Skip to content

King of Gods 1180

King Of Gods

บทที่ 1180 สามกระบวนท่าตัดสินแพ้ชนะ

เผ่ามังกรเกล็ดฟ้าและเผ่าพาหาทองคนที่เหลือรู้ตัว จึงถอยหลังไปหลายสิบลี้

เผ่าพาหาทองค่อนข้างคาดหวังในตัวจ้าวเฟิง จ้าวเฟิงเคยกระทั่งไล่สังหารโหวชิ่ง ถึงแม้อาจจะเป็นการช่วยเหลือจากผู้เฒ่าชุดเขียว แต่พลังของจ้าวเฟิงไม่มีทางเรียบง่ายอย่างที่แสดงออกมาอย่างแน่นอน

เผ่ามังกรเกล็ดฟ้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่ง จะต้องรู้ว่า ปฐมเทพหลันเยี่ยเคยมีผลงานสังหารเทพแท้จริงขั้นสองมาก่อน กับแค่เทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ จะต้านทานสามกระบวนท่าจากปฐมเทพหลันเยี่ยได้อย่างไรกัน

แต่ว่าเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าทั้งหลายไม่รู้ว่า จ้าวเฟิงก็เคยสังหารเทพแท้จริงขั้นสองเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นเทพแท้จริงกุ่ยลี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในศาสตร์แห่งซากศพอีกด้วย

“เสียใจตอนนี้ยังทัน ขอเพียงแค่เจ้าคุกเข่าเอาหัวโขกพื้นยอมรับผิด ส่งดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์ลายน้ำมาให้ข้า เผ่ามังกรเกล็ดฟ้าจะไม่ฆ่าเจ้าก็ได้!”

ปฐมเทพหลันเยี่ยมองต่ำลงมา ใบหน้ายิ่งทะนง สำหรับเขาแล้ว การประมือกับเทวาเร้นลับบริบูรณ์คือความอัปยศอย่างหนึ่ง

“เผ่ามังกรเกล็ดฟ้า หากมีปัญญาฆ่าข้าได้ก็ฆ่าไปตั้งนานแล้ว!”

จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา

คำพูดนี้แน่นอนว่าเหยียดหยามเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า หลังจากได้เจอกันสองครั้ง คิดอยากจะฆ่าตนกลับทำไม่สำเร็จ

“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”

ปฐมเทพหลันเยี่ยสายตาเย็นเยือก ท่าทีของจ้าวเฟิงทำให้เขาหงุดหงิดนัก เขาจะต้องเหยียบจ้าวเฟิงไว้ใต้เท้า ถึงจะระบายความแค้นในใจเขาได้

“ฝ่ามือคลื่นมรกต!”

คลื่นมรกตกลุ่มหนึ่งโหมขึ้นทั่วร่างปฐมเทพหลันเยี่ย ม้วนทะลักเข้าไปในฝ่ามือขวาของเขา

ครืน!

ฝ่ามือหนึ่งซัดออกมาราวกับคลื่นยักษ์ท่วมฟ้า พลังกดดันมหาศาล ในแสงฝ่ามือราวกับมีเงาเลือนรางของเผ่าพันธุ์บรรพกาลมหึมาตัวหนึ่ง

ปฐมเทพหลันเยี่ยเหมือนซัดฝ่ามือออกมาตามอารมณ์ แต่กลับแฝงด้วยพลังสายเลือด เพราะเขาคิดจะใช้ข้อได้เปรียบล้มจ้าวเฟิง แต่ก็ไม่อยากสำแดงไพ่ตายสุดยอด

“เกราะศักดิ์สิทธิ์อัสนีธาตุดิน!”

จ้าวเฟิงพลันโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ หลอมรวมกับวายุอัสนีธาตุดิน เกราะดินสีเหลืองหม่นที่มีแสงอัสนีส่องประกายก่อตัวขึ้นรอบกาย

ครืน บึ้ม!

ฝ่ามือของปฐมเทพหลันเยี่ยโจมตีออกไปปะทะบนเกราะอัสนีสีเหลืองหม่นที่รอบกายของจ้าวเฟิง

ครืน แซ่ด แซ่ด!

ยื้อกันอยู่ชั่วขณะ เกราะอัสนีธาตุดินของจ้าวเฟิงก็แตกออก ฝ่ามือนี้ของปฐมเทพหลันเยี่ยโจมตีไปยังหน้าอกของเขา

ครืด ครืด ครืด!

จ้าวเฟิงถอยหลังติดๆ ไปสามก้าว เขาตั้งตัวให้มั่น ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย

“โชคไม่เลวเลย กลับรับฝ่ามือนี้ได้พอดี!”

สายตาของปฐมเทพหลันเยี่ยเฉยชา

“ดูท่าคำสัญญาสามกระบวนท่า จ้าวเฟิงแพ้แน่นอน!”

“ฝ่ามือของปฐมเทพหลันเยี่ยเมื่อครู่นั่นก็แค่หยั่งเชิงเท่านั้น!”

ผู้อาวุโสสามคนของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าส่งกระแสจิตสื่อสารกัน ใบหน้าเผยแววได้ใจและภูมิใจออกมา

สายตาของเผ่าพาหาทองทั้งสามคนคร่ำเคร่งลงเล็กน้อย จ้าวเฟิงดูแล้วน่าจะลำบาก

“เขาเก็บซ่อนพลังไว้!”

ในยามนี้ ชายเผ่าพาหาทองสูงใหญ่ส่งกระแสจิตให้อีกสองคน

“เป็นเช่นนี้นี่เอง!”

อวี๋เฮิ่นพยักหน้า จากท่าทีที่จ้าวเฟิงแสดงออกเมื่อครู่ ไม่น่าจะต้านปฐมเทพหลันเยี่ยไม่ได้ แต่จ้าวเฟิงกลับตั้งใจแสดงความอ่อนแอออกมา

“กระบวนท่าที่สอง!”

ปฐมเทพหลันเยี่ยเอ่ยอย่างทะนง

ฟู่! ฝ่ามือของปฐมเทพหลันเยี่ยโบกสะบัด ควบคุมเสวียนอ้าวธาตุน้ำที่ไร้รูปร่างอยู่ในมือ หลังจากที่เข้าใจพลังของจ้าวเฟิงแล้ว ปฐมเทพหลันเยี่ยมั่นใจว่ากระบวนท่านี้จะสามารถเอาชนะจ้าวเฟิงได้

ครืน!

ปฐมเทพหลันเยี่ยกระตุ้นสายเลือดเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า ทันใดนั้น เกล็ดสีน้ำเงินบนร่างเขาก็ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง สีผิวก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินลึกล้ำ ดุจมหาสมุทรก็ไม่ปาน

“พ่ายแพ้ไปซะ!”

ปฐมเทพหลันเยี่ยออกกระบวนท่าทันที แสงฝ่ามือลายน้ำที่มีเกล็ดน้ำเงินอันน่าหวาดหวั่นส่งเสียงคำรามก้อง ตรงไปยังจ้าวเฟิง

“เกราะศักดิ์สิทธิ์อัสนีธาตุดิน เกราะอัสนีคุ้มกาย!

จ้าวเฟิงเผยสีหน้าทุ่มสุดพลัง สำแดงเคล็ดวิชาป้องกันสองชนิด พร้อมกระตุ้นกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงกว่าในเวลาเดียวกัน

ครืน บึ้ม!

แสงฝ่ามือปะทะเข้ากับการป้องกัน ประสานกันอยู่ชั่วขณะ การป้องกันของจ้าวเฟิงแหลกละเอียด ส่วนพลังฝ่ามือที่เหลือนั่นโจมตีไปยังร่างของเขา

ครืด ครืด…

ครั้งนี้จ้าวเฟิงถอยหลังไปสี่ก้าว ใบหน้ายิ่งดูย่ำแย่ ราวกับมาถึงขีดจำกัดแล้ว

“เอ๋ ต้านทานไว้ได้?” ปฐมเทพหลันเยี่ยตกใจเล็กน้อย

กระบวนท่าแรกจ้าวเฟิงฝืนรับไว้ได้ พลังกระบวนท่าที่สองของตนมากกว่ากระบวนท่าแรกอย่างน้อยๆสองเท่า จ้าวเฟิงก็ยังรับได้อีก

ไม่เพียงแต่ปฐมเทพหลันเยี่ยเท่านั้นที่ตกใจ ผู้อาวุโสทั้งสามของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้า รวมถึงพี่น้องตระกูลหูก็ตกใจเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของกระบวนท่าทั้งสองของปฐมเทพหลันเยี่ย แต่จ้าวเฟิงกลับฝืนต้านทานมันเอาไว้ได้

“เขาคำนวณพลังการโจมตีของปฐมเทพหลันเยี่ย ดังนั้นทุกครั้งจึงสามารถฝืนต้านทานเอาไว้ได้”

ชายสูงใหญ่เผ่าพาหาทองคนนั้นส่งกระแสจิตให้กับเผ่าพาหาทองอีกสองคน

“จ้าวเฟิงมีความสามารถนี้ด้วย?”

อวี๋เฮิ่นตกตะลึงเล็กน้อย

จ้าวเฟิงคำนวณพลังการโจมตีของปฐมเทพหลันเยี่ย มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดเขาจึงต้านทานการโจมตีสองกระบวนท่าที่พลังไม่เท่ากันได้พอดี

หากจ้าวเฟิงแสดงกำลังรบที่แข็งแกร่งออกมาตั้งแต่แรก เช่นนั้นปฐมเทพหลันเยี่ยก็จะทุ่มสุดพลัง และสำแดงไพ่ตายการโจมตีที่ทรงพลังออกมาอย่างแน่นอน

“อุบายล้ำลึกนัก!”

สตรีชุดชาววังสีชมพูยิ้มงดงาม

“กระบวนท่าที่สามเจ้าแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!”

คิ้วของปฐมเทพหลันเยี่ยขมวดเล็กน้อย เจ้าเด็กเบื้องหน้านี่ค่อนข้างประหลาด สามารถต้านทานสองกระบวนท่าของเขาได้

วู้ม ครืน!

พลังสายเลือดทั่วร่างของปฐมเทพหลันเยี่ยรุนแรงกว่าเดิม คลื่นมรกตรอบด้านทะลักไปมาพร้อมด้วยขอบเขตการโจมตีที่สูงมาก

ทุกคนรู้ว่าปฐมเทพหลันเยี่ยจะสำแดงเคล็ดวิชาขั้นเทพแล้ว

“หลันเยี่ย เจ้าเด็กนี่คำนวณพลังโจมตีของเจ้าออกมา ท่าทางได้รับบาดเจ็บของมันก็เป็นการแสดงเช่นกัน เจ้าอย่าโดนมันหลอก ใช้กระบวนท่าสังหารซะ!”

ยามนี้เอง เทพแท้จริงขั้นสามคนหนึ่งในเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าส่งกระแสเสียงให้ปฐมเทพหลันเยี่ยอย่างร้อนรน

“อะไรนะ?”

ในหัวของปฐมเทพหลันเยี่ยราวถูกฟาดผ่า ถึงแม้จะไม่อยากเชื่อ แต่คิดดีๆ แล้วก็เป็นเช่นนี้จริงๆ

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ผู้อยู่ในสถานการณ์มองไม่ทะลุ ผู้อยู่นอกสถานการณ์มองได้ทะลุปรุโปร่ง พรสวรรค์ของปฐมเทพหลันเยี่ยลึกล้ำกว่าผู้อาวุโสทั้งหลาย แต่เขากลับมองไม่ออก

แต่ทว่าปฐมเทพหลันเยี่ยก็ไม่หุนหันพลันแล่น ยังคงทำท่าสำแดงเคล็ดวิชาขั้นเทพต่อไป

“ฝ่ามือคลื่นมรกต!”

ฝ่ามือขอบเขตใหญ่มหึมาของปฐมเทพหลันเยี่ยซัดออกไปทันที

แต่ทันใดนั้นเอง ในมือของเขาก็มีกระบี่ยาวสีฟ้าอ่อนเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ บนนั้นมีกระแสน้ำเย็นเยือกลอยเอ่อ

“สังหาร!”

ปฐมเทพหลันเยี่ยเตรียมเอาไว้นานแล้ว ในยามที่นำอาวุธเทพออกมาก็โคจรสายเลือดพลังเทพแล้วฟันออกมาทันที ความเร็วสูงจนทำให้คนไม่ทันได้ตั้งตัว

“ชั่วช้าหน้าด้าน!”

อวี๋เฮิ่นเผยสีหน้าเหยียดหยามออกมา

ปฐมเทพหลันเยี่ยที่เป็นถึงเผ่ามังกรเกล็ดฟ้ามีพลังสุดยอดของขั้นสอง แต่ยามที่รับมือกับเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์กลับใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้

“ฮ่าๆ!”

ผู้อาวุโสทั้งสามฝ่ายเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าเผยรอยยิ้มออกมา คิดไม่ถึงว่าพวกเขาบอกปฐมเทพหลันเยี่ยจุดนี้ ฝ่ายนั้นก็ใช้แผนซ้อนแผน สำแดงกระบวนท่าสังหารออกมาในช่วงเวลาสำคัญสุดท้าย ภายใต้การไม่ทันตั้งตัว จ้าวเฟิงอาจจะถูกกระบวนท่านี้ของปฐมเทพหลันเยี่ยสังหารก็เป็นได้

ความสนใจของทุกคนในขณะนี้ถูกปฐมเทพหลันเยี่ยดึงดูดไป

วู้ม ขวับ!

รอยกระบี่สีน้ำเงินทางหนึ่งพร้อมด้วยคลื่นน้ำเย็นเยือกมหาศาลฟันไปยังจ้าวเฟิง

แต่ทุกคนกลับค้นพบสิ่งที่น่าตกใจ ในมือของจ้าวเฟิงไม่รู้ว่ามีกระบี่เล็กยาวสีดำปรากฏขึ้นเมื่อใด

วู้ม วู้ม!

พลังอัสนีเพลิงทำลายล้างไหลทะลักเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ลายละเอียดเป็นประกายสีดำบนกระบี่ยาวพลันส่องแสงวาววับ

ฟิ้ว ฉึก!

ครั้นโคจรกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ จ้าวเฟิงก็ฟันรอยกระบี่สีทองแดงอันเหี้ยมเกรียมออกมาเช่นกัน

ครืน บึ้ม!

กระบวนท่ากระบี่เหี้ยมเกรียมปะทะเข้าด้วยกัน พลังคมกระบี่น่าหวาดหวั่นม้วนไปรอบด้าน ต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้าต้นมหึมาที่แข็งเป็นอย่างยิ่งสองฝั่งถูกฟันโค่นลงทันที

วู้ม ครืน!

ในพายุคลั่งคมกระบี่ทำลายล้าง รอยแสงทองแดงสลัวๆ พุ่งไปยังปฐมเทพหลันเยี่ย

“เจ้า…เป็นไปได้อย่างไร!”

ปฐมเทพหลันเยี่ยที่กำลังตกใจ ถูกพลังคมดาบที่ไม่ใหญ่มากโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวจนถอยหลังไปหลายก้าว เลือดสดๆ ไหลรินที่มุมปาก

ปฐมเทพหลันเยี่ยสัมผัสบาดแผลบนร่าง ยืนอึ้งตะลึง เขาถูกเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์ทำร้ายเอางั้นรึ!

“เจ้ากล้าทำร้ายข้า!”

พลังสายเลือดลุกท่วมขึ้นทั่วร่างของปฐมเทพหลันเยี่ย พลังกดดันบรรพกาลที่น่าหวาดหวั่นบดขยี้ไปข้างหน้า

“ทำไม? อัจฉริยะเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าแพ้แล้วไม่ยอมรับงั้นรึ?”

อวี๋เฮิ่นก็ไม่น้อยหน้า กระตุ้นสายเลือดเผ่าพาหาทองแล้วมายังข้างกายจ้าวเฟิง

กระทั่งเขาก็นึกไม่ถึงว่าพลังของจ้าวเฟิงที่ซ่อนไว้จะลึกล้ำเช่นนี้ ในที่สุดอวี๋เฮิ่นก็รู้ ในยามที่ปฐมเทพหลันเยี่ยสำแดงกระบวนท่าที่สาม จ้าวเฟิงก็เตรียมนำพลังที่แท้จริงออกมา ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับกลอุบายโจมตีที่ผันเปลี่ยนทันใดของปฐมเทพหลันเยี่ย จ้าวเฟิงถึงยังคงไม่เกรงกลัว

และสิ่งที่ทำให้เขาคาดคิดไม่ถึงก็คือ การโจมตีที่เป็นการสำแดงอาวุธเทพเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วการโจมตีของจ้าวเฟิงกลับได้เปรียบ

ถึงแม้ว่าปฐมเทพหลันเยี่ยจะโจมตีอย่างฉุกละหุก เตรียมตัวไม่เพียงพอ แต่พลังเทพของเขาแข็งแกร่งกว่าจ้าวเฟิง เช่นนี้แล้วน่าจะเป็นเพราะคุณภาพของอาวุธเทพของจ้าวเฟิงสูงกว่าของปฐมเทพหลันเยี่ย

“หลันเยี่ย หยุด!”

ในยามนี้ ผู้อาวุโสทั้งสามของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าร้องห้ามอย่างร้อนใจ

พวกเขาโกรธแค้นเจ็บใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าไม่มั่นใจว่าจะสามารถสยบคนทั้งห้าลงได้หมด แค่เพียงคนในขอบเขตเทพรกร้างรู้ว่าเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าแพ้พนัน แต่กลับเล่นลูกไม้ไม่ยอมรับลงมือโจมตีอีกฝ่าย ต่อให้สุดท้ายแล้วสังหารจ้าวเฟิงลงได้ ความเสียหายด้านชื่อเสียงของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าก็มากยิ่งกว่า

หากสามารถสังหารคนทั้งห้าเบื้องหน้านี้ได้ทั้งหมด ผู้อาวุโสทั้งสามย่อมไม่ห้ามปฐมเทพหลันเยี่ยเด็ดขาด

อีกทั้งการต่อสู้ของปฐมเทพหลันเยี่ยและจ้าวเฟิงเมื่อครู่ เหมือนว่าจะดึงดูดผู้แข็งแกร่งคนอื่นในป่าวิหคสวรรค์มาแล้ว

“จ้าวเฟิง ข้าปฐมเทพหลันเยี่ยจำเจ้าเอาไว้ได้แล้ว!”

หลันเยี่ยควบคุมเพลิงโทสะในใจ ใบหน้าค่อยๆ ผ่อนคลายลง แต่จิตสังหารเย็นเยียบในดวงตายิ่งชัดเจน

ฟิ้ว!

ผลึกแก้ววาววับสีทองก้อนหนึ่งบินมายังจ้าวเฟิง ส่วนคนของเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าจากไปไกลอย่างรวดเร็ว

“เป็นผลึกเทพสีทองจริงๆ ด้วย!”

จ้าวเฟิงมองไปยังผลึกแก้ววาววับส่องประกายแสงทองในมือ ก่อนนำมันเก็บลงไปในมิติเก็บของ

แปะ แปะ!

คนเผ่ามังกรเกล็ดฟ้าเพิ่งจากไป ก็มีเสียงปรบมือดังลอยมา

“สหายอวี๋เฮิ่น นี่เป็นอัจฉริยะของขั้วอำนาจใดกัน ยังไม่รีบแนะนำให้ข้าอีก!”

เงาดำร่างหนึ่งลอยมาหยุดลง

“ปฐมเทพเจี้ยนเฟิง!”

สายตาของอวี๋เฮิ่นจับจ้อง มองไปยังร่างที่สง่างามนี้

“ระหว่างทางพอดีได้พบสหายจ้าวไล่สังหารโหวชิ่ง จึงเดินทางมาด้วยกัน…”

อวี๋เฮิ่นเริ่มแนะนำจ้าวเฟิง แต่เขาพบว่าตนเองเข้าใจจ้าวเฟิงไม่มากพอ ทำได้เพียงแนะนำเพียงเท่านี้

จ้าวเฟิงเห็นอวี๋เฮิ่นให้เกียรติคนผู้นี้ถึงเพียงนี้ พลังของอีกฝ่ายจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ จึงอดไม่ได้ที่จะประเมินอย่างละเอียด

“ไล่สังหารโหวชิ่ง!”

ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงตะลึงไปเล็กน้อย จ้องไปยังจ้าวเฟิง

เผ่าหมอกสวรรค์ที่ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงอยู่เป็นขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอดเช่นเดียวกับเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ ชื่อเสียงของโหวชิ่งในเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ไม่ธรรมดาเลย จ้าวเฟิงขูดรีดปฐมเทพหลันเยี่ยนั่นไม่เท่าไหร่ แต่กล้าไล่สังหารโหวชิ่ง นั่นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

อวี๋เฮิ่นไม่ได้พูดว่าจ้าวเฟิงเป็นเผ่าพันธุ์ใด หรือว่าขั้วอำนาจที่จ้าวเฟิงอยู่จะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก?

“จะต้องเป็นเช่นนี้แน่ๆ มิฉะนั้นแล้วคนคนนี้จะกล้ามายังป่าวิหคสวรรค์ได้อย่างไร ป่าวิหคสวรรค์เป็นพื้นที่โจมตีที่สำคัญของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ มีสมาชิกของเผ่านี้มากมาย!”

ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงยิ่งสนใจจ้าวเฟิง

“สหายอวี๋เฮิ่น พวกเจ้ามีกันเพียงห้าคน ยากที่จะเจอโอกาสใหญ่ในป่าวิหคสวรรค์ ไม่สู้ช่วยเผ่าหมอกสวรรค์สักหน่อยเป็นอย่างไร!”

ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงเอ่ยปาก

แต่เดิมปฐมเทพเจี้ยนเฟิงกำลังหารือแผนบุกรังหงส์ที่ใจกลาง บังเอิญสัมผัสได้ถึงสายเลือดของเผ่าพาหาทองจึงผ่านมาดูสักหน่อย

เผ่าพาหาทองพลังแข็งแกร่งมาก หากยอมช่วยเหลือเผ่าหมอกสวรรค์ ความมั่นใจในการโจมตีรังหงส์ที่ใจกลางป่าก็จะยิ่งสูงขึ้น

“สหายจ้าว เผ่าหมอกสวรรค์ที่ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงอยู่เตรียมจะบุกรังหงส์ที่อยู่ใจกลาง ไม่สู้พวกเราไปดูสักหน่อย!”

อวี๋เฮิ่นมองไปยังจ้าวเฟิง เหมือนกำลังถามความเห็น

“รังหงส์ที่อยู่ใจกลาง!”

จ้าวเฟิงจิตใจสั่นไหว กล้าบุกรังหงส์ที่อยู่ตรงใจกลาง จะต้องเป็นขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอดแน่นอน

และเหตุผลสำคัญที่จ้าวเฟิงมายังป่าวิหคสวรรค์ก็เพื่อจะจับปลาน้ำขุ่น[1] คว้าเอาผลประโยชน์บ้างเล็กน้อย

………………………………………………………………….

[1] จับปลาน้ำขุ่น (浑水摸鱼) หมายถึงฉวยโอกาสในช่วงชุลมุนเพื่อได้รับผลประโยชน์บางอย่าง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!