Skip to content

King of Gods 1377

King Of Gods

บทที่ 1377 ทำลายอย่างง่ายดาย

ท่ามกลางหมอกควันสีเทา พวกเทพโบราณเมี่ยหลิวและเทพโบราณอวี่เหิงเดินทางช้าๆ ภายในนั้น เสมือนว่าเดินทางอย่างไรก็ไปไม่ถึงจุดสิ้นสุด

เมื่ออยู่ที่นี่ การรับรู้และประสาทสัมผัสเทพของพวกเขาเหมือนถูกข่มเอาไว้หนึ่งในยี่สิบส่วน หนำซ้ำการสะกดเวลาในพื้นที่นี้ยังรุนแรงมาก ทำให้ความเร็วในการเดินทางของพวกเขาเชื่องช้าลงอย่ายิ่ง

นอกจากนี้แล้ว ในกลุ่มหมอกควันสีเทา บางคราวจะมีปีศาจที่แข็งแกร่งผิดธรรมดาพุ่งออกมา

ทุกคนตึงเครียด ไม่กล้าประมาทเลินเล่อ

“ที่นี่คงเป็นแดนต้องห้ามที่เกิดขึ้นใหม่!” อวี่เหิงเอ่ยเสียงต่ำ

ในคลังข้อมูลของพวกเขา ที่นี่เป็นแค่สถานที่อันตรายระดับกลางเท่านั้น ด้วยความสามารถของพวกเขาหลายๆ คน น่าจะสามารถพุ่งผ่านไปได้เลยด้วยซ้ำ แต่หลังจากเข้ามาที่นี่แล้ว ถึงพบว่าความจริงไม่เหมือนกับในรายงาน

ในตอนนี้เอง อวี่เหิงได้รับข่าวสารฉบับหนึ่ง สีหน้าฉายแววยินดีเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาเย็นชาดังเดิม

“พวกเขาเจอร่องรอยของพวกซินอู๋เหินแล้วหรือ?”

เทพโบราณเมี่ยหลิวถามอย่างสงสัย

“ใช่แล้ว!” อวี่เหิงผงกศีรษะ

“เกรงว่าพวกเราคงไปถึงที่นั่นในเวลาอันสั้นไม่ได้แน่!”

เทพโบราณเมี่ยหลิวตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย

ตั้งแต่เข้ามาที่นี่จนถึงตอนนี้ มีแต่อีกสองกลุ่มที่เจอร่องรอยของพวกซินอู๋เหิน แต่ที่บังเอิญก็คือ ทุกครั้งที่เจอร่องรอยของพวกซินอู๋เหิน กลุ่มเทพโบราณเมี่ยหลิวจะอยู่ห่างไกลมาก

ในครั้งนี้พวกเขาก็บังเอิญติดอยู่ในแดนต้องห้ามอันตรายด้วย

……

ภายในหอหยั่งรู้ เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกระโจนขึ้นไปบนแท่นหินสีดำ ฝนกรงเล็บไปมาเบาๆ

พวกจ้าวเฟิงต่างปิดด่านอยู่ภายในมิติพิเศษ ทันใดนั้น ระลอกแสงสีขาวกระเพื่อมในอากาศ จ้าวเฟิงกระโจนออกมา เขาในตอนนี้ใช้ดอกบัวเก้ามรกตทะลวงขั้นแปดสุดยอดไปแล้วอย่างราบรื่น บางทีอาจเพราะชุดคลุมมิติ จ้าวเฟิงจึงทะลวงขั้นได้สำเร็จเป็นคนแรก

“เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

จ้าวเฟิงรีบก้าวเข้าไป มองไปที่ภาพบนม่านแสงเก้าเหลี่ยมเพื่อสำรวจสถานการณ์ของด้านนอก

“ถอดใจเรื่องทำลายค่ายกลแล้วหรือ?”

จ้าวเฟิงมองพวกเทพโบราณอวี้ห่ายอย่างละเอียด

นอกจากเทพโบราณหานอวี้แล้ว สามคนที่เหลือปิดด่านฝึกตนกันทั้งสิ้น

แต่ในขณะนี้เอง จู่ๆ เทพโบราณหานอวี้ก็ลุกยืนขึ้น ในเวลาเดียวกัน คนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลที่กำลังปิดด่านฝึกตนอยู่ก็หยุดกันหมด

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล

เจ้าแมวขโมยน้อยเองก็เหลือบมองสถานการณ์ภายนอกด้วยใบหน้าสงสัยเช่นกัน

วินาทีถัดมา เหนือเทพโบราณหานอวี้ก็พลันปรากฏระลอกพลังเทพที่แก่กล้าขึ้น

ร่างบุรุษหนุ่มหล่อเหลาองอาจ ร่างกายสูงใหญ่เกือบร้อยจั้ง อยู่ท่ามกลางชั้นระลอกแสงสีเงินทอง

เขาระบายยิ้มน้อยๆ ขณะมองหอหยั่งรู้ด้านหน้า

“เงาข้ามมิติ!” จ้าวเฟิงสีหน้าอึมครึม

เงาข้ามมิติของบุรุษหนุ่มผู้นั้นปรากฏกายขึ้นที่นี่ ก็พิสูจน์แล้วว่าเขาอยู่ในมิติแห่งนี้ด้วย หากเป็นเช่นนี้ ตำหนักวิญญาณบรรพกาลำก็ยังมีคนอื่นๆ อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

ในสถานการณ์แบบนี้ เงาข้ามมิติของบุรุษหนุ่มผู้นี้ปรากฏขึ้นที่นี่ หรือว่าเขาจะมีวิธีทำลายค่ายกลแล้ว?

เมี้ยว เมี้ยว! สีหน้าเจ้าแมวขโมยก็เคร่งขรึมผิดปกติ

……

“หอหยั่งรู้? ค่ายกลลับลำดับที่หนึ่งร้อยสามสิบสองของเคล็ดวิชาความลับสวรรค์ ค่ายกลกักไอสวรรค์!”

ในวินาทีที่เงาของอวี่เหิงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ก็เรียกชื่อของหอหยั่งรู้และค่ายกลทันใด

ปรมาจารย์ค่ายกลขั้นเก้าในกลุ่มเทพโบราณหานอวี้ก้มศีรษะลงทันที

จากประโยคนี้ จะมองออกได้ถึงความต่างอย่างมหาศาลของเขาและอวี่เหิง

“ถ้าหากพวกเจ้าเข้าใจเคล็ดวิชาความลับสวรรค์ ก็จะทำลายค่ายกลได้สบายๆ อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ข้าทำได้เพียงบอกจุดอ่อนของค่ายกลนี้กับพวกเจ้า!”

อวี่เหิงเอ่ยเสียงเรียบ

“เทพโบราณมู่อวี้เข้าใจค่ายกลความลับสวรรค์พวกนี้เล็กน้อย!”

เทพโบราณหานอวี้พลันเอ่ย

เทพโบราณขั้นเก้าผู้นั้นก้าวออกมาอย่างค่อนข้างขัดเขิน

“อ้อ ก็ดี ข้าจะบอกเจ้าเรื่องหัวใจสำคัญของ ‘ค่ายกลกักไอสวรรค์’ แล้วกัน…”

อวี่เหิงมองเทพโบราณมู่อวี้ และเริ่มอธิบาย

เทพโบราณมู่อวี้ตั้งอกตั้งใจฟัง ทันใดนั้นก็เบิกตากว้าง จ้องอวี่เหิงด้วยใบหน้าตะลึง ความเข้าใจที่ฝ่ายตรงข้ามมีต่อค่ายกลนี้ลึกล้ำจนประหนึ่งเป็นผู้วางค่ายกลแห่งนี้ด้วยตนเอง

“ข้าน้อยโง่งม ฟังเข้าใจเพียงสี่ส่วน!” หลังจากอธิบายจบ เทพโบราณมู่อวี้ก็เอ่ยด้วยสีหน้าสำนึกผิด

สีหน้าพวกเทพโบราณหานอวี้ตกใจเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรทำลาย ค่ายกลเถอะ!” อวี่เหิงเอ่ยเรียบๆ

“ทุกคนทำตามที่ข้าบอก ไม่นานก็จะทำลายค่ายกลได้!” เทพโบราณมู่อวี้รีบเอ่ยด้วยใบหน้ามั่นอกมั่นใจ

ไม่นานนัก คนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็ไปที่รอบๆ หอหยั่งรู้

ภายในหอหยั่งรู้

“ไม่เข้าที พวกนั้นจะทำลายค่ายกลหรือ?”

จ้าวเฟิงย่อมเข้าใจดีว่าคนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลกำลังจะทำอะไร

ใบหน้าเขาเคร่งเครียดขณะที่มองเงาข้ามมิติ บุรุษหนุ่มคนนั้นมีท่าทีนิ่งเฉยโดยตลอด เหมือนกำลังกำชัยชนะเอาไว้อย่างนั้น ส่วนคนอื่นที่เหลือของตำหนักวิญญาณบรรพกาลก็เริ่มทำลายค่ายกลหลังจากที่เงาของบุรุษหนุ่มผู้นั้นปรากฏตัวขึ้น

ซึ่งแปลว่าฝ่ายตรงข้ามมีวิธีทำลายค่ายกลแล้ว

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ! พวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสี่คนแยกกันสำแดงพลังแก่กล้าเข้าโจมตีรอบๆ ค่ายกลกักไอสวรรค์ ค่ายกลกักไอสวรรค์ส่งเสียงโครมคราม อักษรยึกยือด้านบนนั้นบินว่อนอย่างเร็วรี่ แต่ครั้งนี้ค่ายกลกลับไม่ได้ดูดซึมการโจมตีของทุกคนเอาไว้

วู้ม วู้ม วู้ม!

บนค่ายกลกักไอสวรรค์ อักษรยึกยือนับไม่ถ้วนเริ่มหมุนวนช้าๆ

“แย่ล่ะ ค่ายกลจะแตกแล้ว!” สีหน้าจ้าวเฟิงเคร่งขรึม

ต่อให้เขาไม่เข้าใจค่ายกลเท่าไหร่นัก แต่ก็มองออกว่าคนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลเข้าใจเคล็ดวิชา น่าจะทำลายค่ายกลลงได้ในเวลาไม่นาน

เมี้ยว เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยน้อยโบกไม้โบกมืออย่างเหนื่อยหน่าย

มันบอกจ้าวเฟิง ในตอนนี้มันเองก็ทำได้เพียงใช้ทรัพยากรประคองให้ค่ายกลอยู่ต่อไปอีกหน่อย

ไม่นานเท่าไหร่นัก

ตู้ม ตู้ม ตู้ม! รอบๆ หอหยั่งรู้มีเสียงระเบิดดังโครมคราม จากนั้นจึงมองเห็นค่ายกลแสงสีเงินค่อยๆ สลายหายไป

“ไป!” ใบหน้าเทพโบราณหานอวี้ฉายแววยินดี นำทุกคนพุ่งไปที่ประตูหอหยั่งรู้โดยพลัน

“ช้าก่อน เทพโบราณอวี้ห่าย เจ้าอยู่ที่นี่!” อวี่เหิงพลันเอ่ยขึ้น

เทพโบราณอวี้ห่ายชะงักไป ในตอนนี้ทำลายค่ายกลได้ พวกเขากำลังเข้าไปจับพวกซินอู๋เหินและจ้าวเฟิง นี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้ทำดีไถ่โทษ แต่อวี่เหิงกลับเรียกเขาเอาไว้ เพราะเหตุใดกัน? หรือว่าอวี่เหิงยังคงคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่ผ่านมา?

“ที่พวกซินอู๋เหินสามารถเปิดค่ายกลป้องกันได้ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าพวกมันควบคุมหอหยั่งรู้ได้เบื้องต้น เจ้าอยู่ด้านนอกก็เพื่อกันคนข้างในหนีออกมา!”

อวี่เหิงสำทับอีกประโยค

“แบบนี้นี่เอง!” เทพโบราณอวี้ห่ายถอนหายใจโล่งอก

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ตื่นตกใจกว่าเดิม เหตุใดอวี่เหิงจึงเข้าใจหอหยั่งรู้เช่นนี้

โครม บึ้ม!

ในขณะนั้นประตูก็เปิดออก พวกเทพโบราณหานอวี้เข้าไปด้านในอย่างราบรื่น

ส่วนบนยอดหอหยั่งรู้

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยควบคุมแท่นโลหะทั้งเก้าให้แสดงภาพเหตุการณ์ของพวกเทพโบราณหานอวี้

“หืม? กับดักกลไกที่นั่น…” สีหน้าจ้าวเฟิงตะลึงเล็กน้อย

เขาจำได้ว่าในหอหยั่งรู้น่าจะไม่มีกับดักกลไกอะไรอยู่อีก

เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยรีบอธิบายกับจ้าวเฟิง บอกว่ามันเป็นคนทำไว้

ความสามารถในการควบคุมหอหยั่งรู้ของเจ้าแมวขโมยน้อย ไม่ใช่แค่พลังประสาทสัมผัสและค่ายกลป้องกันเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกับดักกลไกบางส่วนในหอหยั่งรู้ด้วย

หอหยั่งรู้เป็นอาคารสำคัญขนาดนี้ ย่อมไม่มีทางมีเพียงค่ายกลป้องกันเท่านั้น ด้านในจะต้องมีอุปสรรคอื่นอีกมาก

“หากเป็นเช่นนี้ กว่าพวกมันจะมาถึงที่นี่น่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพักทีเดียว!”

จ้าวเฟิงถอนหายใจน้อยๆ และเข้าไปในชุดคลุมมิติเพื่อเพิ่มพลัง

เขาเพิ่งจะทะลวงขั้นแปดสุดยอด เสวียนอ้าวเวลาและพลังวิญญาณยังสามารถเพิ่มได้อีกมาก

พวกเทพโบราณหานอวี้บุกโจมตีเข้ามาเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว

ก่อนหน้าที่มันจะเกิดขึ้น ทุกส่วนที่พลังเพิ่มขึ้น ก็หมายความว่าโอกาสที่จะรับมืออีกฝ่ายได้ก็เพิ่มขึ้นอีกส่วนด้วย

แต่ตอนที่จ้าวเฟิงเพิ่งจะเข้ามิติในชุดคลุมนั่นเอง จู่ๆ เขาก็พบว่าพวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลไม่ปะทะใส่กับดักกลไกใดๆ ทำลายค่ายกลไปได้มากและราบรื่นดี

“จะต้องเป็นคนผู้นั้นแน่!” จ้าวเฟิงมองอวี่เหิงด้านนอกหอหยั่งรู้อีกครั้ง

อันที่จริงแล้วก็เป็นดั่งที่จ้าวเฟิงคาดเดาเอาไว้ อวี่เหิงเดาได้นานแล้วว่าค่ายกลในหอหยั่งรู้มีมากมาย ดังนั้นเงาข้ามมิติจึงยังไม่ไปไหน

เขาอาศัยการบรรยายจากเทพโบราณมู่อวี้คอยบอกวิธีการทำลายค่ายกลให้พวกเขา ทำให้พวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลสามารถทำลายค่ายกลได้อย่างราบรื่น

“เก่งกาจเกินไปแล้ว!” เทพโบราณมู่อวี้ตื่นตะลึงในใจ และนับถืออวี่เหิงอย่างมาก

อวี่เหิงรอบรู้ยิ่งนัก แค่ตนเองบรรยายลักษณะค่ายกลที่นี่ อวี่เหิงก็สามารถวางวางแผนรับมือได้ในทันที ไม่นานนักพวกเขาก็เดินทางผ่านหอหยั่งรู้ชั้นที่หนึ่ง เยื้องย่างเข้าชั้นที่สอง

“เก่งกาจเสียจริง!” เทพโบราณหานอวี้พึมพำ

ถ้าหากไม่มีอวี่เหิง ต่อให้พวกเขาทำลายค่ายกลป้องกันก็ยังยากจะทำลายส่วนยอดของหอคอยหลังนี้

ชั้นบนของหอหยั่งรู้

“ไม่มีเวลาแล้ว!” สีหน้าจ้าวเฟิงหนักอึ้งเล็กน้อย

พวกตำหนักวิญญาณบรรพกาลทำลายค่ายกลรวดเร็ว ทำให้เขาไม่มีเวลาเข้าไปฝึกตนในชุดคลุมมิติ

วิ้ง! ในตอนนี้เอง มิติที่ไกลจากจ้าวเฟิงมากนักมีกลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลที่แข็งแกร่งหนักแน่นลอยออกมา ทำให้สายเลือดในร่างจ้าวเฟิงสั่นระริก

“ซินอู๋เหินใกล้ทะลวงขั้นได้แล้ว!” จ้าวเฟิงนึกยินดีขึ้นมาเล็กน้อย

ตอนนี้ซินอู๋เหินคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา ถ้าหากพลังฝึกตนทะลวงผ่านขั้นได้แล้วละก็ ความหวังจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

เมี้ยว เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยรีบให้จ้าวเฟิงมาที่แผ่นหินสีดำ

ทันใดนั้น จ้าวเฟิงก็รู้สึกว่าตนเองสามารถมองเห็นเหตุการณ์ทั่วหอหยั่งรู้ ส่วนห้วงความคิดของเขาก็เดินทางไปทั่วหอหยั่งรู้ได้อย่างราบรื่น

“ข้าเข้าใจ!” จ้าวเฟิงเข้าใจจุดประสงค์ที่เจ้าแมวขโมยน้อยทำเช่นนี้

ณ ชั้นสองของหอหยั่งรู้

กลุ่มตำหนักวิญญาณบรรพกาลกำลังทำลายกับดักกลไก

“ที่นี่มี ‘ค่ายกลพิษกลืนนภา’ ทันทีที่สัมผัส ค่ายกลพิษกลืนนภาก็จะทำงาน ถ้าหากคนขั้นต่ำกว่าเทพโบราณลงไปถูกค่ายกลทำร้ายจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากเทพโบราณโดนเข้า พลังเทพจะหลุดลอยออกไปอย่างรวดเร็ว สตินึกคิดก็พร่าเลือน…”

เสียงอวี่เหิงดังขึ้นในหัวเทพโบราณมู่อวี้

จากนั้น อวี่เหิงก็แจงวิธีการทำลายค่ายกล

เทพโบราณมู่อวี้ก้าวออกมา ก่อนเดินเข้าไปด้านใน ยื่นมือมาสัมผัสกำแพงบางส่วน เตรียมเริ่มทำลายค่ายกล แต่ในขณะนี้เอง ด้านหลังเทพโบราณมู่อวี้ก็ปรากฏดวงตาข้างหนึ่งขึ้น

ดวงตาหลอมรวมเข้าในอากาศ ส่องแสงสว่าง เป็นประกายเพลิงอัสนีเทวะกลุ่มหนึ่ง

“ระวัง!” เทพโบราณหานอวี้เอ่ยขึ้นทันใด แต่ก็สายไปเสียแล้ว

บึ้ม! เพลิงอัสนีเทวะกลุ่มหนึ่งระเบิดออกที่ชั้นวิญญาณของเทพโบราณมู่อวี้

“อ๊าก…” เมื่อถูกลอบโจมตีโดยไม่ได้ตั้งตัว เทพโบราณมู่อวี้กรีดร้องเสียงดัง สติเลือนราง เผลอก้าวออกไปโดยไม่ระวังตัว

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ! ในทันใดนั้นเอง ทั้งมิติก็ปรากฏลำแสงสีแดงเล็กละเอียดนับไม่ถ้วนตรงมาด้วยความเร็วสูงยิ่ง พร้อมแผ่พลังพลังเหมันต์ประหลาดออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!