บทที่ 1270 แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
“ใจกล้านัก กล้าบุกสำนักแก่นแท้มาสังหารคน!”
ผู้อาวุโสสำนักแก่นแท้ที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นสองคนเห็นผู้อาวโสอวี๋ถูกฟันขาดเป็นสองท่อน ก็โมโหเป็นอย่างยิ่ง ตวาดขึ้นทันใด
สำนักแก่นแท้จะดีชั่วอย่างไรก็เป็นขั้วอำนาจสี่ดาวสุดยอด แต่กลับมีคนบุกเข้ามาโจมตีสังหารผู้อาวุโส
“พวกเจ้าสองคนมาถึงได้พอดีเลย!”
จ้าวเฟิงพลันหมุนตัวไป ประจันหน้ากับผู้แข็งแกร่งเทพโบราณทั้งสองที่พุ่งมา
“หมายความว่าอย่างไร?” ผู้อาวุโสผิวเขียวเข้มผอมแห้งแววตาเคร่งเครียด หยุดฝีเท้าลง
ชายหนุ่มคนนี้เผชิญหน้าผู้แข็งแกร่งเทพโบราณสองคนแต่ไม่หลบไม่หนี และมาเผชิญหน้ากับพวกเขาก่อน นี่ทำให้ผู้อาวุโสคนนี้รู้สึกประหลาดนัก
ผู้อาวุโสอีกคน ตอนนี้ก็ประเมินจ้าวเฟิงอย่างละเอียด
“ผู้อาวุโสสาม ผู้อาวุโสสี่ อย่าไปฟังมันพูดเหลวไหล รีบฆ่ามันเร็ว!”
ด้านข้าง ผู้อาวุโสอวี๋ที่ร่างขาดเป็นสองท่อนร้องคำรามสุดแรง แต่ทว่าผู้อาวุโสทั้งสองสายตาล้ำลึก ไม่หุนหันพลันแล่น
“เจ้าคือ…!”
ภายใต้การประเมินจ้าวเฟิงอย่างละเอียด ผู้อาวุโสทั้งสองพลันนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
พวกเขาได้ยินมานานว่าเมื่อไม่นานนี้เผ่าพันธุ์วิญญาณมีอัจฉริยะชั้นยอดคนหนึ่งปรากฏขึ้น ทะลวงถึงเทพแท้จริงขั้นหกได้ในครั้งเดียว และอัจฉริยะคนนี้ สีของตาซ้ายและผมพิเศษยิ่ง…
แต่ถึงกระนั้นก็เพียงแค่ได้ยินมา ไม่ได้เห็นกับตา
ดังนั้นทั้งสองคนไม่มีทางรู้จักจ้าวเฟิงได้
“ข้าคือศิษย์หลักของเผ่าพันธุ์วิญญาณ จ้าวเฟิง!”
จ้าวเฟิงพูดคำที่ผู้อาวุโสทั้งสองพูดไม่จบ
“เป็นเขาจริงๆ ด้วย!” ผู้อาวุโสทั้งสองตื่นตกใจ จากนั้นเผยสีหน้าฉงนใจออกมา
สำนักแก่นแท้ก็เป็นขั้วอำนาจที่เผ่าพันธุ์วิญญาณปกครองอยู่ ไยจ้าวเฟิงจึงมาก่อความวุ่นวายที่สำนักนี้
“หนึ่งปีก่อนนี้ ข้าส่งทายาทสายเลือดเนตรชีวิตคนหนึ่งมาสำนักแก่นแท้ หวังว่าสำนักแก่นแท้จะสามารถฝึกฝนบ่มเพาะนาง แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ข้าจากไป อวี๋ปิงเฉิงคิดจะครอบครองนางคนเดียว และกักขังนางมาโดยตลอดเพื่อความปรารถนาของตน…”
จ้าวเฟิงมีสีหน้าเย็นเยือก พูดออกมาทันที
“เนตรชีวิต!” ผู้อาวุโสทั้งสองตื่นตระหนก ร้องตกใจ
ทั้งสองมองไปยังหานหนิงเอ๋อร์ด้านข้างโดยไม่ได้นัดหมาย
“เป็นเนตรชีวิตจริงๆ!”
ภายใต้การรับรู้อย่างละเอียดของผู้อาวุโสทั้งสอง ในใจสั่นสะท้านไม่หยุด
“จบกัน!” ผู้อาวุโสอวี๋ที่อยู่ข้างๆ รู้ดี อย่างไรเขาก็หนีไม่รอดแล้ว แต่ต่อให้พลังฝึกตนถูกทำลาย เขาก็มีวิธีฝึกฝนใหม่ เพียงแต่ลำบากมากก็เท่านั้น
“หึ ผู้อาวุโสอวี๋ เจ้ากล้าบังอาจนัก!” สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองเปลี่ยนไปทันที สายตาเย็นชาพุ่งไปยังอวี๋ปิงเฉิง
ศักยภาพของเนตรชีวิตไม่ต้องพูดถึง หากอยู่ในสำนักแก่นแท้ ในวันข้างหน้าจะต้องกลายเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุดของสำนักแน่นอน หรืออาจจะส่งเนตรชีวิตไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต อนาคตในวันข้างหน้าจะต้องสว่างไสวไร้ขีดจำกัด สำนักแก่นแท้ก็จะได้ประโยชน์มหาศาลเช่นกัน
ผู้อาวุโสอวี๋มองเห็นจุดนี้ ดังนั้นจึงคิดอยากเป็นคู่ชีวิตกับนาง เช่นนั้นแล้ว ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดในตอนนั้นจะเป็นเขานั่นเอง หากทำสำเร็จ สำนักแก่นแท้จะไม่กล่าวโทษผู้อาวุโสอวี๋
แต่ประเด็นคือ ล้มเหลว!
สำนักแก่นแท้ในตอนนี้ไม่เพียงแต่สูญเสียเนตรชีวิตไป ทั้งยังล่วงเกินจ้าวเฟิงศิษย์หลักของเผ่าพันธุ์วิญญาณ
“พวกท่านทั้งสองมาได้จังหวะพอดี ตอนนี้ข้าจะสังหารเขาด้วยตัวเอง!”
จ้าวเฟิงมองผู้อาวุโสทั้งสอง คำพูดเสียงเรียบนิ่ง
“สังหาร!” ผู้อาวุโสอวี๋คอหดทันใด
ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงไม่ได้พูดว่าแค่ทำลายพลังฝึกตนของเขาหรอกรึ?
ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนเป็นสังหารเล่า?
“หากเมื่อครู่เจ้าไม่ข่มขู่เอาชีวิตของหานหนิงเอ๋อร์ บางทีอาจจะยืดชีวิตอยู่ไปวันๆ ได้…”
จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็น
แต่เดิมเขาคิดจะไว้ชีวิตคนคนนี้ แต่อวี๋ปิงเฉิงเลือกตัวเลือกผิดเอง
อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสสี่สำนักแก่นแท้สบตากัน ส่งกระแสเสียงสื่อสาร ผู้อาวุโสอวี๋จะดีร้ายอย่างไรก็เป็นเทพแท้จริงขั้นหกและผู้อาวุโสของสำนักแก่นแท้ ยังมีคุณค่าอยู่ แต่หากทำให้จ้าวเฟิงไม่สบอารมณ์เพื่ออวี๋ปิงเฉิงก็ได้ไม่คุ้มเสีย…
“สหายน้อยจ้าว ผู้อาวุโสอวี๋คนนี้จะดีชั่วอย่างไรก็เป็นเทพแท้จริงขั้นหก เป็นผู้อาวุโสสำนักแก่นแท้คนหนึ่ง เห็นแก่หน้าของสำนักเรา จะไว้ชีวิตเขาได้หรือไม่!”
ผู้อาวุโสผิวแห้งเหี่ยวเอ่ยปาก
“สำนักแก่นแท้ยินดีมอบผลึกเทพและวัตถุดิบวิเศษมหาศาลชดใช้แก่สหายน้อยจ้าว ถือเป็นการแลกชีวิตอวี๋ปิงเฉิง!” หญิงชราอีกคนหนึ่งรีบพูดขึ้น
ผู้อาวุโสทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย นี่ก็คือผลลัพธ์หลังจากที่พวกเขาทั้งสองสื่อสารกัน วิธีนี้ไม่เพียงแต่ประจบจ้าวเฟิงได้ ทั้งยังรักษาชีวิตของอวี๋ปิงเฉิงได้ด้วย
ในเมื่อศักยภาพของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเกินไป หนำซ้ำเขายังมีสหายที่เป็นทายาทสายเลือดเนตรชีวิต หากสามารถสร้างสัมพันธ์กับพวกเขาสองคนได้ จะมีประโยชน์ต่อสำนักแก่นแท้
ด้านข้าง อวี๋ปิงเฉิงเห็นผู้อาวุโสในสำนักทั้งสองคิดไว้ชีวิตเขา ในใจก็ลิงโลดทันใด
“ข้าแจ้งให้รู้ ไม่ได้ถามพวกท่าน!”
จ้าวเฟิงแค่นเสียงต่ำ สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน
ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ออกไป ผู้อาวุโสทั้งสามของสำนักแก่นแท้เปลี่ยนสีหน้าไปพร้อมกัน
ผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสสี่ไม่ค่อยพอใจ ส่วนผู้อาวุโสอวี๋เผยสีหน้าหวาดกลัว เขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะกระด้างกระเดื่องเพียงนี้ ไม่ไว้หน้าผู้อาวุโสทั้งสอง
ครืน แซ่ด แซ่ด! ตาซ้ายของจ้าวเฟิงส่องประกายอัสนีสีขาววาววับนับไม่ถ้วน เสวียนอ้าววิญญาณทำลายล้างกลุ่มหนึ่ง พร้อมด้วยคลื่นวิญญาณอันแข็งแกร่งพุ่งโจมตีออกมา
“ไม่นะ ผู้อาวุโสสาม ผู้อาวุโสสี่ รีบห้ามจ้าวเฟิงเร็ว…”
ผู้อาวุโสอวี๋รู้สึกถึงภัยอันตรายถึงตาย รีบร้องอ้อนวอน แต่ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว วิชาดวงตาของจ้าวเฟิงสำแดงขึ้นเร็วมาก
ครืน ฉึก! ตราประทับอัสนีเทวะที่บิดเบี้ยว ลุกไหม้คดงอดุจเปลวเพลิง โจมตีไปยังกายวิญญาณของผู้อาวุโสอวี๋
เขาเพียงเผยแววดิ้นรนออกมาเล็กน้อยเท่านั้น วิญญาณก็ดับสิ้นโดยสมบูรณ์
“สังหารชั่วพริบตา!”
“นี่คือวิชาดวงตาวิญญาณ พลังอัสนีเทวะ!”
ผู้อาวุโสทั้งสองจิตใจหวาดผวา
ว่ากันว่าจ้าวเฟิงสามารถทะลวงตำแหน่งเทพขั้นหกได้ในทันที แต่เขาสังหารเทพแท้จริงขั้นหกกลับใช้เพียงตาข้างเดียวเท่านั้น!
ยากที่จะจินตนการได้ว่าสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเพียงใด อย่างน้อยก็เทียบได้กับทายาทแปดเนตรเทพเจ้า
พรสวรรค์และพลังในระดับนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“สหายน้อยจ้าว ผู้อาวุโสอวี๋ก็ถูกเจ้าสังหารแล้ว สหายเนตรชีวิตของเจ้าคนนี้ก็อยู่ที่สำนักแก่นแท้ ให้พวกเราชดเชยให้นางเถิด สำนักแก่นแท้รับประกันว่าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้อีก…”
ผู้อาวุโสอวี๋ตายไปแล้ว ความโกรธของจ้าวเฟิงก็น่าจะลดลง ผู้อาวุโสผิวแห้งกร้านคนนั้นพูดอย่างสุภาพนุ่มนวล
จ้าวเฟิงอดหัวเราะขึ้นไม่ได้ เตรียมจะปฏิเสธ
“ไม่ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่!” หานหนิงเอ๋อร์พูดขึ้นทันที
ก่อนหน้านี้ หลายคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอด ส่วนนางเป็นเพียงแค่ปฐมเทพคนหนึ่ง ดังนั้นหานหนิงเอ๋อร์จึงไม่ปริปากมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ นางกลับพูดความคิดของตนออกมาตรงๆ
“เช่นนั้นพวกเราไปกัน!”
จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ ม้วนตัวหานหนิงเอ๋อร์ไปจากสำนักแก่นแท้ทันที
“บัดซบ เด็กนี่ช่างกำเริบเสิบสานนัก สังหารผู้อาวุโสสำนักแก่นแท้คนหนึ่งก็จากไปทันทีเช่นนี้!” หลังจากจ้าวเฟิงจากไป ผู้อาวุโสผิวแห้งกร้านคนนั้นเผยสีหน้าเย็นชาขึ้นทันที
“นี่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่ออวี๋ปิงเฉิงมีความผิดก่อน อีกทั้งต่อให้ทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ ผลประโยชน์ที่สำนักแก่นแท้จะได้รับก็น้อยนิด กระทั่งล่วงเกินให้จ้าวเฟิงโกรธ ได้ไม่คุ้มเสีย…”
ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งเอ่ยทอดถอนใจ
“ร้ายกาจนัก เขาก็คือจ้าวเฟิง!”
“กล้าบุกมาสังหารผู้อาวุโสอวี๋ที่นี่เชียว!”
ลูกศิษย์บางคนที่รวมตัวอยู่ใกล้ๆ ถกกันอย่างดุเดือด
……
ในยามที่ใกล้จะออกจากสำนักแก่นแท้ แขนเสื้อของจ้าวเฟิงสะบัด รับจ้าววั่นที่อยู่ด้านล่างเข้ามาในมิติเก็บของเช่นกัน หลังจากที่ทำทุกอย่างสำเร็จ จ้าวเฟิงไปจากสำนักแก่นแท้ กลับมาที่เผ่าพันธุ์วิญญาณ
“ขอบคุณ เจ้าช่วยข้าเอาไว้อีกแล้ว!” สีหน้าของหานหนิงเอ๋อร์กลับคืนมาสดใสอ่อนโยนเหมือนเดิม
“เป็นข้าที่ทำร้ายเจ้า ข้าไม่ควรส่งเจ้าไปอยู่ในมือเขา ดังนั้นช่วยเจ้าก็สมควรแล้ว!”
จ้าวเฟิงพูด
จากเขตผาเก่าเดินทางมาเขตเทพสวรรค์ ระหว่างทั้งสองผ่านช่วงเวลามาด้วยกันสามสิบกว่าปี ความสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย จ้าวเฟิงเห็นสภาพหานหนิงเอ๋อร์ย่ำแย่ แน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยไปไม่สนใจ ระหว่างทางกลับ จ้าวเฟิงก็ไม่ได้เร่งเดินทาง ประเดี๋ยวก็พักที่ตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย
วันนี้ จ้าวเฟิงหยิบหนังสือเชิญกองใหญ่ในตอนนั้นออกมาดู
จ้าวเฟิงทะลวงตำแหน่งเทพขั้นหกได้ในทันที สร้างความฮือฮาไปทั่วเขตเทพสวรรค์ แต่จ้าวเฟิงเผยหน้าตาแค่ที่เผ่าพันธุ์วิญญาณเท่านั้น ขั้วอำนาจอื่นยังคงสงสัยในความจริงของเขา และในยามที่พวกเขามาเผ่าพันธุ์วิญญาณเพื่อเยี่ยมเยือนจ้าวเฟิง จ้าวเฟิงก็กำลังปิดด่าน
ดังนั้นพวกเขาจึงส่งหนังสือเชิญไป แค่เพียงจ้าวเฟิงมุ่งหน้าไป ก็จะสามารถพิสูจน์จริงเท็จทั้งหมดได้
ในขณะเดียวกัน หากทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ขั้วอำนาจพวกนั้นจะต้องดึงจ้าวเฟิงไปเป็นพวกและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาแน่นอน
“เอ๋? ในหนังสือพวกนี้มีหนังสือเชิญของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตด้วยรึ!”
จ้าวเฟิงดึงหนังสือเชิญที่ปกมีลวดลายสีเขียวแปลกประหลาดในกองหนังสือเชิญออกมา
แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ขั้วอำนาจที่ปกครองเขตเทพสวรรค์
ถึงแม้ไม่ไปก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่จ้าวเฟิงตอนนี้ยังไม่เคยไปแดนศักดิ์สิทธิ์ใดเลย จึงรู้สึกสนใจในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพทั้งหลาย
“บางทีอาจจะส่งหานหนิงเอ๋อร์ไปแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต!”
จู่ๆ ในหัวของจ้าวเฟิงก็มีความคิดนี้ผุดขึ้น
ในเผ่าพันธุ์วิญญาณ ถึงแม้จะรับประกันความปลอดภัยของหานหนิงเอ๋อร์ได้ แต่พิจารณาถึงอนาคตก็เทียบไม่ได้กับแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตแน่นอน อีกทั้งหานหนิงเอ๋อร์ยังแบกรับภาระใหญ่หลวงในการฟื้นฟูสำนักรากฐานเทพ
จ้าวเฟิงจึงรู้สึกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับหานหนิงเอ๋อร์
“ดีที่เส้นทางไม่ได้ห่างไกลนัก!” จ้าวเฟิงเปิดอ่านข้อมูลแผนที่ในหัว
หลังจากพักผ่อนชั่วครู่ ทั้งสองก็ออกเดินทางอีกครั้ง
“หานหนิงเอ๋อร์ พวกเราลองไปแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตก็แล้วกัน”
จ้าวเฟิงพูดขึ้นก่อนเดินทาง
“แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ไปได้รึ?”
ดวงตาของหานหนิงเอ๋อร์ส่องประกายมีชีวิตชีวา
เกิดในขั้วอำนาจศาสตร์แพทย์ นางจะไม่รู้จักแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตไปได้อย่างไร อีกทั้งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตพูดได้ว่าเป็นสถานที่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์สายแพทย์ใดๆ ก็ตามต่างถวิลหา
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ!”
ได้รับความเห็นชอบจากหานหนิงเอ๋อร์แล้ว จ้าวเฟิงถึงเปลี่ยนเส้นทาง เริ่มออกเดินทางไป
……
สี่เดือนหลังจากนั้น
ทั้งสองคนมาถึงยังใจกลางของเขตเทพสวรรค์ พื้นที่ใกล้ๆ กับแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต
ยังไม่ทันถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตจริงๆ จ้าวเฟิงก็รู้สึกถึงความเข้มข้นของไอสวรรค์ฟ้าดินที่นี่ อย่างน้อยก็เทียบเท่ากับสถานที่อยู่อาศัยของศิษย์นอกเผ่าของเผ่าพันธุ์วิญญาณ อีกทั้งในอากาศยังตลบอบอวลไปด้วยพลังชีวิตที่เข้มข้นเป็นอย่างมาก สูดลมหายใจเข้าไปทั่วร่างก็รู้สึกโล่งสบาย
ครรลองสายตาของจ้าวเฟิงแผ่กว้างไปไกลผ่านดวงตาซ้าย ใจกลางหมอกสีเขียวอ่อนที่กว้างไกลไม่มีสิ้นสุด มีต้นไม้โบราณต้นมหึมาต้นหนึ่ง
ต้นไม้โบราณนั่นราวกับเชื่อมฟ้าและดินเอาไว้ อาณาเขตที่มันปกคลุมใหญ่กว่าพื้นที่ของเผ่าพันธุ์วิญญาณเสียอีก
“เป็นต้นไม้ที่ใหญ่โตอะไรเช่นนี้!”
จ้าวเฟิงจิตใจสั่นสะท้าน นี่เป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นจนถึงตอนนี้
พื้นที่ที่ต้นไม้มหึมาต้นนั้นปกคลุมเป็นมิติแยกเดี่ยว ทั่วทุกทิศมีขอบเขตค่ายกลซ้อนทับสกัดกั้นไว้
ตอนนี้ระยะห่างมากเกินไป จ้าวเฟิงไม่อาจเห็นสภาพข้างในได้
“หืม?” ยามกำลังตรียมมุ่งหน้าไปแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันสัมผัสได้ว่าใต้พื้นดินไม่ไกลนักมีบางอย่างผิดปกติ