ้าวเฟิงอยู่ท่ามกลางเพลิงเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ ดูไปแล้วเป็นสีแดงสด กลิ่นอายสายเลือดกลุ่มนั้นระเบิดรุนแรง ก่อนกลืนกินไฟพิษกลุ่มนั้นลงไปทันใด

เพลิงมารโลหิตโบราณของจ้าวเฟิง หลังจากที่เพิ่มความแข็งแกร่งจากทรัพยากรล้ำค่าและเลือดบรรพกาลจำนวนมหาศาลจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ด้อยไปกว่าสายเลือดเพลิงมารโลหิตลำดับที่แปดพันกว่าในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณเลย

“อะไรกัน?” เทพแท้จริงจวี้หั่วตื่นตะลึงทันที

เขาสัมผัสถึงสายเลือดบรรพกาลในร่างจ้าวเฟิงไม่ได้ แต่ในขณะนั้น จู่ๆ จ้าวเฟิงก็ปลดปล่อยสายเลือดที่แกร่งกล้าออกมา มันไม่เหมือนสายเลือดบรรพกาล ทว่าแกร่งยิ่งนัก กระทั่งอาจอยู่เหนือสายเลือดสุริยันชาดเลยด้วยซ้ำ

“กายเทพ สายเลือดที่พิเศษ กำลังรบของคนผู้นี้น่ากลัวไม่ต่างจากเทพแท้จริงจวี้หั่วแม้แต่น้อย!”

เทพแท้จริงหยางเหยียนได้ข้อสรุปจากการเปลี่ยนแปลงในหลายช่วงลมหายใจที่ผ่านมานี้

พูดได้ว่า ในเวลานี้เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองมีผู้แข็งแกร่งที่มีพลังเทพแท้จริงขั้นหนึ่งสองคน สถานการณ์เช่นนี้ หากดึงดันเปิดฉากรบ สุดท้ายจะสูญเสียกันทั้งสองฝ่าย

“คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะเก็บงำพลังสายเลือดเอาไว้!”

เทพแท้จริงเทียนหั่วตื่นตะลึง

ในดินแดนเทพรกร้าง ไม่ใช่ว่าผู้แข็งแกร่งทุกคนจะมีสายเลือดบรรพกาล และยังมีผู้แข็งแกร่งบางส่วนที่ไม่มีสายเลือดเช่นนี้ และอาศัยความพยายามของตนฝึกฝนไปจนถึงขอบเขตพลังที่สูงขึ้น

หนึ่งหมื่นปีก่อนก็มีคนผู้หนึ่งที่ทรงพลังเช่นนี้ เขาไม่มีสายเลือดบรรพกาล แต่กลับผงาดขึ้นได้ ไม่แยแสผู้ถูกเลือกจากทุกแห่ง เอาชนะผู้แข็งแกร่งจากแต่ละเขต จนสุดท้ายฝึกฝนบรรลุจุดสูงสุด กลายเป็น ‘ราชาเทพ’ ที่สูงส่งที่สุดในดินแดนเทพรกร้าง

คนอื่นๆ ในสองเผ่าพันธุ์มีสีหน้าคาดคิดไม่ถึง

คิดไม่ถึงว่าขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นสูงจะประมือกับเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่ง มีเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน?

“เหอะ ให้ข้าดูสายเลือดแขนงอัคคีของเจ้าหน่อย!”

ถึงแม้ว่าจะล่วงรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของจ้าวเฟิง แต่เทพแท้จริงจวี้หั่วสนใจในสายเลือดพิเศษในร่างของจ้าวเฟิง

จากการประมือเมื่อครู่ เขาไม่ได้ออกแรงทั้งหมด แต่ครั้งนี้เขาจะต้องทำให้จ้าวเฟิงเสียเปรียบให้ได้เพื่อกู้หน้าของตนคืน

โครม!

เปลวเพลิงทั่วร่างเทพแท้จริงจวี้หั่วราวน้ำเดือดพล่าน สาดคมแสงสว่างสีแดงออกมา

“ให้เจ้าได้ดูเป็นบุญตาก็แล้วกัน!”

มุมปากจ้าวเฟิงยกขึ้นน้อยๆ

ฟิ้ว!

นิ้วชี้ของจ้าวเฟิงปลดผนึกจักรพรรดิเหมันต์ออก พร้อมหลอมรวมพลังสายเลือดเพลิงมารโลหิตโบราณเข้าไปด้วย

“เพลิงเทพสุริยันชาด!”

“ดัชนีคลั่งวายุอัสนี!”

ตู้ม!

เงาสีแดงฉานสองเส้นเป็นดั่งดวงอาทิตย์ร้อนแรง ปะทะเข้าหากันอย่างจัง

และในครั้งนี้กลับมีเงาแสงสีแดงเส้นหนึ่งถูกกระแทกลอยออกมา จนหลงเหลือเพียงเส้นเปลวเพลิงสายหนึ่ง

“นั่นคือ…”

บริเวณอกเทพแท้จริงจวี้หั่วมีรูเลือดปรากฏขึ้นหลายแห่ง เลือดภายในทะลักหลั่งออกมาราวธารน้ำไหล

“จวี้หั่ว!” เทพแท้จริงหยางเหยียนอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนก

กลยุทธ์ขั้นเทพที่จวี้หั่วปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่กลับตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง ทำให้หยางเหยียนตื่นตระหนกอย่างยิ่ง

“เจ้ามีความสามารถขนาดนี้ เฉินอวี๋ไห่ตายด้วยเงื้อมมือของเจ้าก็ไม่แปลก พวกเราไปกันเถอะ!”

เทพแท้จริงหยางเหยียนเอ่ยขึ้นทันใด จากนั้นจึงพาคนอื่นๆ ในเผ่าและจวี้หั่วเดินทางออกจากที่ตั้งของเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทอง

ในดินแดนเทพรกร้างเคารพนับถือผู้แข็งแกร่ง พลังที่จ้าวเฟิงแสดงออกมานั้นไม่ด้อยไปกว่าเทพแท้จริงขั้นหนึ่งทั่วไปแม้แต่น้อย อีกอย่าง เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองมีผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงสองคน เผ่าสุริยันชาดคงจะไม่ทำเรื่องโง่เง่าโดยใช้ไม้แข็งปะทะไม้แข็ง

หลังจากที่คนเผ่าสุริยันชาดจากไปไกลแล้ว คนทั้งหมดในเผ่าเผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองก็ชะงักงันอยู่กับที่ ภาพที่ตื่นตะลึงเล่นวนซ้ำไปมาในหัวสมอง

คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสจ้าวจะทำให้เทพแท้จริงจวี้หั่วแห่งเผ่าสุริยันชาดบาดเจ็บได้

“ผู้อาวุโส หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน!”

จ้าวเฟิงทักส่งๆ แล้วหายตัวไป

ในช่วงนี้ วายุอัสนีธาตุดินของจ้าวเฟิงและสายเลือดเพลิงมารโลหิตโบราณมีพัฒนาการอย่างมาก ส่วนเทพแท้จริงจวี้หั่วเป็นเทพแท้จริงที่เพิ่งเลื่อนขั้นใหม่ ทำให้เขาบาดเจ็บได้ไม่ใช่เรื่องน่าภาคภูมิใจอะไร

ถ้าหากจ้าวเฟิงสามารถทำร้ายเทพแท้จริงที่อยู่มานานอย่างหยางเหยียน นั่นยังควรค่าให้ดีใจสักหน่อย

“ถอย!”

เทพแท้จริงเทียนหั่วตะโกนเสียงดังทันที ทุกคนจึงได้สติกลับคืนมา เผ่าพันธุ์แพะเพลิงทองกลับไปสู่สภาวะปกติทีละน้อย

ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่าเผ่าสุริยันชาดที่น่ากลัวข่มขวัญทุกคนจะมาล่าถอยไปแบบนี้

แพะเพลิงทองทุกคนต่างแทบสัมผัสได้ว่าเผ่าตนกำลังรุ่งเรืองขึ้นช้าๆ และทั้งหมดนี้เหมือนจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ผู้อาวุโสจ้าวมาถึงที่นี่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!