Skip to content

King of Gods 1227

King Of Gods

บทที่ 1227 สถานที่ฝึกตน

เมื่อเข้าไปใกล้ตำหนักผลึกห้าสีที่โปร่งแสงทุกส่วนหลังนี้ จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ว่าในฟ้าดินมีเสวียนอ้าวห้าธาตุนับไม่ถ้วนทะลักล้น เพียงแต่ว่าพลังเสวียนอ้าวที่นี่อยู่ในระดับสูงส่งเกินไป ต่อให้เป็นจ้าวเฟิงที่ฝึกฝนเสวียนอ้าวห้าธาตุ ก็ยังยากจะส่งผลกระทบต่อมันแม้เพียงเล็กน้อย

ถ้าหากฝึกฝนอยู่ในละแวกใกล้เคียงตำหนักแห่งนี้ เสวียนอ้าวห้าธาตุของจ้าวเฟิงจะต้องมีพัฒนาการรวดเร็ว เอื้อประโยชน์อย่างยิ่งต่อการฝึกฝน ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’

‘มิน่าล่ะ ปีศาจที่นี่จึงมีขั้นพลังเสวียนอ้าวสูงส่งถึงเพียงนี้!’

จ้าวเฟิงตะลึง

ถึงจะเป็นคนที่โง่งมเพียงใด แต่หากอยู่ที่นี่พลังเสวียนอ้าวก็แข็งแกร่งเกินจะเปรียบอยู่ดี

“ที่นี่คงจะเป็นสถานที่ฝึกตนของจอมเทพห้าธาตุ แทบทั้งตำหนักนี้ประกอบขึ้นจากพลังเทพที่มีเสวียนอ้าวซับซ้อน”

จ้าวเฟิงไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจอมเทพจะลึกซึ้งในเสวียนอ้าวขนาดไหน

สวบ! จ้าวเฟิงเข้าไปภายในตำหนักผลึกห้าสี

ในวินาทีที่เข้าไปใน จ้าวเฟิงก็รู้สึกได้ถึงพลังเสวียนอ้าวในอากาศที่เข้มข้นอย่างยิ่ง จนแทบจะกลายเป็นมหาสมุทรเสวียนอ้าว

“ใครกัน?” ภายในตำหนัก หลายคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน

พวกเขาสามกลุ่มโจมตีปีศาจด้านนอกตำหนักจนล่าถอยไป ผลประโยชน์ที่นี่พวกเขาควรจะแบ่งกันเอง ดังนั้นทุกคนจึงไม่ต้อนรับคนที่เพิ่งมาทีหลัง

“เจ้าเอง?”

ปฐมเทพจื่อเฟิงอดหัวเราะไม่ได้ มองจ้าวเฟิงอย่างดูแคลน

ส่วนด้านข้าง ดวงตาปฐมเทพเทียนเสวี่ยเป็นประกายน้อยๆ

“เจ้านี่…”

สีหน้าเทพแท้จริงเฮยเต้าเคร่งขรึม แววตาล้ำลึกเกินจะเปรียบ

เมื่อก่อนจ้าวเฟิงเคยคุกคามเขา ถึงแม้จะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อเขา แต่เขาผู้เป็นถึงเทพแท้จริงขั้นห้าจะมาถูกปฐมเทพธรรมดาข่มขู่ได้อย่างไรกัน ด้วยเหตุนี้ เทพแท้จริงเฮยเต้าจึงคิดจะสังหารจ้าวเฟิง

“เจ้าหนุ่ม พวกเราเป็นคนยึดครองที่นี่ได้ เจ้าไสหัวออกไปเองแล้วกัน!”

ในเวลานี้ ปฐมเทพจื่อเฟิงตะโกนเสียงเย็นชา ท่าทางข่มขู่

ในงานประลองยุทธ์ผาเก่า เขาอยากจะดูหมิ่นจ้าวเฟิงสักหน่อยเพื่อระบายความโกรธแค้นแทนปฐมเทพเทียนเสวี่ย แต่พลังของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งจนเกินไป หากไม่ใช่คนในรายชื่อปฐมเทพก็ไม่สามารถโจมตีจ้าวเฟิงได้

ปฐมเทพจื่อเฟิงจึงปล่อยจ้าวเฟิงเป็นการชั่วคราวก่อนตอนงานประลองยุทธ์

แต่ที่เขาคาดคิดไม่ถึงคือจะมาเจอจ้าวเฟิงที่นี่ด้วย เขาอยู่ที่นี่ไม่มีอะไรต้องกังวลอะไร หนำซ้ำยังมีเหตุให้จัดการจ้าวเฟิง แต่ที่สำคัญที่สุดคือปฐมเทพเทียนเสวี่ยอยู่ข้างๆ ด้วย

“สมบัติที่นี่ ทุกคนที่พบเห็นต้องได้ส่วนแบ่งด้วย ไยต้องปิดกั้นขนาดนี้ หรือว่าพวกท่านจะขวางกลุ่มอื่นทั้งหมดไว้ด้านนอก?”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างนุ่มนวล

เมื่อครู่เขาเอาแต่หลบอยู่ในมุมมืด นับว่าเอาเปรียบคนพวกนี้อยู่เหมือนกัน

“ข้าสั่งให้เจ้าไสหัวไป!” คิ้วจื่อเฟิงกระตุก จิตสังหารในดวงตาพวยพุ่ง

จ้าวเฟิงพลันจิตใจหนักอึ้ง เขารู้สึกถึงจิตสังหารส่วนหนึ่งจากปฐมเทพจื่อเฟิง

ปฐมเทพจื่อเฟิงอยากสังหารจ้าวเฟิง เพียงแค่เพราะอีกฝ่ายเคยทำให้ปฐมเทพเทียนเสวี่ยไม่สบอารมณ์ หนำซ้ำจ้าวเฟิงก็ไม่ได้มีพลังอะไร เขาอยากจะสังหารก็ทำได้

ทางกลุ่มปฐมเทพเทียนเสวี่ยและปฐมเทพกุยอีปิดปากเงียบ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่อยากแบ่งสมบัติที่นี่ให้คนอื่นเหมือนกัน แต่ที่จ้าวเฟิงพูดก็ถูก พวกเขาไม่สามารถขวางทุกคนเอาไว้ด้านนอกได้

ส่วนเทพแท้จริงเฮยเต้าทำท่าทีไม่แยแส

เขาเองก็อยากสังหารจ้าวเฟิง หากตอนนี้ปฐมเทพจื่อเฟิงช่วยจัดการเรื่องนี้ เทพแท้จริงเฮยเต้าย่อมไม่รังเกียจ แต่ในตอนนี้เอง มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวเทพแท้จริงเฮยเต้า

“เทพแท้จริงเฮยเต้า พวกเราร่วมมือกันไม่ใช่หรือ? เจ้าน่าจะลงมือได้แล้ว!”

เทพแท้จริงเฮยเต้าชะงัก คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จ้าวเฟิงจะส่งกระแสจิตหาเขา

ร่วมมือกัน? น่าตลกจริงๆ

ตอนนี้ค่ายกลห้าธาตุแตกก่อนเวลา พวกเขาสองคนจะยังร่วมมือกันได้อย่างไร

“ถ้าหากข้าออกจากที่นี่ไป ข้าจะบอกทุกอย่างกับพวกเขาว่าคนที่เจอตำหนักนี้คือเจ้า หนำซ้ำเจ้ายังรู้ด้วยว่าสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของที่นี่ซ่อนเอาไว้ตรงไหน…”

จ้าวเฟิงส่งเสียงบอกอีกครั้ง

“เจ้าเด็กนี่!” เทพแท้จริงเฮยเต้าอึ้งอยู่กับที่ สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ต่อให้จ้าวเฟิงบอกเช่นนี้ก็ไม่มีใครเชื่อ แต่เขาเทพแท้จริงเฮยเต้านั้นต่างออกไป ทันทีที่จ้าวเฟิงพูดเช่นนี้ กองกำลังทั้งสามต้องสงสัยเขาแน่ และเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะร่วมมือกันขับไล่เขาออกไป

เทพแท้จริงเฮยเต้าเหนื่อยหน่ายอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าเขาจะถูกจ้าวเฟิงคุกคามอีกครั้ง

“ฮ่าๆ เป็นแค่ปฐมเทพทั่วไปคนหนึ่ง กลับทำให้ปฐมเทพจื่อเฟิงใส่ใจเช่นนี้ หากไม่ใช่กลัวเขาแย่งสมบัติที่นี่ ก็คงกลัวแย่งสตรีในดวงใจเจ้าไป?”

เทพแท้จริงเฮยเต้าก้าวออกมาแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะวูบไหวตัวไปยังส่วนในของตำหนัก

“เจ้า…” ปฐมเทพจื่อเฟิงพลันอึ้งงัน เขาไม่คิดเลยว่าเทพแท้จริงเฮยเต้าจะสอดมือเข้ายุ่งเอาตอนนี้ แต่ปฐมเทพจื่อเฟิงอยากสังหารจ้าวเฟิงเพราะปฐมเทพเทียนเสวี่ยจริง

อีกด้าน นัยน์ตาปฐมเทพเทียนเสวี่ยทอเผยคลื่นอารมณ์บางๆ

“ไปเร็ว จะปล่อยให้เทพแท้จริงเฮยเต้าไปก่อนไม่ได้!”

ปฐมเทพเทียนเสวี่ยและสมาชิกคนอื่นในกลุ่มจากไปทันที

ปฐมเทพกุยอีและจ้าวเฟิงไม่มีความแค้นต่อกัน ย่อมไม่จำเป็นต้องทำร้ายจ้าวเฟิง จึงไปสำรวจโอกาสที่นี่เช่นเดียวกัน

“เจ้าหนุ่ม ครั้งนี้จะปล่อยเจ้าไปก่อน!” ปฐมเทพจื่อเฟิงเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจากไปพร้อมกับสมาชิกคนอื่น

อย่างไรเสีย ตำหนักผลึกห้าสีหลังนี้อาจเป็นที่ที่มีโอกาสมากที่สุด คนอื่นๆ ลงมือแล้ว ตำหนักรัตติกาลม่วงย่อมไม่ยอมเสียเวลาเพื่อจ้าวเฟิงเพียงคนเดียว

หลังจากที่ทุกคนไปแล้ว จ้าวเฟิงจึงค่อยโคจรดวงตาซ้ายเพื่อประเมินตำหนักทั้งหลัง

เมื่อเข้าไปส่วนในของตำหนัก ความสามารถในการมองทะลวงผ่านจากดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็มีประโยชน์ขึ้นมา

“ตำหนักทั้งหลังสร้างขึ้นจากผลึกที่มีพลังเสวียนอ้าวแฝงอยู่ แล้วผลึกที่นี่ก็ล้ำค่ากว่าที่ข้าได้มาจากการสังหารปีศาจคราวก่อนเสียอีก”

ตาซ้ายของจ้าวเฟิงทอแสงสีทองอ่อน มองสำรวจรอบบริเวณ

สำหรับทุกคนแล้ว ตำหนักแห่งนี้เป็นคลังสมบัติขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เพียงแต่ว่าโครงสร้างของทั้งตำหนักเสถียรสมบูรณ์อย่างยิ่ง เพียงแค่ปฐมเทพกับเทพแท้จริงไม่กี่คน อยากจะขุดเอาผลึกที่มีเสวียนอ้าวออกจากกำแพงก็ยากลำบากยิ่งนัก

“หืม?” แววตาจ้าวเฟิงจ้องใต้ดินเขม็ง

เขาพบว่าใต้ตำหนักแห่งนี้เหมือนมีลวดลายค่ายกลอยู่ แต่ด้วยความสามารถในการมองทะลุผ่านของจ้าวเฟิง ยังมองเห็นค่ายกลที่ซ่อนใต้ดินไม่ชัดนัก

อีกอย่าง จ้าวเฟิงก็ไม่เข้าใจว่าใต้ดินของสถานที่ซึ่งจอมเทพห้าธาตุปิดด่านฝึกตนจะมีค่ายกลซ่อนอยู่ทำไม

จ้าวเฟิงไม่ได้คิดต่อ อย่างไรเขาก็มาที่นี่เพราะผลประโยชน์เป็นหลัก

สวบ! ห้องตำหนักที่จ้าวเฟิงอยู่ว่างเปล่า เขาจึงตรงไปที่ห้องอื่นทันที

แต่ห้องเหล่านี้ยังคงว่างเปล่าและธรรมดา นอกเหนือจากเครื่องใช้บางส่วนแล้วก็ไม่มีสิ่งของชิ้นอื่นอีก ทว่าของใช้เหล่านี้ประกอบขึ้นจากผลึกเสวียนอ้าว เชื่อมโยงกับตำหนักทั้งหลัง ไม่สามารถจะเคลื่อนย้ายมันได้ และในเวลานี้เอง เสียงของการสู้รบก็ลอดเข้ามาในโสตประสาทจ้าวเฟิง

ฟิ้ว! จ้าวเฟิงโบยบินตรงไปยังต้นกำเนิดเสียง

“พวกข้าตำหนักรัตติกาลม่วงเห็นก่อน!”

เทพแท้จริงของตำหนักรัตติกาลม่วงตะโกนเสียงดัง

แต่อีกฟากหนึ่ง กลุ่มของปฐมเทพกุยอีร่วมมือกับเทพแท้จริงเฮยเต้า จึงไม่หวาดกลัวตำหนักรัตติกาลม่วงแม้แต่น้อย

“นี่คืออะไรกัน?” ดวงตาจ้าวเฟิงจ้องสิ่งของที่ทั้งสองฝ่ายแย่งชิงกัน

ก้อนผลึกที่ส่องแสงประกายแวววาวหลายชิ้นนั้น ทุกส่วนแผ่ไอสวรรค์ในฟ้าดินที่เข้มข้นและระลอกพลังเทพที่แกร่งกล้าออกมา

“คงจะเป็นผลึกเทพระดับสูงเป็นอย่างน้อย!”

จ้าวเฟิงใจเต้นระรัว

ผลึกเทพระดับสุดยอดในดินแดนเทพรกร้างหายากเกินไป ดังนั้นผลึกเทพระดับสูงจึงเป็นสิ่งของแลกเปลี่ยนในระดับสูงสุดแล้ว แต่จ้าวเฟิงไม่ขาดแคลนผลึกเทพ จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงผลึกเทพระดับสูงแค่ไม่กี่ชิ้นกับเทพแท้จริงเฮยเต้าและตำหนักรัตติกาลม่วง

สวบ! จ้าวเฟิงเออกไปจากที่นี่ทันที และมุ่งหน้าไปที่อื่น

“เป็นพวกปฐมเทพเทียนเสวี่ย!”

จ้าวเฟิงมองเห็นกลุ่มปฐมเทพเทียนเสวี่ยยืนนิ่งอยู่ที่โถงลับห้องหนึ่ง

เขารู้สึกได้ว่าพลังเสียนอ้าวที่สาดซัดออกมาจากห้องโถงนี้หนาแน่นที่สุด

“นี่คือ?” วินาทีที่เข้ามาในโถงลับแห่งนี้ จ้าวเฟิงก็ตกตะลึง

รอบๆ โถงลับแห่งนี้มีภาพวาดผนังขนาดใหญ่สามภาพ บนภาพวาดมีระลอกแสงห้าสีวูบไหว หากจ้องมองอย่างละเอียดแล้ว ยังพอจะเห็นตัวอักษรและพลังเทพโคจรบนภาพรางๆ

“เคล็ดวิชากับกลยุทธ์การต่อสู้!” จ้าวเฟิงตื่นตะลึงอย่างยิ่ง

เขาคิดถึงขนาดที่ว่าวิชาและกลยุทธ์การต่อสู้ที่ซุกซ่อนอยู่ในภาพบนผนังจะใช่สิ่งที่จอมเทพห้าธาตุฝึกฝนหรือไม่ แต่วิชาและกลยุทธ์เหล่านี้มีข้อมูลมากจนเกินไป ถึงใช้ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็ยังยากจะจดจำให้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ

ในกลุ่มปฐมเทพเทียนเสวี่ยมีคนผู้หนึ่งที่เอาแต่ภาพบนผนัง เพียรพยายามจดจำข้อมูลในนั้นอย่างสุดชีวิต ส่วนคนอื่นที่เหลือก็มองประเมินสิ่งของชิ้นอื่น

‘โถงลับแห่งนี้พิเศษยิ่งนัก มีวิชาที่ยังไม่รู้ระดับขั้นอยู่อีก เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะเป็นสถานที่ปิดด่านฝึกตนของจอมเทพห้าธาตุ!’

จ้าวเฟิงใจเย็นวาบทันใด แววตาเป็นประกายขณะมองประเมินรอบๆ

นอกจากตัวอักษรมายาที่ลอยละล่องรอบด้าน สิ่งที่ดึงดูดสายตาที่สุดคงจะเป็นรูปสลักขนาดยักษ์ด้านหน้า รวมถึงเสาหินที่สลักตัวอักษรหลายตัวเอาไว้ว่า ทั้งหมดที่นี่มอบให้แก่ผู้มีวาสนาต่อกัน อักษรแถวนั้นเก่าแก่ทรงพลัง ทั้งยังแฝงไปด้วยทฤษฎีลึกล้ำ ทำให้จิตใจของจ้าวเฟิงดำดิ่งลงลึกไปจนไม่อาจถอนตัวได้ แต่พลังของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเป็นที่สุด เขาจึงหลุดพ้นจากอักษรแถวนั้นได้อย่างรวดเร็ว

จ้าวเฟิงฝืนยิ้ม สำหรับพวกเขาที่นี่เป็นคลังสมบัติ แต่กับคนที่ทิ้งตัวอักษรเหล่านี้เอาไว้ไม่ได้สนใจที่นี่แม้แต่น้อย และถึงแม้ผู้แข็งแกร่งคนนั้นจะพูดว่ายกทุกสิ่งที่นี่ให้กับคนมีวาสนาต่อกัน

แต่โครงสร้างตำหนักผลึกแห่งนี้มั่นคงเกินไป ผลึกเสวียนอ้าวบนนั้นไม่อาจจะถอนออกมาได้

“เอาจอกเหล้าชิ้นนี้ไปด้วยได้!”

เทพแท้จริงผู้หนึ่งในกลุ่มปฐมเทพเทียนเสวี่ยร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก

ทันใดนั้น ทุกคนในกลุ่มไปรวมตัวกันที่จอกเหล้า

การเชื่อมโยงระหว่างจอกเหล้าชิ้นนี้และทั้งตำหนักค่อนข้างเบาบาง จึงสามารถหยิบออกไปได้ ข้างจอกเหล้าชิ้นนี้ยังมีกาเหล้าอีกหนึ่ง ภายในว่างเปล่า

“ใช้พลังเสวียนอ้าวขยับจอกเหล้านี่ไป!”

ทั้งกลุ่มเตรียมจะเอาจอกเหล้าห้าสีชิ้นนี้

ผลึกเสวียนอ้าวที่ประกอบขึ้นเป็นจอกเหล้าห้าสีอยู่ในระดับสูงมาก และมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อคนในขั้นต่ำกว่าเทพโบราณ และในเวลานี้เอง กลุ่มของปฐมเทพกุยอี ปฐมเทพจื่อเฟิง รวมไปถึงเทพแท้จริงเฮยเต้าก็มาที่นี่ด้วยเช่นกัน

“ภาพบนผนังเหมือนแฝงด้วยเคล็ดวิชาชั้นยอดบางอย่าง!”

อัจฉริยะปฐมเทพผู้หนึ่งดำดิ่งความคิดลงไปในภาพ

“รูปสลักชิ้นนี้ต้องมีอะไรแฝงอยู่แน่!”

เทพแท้จริงหลายคนเข้าใกล้รูปสลัก ก่อนจะสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ดวงตาเทพแท้จริงเฮยเต้าเปล่งประกายระยับ สำรวจทุกจุดของตำหนักอย่างละเอียด เสมือนว่ากำลังค้นหาอะไรอยู่

“เบาะรองนั่ง? จอมเทพห้าธาตุฝึกตนที่นี่หรือ?”

ดวงตาของจ้าวเฟิงหยุดลงที่เบาะรองนั่งสามอันด้านหน้ารูปสลักยักษ์

หากจอมเทพห้าธาตุฝึกตนที่นี่จริงๆ เบาะรองนั่งคงจะมีบางอย่างที่ไม่ธรรมดากระมัง

วู้ม! ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมีระลอกแสงสีทองอ่อนชั้นหนึ่งปกคลุม จากนั้นประเมินเบาะรองนั่งที่ประกอบขึ้นจากผลึกเสวียนอ้าวอย่างละเอียด

“หืม? ที่นี่เหมือนจะเชื่อมโยงกับใจกลางค่ายกลใต้ดิน!”

ถึงแม้จ้าวเฟิงจะมองค่ายกลที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ดินไม่ออก แต่ก็ยังพอจะระบุตำแหน่งคร่าวๆ ของมันได้อยู่

จ้าวเฟิงประหลาดใจอยู่บ้าง เขาเดินไปนั่งบนเบาะที่อยู่ตรงกลางสุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!