บทที่ 1276 เริ่มต้นการแย่งชิง
สำหรับเรื่องวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ จ้าวเฟิงยังไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย จึงทำได้เพียงไปถามคนอื่น แต่ในบรรดาศิษย์หลัก คนที่เขารู้จักมีไม่มาก ดังนั้นจึงมาหาพานฮ่าวศิษย์ในเผ่า
“พี่จ้าวเฟิง ท่านหาข้ามีเรื่องอะไรรึ?” พานฮ่าวค่อนข้างระแวดระวัง
เพราะจ้าวเฟิงก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว กลายเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของเผ่าพันธุ์วิญญาณ นี่ทำให้ในใจของพานฮ่าวรู้สึกยำเกรง เขารู้ซึ้งถึงความแตกต่างราวฟ้ากับเหวระหว่างตัวเองกับจ้าวเฟิง
“เรื่อง ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ’ เจ้ารู้มากน้อยเท่าใด?”
จ้าวเฟิงถามขึ้น
“วารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณของเผ่าพันธุ์วิญญาณ เหมาะจะดื่มกินที่สุดหลังจากทะลวงขั้น เจ้าทะลวงเทพแท้จริงขั้นหกได้ในชั่วพริบตา สรรพคุณของวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณต่อเจ้าจะล้ำหน้าคนทั่วไปหลายเท่า…”
พานฮ่าวอธิบายให้จ้าวเฟิงฟังทีละเรื่อง
สรุปแล้ว วารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณสามารถทำรากฐานเทพให้มั่นคง ชำระล้างพลังเทพ ทั้งยังขจัดสิ่งแปลงปลอมในกายเทพได้อีกด้วย
เนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงเป็นประกาย แต่เดิมเขาไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ตอนนี้ได้ฟังก็สนใจวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณเป็นอย่างมาก หากทุกครั้งที่ทะลวงขั้นดื่มกินวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณปริมาณหนึ่ง เช่นนั้นขอบเขตพลังฝึกตนก็แทบจะมั่นคงในทันที ช่วยด้านพัฒนาตัวเองเป็นอย่างมาก
“ทุกขั้วอำนาจล้วนมีเบื้องลึกเบื้องหลังพิเศษเฉพาะ วารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณของเผ่าพันธุ์วิญญาณก็เทียบเท่ากับสระน้ำแห่งชีวิตของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ไม่เป็นสองรองใคร…”
จ้าวเฟิงเข้าใจเรื่องนี้ได้ลึกขึ้นไปอีก
“อันที่จริง การแจกจ่ายวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณแต่เดิมกำหนดไว้หลังจากนี้ห้าปี แต่ตอนนี้เลื่อนขึ้นมาแล้ว…”
พานฮ่าวพูดต่อ
แต่เดิมการแจกจ่ายวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณจะมีสิบปีครั้งหนึ่ง ทว่าครั้งนี้วารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณเลื่อนเวลาขึ้นมา เหตุผลน่าจะเพราะจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงทะลวงเทพแท้จริงขั้นหกได้ในชั่วพริบตาเดียว ระยะห่างระหว่างนี้มากเกินไป อีกทั้งจ้าวเฟิงยังปฏิเสธเป็นลูกศิษย์ของผู้นำระดับสูงของเผ่าพันธุ์วิญญาณ เมื่อไม่มีอาจารย์ชี้แนะ เผ่าพันธุ์วิญญาณกลัวจ้าวเฟิงรีบร้อนยกระดับ ทำให้รากฐานไม่มั่นคง ดังนั้นจึงเลื่อนเวลาการแจกจ่ายวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณมา แต่เหตุเพราะเลื่อนกำหนดการแจกจ่าย รายชื่อจึงค่อนข้างน้อย
จ้าวเฟิงพยักหน้า เผ่าพันธุ์วิญญาณดีต่อเขาไม่เลวเลย ไม่เสียทีที่เขาปฏิเสธคำเชิญของแดนศักดิสิทธิ์มิติ
“ที่แท้แล้วเป็นเช่นนี้นี่เอง มิน่าเล่าพวกเขาถึงปิดด่าน!”
ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงเตรียมไปหาข่งเตี๋ยและหยวนหลง สุดท้ายพวกเขาล้วนปิดด่านกันหมด
“ไม่รู้ว่าข้าจะได้วารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณมาสักครั้งหรือไม่…”
พานฮ่าวส่ายหัวทอดถอนใจ
วารีศักดิ์สิทธิ์เป็นของสำหรับศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณขั้นสี่ถึงขั้นเจ็ดเท่านั้น แต่พานฮ่าวยังเป็นเทพแท้จริงขั้นสาม แม้กระทั่งสิทธิ์ในการแย่งชิงก็ยังไม่มี
“ขยันฝึกฝน จะต้องได้มาแน่นอน” จ้าวเฟิงตบไหล่ของพานฮ่าว
“อืม!”
พานฮ่าวพยักหน้าแรงๆ คุยกันนานขนาดนี้ เขาพบว่าจ้าวเฟิงยังเป็นจ้าวเฟิงแบบเมื่อก่อน ต่อให้ฐานะสูงส่ง ท่าทีที่ทำกับเขาก็ยังเหมือนกับเมื่อก่อน ไม่แตกต่างไปเลยแม้แต่น้อย
“ข้าจะเฝ้ารอสักวันหนึ่งที่เจ้าเข้าไปอยู่ในอันดับคนสำคัญ!”
จ้าวเฟิงพูดอย่างจริงจัง จากนั้นหยิบของล้ำค่าสำหรับฝึกฝนหลายชนิดออกมา
พานฮ่าวพยักหน้า แต่เดิมการฝึกฝนของเขาไม่ก้าวหน้าสักเท่าไหร่
แต่การกระทำที่โด่งดังในเปรี้ยงเดียวของจ้าวเฟิง ปลุกจิตแห่งการต่อสู้ของเขาให้ลุกโหมขึ้น ตอนนี้เขามุมานะบากบั่นฝึกฝนเป็นอย่างยิ่ง
“นี่…” พานฮ่าวตื่นเต้นจนไม่รู้จะพูดอะไร
ของล้ำค่าฝึกตนที่จ้าวเฟิงนำออกมาพวกนี้ล้วนเป็นของสำหรับเทพแท้จริงขั้นห้าขึ้นไป ไม่ขาดกระทั่งของล้ำค่าที่มีประโยชน์ต่อเทพแท้จริงขั้นหกสูงยิ่ง
ทั้งสองคุยสบายๆ กันอีกสองสามประโยคก็แยกย้ายไป
พานฮ่าวรีบร้อนกลับไปฝึกฝน ส่วนจ้าวเฟิงก็วางแผนจะไป ‘ตำหนักหมื่นวิญญาณ’ ของเผ่าพันธุ์วิญญาณดูเสียหน่อย
ตำหนักหมื่นวิญญาณคือสถานที่ที่เก็บรวบรวมกลยุทธ์และเคล็ดวิชาของเผ่าพันธุ์วิญญาณ
หลังจากที่จ้าวเฟิงทะลวงเทพโบราณแล้ว ก็ยังหาวิชาที่เหมาะสมไม่ได้ แต่จ้าวเฟิงเพิ่งมาถึง ผู้อาวุโสที่เฝ้าที่นี่ก็ปรากฏตัวขึ้นทันใด บอกเขาว่าหากอยากได้วิชาของเผ่าพันธุ์วิญญาณจะต้องมีคุณูปการมาแลกเปลี่ยน
ในตอนที่จ้าวเฟิงเป็นศิษย์นอกเผ่าก็เคยปฏิบัติภารกิจ จึงเข้าใจเรื่องคุณูปการอยู่บ้าง
“วิชาที่เหมาะกับเทพโบราณต้องใช้คุณูปการประมาณเท่าใด?”
จ้าวเฟิงถามขึ้น ทำให้ในใจมีหลักก่อน
“ไม่เกินหนึ่งถึงสองแสน!” คำพูดของผู้อาวุโสที่เฝ้าตำหนักทำให้จ้าวเฟิงใจเต้น
จากนั้น จ้าวเฟิงก็จากที่นี่ไปทันที
ก่อนหน้านี้ในฐานะศิษย์นอกเผ่า เขาเคยปฏิบัติภารกิจหลายภารกิจ คุณูปการก็เพิ่งจะร้อยกว่าๆ เท่านั้น ถึงแม้จะพูดว่าตอนนี้กลายเป็นศิษย์หลักแล้ว ระดับภารกิจที่รับก็ยากขึ้น คุณูปการค่อนข้างมาก แต่หากคิดรวบรวมคุณูปการให้ได้แสนกว่า ไม่รู้ว่าต้องรอนานเท่าใด
“ ‘ตำหนักวิญญาณ’ มีวิชาฝึกฝนห้าธาตุวิชาหนึ่งพอดี ทั้งยังสามารถทะลวงขั้นจอมเทพ ใช้คุณูปการห้าแสน!”
ก่อนจากไป ผู้อาวุโสที่เฝ้าตำหนักส่งกระแสจิตให้จ้าวเฟิง
“วิชาที่ทะลวงขั้นจอมเทพ ห้าแสน?” จ้าวเฟิงเข้าใจทันที ตกใจจนพูดไม่ออก
ถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ วิชาฝึกฝนที่เหมาะกับเทพโบราณล้ำค่าเพียงใด
วิชาที่ธรรมดาทั่วไปก็ยังถึงแสนคุณูปการ อย่างมากก็สามารถฝึกฝนได้ถึงขั้นเก้าเท่านั้น และวิชาที่สามารถฝึกฝนได้ถึงขั้นจอมเทพก็แทบจะล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้
“อย่าเพิ่งรีบร้อนไป เพิ่งทะลวงขั้นเจ็ด ยังมีเวลาเสาะหาวิชา!”
จ้าวเฟิงพูดอย่างจนปัญญา
หลังจากกลับมายังที่อาศัยแล้ว เขาก็ทำให้ค่ายกลป้องกันของตำหนักทำงานขึ้นทันใด จากนั้นเข้าไปในมิติชุดคลุม
“ยังไม่ต้องรีบยกระดับพลังฝึกตน ยกระดับพลังเสวียนอ้าวก่อน!”
จ้าวเฟิงตัดสินใจ
พลังเสวียนอ้าวของเขามากมาย หนึ่งในนั้นที่ค่อนข้างแข็งแกร่งมีเสวียนอ้าวห้าสาย วายุอัสนี และเสวียนอ้าวมิติ
ในบรรดาเสวียนอ้าวทั้งหมด มีเพียงเสวียนอ้าวทอง อัสนี และมิติสามชนิดเท่านั้นที่ถึงขั้นห้า ประเภทอื่นๆ ล้วนเป็นขั้นสี่ ส่วนเสวียนอ้าวเวลายังเป็นเพียงแค่ขั้นสองสุดยอด
จ้าวเฟิงหยิบผลึกเสวียนอ้าวห้าธาตุมาศึกษาทำความเข้าใจ อีกทั้งยังใช้ชุดคลุมมิติมาฝึกฝนเสวียนอ้าวมิติ นี่คือการบรรลุอยู่ภายใน ส่วนภายนอก จ้าวเฟิงใช้สายเลือดของเผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตมาเพิ่มความแข็งแกร่งให้เพลิงมารโลหิตโบราณต่อไป
หลังจากหนึ่งร้อยกว่าวัน จ้าวเฟิงก็สิ้นสุดการฝึกฝน
“เสวียนอ้าวห้าธาตุและเสวียนอ้าวอัสนีทั้งหมดล้วนถึงขอบเขตขั้นห้า เสวียนอ้าวเวลาถึงขอบเขตขั้นสาม…”
จ้าวเฟิงค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ครั้งนี้
เสวียนอ้าวห้าธาตุทั้งหมดถึงขั้นห้า พลังของเขายกระดับขึ้นไม่น้อย
แน่นอน พลังเสวียนอ้าวของเขายกระดับได้เร็วเช่นนี้ สาเหตุที่สำคัญเป็นเพราะขอบเขตพลังสูงเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ทะลวงขั้นก็ไม่ได้ใช้เวลามากมายไปยกระดับขอบเขตพลัง
ยกตัวอย่างเช่น จ้าวเฟิงตอนนี้หากคิดจะบรรลุเสวียนอ้าวทั่วไปอื่นๆ บางทีแค่ไม่กี่วันก็อาจเข้าขั้นแล้ว
“วันนี้น่าจะเป็นวันที่แจกจ่ายวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ!”
จ้าวเฟิงเดินออกมาจากตำหนัก
“พี่เฟิงในที่สุดท่านก็ออกมา วันนี้เป็นวันแจกจ่ายวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณแล้ว!”
นอกประตูตำหนัก จ้าวหยูเฟยรออยู่นานแล้ว จากนั้นทั้งสองก็มายังลานศูนย์กลางของศิษย์หลักด้วยกัน
บนลานศูนย์กลางมีเวทีประลองทรงกลมสี่สนาม รอบด้านของทุกสนามมีศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณมากมายรวมตัวกันอยู่
“ดูเร็ว เป็นจ้าวเฟิง แล้วก็ยังมีจ้าวหยูเฟยด้วย!”
“ช่างน่าอิจฉาเสียจริง สมกันราวกับกิ่งทองใบหยก เป็นคู่ที่เหมาะกันนัก!”
การมาถึงของจ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟยดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
จ้าวเฟิงในตอนนี้คืออัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ส่วนจ้าวหยูเฟยคือหญิงงามอันดับหนึ่งของเผ่า พรสวรรค์ของนางก็เป็นอันดับหนึ่งในบรรดาศิษย์ผู้หญิงด้วย
ศิษย์ในเผ่าจำนวนน้อยอิจฉาและนับถือบูชาพวกจ้าวเฟิงทั้งสองเป็นอย่างมาก
ส่วนศิษย์หลักที่แข็งแกร่งบางคนสีหน้าเย็นชา มองมายังจ้าวเฟิงอย่างเป็นปฏิปักษ์เล็กน้อย
“พลังของเขาลึกล้ำเกินหยั่ง!”
มีเพียงแค่เทพแท้จริงจื้อกังและเทพแท้จริงนู่จี๋ที่เคยประมือกับจ้าวเฟิงมาก่อนเท่านั้นที่ยำเกรงเขาอยู่ลึกๆ
“เขาก็คือจ้าวเฟิง?”
จินคุนพี่ชายของจินเวยแววตาส่องประกายเย็นเยียบ
ช่วงระยะก่อนหน้านี้ เขาคิดหาโอกาสที่จะท้ารบกับจ้าวเฟิงมาโดยตลอด แต่พอดีว่าจ้าวเฟิงไม่อยู่ แต่ตอนนี้คือศึกชิงวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ พลังฝึกตนของเขาและจ้าวเฟิงไม่ทัดเทียมกัน ไม่มีโอกาสจะได้ประมือกัน
“จ้าวเฟิง คนที่ทะลวงเทพแท้จริงขั้นหกได้ก็คือเขา?”
ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาสีหน้าเฉยชาคนหนึ่งปรายตามองจ้าวเฟิงอย่างเย็นชา
“เป็นอะไรไป? หรือเทพโบราณปิงหยวน (เหมันต์ดั้งเดิม) ก็อยากจะลงมือกับเขาด้วยกระมัง?” เทพโบราณขั้นเจ็ดเผ่าพันธุ์วิญญาณคนหนึ่งพูดหยอกล้อ
คนที่เหลือรอบด้านถูกประโยคนี้ดึงดูดไปทันที
เทพโบราณปิงหยวนคืออัจฉริยะรุ่นอาวุโสกว่าที่แข็งแกร่งที่สุด เพิ่งทะลวงเทพโบราณขั้นเจ็ด ก็สามารถเอาชนะเทพโบราณทั่วไปในเผ่าพันธุ์วิญญาณได้
เผ่าพันธุ์วิญญาณฝากความหวังไว้กับเทพโบราณปิงหยวนไว้สูง และก่อนหน้านี้เขาก็เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่อาจเกี้ยวพาจ้าวหยูเฟยได้สำเร็จมากที่สุด แต่น่าเสียดาย ต่อให้เป็นเทพโบราณปิงหยวน จ้าวหยูเฟยก็ปฏิเสธอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย และตอนนี้ ชายที่จ้าวหยูเฟยให้ความสำคัญที่สุดทะลวงเทพแท้จริงขั้นหกได้ในทันที กลายเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของประวัติศาสตร์เผ่าพันธุ์วิญญาณ
“หึ พวกต่ำกว่าเทพโบราณลงไปก็เป็นมดปลวกทั้งนั้น!”
ใบหน้าของเทพโบราณปิงหยวนหยิ่งยโสเย็นชา
“สมกับที่เป็นขั้วอำนาจห้าดาว เทพโบราณที่อยู่ที่นี่ครั้งนี้ก็มีสิบกว่าคน!”
จ้าวเฟิงประเมินรอบด้านเวทีประลองของเทพโบราณขั้นเจ็ด
เทพโบราณเหล่านี้ค่อนข้างอายุน้อย เผ่าพันธุ์วิญญาณน่าจะยังมีเทพโบราณอีกไม่น้อยที่พ้นสภาพจากลูกศิษย์แล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถชิงวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณได้
“บัดซบ เจ้าเด็กนี่เมินพวกเราอย่างนั้นรึ!”
รอบด้านเวทีประลองของเทพแท้จริงขั้นหก ชายหนุ่มที่รูปร่างสูงใหญ่ แขนหนาล่ำ และละม้ายวานรพูดอย่างไม่พอใจ
จ้าวเฟิงถือเป็นเทพแท้จริงขั้นหก แต่หลังจากที่เขามาแล้วก็มองไปยังเทพโบราณขั้นเจ็ดฝั่งนั้น นี่ทำให้เทพโบราณขั้นหกคิดว่าจ้าวเฟิงไม่มองพวกเขาเป็นคู่มือ
ไม่นานนัก ศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณที่ลานก็มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะเบียดกันแล้ว ยกเว้นคนจำนวนน้อยที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ข้างนอกจึงไม่อาจกลับมาได้
“วารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณครั้งนี้เลื่อนเวลาแจกจ่ายขึ้นมา ดังนั้นรายชื่อเลยลดลงครึ่งหนึ่ง พวกเจ้าพยายามช่วงชิงก็แล้วกัน…”
เสียงที่ก้องกังวานพลันดังขึ้น ทุกคนที่นั่นเงียบลงทันใด
ผู้อาวุโสที่ดำเนินศึกช่วงชิงครั้งนี้คือผู้อาวุโสทรงคุณธรรมมีชื่อเสียงคนหนึ่งของเผ่าพันธุ์วิญญาณ พลังของเขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน แน่นอน ในเงามืดยังมีผู้นำระดับสูงของเผ่าคนอื่นๆ คอยสังเกตศึกช่วงชิงครั้งนี้
“หลังจากศึกช่วงชิงคราวนี้ ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งจะประกาศ!”
ผู้อาวุโสเทพโบราณเอ่ยอย่างจริงจัง
ด้านล่างคาดเดาไปต่างๆ นานาทันใด เรื่องที่สามารถประกาศต่อหน้าศิษย์เผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหลายต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน
“ตอนนี้ ศึกชิงวารีศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณเริ่มได้!”
เพิ่งเอ่ยออกไป กลุ่มคนด้านล่างก็ฮือฮาทันใด สีหน้าของทุกคนฮึกเหิม ยากที่จะปิดความตื่นเต้นในใจ
ฟิ้ว…
ผู้อาวุโสสี่คนพลันมายังรอบด้านเวทีประลองสนามหนึ่ง
ก่อนที่ศึกช่วงชิงจะเริ่มขึ้น สมาชิกที่เข้าร่วมของทุกเวทีต่อสู้ต้องจับฉลาก
“ตอนนี้จัดตามลำดับที่จับฉลาก เริ่มการแข่งขัน ทุกคนจะต้องสู้กับคนอื่นทุกคนรอบหนึ่ง สุดท้ายจัดอันดับตามจำนวนที่ชนะ!”
ผู้ดำเนินรายการเพิ่งจะประกาศ ชายรูปร่างสูงใหญ่ดุจวานรคนหนึ่งก็ย่างก้าวขึ้นมาบนเวทีประลอง
“คู่มือคนแรกของข้าคือใคร รีบขึ้นมาเร็วๆ!” แววตาของชายหนุ่มคนนั้นหยิ่งยโส เขาคำรามลั่น
“คิดไม่ถึงเลยว่า ‘วานรคลั่ง’ จะเป็นคนแรก ไม่รู้ว่าใครคือคู่มือของเขา ต้องลำบากแย่แล้ว! ” ด้านล่างพากันวิจารณ์
พลังของวานรคลั่งคือขั้นหกสุดยอด เป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเวทีต่อสู้สนามนี้
ฟิ้ว แซ่ด แซ่ด! ร่างของจ้าวเฟิงเพียงไหววูบก็มาอยู่ตรงข้ามกับวานรคลั่ง
ด้านล่างเวทีเงียบกริบทันใด