บทที่ 1240 สืบหาข่าว
แปดเนตรเทพเจ้าและทายาทของมัน หากไม่ตั้งใจแสดงความสามารถออกมา ก็ยากที่จะแยกแยะได้ ดังนั้นก่อนนี้ทุกคนจึงไม่ล่วงรู้ฐานะของหานหนิงเอ๋อร์ผู้เป็นทายาทเนตรชีวิต
ในตำหนัก หานหนิงเอ๋อร์ที่กระตุ้นเนตรชีวิตเป็นประหนึ่งเทพธิดาแห่งชีวิตของป่าเขาผืนนี้ อาบอยู่ในกระแสธาราชีวิตเปล่งแสงสีมรกตเป็นประกาย ศักดิ์สิทธิ์
“คิดไม่ถึงเลยว่าพี่หานจะเป็นผู้สืบทอดมรดกเนตรชีวิต!”
เหอซีแห่งเผ่าลายชาดอ้าปากจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อ แววตาเต็มไปด้วยความนับถือ
ในสายตานาง ทายาทเนตรเทพเจ้าเป็นสายเลือดที่ล้ำค่ายิ่งกว่าสายเลือดห้าสิบลำดับต้นของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ
ในตอนนี้นางไม่อาจเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับหานหนิงเอ๋อร์อีก
“นี่…เป็นไปได้อย่างไร?”
แพทย์ชุดขาวผู้นั้นตื่นตะลึงไปครู่หนึ่ง ถึงจะเอ่ยคำออกมาได้
ครอบครองเนตรชีวิต ถึงจะไม่เรียนรู้ศาสตร์แพทย์ ก็สามารถอาศัยเนตรเทพเจ้ารักษาบาดแผลหรืออาการเจ็บป่วยต่างๆ ของคนอื่นได้อย่างง่ายดาย หากศึกษาศาสตร์แพทย์จนลึกซึ้ง ก็จะใช้ความสามารถของเนตรชีวิตได้จนถึงขีดสุด
แพทย์ที่มีเนตรชีวิต จะเป็นคนที่มีตำแหน่งสำคัญที่สุดของดินแดนเทพรกร้างแน่!
ตำหนักอโรคาถือว่าเป็นขั้วอำนาจสี่ดาวครึ่งที่มีอิทธิพลที่สุดในละแวกนี้ แต่ยังรับทายาทเนตรชีวิตไว้ไม่ไหว
ทันทีที่ขั้วอำนาจอื่นค้นพบว่าตำหนักอโรคามีทายาทเนตรชีวิต ไม่แน่ว่าอาจจะไม่สนใจทุกสิ่ง แล้วโจมตีตำหนักอโรคาเพื่อชิงตัวทายาทเนตรชีวิตไป
“ผู้อาวุโสซู!” เทพแท้จริงขั้นหกของตำหนักอโรคาตะโกนลั่น
แพทย์ชุดขาวผู้นั้นร่างสั่นเทิ้ม
“แม่นางผู้นี้ ข้าแซ่ซูมีตาหามีแววไม่ คำพูดที่เอ่ยไปทั้งหมดเมื่อครู่แค่หยอกเย้าเท่านั้น ได้โปรดอย่าเก็บไปใส่ใจ!”
แพทย์ชุดขาวระบายยิ้มรับหน้า
ผู้ครอบครองเนตรชีวิต หากเข้าร่วมขั้วอำนาจทรงอิทธิพลสักแห่ง จะต้องได้รับการทุ่มเทบ่มเพาะจากพวกเขา ความสำเร็จในภายหน้าจะอยู่เหนือแพทย์คนใดก็ตามของตำหนักอโรคา
พวกเผ่าลายชาดตะลึงอยู่ข้างๆ แววตาอึ้งมองแพทย์ชุดขาว
แพทย์ของสำนักคนที่เมื่อครู่ยังไม่แยแสพวกเขา แถมยังทำท่าทีหยิ่งยโส ตอนนี้กลับค้อมศีรษะเอ่ยปากขอโทษหานหนิงเอ๋อร์ ความแตกต่างก่อนและหลังนี้ช่างมากเกินไปจริงๆ
“ล้อเล่นหรืออย่างไร? เมื่อครู่ผู้อาวุโสซูเกือบจะลงมือกับผู้น้อยแล้ว!”
จ้าวเฟิงหัวเราะหยัน
เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะเขาให้หานหนิงเอ๋อร์แสดงความสามารถของเนตรชีวิต ไม่แน่ว่าผู้อาวุโสซูอาจจะลงมือกับพวกเขาไปแล้ว
“เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้ว!”
แพทย์ชุดขาวยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน แต่ในใจกำลังลอบด่าจ้าวเฟิง
“ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองมาที่นี่มีเรื่องสำคัญอะไร?” ยามนี้ เทพแท้จริงขั้นหกของตำหนักอโรคาเอ่ยถาม
เมื่อครู่ ผู้อาวุโสซูของตำหนักอโรคาล่วงเกินคนรุ่นเยาว์ทั้งสองอย่างชัดเจน
เทพแท้จริงขั้นหกผู้นี้จึงหวังว่าตนจะสามารถช่วยเหลือพวกจ้าวเฟิงอย่างสุดกำลัง เพื่อแลกความรู้สึกดีๆ กลับมา
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสเคยได้ยินคนชื่ออวี๋ปิงเฉิงหรือไม่?”
หานหนิงเอ๋อร์ที่เก็บเนตรชีวิตแล้วถามทันที
“อวี๋ปิงเฉิงที่พวกเจ้าพูดถึง หรือว่าจะเป็นผู้อาวุโสอวี๋ของ ‘สำนักแก่นแท้’?”
เทพแท้จริงขั้นหกผู้นี้เงียบไปครู่หนึ่ง ดวงตาเป็นประกาย
ท่าทีเป็นมิตรกับหานหนิงเอ๋อร์มากขึ้น
สำนักแก่นแท้เองก็เป็นขั้วอำนาจที่มีแพทย์เป็นหลัก แต่กลับเป็นสำนักสี่ดาวระดับสุดยอดที่มีชื่อเสียงขจรไกล
“ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ข้ามีเพียงแค่ชื่อของคนผู้นี้เท่านั้น” หานหนิงเอ๋อร์ส่ายศีรษะ
ท่าทางของเทพแท้จริงขั้นหกทำให้เห็นว่าอวี๋ปิงเฉิงผู้นี้คงจะมีชื่อเสียงอย่างยิ่ง
สีหน้าจ้าวเฟิงสงบไม่เปลี่ยน ถึงจะชื่อเดียวกัน แต่ไม่ได้แปลว่าเป็นคนที่หานหนิงเอ๋อร์ตามหา จากการไหว้วานของพวกจ้าวเฟิงทั้งสอง เทพแท้จริงขั้นหกของตำหนักอโรคาจึงส่งจดหมายให้กับผู้อาวุโสอวี๋ของสำนักแก่นแท้
ในจดหมายแจกแจงเรื่องบางส่วนของหานหนิงเอ๋อร์เอาไว้ หากผู้อาวุโสอวี๋ผู้นี้เป็นคนเดียวกับผู้อาวุโสที่หานหนิงเอ๋อร์ตามหา เขาย่อมจัดการทำอะไรบางอย่าง
ในระหว่างนั้น พวกจ้าวเฟิงจึงอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว
วันหนึ่ง คนของเผ่าลายชาดเตรียมจะเดินทางกลับ
“ครั้งนี้ลำบากสหายจ้าวแล้ว เผ่าลายชาดซาบซึ้งใจยิ่งนัก!” คนเผ่าลายชาดเผยสีหน้าซาบซึ้ง ก่อนจะเอ่ยลาพวกจ้าวเฟิง
คนที่เดินทางไปพร้อมกับพวกเขาก็คือแพทย์ชุดขาวผู้นั้นของตำหนักอโรคา
จากข้อเรียกร้องของตำหนักอโรคา เขาเดินทางไปรักษาพิษประหลาดของผู้อาวุโสสูงสุดที่เผ่าลายชาดครั้งนี้จะไม่รับค่าตอบแทนใดๆ
“ไว้เจอกันใหม่นะ พี่จ้าว พี่หาน!” เหอซีโบกมือ บอกลาพวกจ้าวเฟิง
แพทย์ชุดขาวผู้นั้นท่าทางหมดอาลัยตายอยาก ติดตามเผ่าลายชาดเดินทางออกจากตำหนักอโรคาไป
“รอก่อนเถอะ ไม่นานเท่าไหร่คงได้ข่าว!”
จ้าวเฟิงพูดกับหานหนิงเอ๋อร์ และเดินกลับไปที่พักของตนเอง
พรึ่บ! จ้าวเฟิงหยิบชุดคลุมมิติออกมา จากนั้นจึงเข้าไปมิติด้านในชุดนั้น
ไม่ไกลเท่าไหร่นัก ไข่ที่เกิดจากเจ้าแมวขโมยตัวน้อยยังนอนนิ่งสงบ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
“นายท่าน!” มังกรวารีล้างโลกาเอ่ยอย่างเคารพ
ยี่สิบห้าปีนี้ เวลาส่วนมากจ้าวเฟิงเอาแต่เดินทาง ส่วนมังกรวารีล้างโลกากลับฝึกตนอย่างจริงจังในชุดคลุมมิติเป็นเวลาสองร้อยห้าสิบปี
ในตอนนี้ พลังฝึกตนของเขาฟื้นฟูกลับไปแตะเทพแท้จริงขั้นห้า ต่างจากเขาในช่วงสุดยอดไม่มากแล้ว ระหว่างนี้ มังกรวารีล้างโลกาใช้ผลึกเสวียนอ้าวไปไม่น้อย เสวียนอ้าวไฟแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนระดับสุดยอดเสียอีก
อีกด้าน จ้าวหวังยังคงฝึกตนอยู่ ใบหน้าเขาเย็นชา ดวงตาน่าสะพรึงกลัว
จ้าวหุยกำลังอ่านตำรา แยกแยะและวิเคราะห์โอสถแต่ละประเภท ส่วนจ้าววั่นรับผิดชอบบุกเบิกห้วงฝันบรรพกาล เพื่อมอบทรัพยากรฝึกตนให้กับทุกคน
จ้าวเฟิงมาถึงสถานที่ฝึกตนประจำ แล้วก็นั่งขัดสมาธิลงไป
วู้ม แซ่ด! ด้านหน้าจ้าวเฟิงปรากฏผลึกโปร่งแสงสองเม็ด ภายในมีกระแสสายฟ้านับไม่ถ้วน
นี่คือผลึกเทพอัสนีที่ซินอู๋เหินมอบให้กับเขา และเพราะต้องการใช้ในการฝึกตน ทำให้เขาคัดลอกเอาไว้จำนวนมาก
“ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ขั้นที่สิบสอง พลังเทพอัสนีเทวะห้าธาตุ หากผสานพลังสายฟ้าที่มีเสวียนอ้าวอัสนีเทวะเข้าไปในพลังเทพห้าธาตุด้วย จะช่วยเพิ่มพลังในการทำลายล้าง!”
จ้าวเฟิงโคจร ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ดูดซึมพลังอัสนีเทวะในผลึกเทพอัสนี ก่อนผสานเข้าไปในน้ำวนพลังเทพในร่างกาย
ขั้นสิบสองนี้เป็นขั้นสุดท้ายแล้ว หลังจากฝึกเสร็จ วิชานี้จะครบบริบูรณ์ จนถึงตอนนั้นก็จะได้เวลาที่จ้าวเฟิงทะลวงขั้นเทพแท้จริง
วู้ม แซ่ด! ในตอนที่จ้าวเฟิงฝึกฝนพลังเทพอัสนีเทวะห้าธาตุ เขายังใช้พลังเทพนี้ผสมกับพลังอัสนีเทวะหล่อหลอมกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์
กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์มีทั้งหมดเจ็ดขั้น ตอนนี้จ้าวเฟิงถึงจุดสูงสุดของขั้นที่เจ็ดแล้ว เพียงก้าวเดียวก็จะถึงขั้นบริบูรณ์ แต่ก้าวเดียวกลับยากที่จะก้าวข้ามไปได้ พลังอัสนีเทวะธรรมดายากจะส่งผลเสริมสร้าง
ห้าวันต่อมา ตำหนักอโรคาก็ส่งข่าวกลับมา
ผู้อาวุโสอวี๋แห่งสำนักแก่นแท้เป็นผู้อาวุโสร่วมสำนักของหานหนิงเอ๋อร์จริงๆ
“คิดไม่ถึงเลยว่าท่านทั้งสองจะรู้จักผู้อาวุโสอวี๋ของสำนักแก่นแท้ หากเป็นเช่นนี้ แม่นางหานไปอยู่ที่สำนักนั้นแล้วจะต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี อนาคตรุ่งเรืองแน่นอน!” เทพแท้จริงขั้นหกของตำหนักอโรคาระบายยิ้ม
ถึงขนาดที่ว่าเทพโบราณของตำหนักอโรคายังออกจากการปิดด่านมาเพื่อพบคนทั้งสอง
ในคืนนั้น ทั้งตำหนักอโรคาจัดงานเลี้ยงขึ้นเพื่อพวกจ้าวเฟิง
แพทย์จำนวนมากของตำหนักอโรคารวมไปถึงอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของขั้วอำนาจใกล้เคียงต่างมารวมตัวกัน หลังจากคืนนั้นผ่านไป ตำหนักอโรคาจัดคนไปส่งพวกจ้าวเฟิงที่สำนักแก่นแท้ขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอด
“เมื่อไปถึงสำนักแก่นแท้ อย่าพึ่งพิงผู้อาวุโสท่านนี้มากนัก จงพึ่งตัวเองให้ได้!”
จ้าวเฟิงกำชับระหว่างที่เดินทาง
ก่อนนี้ตำหนักอโรคาเคยส่งจดหมายไป แต่ไม่ได้บอกเรื่องหานหนิงเอ๋อร์เป็นทายาทเนตรชีวิต
หากแจ้งจุดนี้แล้ว คาดว่าอวี๋ปิงเฉิงของสำนักแก่นแท้น่าจะเดินทางมาด้วยตนเอง
จากจุดนี้เห็นได้ว่าอวี๋ปิงเฉิงผู้นี้ไม่ได้สนใจหานหนิงเอ๋อร์เป็นพิเศษ
“อืม เมื่อไหร่ท่านจะไปหาคนที่ท่านตามหาเล่า?”
หานหนิงเอ๋อร์ก้มหน้าเอ่ยเสียงเบา
ตอนที่มาถึงเขตเทพสวรรค์ หานหนิงเอ๋อร์ก็คิดเอาไว้แล้วว่าอีกไม่นานจ้าวเฟิงคงจากไป
“ไม่นานนักหรอก” จ้าวเฟิงตอบง่ายๆ
อาศัยชื่อเสียงของตำหนักอโรคา พวกจ้าวเฟิงหยิบยืมค่ายกลส่งข้ามไปเรื่อยๆ
สองเดือนต่อมา ทุกคนก็มาถึงสำนักแก่นแท้อย่างราบรื่น จากการแนะนำของสมาชิกตำหนักอโรคา คนทั้งสองก็ได้เจอผู้อาวุโสอวี๋ของสำนักแก่นแท้
ผู้อาวุโสอวี๋อยู่ในช่วงวัยกลางคน แต่งตัวเป็นแพทย์ทั่วไป แต่กลับมีท่าทางของผู้รักษามากกว่าแพทย์ชุดขาวของตำหนักอโรคา
ผู้อาวุโสอวี๋เป็นเทพแท้จริงขั้นหก อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นจะกลายเป็นเทพโบราณ แต่ก้าวเดียวนี้กลับยากจะข้ามผ่านไปได้
“ผู้อาวุโสอวี๋ ข้าคือศิษย์ของสำนักรากฐานเทพ!” หานหนิงเอ๋อร์เอ่ยก่อน
“หืม? เจ้า…” แววตาผู้อาวุโสอวี๋เรียบนิ่ง จับจ้องที่หานหนิงเอ๋อร์ ก่อนจะมองประเมินอย่างละเอียด เดิมเขาคิดว่าสำนักรากฐานเทพรู้ว่าเขาก้าวหน้าไม่น้อย จึงส่งลูกศิษย์มาเพื่อให้เขาสนับสนุน แต่คาดคิดไม่ถึงเลยว่าจะส่งสตรีโฉมงามเช่นนี้มา หนำซ้ำคุณสมบัติร่างกายของหานหนิงเอ๋อร์พิเศษอย่างยิ่ง เป็นร่างกายที่เหมาะกับการฝึกศาสตร์แพทย์
ผู้อาวุโสอวี๋มองหานหนิงเอ๋อร์ แววตาฉายแววหลงใหล
‘สตรีโฉมงามล่มเมืองเช่นนี้ หนำซ้ำยังมีคุณสมบัติร่างกายที่พิเศษยิ่ง จะต้องมีอนาคตที่กว้างไกล สามารถเป็นคู่ฝึกของข้าได้!’
ผู้อาวุโสอวี๋วางแผนในใจ
ก่อนนี้ผู้อาวุโสอวี๋คิดจะหาคู่ครองคนหนึ่ง เพื่อช่วยให้ตนเองทะลวงขั้นเทพโบราณโดยอาศัยการฝึกคู่
หานหนิงเอ๋อร์ที่ถูกส่งมาถึงที่รูปโฉมงดงาม และยังมีคุณสมบัติร่างกายที่ดีเยี่ยมด้วย
“ผู้อาวุโสอวี๋ ข้าคือทายาทเนตรชีวิต”
หานหนิงเอ๋อร์กระตุ้นเนตรชีวิตเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยต่อ
ผู้อาวุโสอวี๋ที่มองประเมินหานหนิงเอ๋อร์อย่างละเอียดนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ร่างกายแข็งทื่อไป จ้องดวงตาสีเขียวมรกตของหานหนิงเอ๋อร์
จากนั้นสักพัก ผู้อาวุโสอวี๋จึงยิ้มอย่างปีติยินดี
“ดี ดี!” ผ่านไปครู่ใหญ่ ผู้อาวุโสอวี๋จึงเอ่ยออกมา แต่แววตาจ้องที่หานหนิงเอ๋อร์อย่างไม่อาจละสายตาไปได้
“เนตรชีวิต ฮ่าๆ สำนักแก่นแท้จะเห็นความสำคัญของเจ้าแน่!”
ผู้อาวุโสอวี๋เอ่ยอย่างยินดี
จากนั้นหานหนิงเอ๋อร์จึงสนทนาเรื่องสำนักรากฐานเทพกับผู้อาวุโสอวี๋
สำหรับหานหนิงเอ๋อร์แล้ว ผู้อาวุโสอวี๋คือคนของสำนัก ดังนั้นนางจึงเห็นอีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสที่น่าเคารพ และเล่าเรื่องสำนักให้ฟังทั้งหมด
“เจ้าจงวางใจ ข้าจะให้หอมังกรเหลืองต้องชดใช้…”
ผู้อาวุโสอวี๋เอ่ยรับรองกับหานหนิงเอ๋อร์อย่างหนักแน่น
หลังจากที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ ผู้อาวุโสอวี๋ถึงจะมองจ้าวเฟิง
“คุณชายจ้าวเป็นผู้ที่มาส่งข้าถึงเขตเทพสวรรค์อย่างปลอดภัย”
หานหนิงเอ๋อร์รีบแนะนำ
“ตลอดทางที่ผ่านมานี้ต้องขอบคุณสหายน้อยมาก เจ้ามีเรื่องอะไรให้ช่วย เชิญบอกมาได้เลย หากเป็นสิ่งที่ข้าแซ่อวี๋ ทำได้ ข้ายินดี!”
ผู้อาวุโสอวี๋มองจ้าวเฟิงพลางเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจ
เขาย่อมมองความไม่ธรรมดาของจ้าวเฟิงออก มิฉะนั้นปฐมเทพคนหนึ่งจะพาหานหนิงเอ๋อร์มาส่งที่เขตเทพสวรรค์อย่างปลอดภัยได้อย่างไรกัน อีกทั้งเขายังมองออกอีกว่า หานหนิงเอ๋อร์เหมือนจะสนใจเจ้าคนผมทองคนนี้!
“ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโสเคยได้ยินชื่อจ้าวหยูเฟยแห่งเผ่าพันธุ์วิญญาณหรือไม่?”
จ้าวเฟิงไม่เกรงใจอีก เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
คนผู้นี้เป็นผู้อาวุโสของขั้วอำนาจสี่ดาวระดับสุดยอด หนำซ้ำยังเป็นแพทย์ รู้จักคนมากมาย บางทีอาจจะช่วยจ้าวเฟิงได้
“เจ้ารู้จักนางหรือ?”
ผู้อาวุโสอวี๋พลันเปลี่ยนสีหน้า มองจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ ดูสงสัยยิ่งนัก
จ้าวเฟิงใจเต้น ดูจากท่าทางของผู้อาวุโสอวี๋ก็รู้ได้ จ้าวหยูเฟยอยู่ที่ขั้วอำนาจเผ่าพันธุ์วิญญาณของเขตเทพสวรรค์จริงๆ