Skip to content

King of Gods 1161

King Of Gods

บทที่ 1161 การโจมตีที่รุนแรง

ภายในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย ผู้แข็งแกร่งจำนวนนับหมื่นต่างเฝ้าดูการต่อสู้บนเวทีประลองอย่างเงียบๆ

การประลองชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายครั้งนี้ต่างไปจากที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง อัจฉริยะสองคนของเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าสามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของแต่ละเผ่าที่เหลือ

โดยคนที่ตกเป็นเป้าสนใจที่สุดย่อมเป็นกูหลัน ยอดฝีมือศาสตร์กระบี่ที่หยิ่งผยองผู้นี้!

“เป็นจิตกระบี่ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”

“นี่ก็คือพลังของยอดฝีมือศาสตร์กระบี่งั้นหรือ? เขาไปถึงขอบเขตพลังที่คนและกระบี่รวมกันเป็นหนึ่งแล้ว!”

ในพื้นที่ชมการประลอง ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนตื่นตะลึงกับพลังของกูหลัน

ซึ่งในนั้นมีผู้แข็งแกร่งศาสตร์กระบี่คนอื่นทีมองขอบเขตพลังศาสตร์กระบี่ในตอนนี้ของกูหลันออก

“เป็นไปได้อย่างไรกัน คนผู้นี้!”

ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเขี้ยวฉลามมองมนุษย์คนดังกล่าว สีหน้าตื่นตะลึงเกินจะเชื่อ

พวกเขาเองก็รู้ฝีมือของกูหลันมาบ้าง แต่คนจากต่างมิติที่มายังดินแดนเทพรกร้าง เหตุใดจึงแข็งแกร่งขนาดนี้?

อัจฉริยะที่เผ่าเขี้ยวฉลามทุ่มเทแรงใจเลี้ยงดู กลับอ่อนด้อยนักเมื่ออยู่ในเงื้อมมือของเขา

“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

คนของเผ่าปีกมรกตยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี

ดูไปแล้วคราวนี้ เจ้าของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายหลังนี้คงจะเป็นเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าอีกแล้ว

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้ามีแต่จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ และนำหน้าเผ่าพันธุ์สี่ดาวอื่นๆ ไปไกล

“เจ้าเด็กนี่ไม่เลวเลย!”

เทพแท้จริงกุ่ยลี่มองไปที่กูหลัน ระบายยิ้มออกมาน้อยๆ

ชัดเจนว่าทุกคนในนั้นมองข้ามจ้าวเฟิงไปโดยสิ้นเชิง

เพราะกูหลันแข็งแกร่งเกินไป โดดเด่นสะดุดตาเกินไป ในเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายมีเพียงซีเฟิงที่ข่มเขาได้

ส่วนจ้าวเฟิงมีพลังฝึกตนแค่เทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ เพียงแต่เพราะไม่ได้ลงมือทำร้ายกูหลัน จึงยังยืนหยัดบนเวทีประลองได้ หรือบางทีกูหลันอาจจะเย่อหยิ่งเกินกว่าจะโจมตีจ้าวเฟิง ขนาดอัจฉริยะจากเผ่าต่างๆ ยังไม่คณนามือเขา เจ้ามนุษย์ที่อ่อนแอของเผ่าแพะเพลิงทองไม่ควรค่าให้เขาชักกระบี่ออกมาด้วยซ้ำ

“จ้าวเฟิง!”

คนของเผ่าแพะเพลิงทองมีสีหน้าตึงเครียด

พวกเขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่าเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าจะส่งยอดฝีมืองศาสตร์กระบี่ที่แข็งแกร่งขนาดนี้มา ไม่รู้ว่าจ้าวเฟิงจะสามารถรับมือได้หรือไม่

“ดูแล้วเผ่าหมาป่าเหมันต์น่าจะเป็นฝ่ายได้ชัยชนะ!”

เทพแท้จริงกุ่ยลี่ที่อยู่บนแท่นหินฝั่งตะวันออกผงกศีรษะน้อยๆ

“ยินดีกับผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าด้วย!”

“ขอให้เผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าเกรียงไกรรุ่งเรือง!”

ถึงแม้ผู้แข็งแกร่งหลายเผ่าจะไม่ชอบเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้ามากนัก แต่ในเวลาดังกล่าวพวกเขาก็ยังคงยิ้มแย้ม

“การประลองยังไม่จบลงกระมัง!”

ยามนี้ เสียงแหลมสูงดังขึ้นจากเวทีประลอง

จ้าวเฟิงไม่สบอารมณ์ยิ่ง ในตอนนี้เขายังไม่พ่ายแพ้และยังยืนอยู่บนเวที แต่เวลาการประลองกลับสิ้นสุดลงทางอ้อม และยังตัดสินให้หมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าเป็นฝ่ายได้ชัยชนะอีก

ทันที่จ้าวเฟิงเอ่ยปาก ทุกคนรอบกายต่างระบายยิ้มอย่างอดไม่อยู่

“คนของเผ่าแพะเพลิงทองเหตุใดจึงโง่เง่าเช่นนี้ หรือเขาคิดว่าตนเองต่อสู้กับกูหลันได้?”

“เกรงว่าเขาอยากจะกู้หน้าของตนเองกลับมากระมัง อย่างไรเสีย ตั้งแต่การประลองเริ่มขึ้น เขาก็ยังไม่ได้ลงมือเลยแม้แต่น้อย!”

ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าที่ดูการประลองอยู่รอบๆ เอ่ยเยาะเย้ยเสียงดัง

“จ้าวเฟิง เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกูหลัน ยิ่งไปกว่านั้นบนลานประลองมีอัจฉริยะของเผ่าข้าอยู่ถึงสองคน!”

ผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าเอ่ยเยาะหยัน

จ้าวเฟิงสังหารคนเผ่าเขา วันนี้เขาจะให้จ้าวเฟิงพ่ายตั้งแต่ที่ยังไม่ได้สู้ ให้มันขายหน้าท่ามกลางผู้คนนับหมื่น

ทว่าบนลานประลอง ดวงตากูหลันเอาแต่จับจ้องจ้าวเฟิง กระบี่ในมือเขายังคงเปล่งแสงเย็นเยือกวูบวาบ

“ฮ่าๆ ถึงอัจฉริยะทั้งหมดของหมาป่าเหมันต์อยู่ที่นี่ แล้วจะมีประโยชน์อะไร!”

จ้าวเฟิงมองผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหมาป่าเหมันต์ แววตาเย็นชา น้ำเสียงราบเรียบ

ในตอนที่เขามาตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเพื่อประมูลสิ่งของ สุดท้ายกลับเผชิญหน้ากับการลอบสังหารของเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้า เรื่องนี้จ้าวเฟิงไม่เคยลืม เป็นผู้ประมูลแต่กลับทำเรื่องน่าละอายเช่นนี้

หากจ้าวเฟิงไม่แข็งแกร่ง คงจะตายเป็นผีด้วยธนูของหลี่ว์เหว่ยไปนานแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ก็ได้เวลาที่จ้าวเฟิงจะมีชื่อเสียงแล้ว เกาะเทียนอวี่ในตอนนี้ นอกจากเจ้าเกาะเทียนอวี่ก็ไม่มีอะไรหรือใครทำให้เขาหวาดกลัวได้

“เจ้าพูดอะไรกัน?”

ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าผุดลุกยืนขึ้นทันที ไอเย็นยะเยียบที่น่ากลัวกระจายตัวออก

กลุ่มคนมุงที่อยู่ด้านหลังเขาไม่ไกลนักมีเกล็ดน้ำแข็งปกคลุมบนร่าง ต้องรีบถอยไป

“คนผู้นี้โอหังเสียจริง ถึงกับกล้าพูดว่าอัจฉริยะทั้งหมดของเผ่าหมาป่าเหมันต์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”

“ข้าว่าเขาน่าจะตกใจพลังของกูหลันจนเสียสติ ตอนนี้เลยพูดจาเหลวไหล!”

คนกลุ่มหนึ่งตรงนั้นเอ่ยเสียดสี

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่แกร่งกล้าห้าลำดับแรกของเกาะเทียนอวี่ อัจฉริยะภายในเผ่ามีมากมายราวก้อนเมฆ และจ้าวเฟิงเอ่ยต่อหน้าผู้คนนับหมื่นว่า ‘ถึงอัจฉริยะทั้งหมดของหมาป่าเหมันต์อยู่ที่นี่ แล้วจะมีประโยชน์อะไร’ ความทระนงโอหังเช่นนี้เกินกว่าจะบรรยายได้

“ผู้อาวุโสสูงสุดเผ่าหมาป่าเหมันต์ บนเวทีประลองตอนนี้ยังมีคนอีกสามคน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตัวแทนเผ่าอื่นๆ เจ้าคิดว่าเจ้าได้ชัยชนะแล้วหรือ? นี่เจ้าไม่เห็นหัวชาวเกาะเทียนอวี่งั้นสิ?”

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสเผ่าหมาป่าเหมันต์ที่โกรธเกรี้ยว จ้าวเฟิงไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย กระทั่งเทพแท้จริงกุ่ยลี่ผู้ยืนอยู่ข้างฝ่ายนั้นยังยังย้ายออกมา

ถึงแม้ว่าเทพแท้จริงกุ่ยลี่จะเข้าข้างเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้า ทว่ายังมีกฎเกณฑ์การประลองที่เจ้าเกาะเทียนอวี่ตั้งเอาไว้ เขาย่อมไม่อาจขัดขืน มิฉะนั้นจะเป็นการหักหน้าเจ้าเกาะเทียนอวี่

“นั่งลง!”

เทพแท้จริงกุ่ยลี่เผยสีหน้าเย็นชา

ความโกรธเกรี้ยวของผู้อาวุโสแห่งเผ่าหมาป่าเหมันต์เพิ่มขึ้น แต่ก็ทำได้เพียงจ้องจ้าวเฟิงเขม็ง ไอเย็นเยือกกระจายตัวออก

“การประลองเริ่มต่อได้!”

เทพแท้จริงกุ่ยลี่เอ่ยราบเรียบ

เขาไม่ได้บอกว่าเข้าสู่รอบที่สอง แต่พูดว่าให้การประลองเริ่มต่อได้ ความหหายชัดเจนอยู่แล้วว่าคือให้อัจฉริยะเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้ารีบจัดการจ้าวเฟิงเสีย

เพราะไม่จำเป็นต้องมีการประลองรอบที่สอง

ทันทีที่เทพแท้จริงกุ่ยลี่เอ่ยคำพูดนี้ออกมา ทั้งตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายตกอยู่ในความเงียบทันที

ทุกคนต่างรอดู จ้าวเฟิงที่พูดจาจองหองเมื่อครู่ ตอนที่เขาพ่ายแพ้จะมีสภาพอย่างไร

กระทั่งคนส่วนหนึ่งของเผ่าแพะเพลิงทองก็เผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยจากเผ่าอื่นๆ ด้วย

“เจ้าไปเถอะ!”

กูหลันเอ่ยกับคนเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าด้านข้าง

“ได้!”

อัจฉริยะผู้นี้เดินจากไปในทันที เขาเข้าร่วมการประลองก็เพื่อช่วยให้กูหลันได้รับชัยชนะมา

ด้วยความสามารถของกูหลัน เพียงแค่กระบี่เดียวก็สามารถจัดการจ้าวเฟิงได้แล้ว เขาอยู่บนเวทีประลองไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่หลังจากที่เขาเดินลงไปแล้ว กูหลันก็เอ่ยประโยคที่ทำให้เขาและคนอื่นที่เหลือต้องตะลึง

“เจ้าแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ดังนั้นข้าจะเก็บเจ้าไว้ตอนสุดท้าย ข้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าเอง!”

กูหลันที่เย็นชาหยิ่งผยอง ไม่พูดอะไรมาโดยตลอด กลับเอ่ยออกมายาวๆ เช่นนี้

แต่นี่ไม่ใช่ส่วนสำคัญที่สุด ส่วนสำคัญที่สุดก็คือความหมายในคำพูดของเขาต่างหาก

กูหลันผู้ที่หยิ่งผยองไม่เห็นหัวใคร เอาชนะอัจฉริยะไปมากกว่าครึ่ง กลับพูดว่าพลังของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งมาก

อย่างน้อยคำว่า ‘แข็งแกร่ง’ นี้ย่อมต้องแกร่งกว่าอัจฉริยะทั้งหมดที่พ่ายแพ้เมื่อครู่แน่นอน

“ข้าก็ต้องขอบใจเจ้าที่ไล่คนไร้ประโยชน์พวกนี้ไป!”

จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ

กูหลันตรงหน้าทำให้เขาหวนระลึกถึงหยูเทียนฮ่าวในดินแดนทวีป ทว่ากูหลันน่าประมือด้วยมากกว่า ในหัวเขามีเพียงกระบี่และการต่อสู้ ไม่คิดถึงปัญหาอื่นใดอีก

“อะไรนะ? ไร้ประโยชน์?”

รอบๆ เวทีประลอง อัจฉริยะที่ถูกกูหลันเอาชนะไปได้หน้าและหูแดงก่ำ

พ่ายแพ้ต่อกูหลัน พวกเขาไม่มีอะไรจะพูด แต่ตอนนี้กระทั่งผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ผู้หนึ่งยังดูแคลนกันเช่นนี้

“รับกระบี่ข้าให้ได้!”

กูหลันแกว่งกระบี่ในมือ ในแววตาเย็นชาสาดซัดจิตกระบี่ที่แกร่งกล้าออกมา

ฟิ้ว ฟิ้ว!

รอบตัวกูหลัน จิตกระบี่ไร้รูปร่างแต่ละกลุ่มหลอมรวมเข้ากับความหนาวเหน็บ เกาะกลุ่มกันกลายเป็นกระบี่เหมันต์ที่เป็นรูปธรรม แผ่กระจายเสวียนอ้าวกระบี่ที่ทำลายล้างสรรพสิ่ง

“แข็งแกร่งยิ่ง นี่เป็นพลังที่แท้จริงของเขาเช่นนั้นหรือ?”

“ที่แท้เขาเก็บงำพลังเอาไว้ตลอด!”

บรรดาอัจฉริยะที่พ่ายแพ้อย่างราบคาบต่อกูหลันพลันใจสั่นหวั่นไหว รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง

ทว่ากูหลันเก่งกาจขนาดนี้ จ้าวเฟิงจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย คนที่เพิ่งเยาะเย้ยพวกเขาเมื่อครู่ต้องพ่ายแพ้ได้อเนจอนาถกว่าพวกเขาแน่

“กระบี่หทัยเหมันต์!”

ห้วงความคิดกูหลันขยับ กระบี่เหมันต์จำนวนนับไม่ถ้วนในฟ้าดินถูกเขาควบควบคุมเอาไว้ทันใด ก่อนหลอมรวมเข้ากับกระบี่ในมือเขา

ฟิ้ว! ร่างของกูหลันเป็นประหนึ่งกระบี่ ทิ่มแทงตรงไปยังจ้าวเฟิง

จิตกระบี่เหมันต์ที่รุนแรงทะลวงผ่านทุกสรรพสิ่ง พุ่งตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิง

กลุ่มคนที่ยืนมองอยู่ด้านหลังจ้าวเฟิงรู้สึกทันทีว่าร่างกายและวิญญาณได้รับบาดเจ็บ ต้องหนีไปอย่างรวดเร็ว

“ดี!” แววตาจ้าวเฟิงทอประกายชื่นชม

ในสายตาเขา ครึ่งเทพอ่อนแอเกินไป ไม่เข้าตาเขาแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องการประลองครั้งนี้ แต่ที่คาดคิดไม่ถึงก็คือ เขาต้องมาเจอครึ่งเทพศาสตร์กระบี่ที่แกร่งและมีพรสวรรค์ผู้นี้

วู้ม แซ่ด แซ่ด!

บนร่างจ้าวเฟิงปรากฏตราประทับสายฟ้าสีเหลืองเข้มอันหนักอึ้ง

แต่ในมือเขากลับโอบล้อมด้วยวายุอัสนีธาตุทองที่สว่างสะดุดตาเกินจะเปรียบ

“ดัชนีคลั่งวายุอัสนี!”

จ้าวเฟิงโคจรวายุอัสนีธาตุทองที่มีการโจมตีทรงพลังและทะลวงผ่านได้แข็งแกร่งที่สุด พุ่งทะลวงไปทันที

วายุอัสนีธาตุทองใช้ร่วมกับดัชนีคลั่งวายุอัสนี พลานุภาพเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ยิ่งไปกว่านั้น กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขายังมีพลังอัสนีเทวะแฝงอยู่ จ้าวเฟิงจึงโคจรพลังอัสนีเทวะบางส่วนไปที่นิ้วชี้

ฟุ่บ! เสวียนอ้าวกระบี่เหมันต์ที่ไร้รูปร่างในอากาศ ถูกคมแสงจากดัชนีสีทองของจ้าวเฟิงฟันฉับลง

สุดท้ายแล้ว แสงดัชนีสีทองปะทะเข้ากับกระบี่เหมันต์ของกูหลันเข้าอย่างจัง

“ทำลาย!”

ในวินาทีนี้ จ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังสายเลือดบรรพกาลในนิ้วชี้ออกมา

ตูม! แสงสว่างสีทองแสบตาที่เย็นยะเยียบระเบิดออก

ตุ้บ! ร่างของกูหลันร่วงหล่นลงจากเวทีประลอง ส่วนกระบี่เหมันต์หักออกเป็นสองท่อน

กูหลันพ่ายแพ้ไปเพียงกระบวนท่าเดียว!

คนที่ชมประลองรอบบริเวณตกอยู่ในความเงียบทันที มองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง

ทุกคนล้วนคาดคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงที่ถูกคนมองข้ามไปจะสามารถเอาชนะกูหลันได้ในกระบวนท่าเดียว!

แน่นอนว่าพวกเขาเองก็มองเห็นไม่ชัดว่าจ้าวเฟิงเอาชนะกูหลันได้อย่างไรกันแน่ เพราะทั้งหมดนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

“เป็นไปไม่ได้?”

“เหตุใดกูหลันถึงพ่ายแพ้ต่อคนแบบนี้!”

ใกล้ๆ เวทีประลอง อัจฉริยะในแต่ละเผ่าที่พ่ายแพ้ต่อกูหลันใจสั่นระรัวเกินจะเปรียบ จ้องจ้าวเฟิงตาค้าง

ส่วนอัจฉริยะเผ่าปีกมรกตที่เตรียมจะจัดการจ้าวเฟิงในตอนแรกหวาดผวา ในตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะคำพูดของกูหลันดึงดูดความสนใจจากทุกคนแล้วละก็ เกรงว่าเขาจะถูกจ้าวเฟิงสังหารจนสูญสลายเป็นผุยผงในพริบตาแล้ว

ด้านล่างเวทีประลอง กูหลันค่อยๆ ลุกยืนขึ้น จ้องจ้าวเฟิงด้วยสายตาเย็นชา

ตนเองไม่เคยพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วง่ายดายเช่นนี้ และครั้งนี้ยังพ่ายแพ้ต่อคนในระดับขั้นต่ำกว่า และพ่ายแพ้อย่างง่ายๆ ด้วย

แต่กูหลันจำต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่าจ้าวเฟิงแข็งแกร่งมากจริงๆ!

ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าผุดลุกขึ้นหลังจากตื่นตระหนกไปชั่วขณะหนึ่ง

“นี่เป็นไปไม่ได้? เจ้าจะต้องใช้วิธีสกปรกแน่!”

ผู้อาวุโสสูงสุดมีสีหน้าเคร่งเครียด

พลังของกูหลันอยู่เหนือเทพแท้จริงขั้นที่หนึ่งทั่วไป แต่จ้าวเฟิงกลับเอาชนะเขาได้ด้วยกระบวนท่าเดียว หรือว่าพลังของจ้าวเฟิงจะเทียบเท่ากับเทพแท้จริงขั้นที่สองแล้ว? นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

แต่ต่อให้เป็นเรื่องจริง เขาก็จำเป็นต้องสังหารจ้าวเฟิง ปล่อยเอาไว้ไม่ได้

จ้าวเฟิงจ้องผู้อาวุโสสูงสุดด้วยสายตาเย็นชา บอกว่าตัวเขาเอาชนะกูหลันด้วยวิธีการสกปรกงั้นหรือ?

ใบหน้ากูหลันฉายแววเหยียดหยาม เขาเพิ่งมาที่ดินแดนเทพรกร้าง ไม่คุ้นชินกับอะไรทั้งสิ้น ถึงได้ตกปากรับคำจะช่วยคนผู้นี้เข้าร่วมงานประลองชิงตำหนัก เขาไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ ต่อเผ่าหมาป่าเหมันต์นัยน์ตาฟ้าทั้งสิ้น

บนแท่นหินทางตะวันออก เทพแท้จริงกุ่ยลี่เองก็ชะงักไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมองคนผิดไป บุรุษหนุ่มผมทองดูธรรมดาผู้นี้ต่างหากถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง

ส่วนคนของเผ่าแพะเพลิงทองกลับตื่นเต้นเกินจะเปรียบ

คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะเอาชนะได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงปีเดียว พลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียว

“คนผู้นี้…”

ดวงตาซีเฟิงฉายแววโหดเหี้ยม

ความโดดเด่นและเก่งกาจของจ้าวเฟิงทำให้ซีเฟิงหงุดหงิดอย่างยิ่ง

ในเวลานี้เอง ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าหมาป่าเหมันต์ลอบส่งกระแสจิตให้เทพแท้จริงกุ่ยลี่ “เทพแท้จริงกุ่ยลี่ ถ้าหากช่วยข้าช่วงชิงตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งนี้มาได้ ข้ายินดีแบ่งผลประโยชน์หกส่วนในระยะพันปีจากนี้ของตำหนักให้…”

จากนั้นเทพแท้จริงกุ่ยลี่จึงยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนส่งกระแสจิตให้ซีเฟิง

“ได้ อาจารย์อาอย่าลืมที่รับปากข้าล่ะ!”

สีหน้าซีเฟิงฉายแววฮึกเหิม มองจ้าวเฟิงด้วยสายตาโหดเหี้ยม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!