บทที่ 1292 ปราการแลกเปลี่ยนลับ
สถานที่จัดงานชุมนุมเนตรเทพเจ้าเป็นมิติแยกเดี่ยวแห่งหนึ่ง
เหนือศีรษะเป็นคานสีเหลืองทอง ด้านบนประกอบขึ้นจากผลึกและอัญมณีสีต่างๆ ที่ส่องแสงประกายแวววาว กำแพงรอบด้านประกอบขึ้นจากสิ่งปลูกสร้างใหญ่น้อยที่มีเอกลักษณ์มากมาย ด้านนอกสิ่งปลูกสร้างขนาดค่อนข้างใหญ่บางส่วนจะมีองครักษ์ที่พลังฝึกตนค่อนข้างลึกล้ำ บางทีด้านในก็มีเสียงครึกครื้นแว่วออกมา
ในพื้นที่อื่นๆ ล้วนแต่ถูกล้อมรอบด้วยสายน้ำ ขุนเขา ทิวทัศน์งดงามราวสรวงสวรรค์!
สวบ! สวบ! สวบ!
ด้านในตำหนักที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต แสงเสี้ยวเงาหลากสีของผู้แข็งแกร่งโฉบผ่านไปในอากาศ รวมไปถึงสัตว์วิเศษประเภทบินได้ หรือไม่ก็พาหนะใช้บินโดยเฉพาะ
“นี่ก็คือสถานที่จัดงานชุมนุมเนตรเทพเจ้า?”
ศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตมองรอบบริเวณ ต่างอุทานอย่างอดไม่ได้
พวกเขาเพิ่งเคยเข้าร่วมงานชุมนุมเนตรเทพเจ้าเป็นครั้งแรก ก่อนนี้เคยได้ยินมาว่าสถานที่จัดงานชุมนุมในทุกครั้งจะต่างไปจากเดิม
เคยจัดงานขึ้นที่โลกรัตติกาลประหลาดสีม่วง ใต้มหาสมุทรลี้ลับและล้ำค่า แต่ในครั้งนี้สถานที่จัดงานเป็นตำหนักสีทองที่มีทุกสิ่งครบครัน ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ตำหนักหลังหนึ่งเท่านั้น แต่ก็มีขนาดอย่างน้อยหนึ่งในสองของเกาะเทียนอวี่
“ทายาทเนตรเทพเจ้ามีให้เห็นได้ทุกที่!”
จ้าวเฟิงตะลึงค้าง กวาดตามองผู้แข็งแกร่งที่โฉบผ่านหน้าไป
เมื่อย้อนนึกถึงก่อนนี้ตอนจ้าวเฟิงอยู่ในดินแดนทวีป กว่าจะได้เจอทายาทเนตรเทพเจ้าสักคนยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน แต่มาเข้าร่วมงานชุมนุมเนตรเทพเจ้าครั้งนี้ ทายาทเนตรเทพเจ้ากลับมีดาษดื่น
แน่นอน งานชุมนุมเนตรเทพเจ้าครั้งนี้เป็นถึงงานที่รวมคนของทั้งสองเขตพื้นที่
ส่วนดินแดนทวีปที่จ้าวเฟิงเคยอยู่น่าจะใหญ่กว่าเกาะเทียนอวี่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดินแดนแห่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกับขั้วอำนาจเล็กๆ อย่างเกาะเทียนอวี่ กลับมีจำนวนมากมาย
จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าพื้นที่ที่งานชุมนุมเนตรเทพเจ้ามีอิทธิพลแผ่ไปถึงกว้างใหญ่ขนาดไหน สามารถเรียกให้ทายาทเนตรเทพเจ้าจำนวนมากขนาดนี้มารวมตัวกันได้ ก็นับว่าสมเหตุสมผลแล้ว
“พวกเจ้าเดินทางกันเองแล้วกัน หากเจอเรื่องอะไรก็ใช้ป้ายส่งข่าวติดต่อหาข้าได้!”
ชายชราตัวลายเขียวแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตเอ่ย ก่อนที่เขาจะกลายร่างเป็นแสงสว่างสายหนึ่งออกไปสำรวจด้วยตัวเอง
ลักษณะพื้นที่ของงานชุมนุมเนตรเทพเจ้าแต่ละครั้งจะแตกต่างกันออกไป ถึงชายชราตัวลายเขียวจะเข้าร่วมงานมาหลายครั้ง แต่ก็ยังต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยอยู่ดี
“สหายจ้าวไม่มีป้ายส่งข่าวของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต เจ้าไปกับข้าแล้วกัน!”
เซี่ยโหวอู่เอ่ยทันที
“พวกเราไปกันเถอะ!”
ศิษย์อีกห้าคนที่เหลือของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม แยกกันไปสำรวจ
“จ้าวเฟิง ตอนนี้เจ้าต้องการอะไร?”
เซี่ยโหวอู่เปิดปากถาม
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเข้าร่วมงานชุมนุมเนตรเทพเจ้า แต่เคยได้ยินผู้อาวุโสของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตบอกเรื่องสถานที่ที่โดดเด่นภายในงาน
ในนั้นมีสนามต่อสู้ เวทีประลอง จุดขายข่าวสารและสถานที่ส่งมอบภารกิจ
นอกเหนือจากนั้นก็คือพื้นที่แลกเปลี่ยนค้าขายและพื้นที่พักผ่อน พื้นที่ในการแลกเปลี่ยนแทบจะแลกของทุกอย่างที่ต้องการได้ รวมไปถึงมรดกวิชา สมบัติล้ำค่า อาวุธเทพ และพาหนะสัตว์วิเศษ…
“ข้าต้องการวิชา ทรัพยากรฝึก และเคล็ดวิชาด้านวิชาวิญญาณหรือวิชาเนตร!”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
ในตอนนี้ เขาวางมือศาสตร์ฝึกฝนร่างกายแล้ว เช่นนั้นจึงควรจะเพียรพยายามศึกษาด้านวิญญาณ และดวงตา เพื่อจะได้สำแดงจุดเด่นของตนเองเต็มที่
หนำซ้ำเซี่ยโหวอู่ก็บอกเอาไว้แล้วว่าดวงตาของเขาแตะขั้นปฐมเทพแล้ว แต่เหมือนยังไม่ได้ปลดปล่อยพลานุภาพออกมา ในฐานะที่เป็นศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต เซี่ยโหวอู่ย่อมเคยเห็นเนตรปฐมเทพที่แท้จริงมาก่อน ดังนั้นจึงสามารถตัดสินได้เช่นนี้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สามารถไปสำรวจ ‘ปราการแลกเปลี่ยนลับ’ และ ‘หอแลกเคล็ดวิชา’ หรือไม่ก็สถานที่ค้าขาย…”
เซี่ยโหวอู่เอ่ยแนะนำ
“ปราการแลกเปลี่ยนลับและหอแลกเคล็ดวิชามีอะไรแตกต่างกัน?”
จ้าวเฟิงเอ่ยถาม
ตลาดค้าขายเขาเองก็รู้ อาจจะเจอของที่ดีที่สุดที่นั่นได้ แต่ราคาก็อาจสูงมากเช่นกัน
“หอแลกเคล็ดวิชาก็คือตลาดแลกเปลี่ยนซื้อขายเคล็ดวิชาและตำราขนาดใหญ่ ส่วนปราการแลกเปลี่ยนลับคือสถานที่ที่คนสิบกว่าคนทำการแลกเปลี่ยนกันอย่างลับๆ ต่างฝ่ายต่างไม่เห็นหน้ากัน แต่จะเห็นสิ่งของซึ่งจะแลกเปลี่ยนเท่านั้น…”
สิ่งที่เซี่ยโหวอู่เข้าใจก็ไม่ได้ชัดเจนมากนัก จึงอธิบายสถานการณ์คร่าวๆ สุดท้ายจ้าวเฟิงคิดว่าปราการแลกเปลี่ยนลับแห่งนี้น่าจะเหมาะสมกับตนเองมากกว่า
ที่นี่จ้าวเฟิงสามารถเอาทรัพยากรฝึกตนในห้วงฝันบรรพกาลออกมา หรือไม่ก็ใช้เสวียนอ้าวห้าธาตุเป็นสิ่งของแลกเปลี่ยน และยังไม่ต้องกังวลว่าจะถูกคนจับจ้อง
ทั้งสองคนบินไปพลางสำรวจไปพลาง ไม่นานเท่าไหร่นักก็พบตำหนักใหญ่สีดำปลอดทั้งหลัง โดดเด่นท่ามกลางหมู่ตำหนัก หนำซ้ำจำนวนคนที่เดินเข้าออกยังมากมายอย่างยิ่ง
“นี่คือจุดรับภารกิจ ว่ากันว่าที่นี่สามารถแจกจ่ายภารกิจหรือไม่ก็รางวัล และยังจ้างมือสังหารและผู้อารักขาได้ด้วย…”
เซี่ยโหวอู่เอ่ยแนะนำ
“ปราการแลกเปลี่ยนลับ!”
ทันใดนั้นเอง ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็เจอชื่อตำหนักแห่งนี้ท่ามกลางตำหนักจำนวนมาก นี่เป็นสิ่งปลูกสร้างทรงกลมขนาดใหญ่สีเข้มแห่งหนึ่ง รอบๆ มีถนนทางเดินเล็กๆ นับร้อย ทุกเส้นมีองครักษ์ที่มีกลิ่นอายแข็งแกร่งหลายคน
สวบ! สวบ! สวบ!
ไกลลิบๆ จ้าวเฟิงมองเห็นเงาคนหลายร่างมาที่ปราการแลกเปลี่ยนลับ หลังจากจ่ายผลึกเทพแล้วถึงเดินเข้าไปในทางเดิน แต่ทางเดินบางส่วนมีคนออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเซี่ยโหวอู่และจ้าวเฟิงเดินตรงไปที่ปราการแลกเปลี่ยนลับ
“ทางสายหนึ่งอนุญาตให้คนเข้าไปได้แค่คนเดียว!”
องครักษ์ผู้หนึ่งในนั้นขวางจ้าวเฟิงและเซี่ยโหวอู่เอาไว้
ที่นี่คืองานชุมนุมเนตรเทพเจ้า ต่อให้เซี่ยโหวอู่เป็นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตก็ไม่กล้าวางท่า ทำได้เพียงแต่ยอมรับกฎเกณฑ์ที่นี่ จากนั้นองครักษ์ก็หยิบอุปกรณ์ทรงกลมออกมา ให้จ้าวเฟิงประทับมือบนนั้น
วิ้ง! ด้านบนจานทรงกลมปรากฏจุดแสงสว่างเจ็ดจุด
“เทพโบราณขั้นเจ็ด เข้าไปภายใน มอบผลึกเทพระดับกลางมาห้าร้อยชิ้น!”
องครักษ์ผู้นั้นเอ่ยเสียงเรียบ
จ้าวเฟิงตื่นตะลึงเล็กน้อย ผลึกเทพระดับกลางห้าร้อยชิ้นอาจจะไม่เท่าไหร่สำหรับเขา แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งขั้นเทพแท้จริงทั่วไปกลับเป็นสมบัติมหาศาล
เช่นเดียวกัน จ้าวเฟิงเองก็มองออกแล้ว ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายจะขึ้นอยู่กับพลังฝึกตน
“ราคาที่ต้องจ่ายขึ้นอยู่กับพลังของเจ้า พลังฝึกตนของเจ้าคือเทพโบราณขั้นเจ็ด เช่นนั้นคนที่ทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้าก็น่าจะมีพลังอยู่ประมาณนี้!”
องครักษ์ผู้นั้นเอ่ยแนะนำเรื่อยเปื่อย
“หลังจากเข้าไปภายในนั้นแล้ว เจ้าไปยังอาณาเขตที่ปิดผนึกแห่งหนึ่ง เจ้าแค่ต้องรออยู่ภายในเพียงครู่เดียว รอให้จำนวนคนไปถึงสิบสองคนแล้วการแลกเปลี่ยนก็จะเริ่มต้นขึ้น เมื่อการแลกเปลี่ยนจบลงแล้ว อยากจะแลกเปลี่ยนซื้อขายต่อเจ้าก็อยู่ที่นี่ต่อก็ได้”
องครักษ์อธิบายขั้นตอนการแลกเปลี่ยนแก่จ้าวเฟิงก่อนจะเข้าไป
เขาทำได้เพียงเดินตรงดิ่งเข้าไปในทางเดินที่ดำมืด กำแพงรอบด้านไม่รู้ว่าประกอบขึ้นจากอะไร ประสาทสัมผัสเทพไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้ ต่อให้ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงมองทะลุที่ความหนาระดับหนึ่ง ก็ยังคงมองไม่เห็นอะไร
เขาเดินไปถึงสุดปลายทางเดินอย่างรวดเร็ว ด้านหน้าปรากฏมิติทรงกลมขนาดเล็ก
“แค่ต้องรออยู่ที่นี่ก็พอกระมัง!”
จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิลง แต่ในตอนนี้เอง ทั้งมิติที่ปิดผนึกก็สว่างขึ้นมาทันที
“การแลกเปลี่ยนเริ่มขึ้นแล้ว ขอให้มอบสิ่งของที่ทำการแลกเปลี่ยนมา และดำดิ่งประสาทสัมผัสเทพลงไปในกลุ่มแสงด้านหน้า!”
เสียงผู้หญิงคล้ายกลไกดังขึ้นในหัว
วู้ม! ด้านหน้าของจ้าวเฟิงปรากฏกลุ่มแสงสีขาว
เขายังไม่คุ้นเคยกับวิธีการแลกเปลี่ยนแบบนี้ จึงระแวดระวังอย่างยิ่ง วางผลึกเสวียนอ้าวห้าชิ้นลงไป
“การแลกเปลี่ยนซื้อขายเริ่มขึ้นได้!”
ผ่านไปสักพัก เสียงดังกล่าวก็ดังขึ้นอีกครั้ง
วินาทีต่อมาด้านหน้าจ้าวเฟิงก็ปรากฏกลุ่มแสงสิบเอ็ดกลุ่มขึ้นมา ในแต่ละกลุ่มแสงมีสิ่งของแตกต่างกันออกไป ยา อาวุธ ตำรา ข้อมูลต่างๆ
“นี่คงจะเป็นสมบัติอีกสิบเอ็ดชิ้นที่คนอยากจะแลกเปลี่ยนกระมัง!”
จ้าวเฟิงเข้าใจในทันที
จากนั้นเขาค้นพบว่าขอแค่เอาประสาทสัมผัสเทพดำดิ่งลงไปในทุกกลุ่มแสงก็จะเจอสิ่งของภายในนั้น ทั้งยังสามารถสื่อสารกับอีกฝ่ายได้ด้วย
“ประหลาดเหลือเกิน!” สายตาจ้าวเฟิงส่องประกายวาววับ
วิธีการแลกเปลี่ยนเช่นนี้ทำให้เขาประหลาดใจมาก ทุกคนที่แลกเปลี่ยนซื้อขายกันจะเห็นสิ่งของที่แลกเปลี่ยน แต่มองไม่เห็นฝ่ายตรงข้าม จุดเด่นของวิธีการแลกเปลี่ยนเช่นนี้คือจะแลกเปลี่ยนสิ่งของที่ค่อนข้างล้ำค่าหายากในครอบครองของตนได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกคนอื่นเพ่งเล็ง แต่จุดด้อยของการแลกเปลี่ยนแบบนี้ก็คือขั้นตอนจะเชื่องช้า หนำซ้ำยังยากจะเจอของที่ตนเองต้องการ
จ้าวเฟิงไม่พูดซ้ำ ดำดิ่งประสาทสัมผัสเทพเข้าไปในกลุ่มแสงกลุ่มแรก
บุปผาและพฤกษาสีเขียวขจีต้นหนึ่งสาดซัดกลิ่นอายวิญญาณเบาบางออกมา!
“หญ้าเบิกวิญญาณ เป็นสมบัติที่ส่งผลต่อการสร้างสายเลือดดวงตา!”
และในตอนนี้นี่เอง ประสาทสัมผัสเทพในกลุ่มแสงก็มีเสียงดังลอดออกมา
“ช่วยผลักดันสร้างสายเลือดดวงตา?” จ้าวเฟิงตื่นตะลึง
แต่ทันใดนั้น ใจเขาก็พลันสงบนิ่งลงไป เขารู้สึกว่าคำพูดของฝ่ายตรงข้ามดูหลอกลวงไม่น้อย
“คงจะมีข้อจำกัดอะไรกระมัง?”
จ้าวเฟิงถามข้อสงสัยอย่างกล้าหาญ อย่างไรเสียสองฝ่ายก็ไม่รู้จักกัน
“ส่งผลได้ในระดับหนึ่ง สัดส่วนของสายเลือดดวงตาทั่วไปจะมีค่อนข้างมาก แต่กับทายาทเนตรเทพเจ้าจะรองลงมา และยังมีขีดจำกัดในด้านหลังฝึกตนด้วย!”
เสียงที่ไม่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่หลังจากที่รู้เรื่องพวกนี้แล้ว ประสาทสัมผัสเทพของจ้าวเฟิงก็หลุดออกจากกลุ่มแสงนี้เข้าไปอีกกลุ่มแสงทันที เสียงประสาทสัมผัสเทพพลันดังขึ้นในหัวเขา
“ดูไปแล้ว มีคนอยากจะแลกเปลี่ยนผลึกเสวียนอ้าวห้าธาตุของข้า!”
จ้าวเฟิงหัวเราะอย่างอดไม่ได้
เขาหยิบเอาผลึกเสวียนอ้าวห้าชิ้นออกมา แบ่งออกเป็นพลังเสวียนอ้าวห้าประเภท หนำซ้ำยังอยู่ในระดับขั้นสูง เทียบเท่าได้กับเทพโบราณขั้นเจ็ด
“เจ้ามีผลึกเสวียนอ้าวแฝงด้วยธาตุทองเท่าไหร่?” เสียงชราดังขึ้น
“มากนัก!” จ้าวเฟิงตอบง่ายๆ
จากนั้นอีกฝ่ายจึงถามว่าเขาต้องการอะไร
“วิชาหรือไม่ก็ทรัพยากรฝึกฝนด้านวิญญาณและดวงตาในระดับขั้นสูง!”
จ้าวเฟิงเอ่ยตามตรง
ทว่าทรัพยากรฝึกและเคล็ดวิชาที่ฝ่ายตรงข้ามเอาออกมาไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการนัก สุดท้ายจ้าวเฟิงจึงแลกเปลี่ยนทรัพยากรมาได้น้อย
วิธีในการแลกเปลี่ยนง่ายดายอย่างยิ่ง
กลุ่มแสงสิบสองลูกตรงหน้า จ้าวเฟิงสามารถวางสิ่งของลงไปในกลุ่มแสงใดๆ ก็ได้ แต่จะสามารถหยิบเอาสิ่งของออกจากกลุ่มแสงที่เป็นของเขาเท่านั้น
จ้าวเฟิงเอาผลึกเสวียนอ้าวเข้าไปในกลุ่มแสง ในกลุ่มแสงของเขาปรากฏทรัพยากรจำนวนน้อยนิดอย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจสอบความถูกต้องแล้วจึงเอาทรัพยากรส่วนนั้นออกมา ส่วนฝ่ายตรงข้ามก็หยิบผลึกทรัพยากรของเขาออกไป จากนั้นเขาจึงนำประสาทสัมผัสเทพดำดิ่งลงไปในกลุ่มแสงถัดมา ในนั้นมีสมุนไพรสีเขียวสดสุกสกาวต้นหนึ่งสาดซัดกลิ่นอายชีวิตและวิญญาณที่หนาแน่นออกมา!
หลังจากสื่อสารครู่หนึ่ง จ้าวเฟิงจึงตกลงแลกเปลี่ยนสิ่งของกับอีกฝ่าย
ประสาทสัมผัสเทพของจ้าวเฟิงดำดิ่งลงไปในกลุ่มแสงชิ้นที่สาม เขามองเห็นผลึกสีดำชิ้นหนึ่ง เพียงแค่ประสาทสัมผัสเทพสัมผัสเบาๆ ในหัวจ้าวเฟิงก็พลันปรากฏภาพเหตุการณ์ช่วงหนึ่งขึ้น
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นภาพความทรงจำ!”
จ้าวเฟิงตื่นตะลึงไปเล็กน้อยเมื่อสำรวจภาพเหตุการณ์ที่เห็นในหัว