บทที่ 1183 ห้าธาตุผันแปร
ครั้นเห็นยูงหางหงส์ห้าสิบกว่าตัวบุกโจมตีมา เผ่าหมอกสวรรค์ทุกคนเหลือเพียงแค่ความคิดเดียวนั่นก็คือหนี
“บัดซบ ทำไมเผ่าพันธุ์ยูงหางหงส์ถึงพุ่งเป้าเล่นงานแต่กับพวกเรา?”
“ไม่ต้องไปสนแล้ว รักษาชีวิตไว้สำคัญที่สุด!”
กลุ่มเผ่าหมอกสวรรค์ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สำแดงพลังความเร็วสูงที่สุดหนีไป
แต่ว่ายูงหางหงส์เชี่ยวชาญด้านความเร็ว อีกทั้งยังเคยชินกับที่นี่เป็นอย่างมาก จึงเร็วเกินกว่าคนทั้งหลายมากนัก
ฟิ้ว ฟู่ ฟู!
จ้าวเฟิงหนีอยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่ม พลังฝึกตนของเขาต่ำ แต่ด้านความเร็วไม่ช้าเลย อีกทั้งยามนี้เขายังไม่ได้สำแดงพลังความเร็วทั้งหมดเพื่อเลี่ยงไม่ให้คนสงสัย
ผู้เฒ่าชุดเขียวเป็นเทพแท้จริงขั้นสาม เชี่ยวชาญศาสตร์อัสนี ความเร็วก็ไม่ช้าเช่นกัน น่าจะไม่มีปัญหา
“อ๊าก…ช่วยข้าด้วย!”
ทุกคนได้ยินเพียงเสียงตะโกนลั่นด้านหลัง แต่เสียงน่าอเนจอนาถนั่นดังอยู่ไม่นานเท่าไหร่ก็เงียบหายไป
เมื่อสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายความตายเบื้องหลัง ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยกายใจเย็นยะเยือก สำแดงไพ่ตายบางอย่างทันที
ฟิ้ว!
ปฐมเทพหลายคนความเร็วเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดว่าสำแดงเคล็ดวิชาหลบหนีบางอย่างออกมา
และก็มีคนจำนวนน้อยบีบลูกแก้วลูกหนึ่งให้แตกออก พลังเสวียนอ้าวล้ำลึกกลุ่มหนึ่งพลันห่อหุ้มร่างเอาไว้ข้างใน ความคิดขยับเล็กน้อยก็ควบคุมพลังกลุ่มนี้เอาไว้ได้ ทำให้ตนเองมีความเร็วใกล้เคียงกับเทพแท้จริงขั้นสี่
ในยามถอยหนี จ้าวเฟิงนำอยู่หน้าสุด แต่ไม่นานนักก็มีบางคนตามมาทัน ยกตัวอย่างเช่นผู้เฒ่าชุดผ้าและผู้แข็งแกร่งเผ่าหมอกสวรรค์ที่เชี่ยวชาญเสวียนอ้าวธาตุลม
“สหายจ้าว เจ้าช่างมองการณ์ไกลเสียจริง ไม่เลือกเป็นตัวบุก ตอนนี้หลบหนีก็ง่ายหน่อย!”
อวี๋เฮิ่นค่อยๆ ตามจ้าวเฟิงมาทัน ผู้ที่มากับเขายังมีคนของเผ่าพาหาทองอีกสองคน
สิ่งที่ชายสูงใหญ่นั่นใช้ก็คือความเร็วของตน ส่วนสตรีชุดชาววังสีชมพูใช้ไพ่ตายชนิดหนึ่งทำให้ความเร็วของตนสูงมาก
“ก็แค่โชคดีเท่านั้น!”
จ้าวเฟิงยิ้มบางๆ
ครั้งนี้ ทุกคนที่บุกรังหงส์ล้วนไม่ได้อะไรไปเลย แต่จ้าวเฟิงผู้อ่อนแอที่อยู่ท้ายสุดเก็บเกี่ยวได้มากที่สุด กระทั่งได้ขนหางของยูงหางหงส์รุ่นก่อนมา
จ้าวเฟิงรู้สึกละอายขึ้นมานิดหน่อยจริงๆ ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงดึงพวกเขาเข้าร่วมกลุ่ม สุดท้ายจ้าวเฟิงกลับหลอกคนทั้งกลุ่มนั้น
“บัดซบเอ๊ย ไม่ได้อะไรกลับมาเลย!”
ในยามนี้ เสียงคำรามอย่างโกรธแค้นลอยมาจากด้านหลัง ซึ่งก็คือชายผิวเทาเงินคนนั้น
เขาเป็นผู้ฝึกฝนศาสตร์เหมันต์ คือตัวบุกบุกรังหงส์ ดังนั้นยามยูงหางหงส์ทุ่มกำลังโจมตีกลับ เขาก็เกือบจะต้องตาย
ตอนนี้ที่ใต้เท้าของเขามีเสวียนอ้าวธาตุลมและน้ำอยู่กลุ่มหนึ่ง พลังเสวียนอ้าวกลุ่มนี้ทำให้ความเร็วของเขาล้ำหน้าเทพแท้จริงขั้นสามได้ในช่วงเวลาสั้นๆ จนหนีพ้นเคราะห์ความตายมาได้
“เจ้าตัวไร้ประโยชน์ ยังมีชีวิตอยู่หรือนี่!”
ชายผิวกายเทาเงินเห็นจ้าวเฟิงยังปลอดภัยดี ในใจก็หงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง
ขณะบุกรังหงส์ เขายังเยาะเย้ยจ้าวเฟิงว่าอ่อนแอไร้ความสามารถ แต่เพราะจ้าวเฟิงอยู่ด้านหลังสุดของกลุ่มจึงปลอดภัยไร้กังวล ส่วนเขาเป็นตัวบุก ในยามที่บุกเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เมื่อครู่ก็สำแดงไพ่ตายใบใหญ่ในมือเช่นกันถึงหนีรอดมาได้
‘เจ้าตัวไร้ประโยชน์ ส่งเจ้าให้กับยูงหางหงส์ ยืดเวลาให้พวกเราสักนิดก็แล้วกัน!’
สีหน้าชายผิวเทาเงินเผยแววเหี้ยมเกรียม ซัดฝ่ามือหนึ่งไปยังจ้าวเฟิงทันที
กร๊อบ ฟู่ ฟู่!
พลังเหมันต์ยะเยือกโจมตีไปยังจ้าวเฟิง ต้นไม้รอบด้านเกิดเกล็ดน้ำแข็งขึ้นชั้นหนึ่งทันใด
พลังของชายคนนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก ใกล้เคียงกับอวี๋เฮิ่น หากจ้าวเฟิงถูกฝ่ามือนี้โจมตีเข้า จะต้องสูญเสียพลังการเคลื่อนไหวไปมากมาย และถูกยูงหางหงส์ตามทันแน่นอน
มีเพียงจ้าวเฟิงเท่านั้นที่รู้ ยูงหางหงส์โกรธแค้นถึงเพียงนี้ก็เพราะตนเอง หากเขาช้าลง เช่นนั้นก็ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“แสงอัสนีหลบหลีก!”
ปีกแสงสีทองข้างหลังของจ้าวเฟิงเปลี่ยนเป็นปีกอัสนีคู่หนึ่งทันใด
ครืน ตูม!
พลังอัสนีกลุ่มหนึ่งระเบิดออก ร่างของจ้าวเฟิงส่องประกายก่อนทิ้งห่างออกไปด้านหน้าระยะหนึ่ง การโจมตีของชายผิวเทาเงินพลาดเป้า
“คนเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์นี่มีฝีมือถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
“ช่างเป็นวิชาหลบหลีกที่ล้ำลึกนัก!”
ผู้แข็งแกร่งทั้งหลายที่กำลังหลบหนีมองจ้าวเฟิงในมุมใหม่
‘หลบได้งั้นรึ!’
ชายผิวเทาเงินตกใจเล็กน้อย คนเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์คนหนึ่งกลับสามารถหลบการโจมตีของเขาได้
‘ข้าก็มอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้าด้วยแล้วกัน!’
จ้าวเฟิงหันกลับมา สายตาเย็นยะเยือกมองไปยังชายคนนี้
โชคดีที่จ้าวเฟิงบรรลุเคล็ดวิชาลับโบยบินวิชาใหม่ ‘แสงอัสนีหลบหลีก’ สามารถสำแดงได้ในพริบตา มิฉะนั้นเมื่อครู่เขาคงทำได้เพียงแค่เปิดเผยไพ่ตายใบอื่นแล้ว
เขากับชายผิวกายเทาเงินผู้นี้ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่อีกฝ่ายจองเวรซ้ำแล้วซ้ำเล่า เดิมทีจ้าวเฟิงไม่ได้สนใจเท่าใดนัก แต่ตอนนี้อีกฝ่ายคิดอยากให้เขาตาย จ้าวเฟิงจะเกรงใจไปอีกทำไมกัน
“ขอบเขตแก่นแท้อัสนี!”
ฝ่ามือของจ้าวเฟิงสะบัด ขอบเขตสีเหลืองหม่นที่ไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งปกคลุมไปยังชายคนนั้น
ฟู่! ในยามที่ขอบเขตแรงดึงดูดพลังอัสนีกลุ่มนี้หุ้มล้อมชายผิวเทาเงินเอาไว้ แรงดึงดูดอัสนีที่น่าหวาดหวั่นก็ทะลักออกมา
สายฟ้าสามารถก่อนกวนทำให้ชา ส่วนขอบเขตแรงดึงดูดควบคุมความเร็วของอีกฝ่ายได้
“เป็นไปได้ยังไงกัน พลังของเจ้า…”
ชายผิวเทาเงินตกใจหวาดผวา ความเร็วที่เขาแลกมาด้วยการสำแดงไพ่ตายกลับถูกควบคุมไว้ พลังขอบเขตกลุ่มนี้ของจ้าวเฟิงมีอานุภาพไม่ธรรมดาเลย!
แต่ถึงแม้ระดับความเร็วของเขาจะถูกจำกัด ความเร็วของตัวเขาก็ไม่ช้าอยู่ดี ดังนั้นจึงยังไม่ถึงกับถูกยูงหางหงส์ไล่ตามได้ทัน
“ดินกำเนิดทอง หนามอัสนีทอง!”
ฝ่ามือของจ้าวเฟิงสะบัดออก เสวียนอ้าวธาตุดินที่หุ้มล้อมอยู่รอบกายชายผิวเทาเงินแปรเปลี่ยนเป็นเสวียนอ้าวธาตุทองทันที
ครืน ฟู่ ฟู่!
แสงสีทองอันน่าพรั่นพรึงทิ่มแทงเข้าไปในกายของชายคนนี้
“เป็นไปได้อย่างไรกัน…”
ชายคนนี้คิดไม่ถึงเลยว่าคนอยู่แค่เทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์จะมีวิชานี้ สามารถเปลี่ยนขอบเขตแรงดึงดูดเป็นวิชาโจมตีที่น่าสะพรึงได้ทันใด
ขณะที่ไม่ทันตั้งตัว ชายผิวเทาเงินถูกวายุอัสนีทองของจ้าวเฟิงทำร้ายจุดสำคัญจนบาดเจ็บหนัก
จากนั้นวายุอัสนีธาตุทองกลุ่มนี้ก็เปลี่ยนเป็นวายุอัสนีธาตุน้ำอย่างรวดเร็วยิ่ง จากนั้นไหลพุ่งเข้าไปในร่างกายของเขาแล้วทำลายอย่างบ้าคลั่ง
“อ๊าก ไม่…”
ความปราดเปรียวของชายผิวเทาเงินลดลง ความเร็วค่อยๆ ช้าลงไป
ฟู่ ฟิ้ว ฟิ้ว!
ร่างของเขาถูกเส้นไหมเปลวเพลิงหลากสีหลายเส้นตัดผ่าน เฉือนออกเป็นหลายชิ้น แล้วค่อยๆ หายไปในเปลวเพลิง
“เป็นวิชาที่เหี้ยมโหดยิ่งนัก ผันเปลี่ยนพลังห้าธาตุ โจมตีออกมาทันที!”
“ต่อให้เป็นเทพแท้จริงขั้นต่ำก็ไม่มีทางทำได้ถึงขนาดนี้กระมัง นอกเสียจากจะเป็นผู้ที่ครอบครองเนตรหมื่นปรากฏการณ์!”
ผู้แข็งแกร่งที่หนีมาด้วยกันกับจ้าวเฟิงใจสั่นสะท้าน เริ่มให้ความสำคัญกับหนุ่มเทวาเร้นลับระดับบริบูรณ์คนนี้
ผู้แข็งแกร่งที่ทะลวงขั้นเทพแทบจะศึกษาเสวียนอ้าวห้าธาตุ
ทำแสงวนพลังศักดิ์สิทธิ์ให้มั่นคงกันทั้งนั้น แต่พวกเขาเพียงแค่ศึกษาอย่างพอดี ไม่ได้มีเวลามากมายไปฝึกฝนพลังทุกชนิดจนถึงขอบเขตที่สูงมาก
ดังนั้น เทพแท้จริงขั้นต่ำบางคนจึงสามารถผันแปรพลังห้าธาตุ แต่ก็ไม่มีทางทำได้ง่ายดายและชำนาญเหมือนกับจ้าวเฟิงแน่
“คิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะสามารถผันเปลี่ยนพลังห้าธาตุได้ดั่งใจถึงเพียงนี้แล้ว!”
จ้าวเฟิงเผยสีหน้ายินดี เหตุผลหนึ่งในนี้น่าจะเป็นเพราะจ้าววั่น
ร่างแยกวิญญาณร่างหนึ่งของจ้าวเฟิงมีเนตรหมื่นปรากฏกาณณ์ ประสบการณ์ฝึกฝนเสวียนอ้าวหมื่นปรากฏการณ์แต่ละชนิดหลั่งไหลเข้ามาในหัวของจ้าวเฟิงไม่หยุด ต่อให้เขาไม่ได้ศึกษาอะไรเท่าใดก็เรียนรู้มาได้บ้าง
จ้าวเฟิงพบว่านับตั้งแต่มีจ้าววั่นร่างแยกร่างที่สอง
ความเร็วในการฝึกฝน ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
“ไม่ต้องตามแล้ว รังหงส์ด้านโน้นถูกขั้วอำนาจอีกสองกลุ่มโจมตีอย่างหนัก!”
ยูงหางหงส์กลิ่นอายแข็งแกร่งตัวหนึ่งพลันเอ่ยขึ้น
“ได้!” ยูงหางหงส์ทั้งหมดรีบกลับไปทันใด
ถึงแม้ว่าขนหางของรุ่นก่อนจะสำคัญ แต่ก็ไม่อาจให้รังหงส์ถูกศัตรูบุกทำลายเพราะสิ่งนี้ได้
“เสี่ยวหลิง เจ้าแปลงเป็นร่างมนุษย์ แอบตามคนที่ชิงเอาขนหางของรุ่นก่อนกลับมา ด้วยพลังเทพแท้จริงขั้นสี่ของเจ้าไม่น่าจะมีปัญหากระมัง!”
ยูงหางหงส์ตัวนี้พูดกับยูงหางหงส์อีกตัวหนึ่ง ขนหางของยูงหางหงส์ตัวนี้มีไฟสีม่วงฟ้าลุกไหม้โชติช่วงอยู่ กลิ่นอายก็แข็งแกร่งนัก
ฟิ้ว!
เปลวเพลิงสายหนึ่งไหลเข้าไปในหัวของมัน ใบหน้าของจ้าวเฟิงปรากฏขึ้น
“เสี่ยวหลิงน้อมรับคำสั่ง!”
ยูงหางหงส์ตัวนี้สำแดงเคล็ดวิชาลับทันใด แปลงเป็นร่างมนุษย์ในเปลวเพลิงสีฟ้าม่วงที่โชติช่วงพร่างพราย
ชุดกระโปรงยาวสีม่วงฟ้า ร่างขาวกระจ่างอ่อนช้อย เครื่องหน้าทั้งห้าไม่มีที่ติใดๆ โดยเฉพาะดวงตามีประกายสีม่วงฟ้าลอยเอ่อที่มีชีวิตชีวาคู่นั้น ยิ่งทำให้คนใจสั่นไหว
เผ่าพันธุ์ยูงหางหงส์ หนึ่งในสี่เผ่าพันธุ์ที่งดงามที่สุด แปลงเป็นร่างมนุษย์ก็ยังงดงามเลิศล้ำดุจเซียน
เสี่ยวหลิงก็คือยูงหางหงส์ที่เห็นแมวขโมยกลืนขนหางของรุ่นก่อนลงไปกับตา
“คนคนนี้น่าจะเป็นเจ้านายของแมวขโมยตัวนั้น!”
เสี่ยวหลิงจ้องใบหน้าของจ้าวเฟิงที่อยู่ในหัว ดวงตาทั้งสองทะลักจิตสังหารอันเย็นยะเยือกออกมา
ถึงแม้ว่าพวกมันจะเหยียดหยาม กระทั่งรังเกียจการแปลงเป็นมนุษย์มาก แต่เพื่อชิงขนหางของรุ่นก่อนกลับมา เสี่ยวหลิงก็ไม่มีวิธีอื่นอีก มีเพียงแค่แปลงเป็นร่างมนุษย์ แฝงตัวปะปนเข้าไปในกลุ่ม แล้วฉวยโอกาสสังหารคนคนนี้เสีย
……
รอบนอกป่าวิหคสวรรค์ กลุ่มเผ่าหมอกสวรรค์หยุดลง
ในยามนี้ทั้งกลุ่มเหลือเพียงสิบหกคนเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งที่มีพลังเทพแท้จริงเกือบสิบคนตายลง คนที่เหลือรอดล้วนไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ทั่วกายมีบาดแผลเล็กใหญ่
“พวกมันกลับไปแล้ว!”
“บ้าเอ๊ย เราล่อยูงหางหงส์จำนวนมากออกมา ขั้วอำนาจสองด้านที่เหลือจะต้องฉวยโอกาสบุกเข้าไปแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะได้ของวิเศษอะไรไปแล้วก็ได้!”
ในกลุ่มคน คนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างโกรธแค้นเจ็บใจ
ผู้อาวุโสชุดผ้าฝ่ายเผ่าหมอกสวรรค์ก็เงียบไม่พูดจา เผ่าหมอกสวรรค์เชี่ยวชาญเสวียนอ้าวธาตุลม สูญเสียค่อนข้างน้อย แต่เผ่าพันธุ์ยูงหางหงส์เหมือนว่าจะสามารถรับมือกับพวกเขาได้ ทำให้เขาไม่กล้าบุกรังหงส์อีกแล้ว
“หยุดพักผ่อนที่นี่ชั่วคราวก็แล้วกัน!”
ผู้อาวุโสชุดผ้าพูดกับคนเผ่าหมอกสวรรค์
“ต่อไปเผ่าหมอกสวรรค์จะเปลี่ยนไปยังสถานที่แห่งโอกาสอื่น ผู้ที่ยินดีสามารถติดตามเผ่าเรามาได้!”
ผู้อาวุโสชุดผ้ามองไปยังหลายคนรอบด้าน ก่อนหยุดสายตาลงที่เผ่าพาหาทองและจ้าวเฟิง
ในพื้นที่ลับรกร้างโบราณ หากสามารถติดตามเทพแท้จริงขั้นสี่จะได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่พื้นที่ที่เทพแท้จริงคิดสำรวจ ระดับอันตรายไม่ใช่สิ่งที่ปฐมเทพหรือเทพแท้จริงทั่วไปจะแบกรับเอาไว้ได้
ยกตัวอย่างเช่นรังหงส์ ข้างในมียูงหางหงส์ที่พลังถึงเทพแท้จริงขั้นห้า
“สหายอวี๋ สหายจ้าว ต้องขอโทษด้วยที่ดึงพวกเจ้าเข้ามา สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้อะไรเลย!”
ปฐมเทพเจี้ยนเฟิงยิ้มบางๆ พลางเดินมาใกล้ๆ จ้าวเฟิง
“ที่ไหนกัน ได้รู้เห็นพลังของเทพแท้จริงขั้นสี่ อีกทั้งรังหงส์ในตำนาน ข้าน้อยพอใจแล้ว!”
จ้าวเฟิงยิ้มกระอักกระอ่วน เอ่ยขึ้นอย่างละอายแก่ใจ ผลเก็บเกี่ยวของเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
จากนั้นทุกคนก็ฟื้นฟูไอสวรรค์ ดูแลรักษาบาดแผลที่นี่
พื้นที่ลับรกร้างโบราณมีอันตรายมากมาย หากไม่ใช่สภาพสมบูรณ์พร้อม อย่าได้บุ่มบ่ามลงมือเป็นดีที่สุด
ความคิดส่วนหนึ่งของจ้าวเฟิงดิ่งเข้าไปในมิติตาซ้ายและสำรวจผลเก็บเกี่ยวครั้งนี้ ความคิดอีกส่วนหนึ่งฝึกฝนวายุอัสนีห้าสาย
‘เคล็ดวิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ขั้นต่อไปคือห้าธาตุกลับเป็นหนึ่ง ต้องการทั้งทรัพยากรและพลังบรรลุ ใยามนี้จ้าวเฟิงสามารถผันเปลี่ยนพลังห้าธาตุได้ดั่งใจ ทั้งยังมีการช่วยเหลือจากจ้าววั่น ห้าธาตุกลับเป็นหนึ่งจึงไม่น่าจะยากอะไร
ทันใดนั้น ข้างหน้ากลุ่มหมอกสวรรค์มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกดดันมา
ทุกคนลืมตากวาดไปยังเบื้องหน้าทันใด
“พวกเจ้าหมายความว่าอะไรกัน?”
ผู้อาวุโสชุดผ้าลุกขึ้น รัศมีอำนาจไร้รูปร่างแผ่กระจายออก กระทบไปยังเสวียนอ้าวฟ้าดินด้านหนึ่ง
“หึ เผ่าหมอกสวรรค์ ส่งของที่พวกเจ้าได้มาจากรังหงส์มาซะ!”
ชายชราที่ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำและมีดวงตาดุจแมงป่องพิษตะโกนขึ้น
อีกด้านหนึ่งเป็นกลุ่มของเผ่าปีศาจวารีสวรรค์
ถึงแม้ว่าเผ่าหมอกสวรรค์จะล่อยูงหางหงส์ส่วนใหญ่ไป ทำให้พวกเขาเข้าไปในรังหงส์ได้สำเร็จ แต่ในยามที่ยูงหางหงส์กลับมาก็เกือบจะล้อมจับพวกเขาได้
ขั้วอำนาจทั้งสองถึงแม้จะเก็บเกี่ยวมาได้แต่ก็สูญเสียอย่างหนัก รวมกันแล้วหลือเพียงแต่ยี่สิบแปดคนเท่านั้น
พวกเขาคิดว่าเผ่าหมอกสวรรค์จะต้องได้ของวิเศษที่สำคัญในรังหงส์ไปอย่างแน่นอน มิฉะนั้นแล้วจู่ๆ เผ่าพันธุ์ยูงหางหงส์จะโกรธแค้นไล่โจมตีเผ่าหมอกสวรรค์อย่างบ้าคลั่งได้อย่างไร
ดังนั้นขั้วอำนาจทั้งสองจึงร่วมมือกันบีบบังคับเผ่าหมอกสวรรค์
และตอนนี้เอง ในกลุ่มเผ่าปีศาจวารีสวรรค์ สายตาของโหวชิ่งพลันสั่นไหว หยุดอยู่ที่ร่างของหนุ่มผมทองตาทองคนหนึ่ง