Skip to content

King of Gods 1175

King Of Gods

บทที่ 1175 สยบเทพแท้จริงขั้นสาม

หลังจากที่ผู้เฒ่าชุดเขียวและปฐมเทพเผ่าปีกเพลิงเข้าไปในวังแล้ว แรงกดดันของพวกจ้าวเฟิงก็เพิ่มขึ้นมาก

แต่เมื่อได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมจากภายในวัง การต่อสู้ในนั้นคงจะรุนแรงกว่ากันมาก

“ฝ่ามือสายฟ้าทลายนภา!”

จ้าวเฟิงผสานรวมอัสนีเพลิงทำลายล้างและแก่นแท้พลังสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ส่งฝ่ามือยักษ์ประกายแสงสีทองแดงออกมา ตรงดิ่งไปทำลายหนูเพลิงเขาทอง

ในตอนนี้มีเพียงพวกจ้าวเฟิงทั้งสามที่คอยยื้อหนูเพลิงเขาทองเอาไว้ จ้าวเฟิงต้องใช้วิชาบางอย่างเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้วเว่ยเคอและหม่าหลิงซืออาจจะรับมือไม่ไหว

ทว่าไม่เสียทีที่ทั้งสองคนเป็นอัจฉริยะของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า พรสวรรค์โดดเด่นไม่ธรรมดา ศักยภาพของพวกเขาก็ถูกเค้นออกมาไม่น้อยท่ามกลางการต่อสู้ดุเดือด ความสามารถในการรบก็เพิ่มขึ้นด้วย

“พี่จ้าว ไม่คิดเลยว่าพลังของท่านจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้!”

ครั้งนี้เว่ยเคอเอ่ยอย่างตื่นตะลึง

คราวก่อนจ้าวเฟิงลงมือรวดเร็วอย่างยิ่ง พวกเขาจึงมองอะไรไม่ออก

แต่ในตอนนี้ ความสามารถในการรบของจ้าวเฟิงถูกใช้ออกมาจนหมดสิ้น ทำให้เว่ยเคอออกจะประหลาดใจ

ในดวงตาของหม่าหลิงซือทอประกายประหลาด พลังของจ้าวเฟิงไม่ด้อยไปกว่าปฐมเทพหลันเยี่ยผู้เป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าเลย พวกเขาต้องได้รับส่วนแบ่งจากมรดกบรรพชนของหนูเพลิงเขาทองแน่

โครม ตู้ม!

ภายในราชวังเพลิง เสียงการสู้รบสะเทือนหูดังขึ้นไม่หยุด บางคราวยังมีเสียงคำรามด้วยโทสะของหนูเพลิงเขาทองดังลอดออกมา

จ้าวเฟิงอดโคจรดวงตาซ้ายเพื่อมองทะลุเข้าไปดูสถานการณ์ภายในไม่ได้

ขนาดของหนูเพลิงเขาทองตัวข้างในใหญ่กว่าพวกข้างนอกเป็นเท่าตัว ทั่วร่างของมันโอบล้อมด้วยแสงสีทองและเปลวเพลิง พลังอยู่เหนือผู้เฒ่าชุดเขียวด้วยซ้ำไป

ทว่าปฐมเทพเผ่าปีกเพลิงสองคนก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน สายเลือดแขนงเพลิงของทั้งสองสูงส่งกว่าหนูเพลิงเขาทองขั้นหหนึ่ง พวกเขาปราดเปรียวว่องไว โคจรอาวุธเทพสำแดงเคล็ดวิชาต่อสู้ขั้นเทพ โจมตีหนูเพลิงเขาทองไม่หยุดหย่อน

“ผู้อาวุโส หากไม่รีบจะดึงดูดผู้แข็งแกร่งคนอื่นมาที่นี่!”

จ้าวเฟิงยิ้มแย้มน้อยๆ เอ่ยด้วยเสียงอันดัง

ผู้เฒ่าชุดเขียวที่กำลังสู้กับหนูเพลิงเขาทองในวังเพลิง สีหน้าพลันหนักอึ้งลงไป

นับว่าพวกเขาอับโชคอย่างยิ่ง เพิ่งเข้ามาในวังแห่งนี้ไม่นาน หนูเพลิงเขาทองตัวนี้ก็ครอบครองมรดกหมดแล้ว

แต่ความคิดนี้พวกเขาเป็นคนเอ่ยเสนอ จึงจำต้องฝืนจัดการหนูเพลิงเขาทองที่น่ากลัวตัวนี้เสีย

“สองคนนี้ พวกเจ้าต่างเป็นปฐมเทพผู้ถูกเลือกจากเผ่าปีกเพลิง ต้องมีไพ่ตายอะไรบ้างกระมัง!”

ผู้เฒ่าชุดเขียวเบนความสนใจมาที่ผู้ถูกเลือกจากเผ่าปีกเพลิง

จนในที่สุด หนึ่งในปฐมเทพเผ่าปีกเพลิงก็จำเป็นต้องใช้ไพ่ตายที่ตนเองเตรียมเอาไว้อย่างเสียไม่ได้

ร่างปฐมเทพผู้นี้ปลดปล่อยพลังเทพที่แข็งแกร่งเหนือสามัญออกมา เมื่อใช้ร่วมกับอาวุธเทพและเคล็ดวิชาการรบ จึงทำให้หนูเพลิงเขาทองบาดเจ็บไปไม่น้อย

จากนั้นคนทั้งสองจึงฉวยโอกาสนี้รุกเข้าโจมตี หนูเพลิงเขาทองค่อยๆ ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ อาการบาดเจ็บสาหัสขึ้นเรื่อยๆ

ครืน!

หนูเพลิงเขาทองที่บาดเจ็บสาหัสพุ่งออกจากวัง ไม่ได้หนีแต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้พวกจ้าวเฟิง แต่พุ่งลงไปในหินหนืดที่อยู่รอบวัง

“หืม? อุณหภูมิในหินหนืดนี้ไม่สูงมากนัก และยังแฝงไปด้วยพลังสายเลือดพิลึกด้วย!”

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ จ้าวเฟิงถึงพบว่าหินหนืดใต้ดินที่นี่เหมือนจะเป็นทรัพยากรที่ล้ำค่าเอาการ

ไม่นานเท่าไหร่นัก ผู้เฒ่าชุดเขียวและเผ่าปีกเพลิงสองคนก็ออกมาจากในวังด้วยใบหน้าแช่มชื่น

“พี่จ้าว ข้ารู้สึกได้ว่าคนของเผ่าข้าเหมือนกำลังจะมาแล้ว!”

เว่ยเคอรีบเอ่ยผ่านป้ายส่งข่าวด้วยเพราะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

ผู้เฒ่าชุดเขียวและเผ่าปีกเพลิงทั้งสองตรงมาทางฟากจ้าวเฟิง หนำซ้ำยังช่วยพวกจ้าวเฟิงโจมตีหนูเพลิงเขาทองจนถอยไป

“พวกเจ้าสามคน นี่คือผลประโยชน์ที่เราได้มาคราวนี้ พวกเจ้าสามารถเลือกไปส่วนหนึ่งได้!”

ผู้เฒ่าชุดเขียวหยิบแหวนเก็บของวงหนึ่งออกมา

“ข้าคิดว่าพวกท่านจะทอดทิ้งพวกเรา หอบเอาของหนีไปเสียอีก!”

จ้าวเฟิงยิ้มเอ่ยอย่างมีเลศนัย

อันที่จริง หลังจากที่พวกผู้เฒ่าชุดเขียวออกมาจากวัง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่มีเจตนาจะช่วยพวกจ้าวเฟิง

แต่บังเอิญที่ได้ยินคำพูดของเว่ยเคอเข้า พวกเขาจึงกุลีกุจอเข้าช่วยพวกจ้าวเฟิงจากอันตรายและแบ่งสมบัติที่ได้มาให้

ห้วงความคิดของพวกจ้าวเฟิงสามคนดำดิ่งลงไปในแหวนเก็บของ ของล้ำค่าภายในมีจำนวนมาก มีทรัพยากรฝึกตนประเภทต่างๆ และยังมีเคล็ดวิชาการต่อสู้อีกด้วย

เว่ยเคอและหม่าหลิงซือย่อมไม่เชื่อว่าของเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเขาได้มาทั้งหมดจากภายในนั้น แต่เมื่อเห็นจ้าวเฟิงไม่พูดอะไรจึงไม่ใส่ใจ อย่างไรเสียก็ได้สมบัติมากมายขนาดนี้ นับว่าได้มามากพอแล้ว

“คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะกล้าช่วงชิงทรัพยากรมรดกของหนูเพลิงเขาทอง ข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”

หนูเพลิงเขาทองตัวยักษ์ในหินหนืดคำราม

“แย่แล้ว เจ้าเดียรัจฉานตัวนี้กำลังจะฟื้นคืนพลัง พวกเรารีบหนีเร็ว!”

ผู้เฒ่าชุดเขียวเก็บแหวนเก็บของ แล้วรีบบินตรงออกไปที่ปากถ้ำ

พวกจ้าวเฟิงก็จากไปอย่างไม่ลังเล

พรึ่บ พรึ่บ…

พวกจ้าวเฟิงกับพวกผู้เฒ่าชุดเขียวโผล่ออกมาจากปากถ้ำภูเขา

แต่สายตาเว่ยเคอและหม่าหลิงซือเปลี่ยนไปโดยพลัน พวกเขาจ้องบุคคลด้านหน้าเขม็ง

“หูเฉิง เจ้าคนชั่วช้าไร้ยางอาย!” หม่าหลิงซือด่าอีกฝ่ายทันที

พวกผู้เฒ่าชุดเขียวมองกลุ่มคนจากเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าด้านหน้า สำรวมกิริยาทันที

“หลิงซือ ตอนนั้นหลังจากที่ข้าหนีไป ข้าก็รีบไปตามหากำลังเสริมกลับมาช่วยเจ้า!”

หูเฉิงละล่ำละลักอธิบาย แต่ไม่มีท่าทีเป็นกังวลแม้แต่น้อย

เงาร่างคนทั้งสามที่ยืนเคียงข้างเขา หนึ่งในนั้นเป็นพี่ใหญ่ของหูเฉิงชื่อหูซัง เป็นปฐมเทพผู้ถูกเลือกของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า ส่วนอีกสองคนเป็นผู้แข็งแกร่งของเผ่าขั้นเทพแท้จริง

คนเผ่ามังกรเกล็ดฟ้ากับคนเผ่าปีกเพลิงมองตากัน แต่ไม่เอ่ยปากพูดอะไร

“จ้าวเฟิง ยามนั้นเจ้ามาคลุกคลีอยู่กับข้า ถึงขั้นช่วงชิงทรัพยากรข้าไป ในตอนนี้ผู้อาวุโสจากเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าและพี่ใหญ่ของข้าต่างอยู่ที่นี่ พวกเขาจะทวงความยุติธรรมให้ข้า!”

หูเฉิงจ้องจ้าวเฟิงด้วยสายตาจองหองและท้าทาย

“หูเฉิง ตอนนั้นจ้าวเฟิงติดตามเจ้า เขาไม่ได้เอาทรัพยากรใดไปทั้งสิ้น พอเจออันตรายเจ้าก็ทิ้งพวกเราหนีเอาตัวรอดไปเพียงลำพัง ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวเฟิงพวกเราคงตายไปนานแล้ว ตอนนี้เจ้ายังมีหน้ามาโทษเขาอีกหรือ!”

เว่ยเคอเอ่ยทั้งหมดออกมาอย่างหมดความอดทน

“เหอะ!”

ตอนนี้เอง หูซังพลันสาวเท้าขึ้นมา แผ่กลิ่นอายทรงพลานุภาพกดดันเว่ยเคอ

คิดไม่ถึงว่าเว่ยเคอจะพูดทั้งหมดนี้ออกมา นี่เป็นการหยามหน้าหูเฉิงและเขาไม่ใช่หรอกรึ?

อีกฟาก พวกผู้เฒ่าชุดเขียวต่างระบายยิ้ม

เดิมทีพวกเขายังกลัวว่าคนของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าจะร่วมมือกันจัดการพวกตน แต่ดูท่าทางแล้ว ตอนนี้ความขัดแย้งภายในเผ่าคงไม่คลี่คลายได้โดยง่าย ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่คนจากเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าจะแย่งชิงผลประโยชน์ของพวกเขาแล้ว

หนำซ้ำบุคคลที่เผ่ามังกรเกล็ดฟ้าจะจัดการก็คือจ้าวเฟิง

นี่คือสิ่งที่พวกผู้เฒ่าชุดเขียวอยากเห็นอย่างยิ่ง

“เจ้าหนุ่ม มอบมิติเก็บของมาเสีย แล้วเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

แววตาลุกโชนของหูซังจ้องจ้าวเฟิงเขม็ง

เขาย่อมมองออก จ้าวเฟิงและพวกเผ่าปีกเพลิงเข้าไปในถ้ำเขา ย่อมต้องได้ของล้ำค่ามา พลังของพวกเผ่าปีกเพลิงแข็งแกร่งเกินจะรับมือไหว เว่ยเคอและหม่าหลิงซือเป็นคนของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า จะแย่งมาเลยซึ่งๆ หน้าก็ไม่ดีนัก มีเพียงจ้าวเฟิงที่พลังฝึกตนต่ำที่สุดและไม่ได้เป็นคนของขั้วอำนาจใด จึงลงมือได้ง่ายที่สุด

เทพแท้จริงสองคนเบื้องหลังเขาก็สาวเท้าขึ้นมาด้านหน้า พลังอำนาจที่ไร้รูปร่างทะลักมาหาจ้าวเฟิง

เห็นได้ชัดเจนว่าพี่ใหญ่ของหูเฉิงมีตำแหน่งที่ไม่ธรรมดาในบรรดาผู้ถูกเลือกขั้นปฐมเทพ ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงในเผ่าพันธุ์ย่อมปกป้องเขา ดังนั้นจึงไม่แยแสในคำพูดของหม่าหลิงซือและเว่ยเคอ

“พวกเจ้า…”

ร่างเว่ยเคอสั่นระริก ไม่รู้จะพูดอะไรดี และมองจ้าวเฟิงด้วยสายตาสำนึกผิดอย่างยิ่ง

“ถอยไป มิฉะนั้นจะจัดการเจ้าในฐานะที่เป็นศิษย์ทรยศ!”

หูซังมองเว่ยเคอด้วยสายตาเย็นชา

ถึงแม้จะเป็นปฐมเทพอัจฉริยะในเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าเหมือนกัน แต่เว่ยเคอไหนเลยจะเทียบเทียมกับเขาได้

วิ้ง! หูซังยกมือขวาขึ้น พลังเทพแผ่พวยพุ่ง เตรียมพร้อมจะลงมือ

แต่เวลานี้เอง ผืนแผ่นดินทั้งหมดสั่นไหวเบาๆ ถัดจากนั้นเสียงสั่นสะเทือนก็รุนแรงยิ่งขึ้น

สุดท้ายแล้ว ฟ้าดินทั้งหมดสั่นสะเทือนเสียงดังสนั่น ฟ้าทั้งผืนตกอยู่ในความมืดมิด ไอปีศาจที่น่ากลัวหลายมากมายพวยพุ่งมา

“นี่คือ…มวลสัตว์อสูร?”

หูซังนิ่งอึ้งอยู่กับที่ แววตาตื่นกลัวจับจ้องไปที่ไกลๆ

เช่นเดียวกัน ใจคนเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าและเผ่าปีกเพลิงต่างสั่นสะท้านเกินจะเปรียบ สายตามองไกลไปยังกองทัพฝูงสัตว์พันธุ์โบราณที่น่าพรั่นพรึง พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าในพื้นที่ลับรกร้างโบราณจะมีมวลสัตว์อสูรอยู่ด้วย

ฝูงเผ่าพันธุ์โบราณตรงหน้า ถึงแม้จะไม่แข็งแกร่งแต่มีจำนวมากจนน่ากลัว

“ไป!” ผู้เฒ่าชุดเขียวและพวกเผ่าปีกเพลิงจากไปในทันที

“น้องชาย รีบไปเร็ว!”

หลังจากที่หูซังเอ่ยจบ เขาก็จากไปพร้อมกับคนของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า

“พวกเจ้ายังมัวทำอะไรอยู่?”

เทพแท้จริงเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าเอ่ยเสียงเย็นกับเว่ยเคอและหม่าหลิงซือ

“เจ้าหนุ่ม วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

หูเฉิงมองจ้าวเฟิงด้วยสายตาเกลียดชัง

ฝูงสัตว์อสูรกำลังบีบเข้ามาใกล้ วินาทีนี้ต้องรักษาชีวิตเป็นสำคัญ

ฟิ้ว! จ้าวเฟิงก็มิได้หยุดอยู่กับที่ต่อ เขาบินไปยังอีกทิศทางหนึ่ง ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่าบนใบหน้าของเขากลับประดับรอยยิ้ม

ฝูงเผ่าพันธุ์โบราณจำนวนมหาศาลพวกนี้ย่อมเป็นสัตว์วิเศษของจ้าวเฟิงอยู่แล้ว พวกมันคอยซุ่มอยู่ในละแวกใกล้เคียงตลอดเวลา และคอยฟังคำสั่งของเขา

‘คนของเผ่าปีกเพลิง!’

แววตาของจ้าวเฟิงจับจ้องที่ผู้เฒ่าชุดเขียว ไล่ตามไปทันที

ไม่นานมวลสัตว์อสูรก็เปลี่ยนทิศทาง ไล่ตามทิศทางที่พวกเผ่าปีกเพลิงหนีไป

ฟุ่บ แซ่ด แซ่ด!

จ้าวเฟิงกลายร่างเป็นแสงสีทองอ่อน โบยบินไปอย่างรวดเร็ว

เดิมทีเขารวดเร็วไม่ต่างกับผู้เฒ่าชุดเขียว ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือห้วงฝันบรรพกาล เขาย่อมรวดเร็วยิ่งกว่า ไม่นานก็ไล่ตามพวกเผ่าปีกเพลิงทัน

“จ้าวเฟิง?”

ใบหน้าผู้เฒ่าชุดเขียวฉายแววตกใจสงสัยขณะมองชายผมทองตรงหน้า เขามีพลังเพียงเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ แต่อีกฝ่ายสามารถไล่ตามพวกเขาทัน จึงเกินความคาดหมายอยู่บ้าง

“ไม่ได้การ พวกสัตว์อสูรไล่ตามพวกเรามาแล้ว!”

เวลานี้เอง ปฐมเทพเผ่าปีกเพลิงผู้หนึ่งร้องตะโกนขึ้น

สีหน้าคนทั้งสามเปลี่ยนสีไปทันที เหตุใดจู่ๆ ฝูงสัตว์อสูรจึงเปลี่ยนทิศทางมาหาพวกเขา นอกเสียจากว่านี่ไม่ใช่ทัพฝูงสัตว์อสูร แต่เผ่าพันธุ์โบราณเหล่านี้ถูกใครบางคนชักใยอยู่

เมื่อนึกถึงจุดนี้ สีหน้าคนทั้งสามประหวั่นพรั่นพรึง จ้องมองที่จ้าวเฟิง ความหนาวเหน็บพลันแผ่กระจายขึ้นมาจากฝ่าเท้า

“หยุดอยู่ที่นี่ให้หมดแล้วกัน!”

พลังเทพสายเลือดบรรพกาลที่แกร่งกล้าทะลักออกจากนิ้วชี้ของจ้าวเฟิง ในเวลาเดียวกัน พลังอัสนีเพลิงทำลายล้างที่น่ากลัวก็หมุนวนรอบกลุ่มพลังนั้น

คิดจะหยุดพวกผู้เฒ่าชุดเขียว จ้าวเฟิงไม่สามารถเก็บงำพลังเอาไว้แน่นอน

“ดัชนีทลายปฐพี!”

ในแสงดัชนีทรงพลานุภาพมีพายุแสงอัสนีสีทองแดงไร้ขอบเขต ประหนึ่งเสาที่ค้ำฟ้า พุ่งออกไปโจมตีทำลาย

ปฐมเทพเผ่าปีกเพลิงสองคนถูกดัชนีของจ้าวเฟิงจนบาดเจ็บสาหัส พวกเขามองจ้าวเฟิงอย่างไม่เชื่อสายตา เขาแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

โครม แซ่ด!

สายฟ้าหมุนวนทั่วร่างผู้เฒ่าชุดเขียว ทำลายการโจมตีของจ้าวเฟิงไป จึงไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บใด

“หึ ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าจึงกำราบเผ่าพันธุ์โบราณได้มากมายเช่นนี้ แต่พลังของเจ้าอยู่เพียงแค่เทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์เท่านั้น ก็ยังคิดจะขวางพวกเรางั้นรึ?”

ถึงแม้ในใจผู้เฒ่าชุดเขียวจะหวาดกลัววิชาของจ้าวเฟิง แต่สติเขากระจ่างแจ้งอย่างยิ่ง

มวลสัตว์อสูรเป็นปึกแผ่นน่าสะพรึง แต่ความเร็วของเผ่าพันธุ์โบราณเหล่านี้ด้อยกว่าเขามาก ขอแค่สังหารจ้าวเฟิงได้ ก็จะสามารถคลี่คลายเรื่องราวทั้งหมด

“แสงสายฟ้ากัมปนาท!”

ผู้เฒ่าชุดเขียวสะบัดฝ่ามือสองข้าง แสงอัสนีในฟ้าดินพลันกลายเป็นสัตว์อสูรขนาดยักษ์โจมตีไปที่จ้าวเฟิง

“เนตรเทพลอกแบบ!”

จ้าวเฟิงระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย ในดวงตาซ้ายเปล่งประกายสีสันมายา จากนั้นระลอกแสงสีทองอ่อนหลายชั้นกะพริบวิบวับ

โครม แซ่ด!

อสูรยักษ์สายฟ้าที่บ้าคลั่งพุ่งทะยานออกจากดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง

“เป็นไปได้อย่างไรกัน? นี่มันวิชา ‘แสงสายฟ้ากัมปนาท’ ของข้านี่!”

ในหัวผู้เฒ่าชุดเขียวเกิดเสียงดังลั่น แววตาค้างแข็งมองสายฟ้าทำลายล้างที่น่ากลัวสองกลุ่มปะทะเข้าหากัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!