บทที่ 1385 พลังรวมศูนย์ขั้นที่สี่
“ข้าเป็นถึง ‘ชิ้นส่วนอาวุธบรรพชน’ แม้แต่จอมเทพยังไม่อยู่ในสายตา แล้วนับประสาอะไรกับแค่เทพโบราณคนเดียว…”
น้ำเสียงมิตินั้นเจือความเกรี้ยวกราดและดูแคลนไว้
ในใจพวกซินอู๋เหินกลับเกิดระลอกความหวาดกลัวขึ้น ที่แท้ชิ้นส่วนเล็กๆ ชิ้นนี้เป็นเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน มิน่าจึงมีพลังน่ากลัวถึงขนาดนี้
ผลัวะ~ พลังเวลาในพื้นที่ที่ทุกคนอยู่พลันรุนแรงขึ้นเกือบเท่าตัว
เทพโบราณพั่วเยวี่ยและเทพโบราณหวาไฉ่ร่างกายค้างแข็ง เหงื่อผุดบริเวณหน้าผาก พลังเวลาที่ไร้รูปร่างกำลังบิดโค้งร่างของพวกเขา
“อ๊าก!” ทั้งสองคนเจ็บปวด ถูกบีบจากร่างยักษ์ให้กลับสู่สภาวะปกติ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ปริมาณความเจ็บปวดที่ได้รับก็จะลดน้อยลงบ้าง
“ประหลาดเหลือเกิน ทำให้เวลาเดินวุ่นวาย บิดเบี้ยวมิติกายเนื้อ หากเปลี่ยนเป็นเทพโบราณทั่วไปคงจะแหลกละเอียดไปแล้ว”
จ้าวเฟิงพูดอันใดไม่ออก
หนำซ้ำการบิดเบี้ยวของกาลเวลาที่เขาและเจ้าแมวขโมยน้อยต้องแบกรับยิ่งแข็งแกร่งขึ้นหนึ่งถึงสองส่วน
“ชุดคลุมมิติ!” ชุดคลุมยาวสีเงินเข้มลอยขึ้นบนร่างจ้าวเฟิง แล้วสาดแสงสีเงินกึ่งโปร่งใส
ชุดคลุมมิติเป็นสมบัติล้ำค่าในแขนงมิติและเวลา สร้างขึ้นโดยราชาเทพสายมิติ จึงมีแรงต้านการโจมตีมิติที่แข็งแกร่ง
และเมื่อบวกกับ ‘พลังเทพรวมศูนย์’ จ้าวเฟิงจึงสกัดกั้นการบิดโค้งของเวลาได้อย่างสบายๆ
“หืม เทพโบราณขั้นแปดผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ มิน่าล่ะถึงทำให้เแมวความลับสวรรค์ยอมเป็นข้ารับใช้ได้…”
เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมองจ้าวเฟิงครู่หนึ่ง
เมี้ยว!
บนตัวเจ้าแมวขโมยน้อยเปล่งแสงสว่างเรืองรองมากยิ่งขึ้น ทีท่านิ่งสงบ โบกกรงเล็บแมวทำลายการบิดโค้งของเวลาตรงหน้า
“ไม่ต้องมาพูดมากความ คำสั่งของข้าก็คือให้เฝ้าพื้นที่ต้องห้ามของเผ่าไว้ ต่อให้เป็นเนตรเทพเจ้าในยุคเนตรเทพเจ้าของพวกเจ้ามาเอง ข้าก็ไม่ยอม…”
เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนไม่ใยดี แต่กลับมองจ้าวเฟิงอย่างประเมิน
เจ้าแมวขโมยหงุดหงิดเล็กน้อย ถ้าหากได้ครอบครองเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน จะสามารถช่วยเหลือนายท่านได้มาก ทันทีที่ได้ครอบครองเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน นายท่านก็จะเติบโตจนเป็นใหญ่ในดินแดนเทพรกร้างอย่างรวดเร็ว
“เจ้าแมวขโมยน้อย!”
จ้าวเฟิงหลุดหัวเราะ เขายื่นมือลูบขนฟูฟ่องของมัน ก่อนจะเอ่ยปลอบประโลม
เจ้าแมวขโมยที่ทำทุกอย่างได้สำเร็จ ก็มีตอนที่พ่ายแพ้เหมือนกัน
แต่จะโทษมันก็ไม่ได้ เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนมีคำสั่งของตนเอง ในยามที่มันอยู่ในสภาพครบถ้วนสมบูรณ์ แปดเนตรเทพเจ้ายังไม่ถือกำเนิดขึ้นมา
บางทีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนอาจมองสถานะเนตรเทพเจ้าลำดับที่เก้าออก แต่ไม่ใช่ว่าจะหายกันได้
“ถึงจะไม่มีเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน ข้าก็ยังไปแตะระดับสุดยอดได้ แล้วของที่ได้ในครั้งนี้ยังมากมายนัก…”
จ้าวเฟิงหัวเราะน้อยๆ
เจ้าแมวขโมยน้อยผงกศีรษะ และไม่เจรจากับเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนต่ออีก
“เแมวความลับสวรรค์ อยู่ในมิติแห่งนี้เจ้าห่วงความปลอดภัยของตนเองเถอะ ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของศัตรูเก่าเจ้าแล้ว”
เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนเอ่ยทิ้งท้ายไว้ แล้วไม่สนใจพวกเขาอีก แต่ที่ชวนแปลกใจยิ่งกว่าก็คือ พลังเวลารอบตัวทุกคนสลายหายไป
เหมือนว่ามีเหตุผลบางอย่าง เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนจึงคลายความเป็นปฏิปักษ์กับทุกคน
เหตุผลนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับจ้าวเฟิงและเจ้าแมวขโมย
ด้านหน้าซากป้อมปราการเก่า ‘เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน’ ทุ่มเทพลังทั้งหมดชี้นำพลังแห่งเวลา และเริ่มโต้กลับกองทัพแมลง
เมื่อไม่ต้องสนใจพวกจ้าวเฟิง พลานุภาพของมันก็เพิ่มขึ้นหลายส่วน การโจมตีของกองทัพแมลงไม่ได้ราบรื่นอย่างนั้นอีก เห็นได้ชัดว่ากินแรง และในช่วงเวลานี้ พวกจ้าวเฟิงก็ไม่ต้องแบกรับแรงกดดันของพลังเวลา กวาดค้นทรัพยากรอบบริเวณอย่างรวดเร็ว
ถ้าหากแบ่งป้อมปราการแห่งนี้ออกเป็นสี่ทิศคือตะวันออก ตะวันตก ใต้ และเหนือ เช่นนั้นฟากจ้าวเฟิงและเผ่าเทพยักษ์ก็เก็บสมบัติทรัพยากรทิศตะวันออกและใต้เรียบร้อย
ส่วนอีกสองทิศทุกคนยังไม่ลงมือ
“ทางตะวันตกเป็นทิศที่รังนางพญาแมลงโจมตีเข้ามา ส่วนทิศเหนือ…”
แววตาจ้าวเฟิงทอประกายคมกล้า
ทิศเหนือก็คือพื้นที่ซ่อนตัวของคน ‘ตำหนักวิญญาณบรรพกาล’
ครึ่งวันก่อนหน้านี้
จ้าวเฟิงใช้เนตรสวรรค์สืบค้น จนเจอคนของตำหนักวิญญาณบรรพกาลหลายคนซ่อนตัวอยู่ทางทิศเหนือ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ พวกเผ่าเทพยักษ์ก็กังวลนัก
“อย่าเพิ่งกังวลไป ตำหนักวิญญาณบรรพกาลอาจจะมาถึงนานแล้ว เป้าหมายที่พวกเขาต้องการเหมือนจะไม่ใช่พวกเราอีกแล้ว” จ้าวเฟิงแจกแจงอย่างสงบ
ไม่ต้องคิดมาก เป้าหมายของตำหนักวิญญาณบรรพกาลจะต้องเป็นเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนแน่!
หากจะพูดถึงเรื่องมูลค่า เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนจะต้องอยู่เหนือตราเทพบรรพกาลแน่นอน
“ในเมื่อผลเก็บเกี่ยวของพวกเราอุดมสมบูรณ์ ไยจึงไม่ใช้ ‘ตราเทพบรรพกาล’ กลับไปที่โลกภายนอกและเอาทรัพยากรส่วนหนึ่งไปก่อน”
เทพโบราณหวาไฉ่เอ่ยแนะนำ
ในกลุ่มพวกเขา พลังฝึกตนของนางต่ำที่สุด ไม่นานก่อนนี้เพิ่งจะทะลวงผ่านขั้นแปดสุดยอด เขาจึงไม่อยากเสี่ยงอันตรายอีก
“หรือว่าพวกเราจะยก ‘เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน’ ให้กับตำหนักวิญญาณบรรพกาล? ต่อให้พวกเราไม่ได้ครอบครองมัน ก็จะปล่อยให้ศัตรูได้ไปไม่ได้”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยกลับเป็นกำลังรบหลัก ไม่นานก่อนนี้ เขาทะลวงจากขั้นแปดสุดยอดไปขั้นเก้า ความมั่นใจเพิ่มขึ้นหลายส่วน
ซินอู๋เหินครุ่นคิดเล็กน้อย รู้สึกว่าที่คนทั้งสองพูดมาก็มีเหตุผล
คำแนะนำของเทพโบราณหวาไฉ่ค่อนข้างปลอดภัยและแน่นอน ไม่ถึงกับต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงอันตราย แต่คำพูดของเทพโบราณพั่วเยวี่ยพุ่งตรงไปที่ประเด็นสำคัญ
หากปล่อยให้ตำหนักวิญญาณบรรพกาลได้ครอบครองเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน เช่นนั้นแล้วเผ่าเทพยักษ์คงยากที่จะไล่ตามทัน แต่กลับกัน หากเป็นเผ่าเทพยักษ์ได้ครอบครองเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน สถานการณ์ก็จะได้ประโยชน์อย่างมาก
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ให้เทพโบราณหวาไฉ่เอาทรัพยากรส่วนหนึ่งกลับไปแจ้งทางเผ่า หากพากำลังหนุนมาด้วยจะเป็นการดีที่สุด”
ซินอู๋เหินตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
ถึงอย่างไรพลังฝึกตนของเทพโบราณหวาไฉ่ก็ต่ำที่สุด ประโยชน์ที่มีต่อกลุ่มก็ค่อนข้างจำกัด
คนอื่นที่เหลืออยู่ต่อเพื่อแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า
เมื่อได้ยินแล้วคนอื่นๆ ต่างเห็นด้วย แผนการเช่นนี้โยนหินก้อนเดียวได้นกสองตัว
พรึ่บ!
ซินอู๋เหินหยิบตราเทพบรรพกาลออกมา ใช้เคล็ดวิชาความลับสวรรค์กระตุ้นมัน บนผิวตราประทับเก่าแก่ปรากฏระลอกมิติประหลาดลอยขึ้นมาหลอมรวมกับมิติแห่งนี้
และในเวลานี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในฉับพลัน
วิ้ง! แรงกดดันมิติที่ทรงพลังทะลักออกมา ตราเทพบรรพกาลส่งเสียงร้องแล้วจึงอับแสงลงหลายส่วน
“นั่นอะไร!” ซินอู๋เหินหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที ก่อนจะตกอยู่ในภวังค์ความคิด
อะไรกัน? เทพโบราณหวาไฉ่และเทพโบราณพั่วเยวี่ยมีสีหน้าตื่นตะลึง ตราเทพบรรพกาลชิ้นนี้เป็นกุญแจเข้าออกมิติแห่งนี้เชียว
“เกรงว่าโลกภายนอกคงมีผู้แข็งแกร่ง ‘ขั้นจอมเทพ’ วางค่ายกลผนึกบรรพกาลไว้ คาดว่าระดับจอมเทพไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียว หนำซ้ำยังเข้าใจเคล็ดวิชาความลับสวรรค์อย่างปรุโปร่งด้วย”
ซินอู๋เหินเอ่ยเสียงต่ำ
“พวกเราไม่มีทางถอยแล้ว…”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง
มิน่าเล่า ตอนนี้ทางฝั่งตำหนักวิญญาณบรรพกาลจึงไม่มาแย่งชิงตราเทพบรรพกาล
“จะฝืนทำลายมิติแห่งนี้ ต้องใช้พลังในระดับขั้นไหนกัน?”
จ้าวเฟิงเอ่ยถาม
ซินอู๋เหินหลับตาลง ผ่านไปพักหนึ่งจึงเอ่ย “ใช้ตราเทพบรรพกาล และยังต้องใช้พลังเกือบเท่าจอมเทพ”
และนี่ยังเป็นสถานการณ์ที่ต้องมีตราเทพบรรพกาลก่อนด้วย
“ไม่ถือว่าแย่มากนัก ในเมื่อไม่มีทางให้ถอย เช่นนั้นพวกเราก็สู้สุดกำลังกันเถอะ!”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างแน่วแน่และใจเย็น
ยามนี้ทางทิศตะวันตกของป้อมปราการเก่า กองทัพแมลงยังรุกโจมตีไม่หยุด ส่วนเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนแน่วแน่ที่จะปกป้องป้อมปราการเก่า การต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายจึงยืดเยื้อไปเรื่อยๆ
ด้านเหนือของป้อมปราการเก่า คนตำหนักวิญญาณบรรพกาลอำพรางตัวอยู่ พวกจ้าวเฟิงค้นสำรวจสมบัติและทรัพยากรทางทิศตะวันออกและทิศใต้จนหมด
“ในเมื่อตำหนักวิญญาณบรรพกาลไม่ลงมือ พวกเราก็อย่าเพิ่งลงมือเลย…”
ร่างจ้าวเฟิงขยับวูบไหว ก่อนจะหายไปจากที่เดิม
ที่ที่เขาเคยอยู่เหลือแต่ ‘ชุดคลุมมิติ’ แสงประกายโปร่งใสลอยขึ้นมา เมื่อเข้าไปด้านในชุดคลุมมิติ จ้าวเฟิงรีบจัดแจงสัดส่วนเวลาให้ไปแตะหนึ่งต่อยี่สิบห้า
“ไม่ผิดคาด”
จ้าวเฟิงพึมพำ ก่อนนี้ตอนเผชิญหน้ากับพลังเวลาของเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน เขาใช้พลังเทพรวมศูนย์ดูดซึมไปหลายส่วน ทำให้การทำความเข้าใจในเวลาพัฒนาขึ้น
จะต้องรู้ว่า เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนชิ้นนี้แฝงไปด้วยกฎเกณฑ์เวลา และเสวียนอ้าวเวลาที่สาดซัดออกมาตลอดนั้นเป็นแก่นสำคัญทั้งสิ้น
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เมื่อปิดเปลือกตาลง ทรัพยากรเวลาหลายชนิดปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ทรัพยากรเวลาเหล่านี้อยู่ในระดับเดียวกับหน่อไม้แสงจันทร์
ต่อมา
เขาโคจรพลังเทพรวมศูนย์ ในขณะฝึกฝนทำความเข้าใจก็ดูดซึมแก่นสำคัญของเสวียนอ้าวเวลาไปด้วย
ในเวลาเดียวกัน เขายังแบ่งห้วงความคิดออกเป็นสองส่วน
ห้วงความคิดครึ่งหนึ่งใช้ไปกับดูดซึมและทำความเข้าใจสมบัติด้านเวลาที่เรียงรายด้านหน้า ส่วนห้วงความคิดอีกครึ่งหนึ่งใช้พลังเทพรวมศูนย์ทดลองดูดซึมแก่นของเวลาในสมบัติเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างที่สองที่ไม่เคยได้ทดลองมาก่อน!
เพราะ ‘พลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ไปแตะขั้นที่สี่บ้างแล้ว ถึงสามารถดูดซึมและกลืนกินได้
สิ่งที่ทำให้จ้าวเฟิงประหลาดใจก็คือ การทดลองประเภทนี้ทำให้การบรรลุเสวียนอ้าวเวลาของเขาพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าหนึ่งวันเดินทางได้เป็นพันลี้!
อีกด้านหนึ่งก็ดูดซึมแก่นสำคัญของเสวียนอ้าวเวลาจากเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนส่วนอีกด้านก็ได้การดูดซึมจากพลังเทพรวมศูนย์!
ทั้งสองอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน เวลาผ่านไปสองวัน การบรรลุในเสวียนอ้าวเวลาของจ้าวเฟิงก็ไปแตะขั้นที่หกสุดยอด
“เสวียนอ้าวเวลาขั้นหกสุดยอด พลังเทพรวมศูนย์ก็พัฒนาไปอีก”
จ้าวเฟิงสังเกตได้รางๆ ว่าพลังเทพรวมศูนย์ของตนห่างจากขั้นที่สี่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น!
ผลที่ได้ก็คือ ผลลัพธ์ในการกลืนกินดูดซึมของพลังเทพรวมศูนย์ยิ่งชัดเจนมากขึ้น พลานุภาพของมันเพิ่มไปอีกครึ่งขั้น
เวลาเคลื่อนคล้อยไปช้าๆ
เวลาในชุดคลุมมิติผ่านไปยี่สิบห้าวัน โลกภายนอกเพิ่งจะผ่านไปวันเดียวเท่านั้น
ในตอนนี้เอง
รากฐานเทพทั้งแปดในร่างจ้าวเฟิงเปลี่ยนโฉมใหม่อีกครั้ง พลังเทพรวมศูนย์ที่สาดซัดออกมายิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต เหมือนจะปกคลุมสรรพสิ่งนับหมื่นได้อย่างนั้น
เวลาเดียวกัน บนรากฐานเทพชั้นที่แปดก็ปรากฏโครงร่างของรากฐานเทพชั้นที่เก้า กำลังค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ไม่เพียงเท่านั้น บนโครงร่างรากฐานเทพชั้นที่เก้ายังหมุนวนไปด้วยระลอกพลังเทพมหาศาลด้วย ระลอกพลังเทพกลุ่มนี้เป็นของเหลวกลุ่มที่เก้าที่หลงเหลือจากการใช้ ‘ดอกบัวเก้ามรกต’ เมื่อคราวก่อน
“หากตอนนี้ข้าใช้ของเหลวกลุ่มที่เก้า จะต้องสามารถสร้างรากฐานเทพลำดับที่เก้า แล้วเลื่อนเป็นเทพโบราณขั้นเก้าได้แน่นอน”
จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึก
การพัฒนารวดเร็วได้ถึงขนาดนี้ ไม่เพียงเพราะก่อนหน้านี้ใช้ ‘หินหยกเทวะ’ กับ ‘ดอกบัวเก้ามรกต’ แต่เป็นเพราะการพัฒนาของระดับพลังเทพรวมศูนย์ด้วย
ตอนนี้ พลังเทพรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงไปแตะขั้นที่สี่แล้ว! อานุภาพของพลังเทพรวมศูนย์เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว!
ในตอนนี้ เขาไม่ต้องเปลืองแรงมากก็ทะลวงเทพโบราณขั้นเก้าได้
แต่เขาก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
“หลังจากเทพโบราณขั้นเก้าแล้วก็จะเป็นจอมเทพ ขั้นที่เก้านี้จะต้องทำให้มั่นคงที่สุด พยายามสะสมพลังแฝงเอาไว้” จ้าวเฟิงมองการณ์ไกล
ต่อมา เขาก็เริ่มฝึกฝนพลังเทพรวมศูนย์ ทำความเข้าใจในเสวียนอ้าวเวลาและมิติ
“ตั้งแต่โบราณกาลมา บอกกันว่าเวลาและมิติเป็นหนึ่งเดียวกัน มิติหลักของ ‘พลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ของข้า หากผสานพลังแห่งเวลาเข้าไป ไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง?”
จ้าวเฟิงเผยยิ้ม
หลังจากที่พลังเทพรวมศูนย์ไปแตะขั้นสี่แล้ว เสวียนอ้าวมิติของเขาก็ทะลวงไปขั้นแปด!
เพราะในตอนที่จ้าวเฟิงลึกซึ้งในเสวียนอ้าวเวลานั้น ก็ได้ใช้พื้นฐานดังกล่าวศึกษาเสวียนอ้าวมิติจนปรุโปร่ง
สิ่งที่เป็นรากฐานของการบรรลุนี้ก็คือมิติหลัก และ ‘พลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ที่รวมทุกสรรพสิ่ง!
เสวียนอ้าวมิติขั้นแปด เสวียนอ้าวเวลาขั้นหกสุดยอด…ก็คือขอบเขตพลังเสวียนอ้าวเวลาและมิติของจ้าวเฟิงในตอนนี้
แต่จ้าวเฟิงไม่ได้พอใจแค่นี้ เขายังคงรวบรวมเสวียนอ้าวเวลาและมิติ ฝึกฝนพลังเทพรวมศูนย์
ในตอนนี้เอง ความเร็วของเวลาในชุดคลุมมิติไปแตะสามสิบต่อหนึ่งแล้ว
ที่โลกภายนอก
พวกซินอู๋เหินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังเทพน่าพรั่นพรึงที่ล้นทะลักอยู่ในชุดคลุมมิติ
“หรือว่าจ้าวเฟิงผู้นั้นกำลังสร้างรากฐานเทพที่เก้า?”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยเอ่ย
“เขาเข้าไปในคลังสมบัติบรรพชน เพิ่งจะทะลวงไปแตะขั้นแปดได้ไม่นาน ก็ทะลวงผ่านขั้นเก้าในเวลาที่เร็วขนาดนี้ ต่อให้ทำสำเร็จก็เกรงว่าพื้นฐานน่าจะไม่มั่นคงกระมัง”
เทพโบราณหวาไฉ่ถอนหายใจเบาๆ
เทพโบราณสองคนไม่ได้มองการเลื่อนระดับพลังของจ้าวเฟิงในทางที่ดีนัก