Skip to content

King of Gods 1207

King Of Gods

บทที่ 1207 จ้าวเฟิงปรากฏกาย

จุดที่จ้าวเฟิงอยู่ในตอนนี้ก็คือบริเวณที่วังโปร่งแสงปรากฏขึ้น

ในตอนแรก ทิวเขาที่นี่ทอดตัวเป็นแนวยาว ตอนนี้กลับกลายเป็นแอ่งกระทะมีหลุ่มมีบ่อ

ฟิ้ว! ฟิ้ว! เสียงแหวกอากาศสองเสียงดังขึ้น จ้าวหวางและจ้าววั่นมาถึงที่นี่

แต่ว่าคนทั้งสองมีอาการบาดเจ็บสาหัสในระดับที่ต่างกัน

เนตรหมื่นปรากฏการณ์ป้องกันและโจมตีในหนึ่งเดียว ส่วนจ้าวหวางก็มี ‘ร่างอมตะ’ ถ้าสามารถทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ ศัตรูจะต้องไม่ธรรมดาอย่าแน่นอน

เหมียว เหมียว! บนไหล่ของจ้าววั่น แมวขโมยน้อยส่ายหน้าถอนหายใจ

“เผ่าหยกทองและเผ่ามังกรเกล็ดฟ้ารึ?”

จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำ สีหน้าเย็นชา

ในตอนแรกจ้าวเฟิง มังกรวารีล้างโลกา และเสี่ยวหลิงถูกพาเข้าไปในมิติของชุดคลุม

เผ่ามังกรเกล็ดฟ้าเห็นกลุ่มของจ้าวเฟิงยังเหลืออยู่อีกสามคน จึงลงมือสังหารกลับทันใด หลังจากนั้นเผ่าหยกทองบางส่วนก็เข้าร่วมด้วย

จ้าวหวางและจ้าววั่นมีวิชาค่อนข้างมาก สุดท้ายแล้วหนีรอดมาได้ แต่ผู้เฒ่าชุดเขียวที่ถูกจ้าวเฟิงจับเป็นทาสคนนั้นถูกลอบทำร้ายจากพวกเขา

“กลับไปก่อน!” จ้าวเฟิงพูดอย่างเรียบนิ่ง

ความหมายของเขาแน่นอนว่าหมายถึงกลับไปในห้วงฝันบรรพกาล อาณาเขตเดิมของจ้าวเฟิง

ในตอนนี้ไม่มีผู้แข็งแกร่งดินแดนเทพรกร้างแล้ว ด้วยพลังของพวกจ้าวเฟิง ถ้าบุกเบิกขยายอาณาเขตที่นี่ก็ค่อนข้างลำบาก

ดังนั้นจ้าวเฟิงเลยตัดสินใจกลับไปยังพื้นที่เขตรอบนอกเหมือนเดิม แล้วค่อยๆ บุกเบิกขยายอาณาเขต

ฟุ่บ!

ในคนเหล่านี้ ความเร็วของจ้าวเฟิงมากที่สุด เขานำคนทั้งหมดเข้าไปในโลกมิติส่วนตัวทันที จากนั้นเริ่มออกเดินทาง

ตามทาง จ้าวเฟิงบินไปพลาง ทำความเข้าใจ ‘เคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตา’ ไปพลาง

ผ่านไปไม่กี่วัน จ้าวเฟิงก็บรรลุ ‘เคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตา’ ได้สำเร็จ

วู้ม วู้ม!

ร่างของจ้าวเฟิงแผ่กระจายคลื่นเสวียนอ้าวมิติที่แข็งแกร่งออกมา ผสานเข้าไปในอากาศและฟ้าดิน

วู้ม! อากาศเบื้องหน้าจ้าวเฟิงปรากฏลายคลื่นมิติชั้นหนึ่งขึ้น ดุจผืนน้ำโปร่งแสงมีระลอกคลื่นกระเพื่อม

ฟู่! จ้าวเฟิงกระโดดขึ้น กายจมเข้าไปในลายน้ำมิตินั้นทันที

ห่างออกไปสามแสนลี้

วู้ม วู้ม! อากาศและฟ้าดินบิดเบี้ยว คลื่นมิติรุนแรงก่อตัวขึ้น ลายน้ำมิติชั้นหนึ่งปรากฏในอากาศ

ฟุ่บ! ร่างของจ้าวเฟิงบินออกมาจากในนั้น

“เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาหนึ่งไปสามแสนลี้!”

จ้าวเฟิงเผยสีหน้าดีใจ

นี่เป็นเพียงแค่ ‘เคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตา’ ที่เขาเพิ่งฝึกได้เท่านั้น ระยะเคลื่อนย้ายของเขาก็จะไกลขึ้นเรื่อยๆ ตามความคุ้นเคย

ต่อมา หลังจากที่จ้าวเฟิงทดลองเคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตาหลายครั้งแล้ว ก็ใช้พลังส่งข้ามของมนตราอากาศกลับไปยังอาณาเขตในตอนแรกสุด

ขวับ!

จ้าวเฟิงปล่อยร่างแยกทั้งสอง มังกรวารีล้างโลกา และเจ้าแมวขโมยน้อยออกมา

“นายท่าน เหตุใดจึงไม่ให้เสี่ยวหลิงช่วยแก้ไขปัญหาของเกาะเทียนอวี่เล่า?”

มังกรวารีล้างโลกาถาม

เขาใช้พลังทำลายล้างดั้งเดิมไปมากนัก รากฐานเสียหาย ทำให้พลังฝึกตนลดลง ในตอนนี้ช่วยอะไรจ้าวเฟิงไม่ได้เลย

“ไม่จำเป็น!” จ้าวเฟิงตอบทันที

หากเสี่ยวหลิงออกโรง จะสามารถแก้ปัญหาเกาะเทียนอวี่ได้จริงๆ

แต่ความลับที่จ้าวเฟิงสามารถเข้าออกห้วงฝันบรรพกาลได้ตามใจ ต้องพยายามไม่ให้คนรู้ไปมากกว่านี้เป็นดี อีกทั้งด้วยพลังของจ้าวเฟิงและกำลังคน เรื่องจัดการเกาะเทียนอวี่ก็ไม่ยุ่งยาก

“เจ้ารีบฟื้นฟูพลังฝึกตนให้เร็วที่สุด” จ้าวเฟิงพูดกับมังกรวารีล้างโลกา

ในตอนนี้ จ้าวเฟิงไม่รีบร้อนออกไป

อย่างน้อยต้องรอให้พลังฝึกตนของมังกรวารีล้างโลกาฟื้นฟู รักษาอาการบาดเจ็บของจ้าวหวางและจ้าววั่น ทำพลังฝึกตนให้มั่นคงก่อนแล้วค่อยออกไป

ฟุ่บ! เงาคนร่างหนึ่งบินมายังจ้าวเฟิง

คนคนนี้สวมชุดสีคราม ใบหน้าขาวดุจหยก สีหน้าเป็นมิตร

“อืม จ้าวหุย!” จ้าวเฟิงพยักหน้า

ร่างแยกวิญญาณที่ครอบครองเนตรสังสารวัฏ ชื่อว่าจ้าวหุย!

ในยามนี้ จ้าวหุยประทับเนตรสังสารวัฏลงไปในวิญญาณได้สำเร็จแล้ว

“เจ้านำของพวกนี้ไปฝึกฝนทำความเข้าใจเสีย!”

จ้าวเฟิงส่งเคล็ดวิชา ทฤษฎี และเคล็ดวิชลับในหัวให้กับจ้าวหุย

แผนของจ้าวเฟิงก็คือให้จ้าวหุยเป็นแพทย์

ผู้ช่วยด้านการต่อสู้จ้าวเฟิงมีจ้าวหวาง จ้าววั่น และมังกรวารีล้างโลกาแล้ว ทั้งยังมีฝูงเผ่าพันธุ์บรรพกาลมากมาย อีกทั้งเดิมทีเนตรสังสารวัฏแห่งชีวิตก็ไม่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งอะไรอยู่แล้ว

ดังนั้นให้จ้าวหุยไปเป็นแพทย์จะดียิ่งกว่า

หนึ่งคือสามารถช่วยจ้าวเฟิงและคนอื่นๆ รักษาอาการบาดเจ็บ

สองคือแพทย์ยังสามารถปรุงโอสถ ยกระดับความเร็วของการฝึกฝนให้กลุ่มจ้าวเฟิง จัดการปัญหาข้อติดขัดบางส่วนของเส้นทางศาสตร์การต่อสู้

ตอนแรกที่สร้างร่างของของจ้าวหุย จ้าวเฟิงก็เลือกใช้ของล้ำค่าด้านชีวิตมหาศาล มอบร่างที่แฝงด้วยคุณลักษณะที่เป็นยา ใกล้ชิดฟ้าดินและธรรมชาติให้กับเขา

ทำเช่นนี้ก็เพื่อให้เส้นทางศาสตร์แพทย์ของเขาราบรื่นขึ้น

แต่ว่าในเส้นทางศาสตร์แพทย์ หากไม่มีพรสวรรค์จะยากยิ่งกว่าศาสตร์การต่อสู้เสียอีก

ในระยะเวลาสั้นๆ จ้าวหุยยากที่จะไปถึงระดับสูงตามความคิดของจ้าวเฟิง

พรึ่บ! ชุดคลุมยาวของจ้าวเฟิงสะบัดพลิ้ว นำร่างแยกทั้งสามอีกทั้งมังกรวารีล้างโลกาเข้าไปในมิติภายในชุดคลุมมิติ

มิติภายในชุดคลุมมิติ เวลาจะไหลไปช้ากว่าโลกภายนอกสิบเท่า แน่นอนว่าจะต้องใช้ให้ดี

หลังจากที่เก็บทุกคนเข้าไปในมิติภายในชุดคลุมมิติแล้ว จ้าวเฟิงก็มาถึงยังที่นี่

ตุบ~

เขาขัดสมาธินั่งลง ความคิดเริ่มอ่านเคล็ดวิชาประเภทมิติที่อยู่ในชุดคลุมมิติ

“เคล็ดวิชาประเภทมิติฝึกฝนค่อนข้างยาก ตอนนี้เลือกเคล็ดวิชามิติหรือเคล็ดวิชาลับที่ต้องการที่สุดและเหมาะกับตัวเองที่สุดก่อน! ”

จ้าวเฟิงพูดพึมพำ

“เคลื่อนย้ายมิติ!”

สายตาของจ้าวเฟิงหยุดที่เคล็ดวิชามิติเล่มนี้

คุณสมบัติของ ‘เคลื่อนย้ายมิติ’ เหมือนกับ ‘เคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตา’ แต่เคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตาให้ความสำคัญกับระยะทางมากกว่า โดยจะเพิ่มระยะทะลวงผ่านถึงขีดสูงสุด

เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาหนึ่งครั้ง บางทีก็แค่ระยะหลายแสนลี้ แต่เคลื่อนย้ายมิติหนึ่งครั้งอย่างน้อยๆ ก็เป็นระยะหลายล้านลี้ เทียบเท่ากับค่ายกลส่งข้ามระยะสั้นๆ ของดินแดนเทพรกร้าง

ทว่าเงื่อนไขของเคลื่อนย้ายมิติสูงมาก อย่างน้อยเสวียนอ้าวมิติต้องถึงขอบเขตขั้นที่หกจึงจะสามารถทำได้

จ้าวเฟิงจึงทำได้เพียงพักไว้ก่อน แล้วค้นหาต่อไป

“หาเจอแล้ว วิชาดวงตาประเภทมิติ!”

แววตาของจ้าวเฟิงไหววูบ

พื้นฐานทฤษฎีวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงแน่นที่สุด วิชาดวงตาประเภทมิติจึงเหมาะกับเขาที่สุด

“ ‘เนตรกั้นเวหา’ และ ‘มิติพันธนาการ’!”

ในหัวของจ้าวเฟิงปรากฏเคล็ดวิชาดวงตาประเภทมิติสองเล่มนี้ขึ้น

‘เนตรกั้นเวหา’ เพ่งไปยังฟากฟ้าแห่งหนึ่ง ทำให้อีกฝ่ายไม่อาจสำแดงวิชาหลบหลีกประเภทมิติได้ หากเสวียนอ้าวเวลาแข็งแกร่ง ยังสามารถทำให้มิติและเวลาไหลช้าลงด้วย

‘มิติพันธนาการ’ ใช้เสวียนอ้าวมิติเพียงเล็กน้อยเพ่งไปที่คนคนหนึ่ง จะสามารถหยุดยั้งเสวียนอ้าวมิติที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมา หากใช้คู่กับเสวียนอ้าวเวลา กระทั่งจะทำให้อีกฝ่ายหยุดนิ่งอยู่กับที่ เทียบเท่าได้กับ ‘วิชาสะกดร่าง’

‘เนตรกั้นเวหา’ คือเคล็ดวิชาลับขั้นเทพระดับกลาง ส่วน ‘มิติพันธนาการ’ คือขั้นเทพระดับสูง

จ้าวเฟิงตัดสินใจเริ่มจาก ‘เนตรกั้นเวหา’ ก่อน

เขาแบ่งความคิดออกเป็นหลายส่วน กลุ่มแรกเริ่มฝึกฝน ‘เนตรกั้นเวหา’

ความคิดกลุ่มที่สอง จ้าวเฟิงใช้ฝึกฝน ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’

ความคิดส่วนที่เหลือ จ้าวเฟิงใช้ศึกษา ‘เนตรพิฆาต’

ในตอนแรก จ้าวเฟิงทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ วิชาดวงตานี้ก็ค่อยๆ ถูกละทิ้งไป แต่ตอนนี้พลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้น ทั้งยังเชี่ยวชาญเสวียนอ้าวมิติ บางทีอาจจะสามารถปรับปรุงหรือเพิ่มความแข็งแกร่งให้วิชาดวงตานี้ได้

เวลาที่ฝึกฝนมักจะผ่านไปเร็วเสมอ

ณ วันหนึ่ง แก่นแท้ร่างกายของจ้าวเฟิงพลันเพิ่มสูงขึ้นหนึ่งขั้น

กายของเขาแวววาวกระจ่างใส ผิวกายมีประกายอัสนีห้าสีไหลวน

ครืน ฟู่ ฟู่!

จากนั้น อัสนีห้าสีและพลังแก่นแท้ที่น่าหวาดหวั่นก็แผ่กระจายออกมาจากร่าง

ครืน! อากาศและฟ้าดินสั่นไหว

“กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทะลวงถึงขั้นที่เจ็ดสำเร็จแล้ว!”

จ้าวเฟิงยิ้มพูดขึ้น

หลังจากการกำเนิดของพลังเทพห้าธาตุของจ้าวเฟิง ควบคู่กับพลังอัสนีเทวะ ทำให้ฝึกฝนกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ได้ผลลัพธ์ดีมากยิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้ เวลาสั้นๆ สิบกว่าวัน กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงก็ทะลวงขั้นได้แล้ว

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่เจ็ดระดับสูง จ้าวเฟิงอาศัยเพียงแค่พลังแก่นแท้ก็สามารถบดขยี้เทพแท้จริงขั้นสองได้ หลังจากที่ทำให้มั่นคงแล้ว จ้าวเฟิงก็นำความคิดกลุ่มนี้มาอนุมาน ‘วิชาแยกวิญญาณ’ จากนั้นปิดด่านฝึกฝนต่อไป

ผ่านไปอีกสิบกว่าวัน จ้าวเฟิงลืมตาขึ้น แต่ก็เพียงเพื่อทดลองวิชาดวงตาเท่านั้น

“เนตรพิฆาตอัสนีเทวะ!”

สายตาของจ้าวเฟิงเพ่งไปยังที่แห่งหนึ่ง

พรึ่บ!

คลื่นวนมิติชั้นหนึ่งลอยขึ้น จากนั้นคมอัสนีสีขาววาววับสายหนึ่งก็ฟาดผ่าออกมา

ฟิ้ว ฉัวะ!

คมแหลมเฉือนผ่านท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ทิ้งประกายแสงสีขาวที่ชวนให้คนพรั่นพรึงเอาไว้ทางหนึ่ง

“ไม่ได้ คลื่นมิติใหญ่เกินไป ผู้แข็งแกร่งที่มีเสวียนอ้าวมิติสามารถจับสัมผัสได้อย่างง่ายดาย!”

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งเครียด

‘เนตรพิฆาตอัสนีเทวะ’ ก็คือวิชาดวงตาใหม่ที่จ้าวเฟิงผสมผสานเคล็ดวิชาอื่นตาม ‘เนตรพิฆาต’ แล้วอนุมานออกมา

อานุภาพของเนตรพิฆาตอัสนีเทวะทรงพลังเป็นอย่างมาก หากปลดปล่อยออกมาจากร่างของอีกฝ่าย ก็จะถูกคนจับสังเกตได้ง่ายดายยิ่ง

จ้าวเฟิงอนุมานและทดลองต่อไป

เวลาครึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่โลกภายนอกผ่านไปเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น

“นายท่าน ข้าฟื้นฟูได้ถึงเทพแท้จรั้งขั้นสองแล้ว!”

มังกรวารีล้างโลกามาใกล้จ้าวเฟิง ก่อนพูดขึ้น

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ออกไปเถอะ!”

จ้าวเฟิงลืมดวงตาสุกสกาวขึ้น

……

เกาะเทียนอวี่

เจ้าเกาะเทียนอวี่ เทพแท้จริงกุ่ยซา และผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงทั้งหลายในเกาะเทียนอวี่ยังคงเฝ้าที่นี่เอาไว้

ผ่านไปนานสี่เดือนแล้ว แต่สี่เดือนนี้รอบๆ ไม่มีคลื่นมิติใดปรากฏขึ้น

ทำให้คนทั้งหมดที่นี่สงสัยว่าจ้าวเฟิงไม่อยู่ในมิติแห่งนี้แล้ว

แต่ว่าเจ้าเกาะเทียนอวี่ไม่พูดอะไร พวกเขาจะกล้าจากไปเสียที่ไหนกัน

“พี่ใหญ่ เจ้าเด็กนั่นจะไปจากที่นี่แล้วรึเปล่า?”

เทพแท้จริงกุ่ยซาถามอย่างสงสัย

“เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อมันซ่อนอยู่ในท้องฟ้าผืนนี้ แค่เพียงเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็จะเกิดคลื่นมิติขึ้น!”

เจ้าเกาะเทียนอวี่ใบหน้าเย็นชา สีหน้าเคร่งเครียด

ที่จริงแล้วเขาก็สงสัยอยู่บ้างเช่นกันว่าพวกจ้าวเฟิงไม่อยู่ในมิติแห่งนี้แล้ว

ต่อให้จ้าวเฟิงยังซ่อนอยู่ในมิติแห่งนี้ เขาสามารถซ่อนตัวสี่เดือนโดยไม่ปรากฏตัวขึ้น ก็ย่อมมีวิธีซ่อนนานกว่านี้

ถึงแม้พูดว่าเวลาสี่เดือนสำหรับผู้แข็งแกร่งเทพแท้จริงก็เป็นเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น แต่หากเรื่องนี้ไม่จบลง พวกเขาก็รู้สึกเหมือนก้างติดคอ ทรมานยิ่งนัก ทุกวันผ่านไปอย่างยากลำบาก

“หืม? ออกมาแล้ว!”

ทันใดนั้น เจ้าเกาะเทียนอวี่ตื่นตกใจ ดวงตาส่องประกายเย็นเยียบน่าหวั่นเกรง

รอมาสี่เดือน ในที่สุดมิติแห่งนี้ก็เกิดคลื่นขึ้น

“โจมตี!” เจ้าเกาะเทียนอวี่คำรามเสียงต่ำ

ฟิ้ว! แสงเย็นเยือกสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกมาจากมือของเจ้าเกาะเทียนอวี่ พลังเย็นเยียบแข็งแกร่งกลุ่มนั้นชวนให้จิตใจสั่นไหว

ฉึก ฟิ้ว!

ทุกที่ที่แสงเย็นเยือกสีขาวเทาพาดผ่าน จะทิ้งหมอกน้ำแข็งชั้นหนึ่งเอาไว้ในอากาศ

ครืน ตูม บึ้ม!

ผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงทั้งหมดที่นั่นโคจรพลังเทพทันที ทำการโจมตีตามเจ้าเกาะเทียนอวี่

ครืน ตูม ตูม!

ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น คลื่นพลังเทพอันน่าหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศ

แม้กระทั่ง ‘ค่ายกลผนึกนภา’ ที่กางไว้ที่นี่ก็ยังสั่นไหว

“ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่!”

ในใจเทพแท้จริงกุ่ยซาวาดหวังอยู่บ้าง

การโจมตีเมื่อครู่รวมพลังของเทพแท้จริงยี่สิบกว่าคนเชียว

“ฮ่าๆ ระดมพลมามากมายเช่นนี้ ให้พวกเจ้ารอนานไปแล้วจริงๆ!”

จู่ๆ เสียงหัวเราะก้องกังวานก็ดังมา

ฝุ่นธุลีสลายไป ร่างร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้น ชุดเงินผมทอง หล่อเหลาสง่างาม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!