Skip to content

King of Gods 1166

King Of Gods

บทที่ 1166 ซ่อนตัว

เหตุที่เจ้าเกาะเทียนอวี่มีสมญานามว่าเจ้าเกาะเทียนอวี่ ไม่ใช่เพราะขั้วอำนาจของเขายิ่งใหญ่เกรียงไกร

พวกเขามีผู้แข็งแกร่งแค่เพียงสามคนเท่านั้น เป็นเทพแท้จริงที่ยิ่งใหญ่สามคนด้วยกัน ส่วนคนอื่นที่เหลือในตำหนักเจ้าเกาะมีเพียงแค่ลูกศิษย์และข้ารับใช้ไม่กี่คน

ถึงจะเรียกว่าเป็นเกาะ แต่พื้นที่ของเกาะเทียนอวี่แห่งนี้เท่ากับทั้งราชวงศ์ต้าเฉียน จุดนี้พิสูจน์ได้ว่าที่ทั้งสามคนสามารถปกครองเกาะเทียนอวี่ได้นั้นน่ากลัวมากขนาดไหน พวกเขาทั้งสามคือยอดฝีมือที่ค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าคนในขั้นเดียวกัน

ส่วนคนที่จ้าวเฟิงสังหารไปเมื่อครู่เป็นแค่คนที่อ่อนแอที่สุดในนั้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น จ้าวเฟิงเองก็ใช้ไพ่ตายไปหลายอย่าง หนำซ้ำยังต้องใช้มังกรวารีล้างโลกาและจ้าววั่นให้คอยก่อกวน ใช้แมวขโมยตัวน้อยลอบโจมตี

ขณะนี้ คนลำดับที่สองในขั้วอำนาจเจ้าเกาะเทียนอวี่อย่างเทพแท้จริงกุ่ยซาตรงดิ่งมาหมายสังหารจ้าวเฟิง

เทพแท้จริงทั้งเก้าขั้น ถึงแม้ความต่างในแต่ละขั้นไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่เทพแท้จริงขั้นสามไม่ใช่บุคคลที่จ้าวเฟิงจะประมือด้วยได้ในตอนนี้ ต่อให้เขาคิดใช้ความเป็นตายมาเค้นศักยภาพของตนเอง ก็จะไม่ปะทะกับเทพแท้จริงขั้นที่สามผู้แกร่งกล้าเช่นนี้

จ้าวเฟิงเตรียมจะกระตุ้นมนตราอากาศ แต่เขากลับลังเลไปชั่วขณะหนึ่ง

“ในทันทีที่ข้าใช้มนตราอากาศจากไป คนผู้นี้จะต้องใช้พลังทั้งหมดค้นหาร่องรอยการเดินทางของข้า และเป็นไปได้สูงมากที่จะลงมือทำร้ายเผ่าแพะเพลิงทอง!”

ใจจ้าวเฟิงหนักอึ้งไปเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าเผ่าแพะเพลิงทองจะเล็กจ้อยเหมือนมดปลวกเท่านั้นในสายตาของเทพแท้จริงกุ่ยซา แต่ทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามหาตนเองไม่เจอ จะต้องใช้เผ่าแพะเพลิงทองกู้หน้ากลับมาแน่

และในขณะที่จ้าวเฟิงลังเลไปชั่วครู่นั้นเอง เทพแท้จริงกุ่ยซาก็มาถึงพอดี

“รวดเร็วเหลือเกิน!”

จ้าวเฟิงตื่นตะลึง

เทพแท้จริงกุ่ยลี่รวดเร็วกว่าจ้าวเฟิงส่วนหนึ่ง ส่วนความเร็วของเทพแท้จริงกุ่ยซาสูงยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่ยังอยู่ไกลออกไปหลายหมื่นลี้ จ้าวเฟิงครุ่นคิดอยู่เพียงชั่วครู่เขาก็มาถึงแล้ว

“กล้าสังหารน้องสามของข้า ตายเสีย!”

ใบหน้าเทพแท้จริงกุ่ยซาชั่วร้าย ท่าทางโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด

อันที่จริง ขณะที่เทพแท้จริงกุ่ยลี่ขอความช่วยเหลือ ในความคิดเขาทั้งเกาะเทียนอวี่ยังไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเทพแท้จริงกุ่ยลี่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกจ้าวเฟิงก็คงไม่กล้าสังหารเทพแท้จริงกุ่ยลี่ ดังนั้นเทพแท้จริงกุ่ยซาจึงไม่ได้ทุ่มแรงทั้งหมดไล่ตามมา

แต่คาดคิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่เขามาถึง กลับได้เห็นภาพการตายของเทพแท้จริงกุ่ยลี่ พูดได้ว่าเทพแท้จริงกุ่ยซาเองก็ต้องรับผิดชอบในการตายนี้ด้วย หากพี่ใหญ่รู้เข้า เขาต้องโดนลงโทษแน่

ดังนั้นเทพแท้จริงกุ่ยซาต้องสังหารจ้าวเฟิงให้ได้

โครม!

หมัดเหมันต์ที่เย็นเยือกสายหนึ่งดุจภูผาใหญ่ ตรงดิ่งไปหาจ้าเฟิง

“นายท่าน ทำอย่างไรกันดี?”

สีหน้ามังกรวารีล้างโลกาตื่นตะลึง

ศัตรูครั้งนี้เป็นเทพแท้จริงขั้นสาม หนำซ้ำยังเป็นเทพแท้จริงศาตร์ภูตผีที่น่ากลัวขนาดนี้ ขอบเขตพลังในตอนนี้ของมังกรวารีล้างโลกาต่ำเกินไปมาก ความสามารถจะหนีหรือป้องกันก็ยังไม่มี ทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่จ้าวเฟิง

ส่วนแมวขโมยตัวน้อยแอบกลับเข้าไปในมนตราอากาศตั้งนานแล้ว

“หลบเข้าไปในมนตราอากาศไม่ทัน และก็เคลื่อนย้ายไม่ทันเช่นกัน!”

แววตาจ้าวเฟิงหม่นหมองลง

ไม่ว่าจะเข้าไปในมนตราอากาศหรือเคลื่อนย้ายไปล้วนต้องใช้เวลาทั้งสิ้น หากจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติก็ต้องใช้มิติที่มั่นคงด้วย

ฟิ้ว!

ดวงตาของจ้าวเฟิงเพ่งมอง ในมือปรากฏชิ้นเหล็กสามเหลี่ยม ก่อนที่เหล็กชิ้นดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงทันที กลายเป็นโล่เหล็กกล้าสีดำชิ้นหนึ่ง

จ้าวเฟิงกำอาวุธเทพ ต้านรับการโจมตีจากเทพแท้จริงขั้นสาม คมแสงลักษณะกลมสีดำสกัดกั้นการโจมตีของเทพแท้จริงกุ่ยซาเอาไว้ด้านนอกทั้งหมด

ความจริงจ้าวเฟิงยังสามารถใช้พลังการคัดลอกของดวงตาเทพเจ้าเพื่อตั้งรับการโจมตีนี้ แต่จะลอกเลียนแบบการโจมตีของเทพแท้จริงขั้นสาม อาจจะสิ้นเปลืองพลังมากยิ่งกว่าเดิม ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงเลือกใช้อาวุธเทพต้านทานเอาไว้

อาวุธเทพที่แข็งแกร่งเช่นนี้ปรากฏออกมา ความตั้งใจในการสังหารจ้าวเฟิงของเทพแท้จริงกุ่ยซารังแต่จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่เกี่ยวอีกต่อไปแล้ว เพราะที่จริงฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางปล่อยจ้าวเฟิงไป

“นี่คืออาวุธเทพป้องกัน?”

เทพแท้จริงกุ่ยซาตื่นตะลึงไปเล็กน้อย

ถึงจ้าวเฟิงจะมีอาวุธเทพป้องกัน ก็ไม่น่าจะต้านทานการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ หากเป็นเช่นนี้อาวุธเทพป้องกัน ในมือจ้าวเฟิงคงจะไม่ใช่อาวุธเทพระดับล่าง และอาจเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นระดับกลาง หรืออาจจะเป็นระดับที่สูงยิ่งไปกว่านั้น

แววตาของเทพแท้จริงกุ่ยซาฉายแววละโมบ

หลังจากที่จ้าวเฟิงตั้งรับการโจมตีนี้แล้ว เขาถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว ห้วงความคิดปกคลุมจ้าววั่นและมังกรวารีล้างโลกา

ฟิ้ว!

ร่างของพวกจ้าวเฟิงหายไปจากที่เดิมทันที

ในมนตราอากาศ มังกรวารีล้างโลกาอึ้งงันไปเล็กน้อย เอ่ยขึ้นทันที “นายท่าน หลบเข้าไปในมนตราอากาศก็ไม่ช่วยอะไร!”

“หลบเข้ามาในนี้ก็ไม่ช่วยอะไร?”

จ้าวเฟิงตะลึง

“ไปถึงขอบเขตพลังเทพแท้จริง เข้าใจเสวียนอ้าวทั้งหมดในฟ้าดินไปจนถึงระดับขั้นใหม่ ในนั้นยังรวมไปถึงเสวียนอ้าวมิติ ถึงแม้ว่าเราจะหลบเข้าไปในมนตราอากาศ ก็ยังถือได้ว่าเป็นหนึ่งในมิติแห่งนี้ เพียงแค่หลบซ่อนอยู่ในกฎเกณฑ์มิติเท่านั้น พลังของคนผู้นี้ไม่ธรรมดา จะต้องหาที่ซ่อนตัวของพวกเราเจอแน่!”

สายตาของมังกรวารีล้างโลกากว้างขวางอย่างยิ่ง ทันทีที่เขาเอ่ยประโยคดังกล่าวออกมา โลกมิติส่วนตัวที่เขาอยู่สั่นไหวอย่างแรงทันที

“โง่งมนัก ซ่อนตัวอยู่ในโลกมิติส่วนตัว ก็คิดว่าข้าจะหาพวกเจ้าไม่เจอหรือไง? ดูแล้วพวกเจ้าคงเป็นพวกบ้านนอกที่มาจากมิติด้านนอกแน่!”

เทพแท้จริงกุ่ยซาหัวเราะอย่างชั่วร้าย

เขาหาที่ซ่อนตัวของพวกจ้าวเฟิงเจออย่างรวดเร็ว ตอนนี้ทำได้เพียงซ่อนอยู่ในที่นี่ และโจมตีมิติแห่งนี้ไม่หยุด เพื่อบีบบังคับพวกเขาออกมา

กระบวนท่าสังหารของเทพแท้จริงกุ่ยซาได้เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทันทีที่พวกจ้าวเฟิงปรากฏกายขึ้นจะต้องตายเพียงสถานเดียว

โครม! เทพแท้จริงกุ่ยซาปล่อยหมัดออกมากลางอากาศ หมัดดังกล่าวดูไปแล้วไม่ได้มีพลานุภาพอะไร แต่กลับมีพลังกฎเกณฑ์มหาศาลซุกซ่อนอยู่ มันแทรกซึมเข้าไปในอากาศ ทำให้มิติในฟ้าดินนี้สั่นสะท้านเล็กน้อย

ด้วยศักยภาพของเทพแท้จริงกุ่ยซาย่อมไม่สามารถทำลายโครงสร้างมิติของดินแดนเทพรกร้าง แต่ขอแค่เขาก่อกวนมิติแห่งนี้ ทำให้มันสั่นสะเทือนน้อยๆ จะสามารถสร้างผลกระทบแก่มิติอื่นที่ซ่อนอยู่ภายในนั้น

มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยอย่างร้อนรนในมนตราอากาศ “นายท่าน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป โลกมิติส่วนตัวในมนตราอากาศจะต้องถูกชายผู้นี้ทำลายแน่!”

“อะไรนะ? ถูกทำลาย?”

จ้าวเฟิงตะลึงงัน เอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน

ทันทีที่มนตราอากาศถูกทำลาย ทรัพย์สมบัติในฟ้าดินในมนตราอากาศจะทะลักออกมา

แต่ในตอนนี้หากออกไปก็จะตายสถานเดียว!

หรือว่าตนเองจะไม่มีทางให้หนีไปอีกแล้ว?

“ไม่ ต้องยังมีทางรอด!”

จ้าวเฟิงระบายยิ้มออกมา ปล่อยห้วงความคิดดำดิ่งลงไปในดวงตาซ้าย

โลกภายนอก เทพแท้จริงกุ่ยซายังโจมตีมิติ ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือน

“ออกมา!”

เทพแท้จริงกุ่ยซายิ้มชั่วร้ายออกมา ปลดปล่อยหมัดออกโจมตีทันที

เขามีความหวังว่าหมัดนี้จะบีบคั้นให้พวกจ้าวเฟิงปรากฏกายออกมาได้

โครม!

หมัดนี้ของเทพแท้จริงกุ่ยซา ระเบิดขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง พลังภายในนั้นทะลุเข้าไปในมิติ

แต่สีหน้าของเขาชะงักไป

“เป็นไปได้อย่างไรกัน? สัมผัสถึงการดำรงอยู่ของพวกมันไม่ได้?”

เทพแท้จริงกุ่ยซาร้อนรน

ขณะเมื่อครู่ จู่ๆ เขาก็สัมผัสถึงสถานที่ซ่อนตัวของพวกจ้าวเฟิงไม่เจอ ในอากาศส่วนนี้ไม่มีสัญญาณประหลาดอะไรซ่อนอยู่ มิติที่พวกจ้าวเฟิงหลบซ่อนตัวเมื่อครู่เหมือนสลายตัวไปในทันที

ร่างผมสีทองในห้วงฝันบรรพกาลปรากฏขึ้นในทันที

จากนั้น ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงดำดิ่งลงไปในมนตราอากาศ ก็ไม่พบสัญญาณประหลาดใด

อันที่จริง เนิ่นนานก่อนหน้านี้ ห้วงความคิด วิญญาณ และร่างของจ้าวเฟิงดำดิ่งเข้าไปในดินแดนเทพรกร้างทั้งสิ้น มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจ้าวเฟิงจะแปดเปื้อนกลิ่นอายโบราณจำนวนมาก และยังสามารถสร้างกลิ่นอายรกร้างดั้งเดิมออกไป

“หลังจากเข้าไปในดินแดนเทพรกร้างแล้ว ข้าจะหายตัวไปในนั้น ไม่รู้จริงๆ ว่าห้วงฝันบรรพกาลจะเป็นมิติอย่างไรบ้าง มันจะอยู่ส่วนไหนของผืนพสุธา!”

จ้าวเฟิงหัวเราะร่วน ทอดถอนใจ

“เทพแท้จริงกุ่ยซาจะจากไปแล้ว!”

จ้าวเฟิงรับรู้สถานการณ์ภายนอกผ่านมนตราอากาศ

แต่ทว่าจ้าวเฟิงจะปล่อยให้เทพแท้จริงกุ่ยซาจากไปแบบนี้หรือ? หากหาจ้าวเฟิงไม่พบ เทพแท้จริงกุ่ยซาจะต้องค้นทั่วเกาะ หรือกระทั่งจะลงมือต่อเผ่าแพะเพลิงทอง

ฟิ้ว! จ้าวเฟิงกลับเข้าไปในมนตราอากาศอีกครั้ง

โลกภายนอก เทพแท้จริงกุ่ยซากำลังจะหนีไป แต่จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงระลอกมิติที่เล็กละเอียด ยังสังเกตเห็นที่ตั้งมิติซึ่งเป็นสถานที่ซ่อนตัวของจ้าวเฟิง

“บัดซบ ยังอยู่ที่นี่!”

เทพแท้จริงกุ่ยซาเกรี้ยวกราดเล็กน้อย

ในตอนที่เขาเตรียมจะโจมตี มิติก็ฟื้นกลับสู่สถานการณ์ปกติ เป้าหมายที่เขาเล็งไว้เมื่อครู่พลันหายไป

“เป็นไปได้อย่างไรกัน? นี่มันเป็นเรื่องอะไร?”

เทพแท้จริงกุ่ยซาไม่สามารถเข้าใจได้ ขุ่นเคืองอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะจัดการอะไรเจ้าเด็กในขอบเขตเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ผู้นี้ไม่ได้

“เจ้าเด็กนี่ จะต้องซ่อนตัวอยู่ในนี้แน่!”

แววตาเทพแท้จริงกุ่ยซาเคร่งขรึมลงไป

ตอนนี้ เขาไม่สามารถบีบให้จ้าวเฟิงแสดงตัวออกมาได้ แต่ตอนที่เขากำลังจะจากไป จ้าวเฟิงจะต้องฉวยโอกาสนี้หนีไปแน่

“ข้าไม่เชื่อว่าพวกเจ้าจะไม่โผล่ออกมาตลอดไป!”

เทพแท้จริงกุ่ยซาตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราด หยิบเอาป้ายส่งข่าวชิ้นหนึ่งออกมา

“พวกเจ้าโผล่หัวออกมา”

เทพแท้จริงกุ่ยซาแจ้งข่าวสาร

ทันใดนั้นเอง ในพื้นที่ของเจ้าเกาะเทียนอวี่ ลูกศิษย์และข้ารับใช้ทั้งหมดตรงดิ่งไปหาเทพแท้จริงกุ่ยซา

ในตอนนี้ เจ้าเกาะเทียนอวี่พาซีเฟิงเดินทางไปยังอ่าวทะเลครามเผ่าหยกทอง ทั่วเกาะเทียนอวี่ต้องขึ้นอยู่กับเทพแท้จริงกุ่ยซา

สองเดือนต่อมา ข้ารับใช้ยี่สิบคนและลูกศิษย์สามคนต่างเร่งรุดเดินทางมาถึงที่นี่

ในข้ารับใช้ยี่สิบคนนี้ มีขอบเขตเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์สิบคน ครึ่งเทพสิบคน และลูกศิษย์ทั้งสามคนอยู่ในขั้นครึ่งเทพทั้งหมด พลังต้องอยู่เหนือครึ่งเทพทั่วๆ ไปอย่างมาก

“คอยกางค่ายกลเพลิงดาวเหนืออยู่ที่นี่!”

เทพแท้จริงกุ่ยซาสั่งเสียงเย็น กลุ่มคนก็กระตือรือร้นขึ้นมา

ตอนนี้ในเกาะเทียนอวี่ นอกเหนือจากนอกพื้นที่ของเจ้าเกาะเทียนอวี่ ก็ยังมีพื้นที่ต้องห้ามอีกแห่งหนึ่ง

พื้นที่ต้องห้ามแห่งนั้น คนของเกาะเทียนอวี่กางค่ายกลที่ร้ายกาจอย่างยิ่งไว้ เทพแท้จริงขั้นหนึ่งยังต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นสองก็ยังยากจะทะลวงผ่านไปได้

แต่ทว่า ทั้งเกาะเทียนอวี่ก็ไม่มีขั้วอำนาจไหนจะกล้ายั่วโทสะคนของเกาะเทียนอวี่ ถึงแม้ว่าเจ้าเกาะเทียนอวี่จะไม่อยู่ที่นี่ก็ตาม

แต่ขั้วอำนาจจำนวนมากในเกาะเทียนอวี่ประหลาดใจอย่างยิ่ง เหตุใดคนของเจ้าเกาะเทียนอวี่จะต้องกางค่ายกลที่นี่? ถึงขนาดว่ากระทั่งเทพแท้จริงกุ่ยซายังอยู่ในละแวกใกล้เคียง ที่นี่มีความลับอะไรกันแน่?

……

อีกฟากหนึ่งในดินแดนเทพรกร้างที่ห่างไกล ปรากฏภูเขาสีดำสนิทสูงเสียดฟ้า

ทว่าเมฆเหนือยอดเขาสีดำแห่งหนึ่งดำอึมครึมอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นห้วงคิดเซียนก็ไม่สามารถทะลวงเข้าไปภายใน

ในห้องโถงใหญ่แห่งหนึ่ง มีเงาลึกลับจำนวนมากนั่งอยู่ กลิ่นอายของคนพวกนี้แกร่งกล้าอย่างมาก ไม่ด้อยไปกว่าเทพแท้จริงกุ่ยซา

เหนือห้องโถงใหญ่มีร่างประหลาดราวสายน้ำสีดำ ไม่มีใบหน้าและสีหน้าอารมณ์อะไร

“รายงานจอมเทพ ยังหาซินอู๋เหินไม่เจอ!”

ชายหนุ่มเกราะดำผู้หนึ่ง คุกเข่าข้างหนึ่งที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ ใบหน้าปีติยินดี

“พวกขยะ!”

ในร่างไหลระเรื่อราวสายน้ำทมิฬเอ่ยเสียงวิญญาณที่ไร้รูปร่าง แต่กลับทำให้ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดตรงนั้นตะลึงไปเล็กน้อย

ในขณะนี้เอง เงาร่างหนึ่งเข้าไปในห้องโถงใหญ่อีกครั้ง

“จอมเทพ เจอระลอกของ ‘ตราเทพบรรพกาล’ อยู่ในพื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของเขตผาเก่า!”

ทันทีที่พูดออกมา คนจำนวนมากในเหตุการณ์เผยสีหน้าตื่นตะลึงเล็กน้อย บรรยากาศกดดันเมื่อครู่สลายไป

“จอมเทพ เส้นทางนี้ยาวไกลนัก ข้าน้อยยินดีเดินทางไปชิงตราเทพบรรพกาลกลับมา!”

ในขณะนี้เอง ชายหนุ่มชุดม่วงเข้มยืนขึ้นในทันที

ผลงานยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ย่อมต้องรีบคว้ามาเสียหน่อย

“ข้าไปเอง!”

ในเวลานี้ เสียงเย็นจับขั้วหัวใจดังขึ้น ชายหนุ่มตัวลายคนหนึ่งลุกยืนขึ้น

คนที่พูดเมื่อครู่ระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนนั่งลงไปในทันที

“ได้ เทพโบราณเฮยเทียน (นภาทมิฬ) ภารกิจในครั้งนี้จะต้องช่วงชิงเอาตราเทพบรรพกาลกลับมา คนที่ขัดขวางจะต้องถูกกำจัดทิ้งไป!”

ทันทีที่คนในร่างดำมืดเอ่ยจบก็พลันหายไปทันที เหมือนว่าไม่ได้อยู่ในมิติแห่งนี้

คนในห้องโถงใหญ่สลายตัวออกไปอย่างเชื่องช้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!