Skip to content

King of Gods 1235

King Of Gods

บทที่ 1235 เทพโบราณมาเยือน

เมื่อจ้าวเฟิงทำลายค่ายกลส่งข้ามแถวนั้นหมดแล้ว ถึงพอจะโล่งใจได้บ้าง

ตอนนี้เขาหนีออกจากเขตผาเก่ามาที่เขตชะตาสวรรค์แล้ว แต่ว่าก็ยังไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของจ้าวเฟิงได้ เรียกได้แค่ว่าเขาผ่านพ้นช่วงอันตรายที่สุดไปแล้ว

“เจ้าคือจ้าวเฟิง!”

ตอนนี้ องครักษ์สามคนที่อยู่ไม่ไกลจากค่ายกลส่งข้ามร้องเสียงหลง

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในเขตผาเก่าอีก แต่ที่นี่เชื่อมต่อกับเขตผาเก่า จ้าวเฟิงก่อเรื่องใหญ่โตอย่างนั้น พวกเขาย่อมต้องรู้มาบ้างเช่นกัน

แน่นอนว่าคนของเขตชะตาสวรรค์คาดคิดไม่ถึง จ้าวเฟิงกลับหนีการตามล่าจากขั้วอำนาจมากมายในเขตผาเก่ามาที่นี่

ตามข่าวลือของเขตผาเก่า จ้าวเฟิงได้รับสมบัติล้ำค่ามา หนำซ้ำยังกักตัวปฐมเทพและเทพแท้จริงของขั้วอำนาจหลายสิบแห่งไว้ ทำให้เขตผาเก่าสั่นสะเทือนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

คนทั้งสามอดจะเดาไม่ได้ ที่สุดแล้วจ้าวเฟิงได้สมบัติอะไรมากันแน่! แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น พวกเขาสามคนเป็นเพียงครึ่งเทพ แค่จ้าวเฟิงดีดนิ้วก็สังหารได้แล้ว

เวลานี้ ในกลุ่มตำหนักโอ่อ่าทอดตัวยาวที่อยู่ไกลออกไป มีแสงสีขาวจำนวนหลายสิบพุ่งออกมา

คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นผู้แข็งแกร่งขั้นสูงของขั้วอำนาจนี้ พวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่น่ากลัวจากค่ายกลส่งข้าม จึงปรากฏกายขึ้น

“ไป!”

จ้าวเฟิงนำมังกรวารีล้างโลกาและคนอื่นๆ เข้าไปในชุดคลุมมิติ เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาหนีไปทันที

ระยะทางที่จ้าวเฟิงหนีมานับว่าไม่ไกลเท่าไหร่ ต่อให้จ้าวเฟิงทำลายค่ายกลส่งข้ามของที่นี่ เทพโบราณของเขตผาเก่าใช้เวลาไม่นานก็มาถึงได้

“เคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตา จ้าวเฟิง!”

ผู้อาวุโสสูงสุดของขั้วอำนาจแห่งนี้ตื่นตะลึง

เขาที่เป็นเทพแท้จริงขั้นสี่ไม่สามารถใช้เคลื่อนย้ายมิติชั่วพริบตาได้ ดังนั้นหากจ้าวเฟิงอยากไป ก็ไม่มีใครตรงนั้นขวางเขาเอาไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าขวางด้วย

“เจ้าเอาเรื่องนี้ไปรายงานเบื้องบน!”

ผู้อาวุโสสูงสุดสั่งชายวัยกลางคนข้างตัว

เขตชะตาสวรรค์ไม่ได้มีความแค้นกับจ้าวเฟิง แต่จ้าวเฟิงครอบครองสมบัติล้ำค่า ไม่ว่าใครก็สนใจเขาทั้งนั้น

เรื่องสำคัญขนาดนี้ย่อมต้องรายงานต่อเบื้องบนของขั้วอำนาจ

หลังจากหนีไปหลายล้านลี้แล้ว จ้าวเฟิงถึงจะโล่งอกเล็กน้อย

“ถึงกองกำลังของเขตผาเก่าตามมาถึงเขตชะตาสวรรค์ จะตามหาข้าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!”

สีหน้าจ้าวเฟิงเริ่มสงบนิ่ง ค่อยๆ ผ่อนความเร็วลง

ขั้วอำนาจที่จ้าวเฟิงมีปัญหาด้วยอยู่ในเขตผาเก่า หนึ่งในสามขั้วอำนาจทั้งเขตผาเก่าต้องฟังคำสั่งของตำหนักรัตติกาลม่วง แต่เมื่อมาถึงเขตชะตาสวรรค์จะไม่เป็นเช่นนั้นอีก ตำหนักรัตติกาลม่วงไม่มีอิทธิพลเหนือขั้วอำนาจแถวนี้

“ทว่าเขตชะตาสวรรค์ติดกับเขตผาเก่า ข่าวคราวเรื่องสมบัติที่ข้ามี ขั้วอำนาจส่วนหนึ่งที่นี่รู้กันทั้งนั้น!”

สีหน้าจ้าวเฟิงชะงักไป

ไม่มีใครไม่สนใจสมบัติล้ำค่า ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีความแค้นกับจ้าวเฟิง แต่หากรู้ว่าเขามีสมบัติในครอบครอง ย่อมไม่ลังเลที่จะลงมือ ถึงจ้าวเฟิงจะมาถึงเขตชะตาสวรรค์แล้ว ก็ยังต้องเคลื่อนไหวอย่างระแวดระวัง ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงยังคงเลือกยืมค่ายกลส่งข้ามของขั้วอำนาจสี่ดาวทั่วไปเพื่อรีบเดินทาง ครั้นหลบหนีไประยะหนึ่งแล้ว จ้าวเฟิงถึงกล้าเข้าไปในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแถวนี้

วันนี้ ในหอคอยฝึกตนของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายทางตะวันตกของเขตชะตาสวรรค์ จ้าวเฟิงเลือกห้องลับฝึกตนห้องหนึ่งส่งๆ ก่อนเข้าไปในมิติของชุดคลุมมิติ

“นายท่าน ท่านเอาผลึกเสวียนอ้าวส่วนหนึ่งออกมาช่วยข้าเพิ่มเสวียนอ้าวแห่งไฟได้หรือไม่!”

มังกรวารีล้างโลกาอ้อนวอน

“ไม่มีปัญหา” จ้าวเฟิงตอบตกลง

ยิ่งนานไป มังกรวารีล้างโลกาฟื้นฟูพลังฝึกตน ทรัพยากรล้ำค่าที่ใช้ก็จะยิ่งมาก ไม่สู้ให้ผลึกเสวียนอ้าวแก่เขาส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มพลัง ให้ไปฝึกฝนช้าๆ และฟื้นฟูพลังฝึกตนเอาเอง

ในตอนนี้ แววตาของจ้าวเฟิงถึงหยุดลงที่มุมหนึ่ง สีหน้าชะงักไปทันที

เพราะเขาเห็นไข่ลูกหนึ่ง!

จ้าวเฟิงจำไม่ได้ว่าในทรัพยากรฝึกตนมีไข่อยู่ด้วย

แต่เขาคิดออกอย่างรวดเร็ว สีและริ้วลายบนไข่ลูกนี้คล้ายคลึงกับไข่ลูกที่จ้าวเฟิงได้มาตอนการทดสอบยอดนภา

แต่สิ่งเดียวที่ต่างไปคือ ไข่ลูกนี้มีขนาดใหญ่ขึ้น

“นี่คือ…เจ้าแมวขโมยน้อย?” สีหน้าราบเรียบของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไปทันที

ก่อนนี้เขาก็รู้สึกว่าแมวขโมยน้อยผิดปกติ

คิดไม่ถึงเลยว่าเข้ามารอบนี้ เจ้าแมวขโมยน้อยจะกลายเป็นไข่ฟองหนึ่งไปแล้ว

“ถูกต้อง!” มังกรวารีล้างโลกาผงกศีรษะ มองไข่ลูกนั้นด้วยสายตาค่อนข้างพิลึก

ตอนที่เจ้าแมวขโมยเปลี่ยนเป็นไข่ก็ทำให้เขาตื่นตระหนกไม่น้อย สังเกตอย่างถี่ถ้วนอยู่ตั้งนาน

“หรือว่าจะทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ จำต้องกลายร่างเป็นไข่?”

จ้าวเฟิงพูดไม่ค่อยออก

ก่อนนี้เจ้าแมวขโมยเคยบอกเอาไว้ว่ามันต้องการจะทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์ ตอนนั้นจ้าวเฟิงไม่ได้คิดอะไรมากนัก

คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าแมวขโมยน้อยทะลวงขั้นจะกลายร่างเป็นไข่ จ้าวเฟิงก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าตอนเผ่าพันธุ์บรรพกาลทะลวงขอบเขตเซียนสวรรค์จะเปลี่ยนร่างเป็นไข่ จึงตื่นตะลึงและประหลาดใจอยู่บ้าง

วู้ม! จ้าวเฟิงโคจรดวงตาซ้ายสำรวจไข่ลูกนี้อย่างอดไม่ได้

“อุปสรรคมากนัก!” สีหน้าจ้าวเฟิงตื่นตะลึง

อุปสรรคในการมองทะลวงผ่านไข่ลูกนี้ไม่ต่างจากตอนที่สำรวจตำหนักผลึกห้าสีเลย

และในเวลาเดียวกัน ส่วนลึกในดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงเกิดคลื่นสั่นไหว

นั่นเป็นสายสัมพันธ์จากพันธะสัญญาระหว่างจ้าวเฟิงและเจ้าแมวขโมยน้อย จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงการต่อต้านของมัน

จ้าวเฟิงจึงไม่ได้ตรวจดูเจ้าแมวขโมยตัวน้อยที่กลายเป็นไข่ต่ออีก

วูบ! ในมือจ้าวเฟิงปรากฏกลุ่มแสงผลึกห้าสีที่ปกคลุมตำหนักหลังหนึ่งเอาไว้ภายใน

ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปภายใน

วินาทีต่อมา การโจมตีที่มืดฟ้ามัวดินก็พุ่งมาหาจ้าวเฟิง แต่จ้าวเฟิงอ่านทั้งหมดออกนานแล้ว ตอนที่เขาเข้าไปในตำหนักผลึกห้าสีจึงโคจรพลังภายในตำหนักมาปกป้องตนเองเอาไว้

“รีบปล่อยข้าไป!”

“รีบปล่อยพวกเราออกไปเร็ว!”

ในตำหนักมีเสียงร้องโวยวายอย่างโกรธแค้นบ้าคลั่ง

ถูกจ้าวเฟิงกักขังเอาไว้นานขนาดนี้ พวกเขารักษาสภาพอารมณ์ไว้ไม่ไหวอีกแล้ว

“เจ้าดูแคลนตำหนักรัตติกาลม่วงมากเกินไปแล้ว ไม่นานนักเจ้าจะต้องถูกผู้แข็งแกร่งของตำหนักเราจับได้แน่ พอถึงตอนนั้นเจ้าจะตายทั้งเป็น!”

ปฐมเทพจื่อเฟิงแห่งตำหนักรัตติกาลม่วงมองจ้าวเฟิงด้วยสายตาเหี้ยมโหด

เขาเชื่อมาโดยตลอดว่าจ้าวเฟิงจะถูกตำหนักรัตติกาลม่วงจับได้ และตำหนักผลึกห้าสีหลังนี้จะตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา

“ลืมบอกพวกเจ้าไป ตอนนี้ข้าอยู่ที่เขตชะตาสวรรค์!”

จ้าวเฟิงระบายยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปข้างๆ

“อะไรนะ? เขตชะตาสวรรค์?”

“ที่แท้เจ้าออกจากเขตผาเก่ามาแล้ว!”

ผู้แข็งแกร่งที่ถูกกักตัวไว้ในตำหนักสติแตกทันที

ขนาดผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งของตำหนักรัตติกาลม่วง ในแววตายังพลันฉายสิ้นหวัง

จ้าวเฟิงหยิบผลึกเสวียนอ้าวจากมุมหนึ่งของตำหนักผลึกออกมาง่ายดาย จากนั้นจึงออกไป

หลังจากที่มอบผลึกเสวียนอ้าวให้กับมังกรวารีล้างโลกาแล้ว จ้าวเฟิงก็มอบผลึกเสวียนอ้าวจำนวนมากที่แฝงเสวียนอ้าวห้าธาตุให้จ้าววั่น

เพราะครอบครองเนตรหมื่นปรากฏการณ์ ทำให้ผลึกเสวียนอ้าวเหล่านี้มีประโยชน์ต่อจ้าววั่น อาจจะมากกว่าจ้าวเฟิงด้วยซ้ำ

ตุบ! จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิลง เริ่มใช้ผลึกเสวียนอ้าวมาใช้เพื่อฝึกตน

จ้าวเฟิงกำผลึกเสวียนอ้าวไว้ ก็รู้สึกได้ว่าเสวียนอ้าวห้าธาตุปกคลุมทั้งจิตใจ เขาปล่อยให้เจตจำนงตั้งมั่นของตนสัมผัสและทำความเข้าใจมัน

“ได้ผลน่าตะลึงนัก!” จ้าวเฟิงตื่นเต้นยินดี

ไม่นานนัก เขาก็รู้สึกได้ว่าเสวียนอ้าวห้าธาตุของตนพัฒนาขึ้น

ผลึกเสวียนอ้าวเป็นสิ่งของชั้นเยี่ยมในการฝึกฝนเสวียนอ้าว ผลึกเสวียนอ้าวในระดับต่ำที่สุดก็ยังมีเพียงเทพโบราณที่หลอมออกมาได้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ขั้วอำนาจสี่ดาวทั่วไปจะมีผลึกเสวียนอ้าว

ผลึกเสวียนอ้าวของขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งส่วนหนึ่งมีจำนวนน้อยนิดอย่างยิ่ง โดยปกติมีแค่อัจฉริยะชั้นยอดในขั้วอำนาจถึงจะสามารถใช้ได้

ในขณะที่ฝึกฝนเสวียนอ้าวห้าธาตุ จ้าวเฟิงก็แบ่งห้วงความคิดจำนวนมากออกมาฝึกฝนด้านอื่นๆ ไปพร้อมกัน

ในงานประลองยุทธ์ผาเก่า จ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับอันตรายมากมาย ภายใต้แรงกดดันของความเป็นความตาย ทำให้ศักยภาพของเขาถูกเค้นออกมาบางส่วน จนตอนนี้ฝึกตนราบรื่น พลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หนึ่งเดือนต่อมา จ้าวเฟิงไปจากที่นี่และออกเดินทางต่อ

หานหนิงเอ๋อร์ก็เห็นว่าในช่วงนี้ยังไม่พ้นจากอันตราย นางไม่อยากจะเป็นตัวถ่วงของจ้าวเฟิง จึงเอาแต่อยู่ในโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา

ห้าปีต่อมา

พื้นที่ส่วนกลางของเขตชะตาสวรรค์ นอกตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายที่เผ่าพรายน้ำดูแล มีหญิงหนึ่งชายหนึ่งโบยบินมา ตกเป็นเป้าสายตาของกลุ่มคนมากมาย

ทั้งสองคนนี้คือจ้าวเฟิงและหานหนิงเอ๋อร์ พวกเขามาถึงส่วนกลางของเขตชะตาสวรรค์แล้ว ไม่จำเป็นต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป

ส่วนจ้าวเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องรีบเดินทางทั้งวันทั้งคืนอีก เขาจะแวะพักที่ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายเป็นครั้งคราว

“หญิงผู้นี้งดงามนัก!”

ผู้แข็งแกร่งของแต่ละเผ่าที่จะเข้าไปในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายถูกดึงดูดด้วยความงามและบุคลิกของหานหนิงเอ๋อร์

และก็มีหญิงสาวบางส่วนที่มองจ้าวเฟิง สายตามีแววประหลาดพาดผ่าน

พลังทั้งหมดของจ้าวเฟิงในตอนนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าตอนเพิ่งหนีออกจากเขตผาเก่า และที่ชัดเจนที่สุดก็คือเสวียนอ้าวห้าธาตุซึ่งกำลังจะถึงขั้นสาม ส่วน ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ขั้นสิบเอ็ดแตะระดับบริบูรณ์

อาศัยเสวียนอ้าวห้าธาตุขั้นที่สามและพลังเทพห้าธาตุขอบเขตบริบูรณ์ จ้าวเฟิงก็ต้านทานพลังของเทพแท้จริงขั้นห้าได้แล้ว

“พลังของข้าน่าจะไม่ต่างจากปฐมเทพทุนเทียนที่เป็นผู้ถูกเลือกผู้แข็งแกร่งที่สุดในเขตผาเก่าแล้ว!”

จ้าวเฟิงมีท่าทีภาคภูมิใจ

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผลึกเสวียนอ้าวของตำหนักหลังนั้น

ดังนั้นเรียกได้ว่าจ้าวเฟิงเสี่ยงอันตรายเพื่อฮุบตำหนักผลึกห้าสีก็คุ้มค่าแล้ว

หลังจากได้ผลึกเทพมาส่วนหนึ่ง จ้าวเฟิงเข้าไปในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย

อย่างแรก จ้าวเฟิงยังคงคิดหาวิธีต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนเอาแผนที่มา จากนั้นเขาจะไปลิ้มรสอาหารชั้นเลิศของตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย

แต่ในตอนนี้ ตราเทพบรรพกาลในมิติเก็บของของจ้าวเฟิงพลันเรืองแสงขึ้น ลวดลายสีเขียวด้านบนเปล่งแสงสุกสว่าง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงขยับ ตรงเข้าไปในมิติเก็บของ

“นี่คือ? แย่แล้ว!”

จู่ๆ จ้าวเฟิงก็นึกถึงอะไรบางอย่างออก สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปมาก

ตอนที่เพิ่งมาถึงดินแดนเทพรกร้าง จ้าวเฟิงยังใช้ตราเทพบรรพกาลแค่เพียงน้อยนิด แต่จากนั้นเขาก็หลงลืมเรื่องนั้นไป อย่างไรเสียในสายตาเขา ขั้วอำนาจที่เทพแท้จริงเทียนฝาอยู่อาจอยู่ไกลจากตนเองมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินทางมา แต่ยามนี้ ตราเทพบรรพกาลกลับเกิดการเปลี่ยนแปลง คล้ายมีสัญญาณเตือนดังขึ้นในหัวจ้าวเฟิง

“รีบหนีเร็ว!”

จ้าวเฟิงนำหานหนิงเอ๋อร์เข้าไปในโลกมิติส่วนตัวเมืองมายา แล้วเตรียมตัวจะจากไป

ทว่าในตอนนี้ บริเวณฟ้าที่ไกลลิบอับแสงลง

วูบ วูบ! ภายในหมอกดำมืดที่หมุนตลบ มีเสียงร้องเกรี้ยวกราดของภูติผีแว่วมา พลานุภาพที่สั่นสะเทือนฟ้าดินทำให้ทั่วร่างของทุกคนในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายสั่นเทิ้ม

ใจกลางของหมอกดำมีชายวัยกลางคนผิวดำลอยอยู่ ริ้วลายสีม่วงประหลาดบนหน้าชวนให้รู้สึกชั่วร้ายอันตราย

คนผู้นั้นก็คือเทพโบราณเฮยเทียน!

“คิดไม่ถึงว่าจะมีเทพโบราณมาตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายด้วย!”

“ไม่ทราบว่าเป็นเทพโบราณคนใดมาที่นี่?”

ในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายมีเสียงสนทนาดังมา สายตาเคารพนับถือของทุกคนทอดมองไปไกล

เผ่าพรายน้ำผู้อยู่เบื้องหลังตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายแห่งนี้เป็นเพียงแค่ขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งเท่านั้น ดังนั้นจึงยากจะพบเจอเทพโบราณ แต่ทันใดนั้น เขตพลังค่ายกลรอบตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายก็พังทลายลง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ผู้แข็งแกร่งเทพโบราณผู้นั้นทำลายเขตพลังค่ายกล!”

“เขาคิดจะทำอะไร?” ทุกคนในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่เดิมพวกเขาคิดเอาไว้ว่าเทพโบราณแค่ผ่านทางมาเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูท่าสถานการณ์จะไม่ค่อยเข้าทีแล้ว

“เหอะๆ เป็นเจ้านี่เอง!” เทพโบราณเฮยเทียนถือเหล็กชิ้นเล็กสีดำเอาไว้

สายตาของเขาจับจ้องชายผมทองคนหนึ่งในตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!