บทที่ 1244 ศิษย์นอกเผ่า
ชือเหวยหนานมองจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าบึ้งตึง ช่วงก่อนนี้ จ้าวเฟิงทำให้เขาขายหน้าต่อหน้าศิษย์รับใช้จำนวนมาก
ตอนนั้นชือเหวยหนานก็เริ่มติดต่อศิษย์นอกเผ่าที่เขารู้จัก ให้ศิษย์นอกเผ่าออกหน้าสั่งสอนจ้าวเฟิง ด้านหนึ่งสามารถกู้หน้าของตนเองกลับมา อีกด้านก็เขย่าขวัญศิษย์รับใช้ทั้งหมดได้
บุรุษหนุ่มหน้ายาวก็คือศิษย์นอกเผ่าของเผ่าพันธุ์วิญญาณ พลังฝึกตนอยู่ปฐมเทพขั้นที่หนึ่ง
ส่วนศิษย์นอกเผ่าคนอื่นที่มาเพราะ ‘ได้ยินกิตติศัพท์’ พอเห็นบุรุษหนุ่มหน้ายาวจะลงมือก็ไม่ได้พูดคุยกันต่อ นอกจากรอดูอะไรสนุกๆ
“วันนี้จะให้เจ้าได้เห็นความร้ายกาจของศิษย์นอกเผ่า!”
บุรุษหนุ่มหน้ายาวทะลักพลังเทพออกมา กลายร่างเป็นแสงสีขาว ขยับวูบวาบไปปรากฏขึ้นที่ข้างกายจ้าวเฟิง
โครม!
บุรุษหนุ่มหน้ายาวพลันส่งหมัดไป หมัดพลังเทพสีขาวระยับสายหนึ่งพุ่งเข้าโจมตี
“รีบดูเร็ว นี่ก็คือพลังเทพ!”
“ศิษย์นอกเผ่าช่างทรงพลังเหลือเกิน!”
ศิษย์รับใช้ที่มุงดูแถวนั้นจับจ้องบุรุษหนุ่มหน้ายาว ความเคารพชื่นชมฉายในแววตาจนยากจะปิดบัง
ฟิ้ว แซ่ด แซ่ด!
ในตอนที่หมัดของบุรุษหนุ่มหน้ายาวใกล้ปะทะเข้าใส่จ้าวเฟิง ทั่วร่างจ้าวเฟิงทอประกายสายฟ้าแล้ววูบไหวไปปรากฏด้านข้าง
“เอ๊ะ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะหลบไปแล้ว!”
ชายร่างกำยำคนอึ้งไปเล็กน้อย
“ฮ่าๆ เจ้าหนุ่มนี่เป็นใหญ่เหนือศิษย์รับใช้ได้ เขาจะต้องมีพลังอยู่ไม่น้อยแน่!”
ชายผิวเขียวอีกคนหัวเราะเจ้าเล่ห์ จากที่เขาดู จ้าวเฟิงน่าจะเป็นปฐมเทพผู้หนึ่ง
มิฉะนั้นต่อให้ปราดเปรื่องในท่าร่างมากเพียงใด ก็ไม่อาจจะหลบการโจมตีของบุรุษหนุ่มหน้ายาวได้ การโจมตีแรกของบุรุษหนุ่มหน้ายาวไม่สำเร็จ เขาก็ส่งหมัดสองข้างไปทันที ลงมือโจมตีจ้าวเฟิงต่อ
ฟ้าดินในละแวกใกล้เคียงส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แสงขาวแวววาวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา จนบนพื้นผลึกปรากฏหลุมตื้นๆ หลายหลุม แต่จนแล้วจนรอด บุรุษหนุ่มหน้ายาวก็โจมตีไม่โดนจ้าวเฟิง
“เจ้าหนุ่ม เจ้าทำได้เพียงหลบหรือ?”
บุรุษหนุ่มหน้ายาวพลันตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
ในฐานะที่เป็นศิษย์นอกเผ่าที่ท้าทายศิษย์รับใช้ก่อน ถ้าหากจัดการอีกฝ่ายไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอยู่ในรายชื่อศิษย์นอกเผ่าต่อได้อย่างไร
“เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง!” จ้าวเฟิงเพ่งสายตา
โครม! เสียงระเบิดดังกึกก้อง จ้าวเฟิงปรากฏกายด้านหลังของบุรุษหนุ่มหน้ายาว ส่งหนึ่งหมัดเข้าใส่
บุรุษหนุ่มหน้ายาวตั้งรับไม่ทัน จึงถูกหมัดของจ้าวเฟิงกระแทกจนกระเด็นไปหลายจั้ง ก่อนจะร่วงลงพื้นอย่างแรง รอบๆ นั้นตกอยู่ในความเงียบทันใด ใครก็คิดไม่ถึงว่าทันทีที่จ้าวเฟิงลงมือจะเอาชนะศิษย์นอกเผ่าได้
“เจ้า…เจ้าลอบโจมตีนี่!” บุรุษหนุ่มหน้ายาวหน้าแดงก่ำ ตะโกนทันที
ถูกศิษย์รับใช้เอาชนะได้ในกระบวนท่าเดียว รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ดังนั้นเขาจึงต้องพูดแบบนี้
“ใช่แล้ว จ้าวเฟิงลอบโจมตี มิฉะนั้นจะเอาชนะศิษย์นอกเผ่าได้อย่างไรกัน!”
ชือเหวยหนานรีบเออออด้วย
ใครก็มองออกว่าจ้าวเฟิงรวดเร็วอย่างยิ่ง เพียงพริบตาเดียวก็ไปปรากฏกายที่ด้านหลังของบุรุษหนุ่มหน้ายาว จากนั้นจึงเอาชนะอีกฝ่าย
ไม่นานนักทุกคนก็เชื่อในเหตุผลนี้
“พี่เฉิน พี่จ้าว จับเจ้าคนไร้ยางอายผู้นี้ด้วยกันเถอะ!”
เมื่อเห็นทุกคนที่นั่นเชื่อในคำพูดของเขาแล้ว บุรุษหนุ่มหน้ายาวจึงขอความช่วยเหลือจากศิษย์นอกเผ่าคนอื่น
ไม่ว่าจ้าวเฟิงจะลอบโจมตีหรือไม่ก็ตาม แต่พลานุภาพหมัดเมื่อครู่ทรงพลังนัก บุรุษหนุ่มหน้ายาวรู้ตัวดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวเฟิง แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด วันนี้เขาต้องเอาชนะจ้าวเฟิงให้ได้!
“ตกลง!” บุรุษหนุ่มผิวเขียวตอบตกลง ก่อนจะพุ่งเข้าไป
“ฮึ เป็นแค่ศิษย์รับใช้กลับกล้ากำแหงขนาดนี้!”
บุรุษร่างกำยำผู้นั้นตะโกนลั่น กดดันไปทางจ้าวเฟิงประหนึ่งภูผาลูกใหญ่
พวกเขาทั้งสองไม่ถูกชะตาจ้าวเฟิงนานแล้ว ตอนนี้จ้าวเฟิงยังเอาชนะบุรุษหนุ่มหน้ายาว เอาชนะศิษย์นอกเผ่าเหมือนพวกเขา พวกเขาย่อมไม่สบอารมณ์กว่าเดิม
“ศิษย์นอกเผ่าสามคนลงมือพร้อมกัน!”
ศิษย์รับใช้คนหนึ่งร้องแตกตื่น ต่อให้จ้าวเฟิงแข็งแกร่งขนาดไหน ครั้งนี้ก็ต้องพ่ายแพ้แน่กระมัง แถวนี้ยังมีศิษย์นอกเผ่าบางคนที่เห็นเหตุการณ์นี้แล้วรู้สึกอับอาย จึงก้มหน้าเตรียมจะจากไปไกล
ศิษย์นอกเผ่าสามคนรุมทำร้ายศิษย์รับใช้คนเดียว นี่มันน่าอับอายเกินไปแล้ว จากที่พวกเขาดู จ้าวเฟิงต้องพ่ายแพ้แน่ ไม่จำเป็นต้องดูต่อแล้ว ทว่าพวกเขายังไม่ทันจากไป ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น
สิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งแปลกใจก็คือ เสียงโหยหวนนี้เหมือนจะมาจากศิษย์นอกเผ่าที่พวกเขาคุ้นเคย
เห็นแต่ร่างของจ้าวเฟิงรวดเร็วราวสายอัสนีบาต โฉบไปมาในวงล้อมของคนทั้งสาม
ตูม! เมื่อปล่อยหมัดหนึ่งออกมา บุรุษหนุ่มหน้ายาวก็ลอยกระเด็นออกไปอีกครั้ง
อีกหนึ่งหมัดซัดคนร่างกำยำล้มลงบนพื้น และหมัดสุดท้ายก็ปล่อยออกมา!
ศิษย์นอกเผ่าสามคนล้มลงบนพื้น
ยามนี้เอง ทุกคนที่ล้อมดูการประลองต่างนิ่งอยู่กับที่ ในดวงตาฉายแววตื่นตะลึง รวมไปถึงศิษย์นอกเผ่าที่พ่ายแพ้แก่จ้าวเฟิงเช่นกัน สีหน้าแต่ละคนล้วนแต่คาดคิดไม่ถึง
พวกเขาสามคนมีสองคนเป็นปฐมเทพขั้นหนึ่ง และอีกหนึ่งคนคือเทพแท้จริงขั้นหนึ่ง
คนที่สามารถเอาชนะพวกเขาสามคนได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ อย่างน้อยจะต้องเป็นปฐมเทพขั้นสองชั้นยอด แต่จ้าวเฟิงจะมีพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?
ในตอนที่พวกเขาตระหนกตกใจอยู่นั้นเอง จ้าวเฟิงก็ขยับกายเดินตรงไปหาบุรุษหนุ่มหน้ายาว
“ไม่…”
บุรุษหนุ่มหน้ายาวเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง กลับเห็นจ้าวเฟิงถีบเท้าข้างหนึ่งมา
เขาอยากจะต่อต้านแต่ไม่อาจทำได้ พลังที่หนักอึ้งราวขุนเขากระแทกร่างเขากระเด็นออกไปหลายสิบจั้งจึงจะหยุดลง จากนั้นจ้าวเฟิงเดินไปที่เบื้องหน้าบุรุษร่างกำยำ แล้วเตะครั้งหนึ่งเช่นกัน ทำให้กระดูกในร่างเขาแหลกไปหลายชิ้น
สุดท้าย จ้าวเฟิงก็มาที่เบื้องหน้าบุรุษหนุ่มผิวเขียว
“เจ้ากล้า? เจ้ากล้าทำร้ายข้าหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าลูกพี่ลูกน้องข้า…อ๊าก!”
บุรุษหนุ่มผิวเขียวเผยสีหน้าชั่วร้าย เอ่ยปากข่มขู่จ้าวเฟิง แต่เท้าจ้าวเฟิงก็ยังคงเหยียบบนร่างเขาอยู่ดี หลังจากเหยียบไปครั้งหนึ่งจ้าวเฟิงก็เตะอีกฝ่าย จนความอาฆาตแค้นในแววตาชายผู้นั้นหายไป เขาถึงหยุดลงมือ
“ตอนนี้คงจะไสหัวไปได้แล้วกระมัง!” จ้าวเฟิงตะคอกเสียงเย็น
ทันใดนั้นเอง ศิษย์รับใช้รอบบริเวณต่างสลายตัว ส่วนศิษย์นอกเผ่าก็จากไปทันที รอบๆ เรือนจ้าวเฟิงจึงเงียบสงบลงทันที
‘ไม่ได้การแล้ว เป็นศิษย์รับใช้ไม่มีความเป็นส่วนตัวเสียเลย!’
แววตาจ้าวเฟิงเคร่งขรึม
ตอนที่กำลังฝึกตนเมื่อครู่ ประสาทสัมผัสเทพของปฐมเทพและเทพแท้จริงพวกนั้นก็กวาดผ่านเรือนเขาตามอำเภอใจ
ถ้าหากประสาทสัมผัสเทพของคนพวกนั้นแข็งแกร่งกว่านี้ บางทีอาจจะล่วงรู้ความลับเรื่องชุดคลุมมิติของจ้าวเฟิงได้
“น่าจะต้องใช้ลูกไม้บ้างแล้ว!” จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำ
ต่อมาเขาจึงไปที่ตำหนักของผู้คุมกฎหลิว
ยามนี้ผู้คุมกฎหลิวยืนอยู่ที่หน้าประตูพอดี มองจ้าวเฟิงด้วยสีหน้าเข้มงวด
“เจ้าไม่ควรทำร้ายศิษย์นอกเผ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ้าวหงอี้คนนั้น”
ผู้คุมกฎหลิวตำหนิเสียงเย็น
ถึงแม้เมื่อครู่ฝีมือจ้าวเฟิงจะน่าตื่นตกใจ แต่ศิษย์นอกเผ่าที่เขาทำร้ายไปต้องเอาคืนแน่
และจ้าวหงอี้ที่ผู้คุมกฎหลิวพูดถึงนั้นก็คือบุรุษหนุ่มผิวเขียว พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเขาคือยอดฝีมือในบรรดาศิษย์ในเผ่า
ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณ ผู้ที่ตำแหน่งสูงสุดก็คือศิษย์หลัก โดยทั่วไปแล้วคนพวกนี้คือสายเลือดของเผ่าพันธุ์วิญญาณ หรือไม่ก็เป็นอัจฉริยะของขั้วอำนาจที่โดดเด่นมาก
ถัดจากพวกเขาก็คือศิษย์ในเผ่า ถึงแม้ศิษย์ในเผ่าจะด้อยกว่าศิษย์หลัก แต่ก็มีบางส่วนที่พลังอาจจะอยู่เหนือศิษย์หลัก
แต่เดิมผู้คุมกฎหลิววางแผนว่าจะรอให้ผ่านไปสองสามเดือนก่อน ค่อยผลักดันให้จ้าวเฟิงกลายเป็นศิษย์นอกเผ่า ตอนนี้ดูๆ ไปน่าจะไม่มีหวังเสียแล้ว
“เฮ้อ ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้ หากข้าไม่เอาชนะ ไม่แน่ว่าพวกเขาสามคนอาจสังหารข้าเลยก็ได้!”
จ้าวเฟิงทำท่าทีเหนื่อยหน่าย ดวงตาสีทองที่จ้องผู้คุมกฎหลิวปรากฏระลอกควันมายาสีม่วงทองขึ้น
วินาทีต่อมา ดวงตาผู้คุมกฎหลิวเลื่อนลอย ยามมองจ้าวเฟิงอีกครั้งก็ฉายแววสงสาร
“ผู้คุมกฎหลิว ข้าอยากจะเป็นศิษย์นอกเผ่า เช่นนี้ถึงจะสามารถดูแลตัวเองได้และไม่สร้างความยุ่งยากให้กับท่าน!”
จ้าวเฟิงจ้องผู้คุมกฎหลิว หมอกมายาในดวงตาซ้ายเข้มข้นขึ้น พลังจิตวิญญาณในเสวียนอ้าวกลุ่มหนึ่งแผ่ออกมา แทรกซึมเข้าไปในหัวผู้คุมกฎหลิว
ผู้คุมกฎหลิวเป็นแค่ผู้คุมกฎที่จัดการดูแลศิษย์รับใช้ มีพลังฝึกตนของเทพแท้จริงขั้นสอง จึงไม่อาจต่อต้านพลังลวงตาของจ้าวเฟิงได้เลย
แน่นอนว่าจ้าวเฟิงเพียงอยากจะล่อลวงและชักจูงผู้คุมกฎหลิว ไม่ได้ควบคุมเขาอย่างสิ้นเชิง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นจับได้
“อืม คงต้องทำแบบนั้นแล้ว!” ผู้คุมกฎหลิวผงกศีรษะ
“ขอบพระคุณผู้คุมกฎหลิว!”
จ้าวเฟิงยิ้มเดินออกจากตำหนัก กลับไปที่เรือนเล็กของตนเอง
และเป็นไปตามที่คาด เรื่องที่จ้าวเฟิงเอาชนะศิษย์นอกเผ่าก็แพร่กระจายไปทั่วเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างรวดเร็ว
ศิษย์นอกเผ่าจำนวนหนึ่งเกือบจะบุกมาด้วยหมายจะสังหารจ้าวเฟิง แต่ตอนที่พวกเขารู้ว่าจ้าวเฟิงเอาชนะศิษย์นอกเผ่าสามคนได้อย่างสบายๆ ก็เงียบไปทันที
บางทีอาจมีเพียงแค่ศิษย์นอกเผ่าสามลำดับต้นเท่านั้นถึงจะเอาชนะจ้าวเฟิงได้
ไม่นานนัก ข่าวที่ชวนตะลึงกว่าก็แพร่ไปทั่ววงศิษย์นอกเผ่า
“เดือนนี้จ้าวเฟิงเลื่อนขั้นเป็นศิษย์นอกเผ่าแล้ว!”
ศิษย์นอกเผ่าจำนวนมากต่างกำลังหารือวิธีรับมือกับจ้าวเฟิง เพราะเผ่าพันธุ์วิญญาณไม่สนใจในความเป็นความตายของศิษย์รับใช้คนหนึ่ง แต่ยามนี้จ้าวเฟิงกลับกลายเป็นศิษย์นอกเผ่าไปเสียได้!
เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วก็ดึงดูดความสนใจของศิษย์ในเผ่าเข้าจนได้
ศิษย์ชายในบรรดาศิษย์ในเผ่ากว่าเจ็ดส่วนล้วนชมชอบจ้าวหยูเฟย
คนที่ยอมเป็นศิษย์รับใช้อย่างไม่เสียดาย ใช้ความพยายามจนกลายเป็นศิษย์นอกเผ่าเพื่อเกี้ยวพาจ้าวหยูเฟย ย่อมทำให้พวกเขาสนอกสนใจไม่น้อย
วันนี้จ้าวเฟิงย้ายมาที่พักของศิษย์นอกเผ่าแล้ว
ศิษย์นอกเผ่าจะมีตำหนักส่วนตัวหนึ่งหลัง ไอสวรรค์ในฟ้าฟ้าดินที่นี่หนาแน่น มีจำนวนมากเป็นสองเท่าของพื้นที่สำหรับศิษย์รับใช้
กลายเป็นศิษย์นอกเผ่า ถึงจะนับได้ว่าเข้าร่วมเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างแท้จริงและได้รับการคุ้มครองจากเผ่า
“คนผู้นี้แหละที่เอาชนะศิษย์นอกเผ่าสามคน!”
“เขาคงจะเป็นอัจฉริยะของขั้วอำนาจอื่นในเขตเทพสวรรค์ที่ยอมเป็นศิษย์รับใช้เพื่อจ้าวหยูเฟย ด้วยความสามารถของเขา จะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นศิษย์นอกเผ่าก็ไม่แปลกอะไร!”
ศิษย์นอกเผ่าจำนวนหนึ่งแถวนั้นวิจารณ์จ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงไม่สนใจคนเหล่านี้ เขาเดินตรงไปที่ตำหนักของตนเอง
ในเวลานี้เอง ด้านหน้าเขามีเสียงตะโกนตกใจดังขึ้น
“พี่ใหญ่พานฮ่าว!”
“พี่ใหญ่พานฮ่าวมีเวลาว่างมาที่นี่ได้อย่างไร?”
ศิษย์นอกเผ่าจำนวนมากเอ่ยทักทายบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งด้วยความเคารพนับถือ
จ้าวเฟิงทอดสายตามอง คนผู้นั้นใส่ชุดของศิษย์ในเผ่า ดั้งจมูกค่อนข้างแบน ดวงตาและริมฝีปากใหญ่เล็กน้อย ผิวเป็นมันวาว ดูแล้วน่าขันอยู่บ้าง
ศิษย์ในเผ่าที่ชื่อพานฮ่าวจ้องจ้าวเฟิงขณะค่อยๆ เดินเข้ามา
“เจ้าก็คือจ้าวเฟิงคนนั้นกระมัง!” พานฮ่าวเอ่ยถามด้วยท่าทีสนอกสนใจยิ่ง
‘เพิ่งจะกลายเป็นศิษย์นอกเผ่าก็มีศิษย์ในเผ่ามาหาถึงที่แล้วหรือนี่?’
จ้าวเฟิงออกจะประหลาดใจ
ในเผ่าพันธุ์วิญญาณ ตำแหน่งศิษย์ในเผ่าสูงส่งอย่างยิ่ง แต่จ้าวเฟิงเพิ่งจะกลายเป็นศิษย์นอกเผ่า จึงไม่อยากจะก่อเรื่องให้มากมายนัก แต่หากศิษย์ในเผ่าจะลงมือทำร้ายตนเอง จ้าวเฟิงก็คงไม่เกรงใจ
“ฮ่าๆ เจ้าน่าสนใจจริงๆ ใจกล้า มุทะลุ ทำให้ข้าพานฮ่าวละอายเหลือเกิน!”
จู่ๆ พานฮ่าวหัวเราะเสียงดัง แววตาฉายความชื่นชม
สีหน้าจ้าวเฟิงชะงักไป สถานการณ์นี้ไม่ค่อยเหมือนกับที่ตนเองคิดเอาไว้
ศิษย์นอกเผ่าส่วนหนึ่งแถวนั้นต่างก็คิดว่าพานฮ่าวมาหาเรื่องจ้าวเฟิง แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงเบิกตากว้าง จากนั้นพานฮ่าวก็ตามจ้าวเฟิงมายังที่พักใหม่ของเขา
“แม้ข้าจะชื่นชมความอาจหาญใจกล้าของเจ้า แต่เจ้าไม่มีหวังจะได้ครองใจจ้าวหยูเฟยหรอก!”
พานฮ่าวเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีท่าทีล้อเล่นแม้แต่น้อย
“เจ้าไม่รู้ ยอดฝีมือกลุ่มศิษย์ในเผ่าของเผ่าพันธุ์วิญญาณ เป้าหมายที่แทบทุกคนไล่ตามคือจ้าวหยูเฟย แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่มีโอกาสได้ครอบครองนาง มีความเป็นไปได้ที่สุดเห็นจะเป็นพวกศิษย์หลัก ใช่สิ ได้ยินมาว่าเจ้าทำร้ายจ้าวหงอี้ พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นผู้ที่เก่งกาจในบรรดาศิษย์ในเผ่า มีพลังฝึกตนเทียบเท่ากับเทพแท้จริงขั้นสี่เชียวนา…”