บทที่ 1394 จ้าวเฟิงคืนสติ
พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงไม่ได้หลับใหล แต่ดำดิ่งลงไปในลูกทรงกลมสีเงินมายา และมองเห็นภาพแต่ละฉากๆ ที่รางเลือน…
นั่นเป็นภาพสนามรบที่วุ่นวาย มืดอึมครึมไปหมด ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกกดดันเป็นอย่างยิ่ง
ครืน ตูม ตูม!
สนามรบมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด มีเพียงแค่เสียงสนั่นหวั่นไหวดังไม่ขาดสายเท่านั้น
บนสนามรบมีร่างเงาสูงใหญ่รูปร่างประหลาดหลากหลายแบบ พวกเขาสู้กันจนฟ้าดินแหลกลาญ ตะวันจันทราอับแสง มิติแตกร้าว
ตัวอยู่ที่นี่ จ้าวเฟิงแยกไม่ออกกระทั่งว่าผืนฟ้าอยู่ที่ไหน พื้นดินอยู่ที่ไหน
“แข็งแกร่งนัก นี่คือการต่อสู้ศึกใหญ่อะไรกันแน่!”
จิตใจจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน เงาร่างทั้งหมดในการต่อสู้มีพลังล้ำหน้าขั้นจอมเทพทั่วไปทั้งสิ้น
ทันใดนั้น คลื่นสะเทือนฟ้าดินที่แผ่มาจากใจกลางของสนามรบไร้ขอบเขตทำให้จิตใจจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน มองไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
ครืน ตูม ตูม! เห็นเพียงใจกลางสนามรบ ร่างเทพมารขนาดใหญ่มหึมาร่างหนึ่งปลดปล่อยพลังที่ผสมปนเปกันออกมา เสี้ยวขณะนี้ ฟ้าดินรอบด้านถล่มทลาย ร่างเงาทั้งหมดใกล้ๆ กันต่างถอยหนีไปไกล
ครืน! พลังผสมปนเปที่เลือนรางกลุ่มนั้นทะลุผ่านไปไกลทันที ทำลายทุกสรรพสิ่งตามรายทางจนสิ้น จนมาถึงยังอีกฝากของสนามรบ
ที่นั่นก็มีเงามหึมาที่มองเห็นไม่ชัดร่างหนึ่งเช่นกัน
ทันใดนั้นส่วนหัวของเงาเลือนรางนั้นมีแสงมายาหลากสีที่พร่างพรายสองกลุ่มปรากฏขึ้น
วู้ม! หมอกแสงมายาอันน่าอัศจรรย์แต่ละชั้นๆ ตลบอบอวลมาไม่ขาดสาย ย้อมฟ้าดินที่อึมครึมให้เป็นสีสันพราวพร่าง
สีสันทั้งหมดรวมไปบนพลังผสมปนเปชั้นนั้นทันใด
เสี้ยวขณะต่อมา!
พลังที่วุ่นวายกลายเป็นแสงมายาหลากสีกลุ่มหนึ่ง
เพียงสายลมพัดกระทบหญ้า ก็ทำให้แสงมายาหลากสีกลุ่มนี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย มองไปแล้วเหมือนพลังกลุ่มนั้นแต่เดิมก็เป็นภาพมายา เมื่อถูกสัมผัสเพียงเล็กน้อยจึงหายไปราวกับความฝัน
“ง่ายดายเช่นนี้…พลังกลุ่มนี้ หรือว่าจะเป็น…” ดวงตาของจ้าวเฟิงเบิกกว้าง ความคิดจิตวิญญาณสั่นสะท้านไม่หยุด ความคิดของเขาแทบจะจับตัวแข็ง ทุกสรรพสิ่งในฟ้าดินราวกับช้าลง
ส่วนจ้าวเฟิงจับจ้องภาพฉากนั้นเขม็ง ลืมเวลาไปเสียสนิท
ภาพฉากนี้ราวกับผ่านไปแล้วหนึ่งปี สิบปี หรือร้อยปี…
และในช่วงระยะเวลานี้ การตระหนักรู้ที่ลึกล้ำน่าอัศจรรย์แต่ละกลุ่มไหลเข้าไปในวิญญาณของจ้าวเฟิงอย่างยากลำบาก
……
“คมเวลาพิฆาต!”
มู่กู่มือถือเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน ฟันคมมีดเวลาที่บิดเบี้ยวออกมาสายหนึ่ง
คมมีดเวลาเมินเฉยต่อการจำกัดของฟ้าดิน มีพลังทำลายล้างทุกสิ่ง
แต่ในยามที่คมมีดเวลานี้เฉือนเชือดไปที่ร่างของอวี่เหิง ก็เหมือนภูเขาใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นหินก้อนเล็กในชั่วพริบตาแล้วร่วงหล่นลงผืนน้ำ ทำให้เกิดเพียงแค่ระลอกคลื่นบางๆ เท่านั้น
“เผ่าบรรพกาลน่ากลัวยิ่งนัก!” ซินอู๋เหินแอบตกใจ
จากที่อวี่เหิงพูดออกมาเอง เขาในตอนนี้มีพลังสายเลือดของเผ่าบรรพกาลสองสามส่วนเท่านั้น หากเป็นเผ่าบรรพกาลที่แท้จริงจะน่ากลัวเพียงใดกัน
มิน่าเล่า ในยุคบรรพกาลไกลโพ้น เผ่าบรรพกาลถึงเหนือกว่าหมื่นเผ่าพันธุ์ ไม่มีใครต่อกรได้!
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว! ในขณะที่ร่างของซินอู๋เหินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แสงดัชนีมหึมาหลากสีสันแต่ละสายก็พุ่งออกมาไม่ขาด
แสงดัชนีทุกสายแฝงไว้ด้วยพลังสายเลือดเผ่าเทพยักษ์ที่แข็งแกร่งและเศษเสี้ยวของกฎเกณฑ์ ทุกดัชนีแทบจะสามารถสังหารขั้นเก้าทั่วไปได้
“เจ้าพวกมดปลวก ยังกล้ามาสู้กับข้า!” อวี่เหิงหัวเราะลั่น พลังบรรพกาลที่หยิ่งทะนงทรงอำนาจพวยพุ่งออกไปทันที
ฟู่! ฝ่ามือซ้ายของเขาสะบัดไปกลางอากาศ คลื่นแสงสีเงินทองพลันปรากฏขึ้น ก่อนกวาดผ่านไปทั่วทุกทิศ
ครืน บึ้ม ตูม!
การโจมตีที่ซินอู๋เหินสำแดงออกมาทั้งหมดพังทลายสลายไปสิ้น เพิ่งจัดการการโจมตีของซินอู๋เหินไป การโจมตีของมู่กู่ก็ซัดมาจากอีกด้านหนึ่ง
“พวกเราแค่เพียงตรึงกำลังมันเอาไว้ ถึงตอนนั้นเมื่อสายเลือดเผ่าบรรพกาลของเจ้าเด็กนี่ถูกใช้จนสิ้น พวกเราก็ชนะแล้ว!” มู่กู่ส่งกระแสจิตให้ซินอู๋เหิน
หากสู้กันตัวต่อตัว พวกเขาไม่ว่าคนใดก็ล้วนไม่ใช่คู่มือของอวี่เหิง
‘บัดซบ หากไม่ใช่ซินอู๋เหิน ข้าจะต้องเอาชนะเผ่าแสงได้แน่!’ อวี่เหิงแอบพูดในใจ
ก่อนหน้านี้มู่กู่ถูกเขาโจมตีบาดเจ็บสาหัส ความเร็วได้รับผลกระทบ หากต่อสู้กันตัวต่อตัว เขาสามารถเอาชนะมู่กู่แล้วช่วงชิงเอาเศษเสี้ยวอาวุธบรรพกาลมาได้อย่างแน่นอน
ฟิ้ว! คมมีดเวลาสายนั้นมาปรากฏเบื้องหน้าอวี่เหิงทันที
เทียบกับซินอู๋เหินแล้ว การโจมตีของมู่กู่ค่อนข้างยุ่งยากมากกว่า
คมมีดเวลาแฝงด้วยพลังแห่งกฎเกณฑ์เวลาที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ทำให้อวี่เหิงตั้งตัวไม่ทัน ทำได้เพียงฝืนต้านทานเอาไว้
“เจ้าสองคนนี้ควบคุมพลังกฎเกณฑ์ได้แล้ว ประสบการณ์การต่อสู้ก็มากมายยิ่งนัก ค่อนข้างจะจัดการยาก…แต่จุดอ่อนนั้นก็ยังมีอยู่…”
สีหน้าของอวี่เหิงคร่ำเคร่ง แอบไต่ตรองกับตนเอง
ครืน! อวี่เหิงกระตุ้นกายเทพมารบรรพกาล ฝืนต้านทานกระบวนท่านี้ของมู่กู่ไว้
ร่างของเขาหมุนกลับทันใด หลีกหนีออกห่างจากมู่กู่และซินอู๋เหิน
“พวกเจ้าสองคนช่างจัดการยากเสียจริง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะจัดการคนอื่นทั้งหมดก่อน ฮ่าๆ…”
อวี่เหิงหัวเราะดังลั่น จากนั้นประชิดไปยังอีกด้านหนึ่งของสนามรบ
ด้วยพลังของเขา ไม่ว่าจะเป็นเทพโบราณพั่วเยวี่ย เทพโบราณเฉิงอวิ๋น หรือเทพโบราณหวาไฉ่ ล้วนไม่อาจรับกระบวนท่าของเขาได้
เขาอยากให้ใครตาย คนนั้นก็ต้องตาย!
อีกด้านหนึ่ง พวกเผ่าเทพยักษ์กับแมวขโมยน้อยกำลังสู้กับครึ่งก้าวสู่จอมเทพตำหนักวิญญาณบรรพกาลอย่างดุเดือด
“เยี่ยม อวี่เหิงมาแล้ว!”
สีหน้าของเทพโบราณหานอวี้ฉายแววลิงโลดทันที ครึ่งก้าวสู่จอมเทพอีกสองคนก็เผยรอยยิ้มออกมาเช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งสามยังกลัดกลุ้มที่ถูกคนกลุ่มนี้ตรึงเอาไว้เสียได้ ช่างเป็นความอัปยศอดสูเสียนี่กระไร
เมี้ยว เมี้ยว! แมวขโมยน้อยสังเกตได้ถึงอันตรายที่ประชิดเข้ามาก่อนใคร จึงแปลงเป็นประกายสีเทาเงินก่อนแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“แย่แล้ว ถอยเร็ว…” เทพโบราณหวาไฉ่ร้องอย่างตกใจ ก่อนจะรีบถอยหนี แต่ตำหนักวิญญาณบรรพกาลทั้งสามกัดไม่ปล่อย ไล่ตามไปไม่ลดละ
ทางด้านหลัง ความเร็วของอวี่เหิงล้ำหน้าครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสาม ไม่นานนักก็ตามมาทัน
“หยุดมันเอาไว้เร็ว!” มู่กู่ตะโกนขึ้นทันที ไล่ตามซินอู๋เหินไปอย่างรวดเร็ว
หากคนอื่นที่เหลือถูกอวี่เหิงสังหารลง เช่นนั้นเขาทั้งสอง ต่อให้วิชาแข็งแกร่งเกรียงไกรก็ต้านทานการล้อมโจมตีของอวี่เหิงและครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามไม่ได้
“ตายซะ!”
อวี่เหิงหัวเราะเสียงเย็น ฝ่ามือเพียงสะบัด แสงเทพสีเงินทองหลายสายก็พุ่งไปยังที่ไกลๆ
“ไม่…”
เทพโบราณพั่วเยวี่ยรู้สึกราวกับว่าข้างหลังมีทิวเขาใหญ่บดขยี้เข้ามา วิกฤตความตายอบอวลทั่วจิตใจ
เทพโบราณหวาไฉ่รีบควบคุมสายเลือด ร่างหดเล็กลง จากนั้นสำแดงเคล็ดวิชาลับหลีกหนีไปอย่างรวดเร็ว
“หยุดเวลา!” มู่กู่กระตุ้นเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน ปลดปล่อยพลังกฎเกณฑ์เวลาที่แข็งแกร่งหุ้มล้อมไปยังที่ไกลๆ
ครืน บึ้ม ตูม!
ในยามที่พลังเวลากลุ่มนี้สัมผัสเข้ากับแสงเทพเงินทองก็สลายไปทันที
แต่ก็ยังคงมีพลังเวลาบางส่วนที่เกิดผลอยู่บ้าง สกัดกั้นการโจมตีพวกนี้ไว้ได้ชั่วขณะ
ครืน บึ้ม!
เพียงแค่เสี้ยวขณะสั้นๆ แสงเทพสีเงินทองหลายสายก็ราวกับหินอุกาบาต พุ่งชนทำลายทุกสรรพสิ่งตามรายทาง
ครืน ตูม ตูม!
ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่น คลื่นโจมตีทำลายล้างขนาดมหึมาพุ่งปะทะไปทั่วทุกทิศ
เทพโบราณหวาไฉ่ถูกควันหลงการโจมตีทำร้าย นางกระอักเลือดออกมา ร่างถูกกระแทกลอยไปไกลหลายลี้
บาดแผลของเทพโบราณเฉิงอวิ๋นที่อยู่อีกด้านหนึ่งนั้นเบากว่าเล็กน้อย
แต่เทพโบราณพั่วเยวี่ยหนีออกจากขอบเขตการโจมตีของอวี่เหิงไม่ทัน ในยามที่การโจมตีซัดมาก็สลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว
“เทพโบราณพั่วเยวี่ย…” เทพโบราณหวาไฉ่ร้องลั่น
“ไม่ต้องรีบร้อน ข้าจะส่งเจ้าลงนรกไปเดี๋ยวนี้!” อวี่เหิงมองไปยังเทพโบราณหวาไฉ่แล้วหัวเราะหยัน
เทพโบราณหวาไฉ่จิตใจและสายเลือดสั่นสะท้านทันใด ใบหน้าเผยความสิ้นหวัง
“ฝันไปเถอะ!” มู่กู่และซินอู๋เหินไล่ตามมาทันในที่สุด
พวกเขาทั้งสองใช้พลังทั้งหมดรุกโจมตีอวี่เหิงอย่างดุดัน
อวี่เหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางเคลื่อนย้ายหลบหลีก
ถึงแม้เขาจะสามารถฝืนต้านทานการโจมตีพวกนี้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่พลังสายเลือดบรรพกาลมีขีดจำกัด พยายามประหยัดไว้เป็นดีที่สุด
“ฝ่ามือเทพยักษ์ถล่มฟ้า!” เมื่อเห็นการโจมตีของตนถูกหลบไปได้ ซินอู๋เหินรีบสำแดงเคล็ดวิชาโจมตีที่กินบริเวณกว้างออกมาทันที
บนท้องฟ้า มือทรงพลังใหญ่มหึมาข้างหนึ่งปรากฏขึ้น ปิดฟ้าบังตะวัน ทำให้ทั่วทั้งผืนดินยิ่งมืดสลัว
“ฮ่าๆ สังหาร!” อวี่เหิงหัวเราะเสียงเย็น หมุนตัวตรงไปสังหารซินอู๋เหินทันที
ในขณะเดียวกัน ครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามก็พุ่งออกไป พวกเขาไม่ไปสนใจเทพโบราณหวาไฉ่และเทพโบราณเฉิงอวิ๋น
“แย่แล้ว พวกมันหลอกเรา!” ซินอู๋เหินและมู่กู่หน้าเปลี่ยนสีทันที
ที่แท้อวี่เหิงไม่ได้คิดจะสังหารคนอื่นๆ เลย การโจมตีกระบวนท่านั้นของอวี่เหิงสังหารเทพโบราณพั่วเยวี่ย ทำให้เทพโบราณหวาไฉ่และเทพโบราณเฉิงอวิ๋นบาดเจ็บหนัก ทั้งยังบีบให้ถอยไป
อาศัยช่องว่างนี้ ในที่สุดครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามก็ลงมือ
“ถอยเร็ว!” ซินอู๋เหินและมู่กู่หลบหนีไปทันที
พวกเขาสองคนร่วมมือกันรับมือกับอวี่เหิงยังพอไหว แต่ถ้าครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสามเข้าร่วมด้วย พวกเขาสองคนจะไม่มีโอกาสชนะเลย
“จะหนีไปไหน ฮ่าๆ!” อวี่เหิงหัวเราะเสียงดังไม่หยุด เข้าประชิดไปยังมู่กู่และซินอู๋เหินอย่างบ้าคลั่ง พร้อมซัดฝ่ามือแสงสีทองเงินออกมาอยู่ตลอดเวลา
ซินอู๋เหินและมู่กู่พยายามหลบหลีก แต่ก็ถูกระลอกคลื่นซัดบ้างไม่มากก็น้อย บาดแผลสาหัสขึ้นเรื่อยๆ
“ฮ่าๆ ทุกอย่างจบลงแล้ว!” สามครึ่งก้าวสู่จอมเทพก็เผยสีหน้ายินดีเช่นกัน
แต่ในตอนนี้เอง
ในฟ้าดินที่ไกลออกไป พลันมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งน่าตกตะลึงกลุ่มหนึ่งแผ่ระลอกคลื่นมา!
กลิ่นอายกลุ่มนี้ทำให้สายเลือดของครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งสาม มู่กู่ และซินอู๋เหินสั่นสะท้านเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนมองไปพร้อมๆ กัน
“จ้าวเฟิง!” ซินอู๋เหินร้องออกมาทันใด
เขารู้ จ้าวเฟิงไม่มีทางเงียบหายไปเช่นนี้
“เกิดอะไรขึ้น…กลิ่นอายกลุ่มนี้!” สีหน้าของอวี่เหิงเปลี่ยนไปทันใด
อาการตื่นตกใจของเขามากกว่าคนทั้งหมดที่นั่น เพราะแม้แต่สายเลือดบรรพกาลของเขายังเต้นโครมครามอย่างแปลกประหลาด นี่ทำให้เขารู้สึกไม่สู้ดีนัก
“เทพโบราณเมี่ยหลิว สังหารมันก่อนที่มันจะคืนสติมา!” อวี่เหิงพลันร้องสั่ง
ก่อนหน้านี้อวี่เหิงคิดว่าจ้าวเฟิงโดนการโจมตีของตนเข้า วิญญาณเลยบาดเจ็บสาหัส เมื่อเงียบสงบไปจึงไม่ได้สนใจ ดูท่าแล้วความจริงจะไม่เป็นเช่นนั้น
“รับทราบ!” เทพโบราณเมี่ยหลิวหมุนกาย พลันแปลงเป็นประกายทมิฬเย็นยะเยือกพุ่งตรงไปยังจ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิง!” ซินอู๋เหินร้องตะโกนเสียงดัง แต่อวี่เหิงอยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาไม่สามารถไปช่วยจ้าวเฟิงได้เลย
บนผืนดิน ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง แสงมายาแต่ละเส้นที่ลอยเอ่อออกมาซัดโจมตีไปทั่วทุกทิศ ทำให้ท้องฟ้าและผืนดินแตกสลายหายไปราวกับฟองอากาศ
“เฮือก…” จ้าวเฟิงส่งเสียงสูดลมหายใจ
‘ไม่ได้การ เทพโบราณเมี่ยหลิวใกล้จะมาแล้ว ข้าต้อง…’ จ้าวเฟิงร้องตะโกนในใจ
แต่ตอนนี้เขามึนงงสับสน ความคิดเลือนรางไม่ชัดเจน ตาซ้ายปวดบวมเป็นอย่างยิ่ง ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
เขาลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก จ้องไปที่เทพโบราณเมี่ยหลิว กลับพบว่าความคิดของตนในตอนนี้สับสน ยากที่จะโคจรพลังได้
ฟุ่บ! จ้าวเฟิงกระโดดขึ้นทันที แต่ร่างของเขากลับเซไปเซมาในอากาศ ความเร็วก็ช้ายิ่งนัก
“ฮ่าๆ จะหนีไปไหน รับความตายไปเสียดีๆ!”
เทพโบราณเมี่ยหลิวหัวเราะเหี้ยมเกรียม พุ่งประชิดไปยังจ้าวเฟิง
“ทำอย่าง…ทำอย่างไรดี?”
จ้าวเฟิงรู้สึกถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามา แต่เขาในตอนนี้ยังคงรู้สึกหัวสมองมึนงง ความคิดสับสน ไม่อาจใช้พลังอื่นๆ ได้ดั่งใจ
“ตายเสียเถอะ!” เทพโบราณเมี่ยหลิวสะบัดฝ่ามือ สายธารทำลายล้างที่ดำทมิฬไม่มีสิ้นสุดสายหนึ่งโจมตีไปยังจ้าวเฟิง
“พลังอื่นไม่อาจควบคุมได้ เช่นนั้นพลังของดวงตาเทพเจ้าเล่า?”
แววตาของจ้าวเฟิงฉายแสงสว่าง เขาเป็นเช่นในตอนนี้ก็เพราะความผิดปกติของดวงตาเทพเจ้า
ตอนนี้เขาไม่อาจใช้พลังเทพได้ดั่งใจ ความเร็วสูงระดับสุดยอดก็สำแดงออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ลองใช้ดวงตาเทพเจ้าเท่านั้นแล้ว
“เนตรเทพ…แยกส่วน!” ตาซ้ายของจ้าวเฟิงจ้องการโจมตีของเทพโบราณเมี่ยหลิวเขม็ง ทั้งยังกระตุ้นพลังขึ้นมา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงสำแดงเนตรเทพแยกส่วนลดทอนการโจมตีเท่านั้น จึงจะรอดชีวิตต่อไปได้
วู้ม! หมอกแสงมายาชั้นหนึ่งทะลุผ่านไปในพริบตา ก่อนจะวิเคราะห์ทุกสิ่งและเริ่มแยกส่วน
แต่ทว่า ประสิทธิภาพของการแยกส่วนต่ำเป็นอย่างมาก
เกรงว่าจ้าวเฟิงจะยังคงถูกการโจมตีของเทพโบราณเมี่ยหลิวทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก ถึงตอนนั้นก็ยากที่จะรอดชีวิต
ตุบ ตุบ! ตุบ ตุบ!
ตาซ้ายของจ้าวเฟิงเต้นถี่ ทั้งยังส่งความรู้สึกเจ็บปวดมา
ในตอนนี้ ภาพสนามรบวุ่นวายปรากฏขึ้นในหัวของเขา เงาบรรพกาลที่เห็นปลดปล่อยพลังมายาหลากสีกลุ่มหนึ่งออกมา แล้วสลายการโจมตีที่ทำลายฟ้าดินสายหนึ่งไปในพริบตาอย่างง่ายดาย
“พลังน่าอัศจรรย์เช่นนี้…บางทีข้าก็อาจทำได้!”
จิตใจของจ้าวเฟิงสั่นไหว
วู้ม วู้ม!
ตอนที่คิดถึงตรงนี้ ความเร็วของลูกทรงกลมสีเงินมายาในมิติเนตรเทพเจ้าหมุนวนเพิ่มขึ้นทันที หมอกแสงหลากสีแต่ละชั้นลอยกระจายออกมา
“หายไป…เสีย!” จ้าวเฟิงร้องคำราม โคจรตาซ้ายอย่างบ้าคลั่ง
วู้ม วู้ม! ตาซ้ายของจ้าวเฟิงกระตุ้นจนถึงขีดจำกัด หมอกแสงมายาแต่ละชั้นหมุนวนลอยออกมา แทรกซึมไปในฟ้าดินและอากาศ ก่อนหายไปไร้ร่องรอย
ในตอนนี้เอง โลกในดวงตาของจ้าวเฟิงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” จ้าวเฟิงตะลึงไปทันที
สรรพสิ่งล้วนปกคลุมไปด้วยสีสันมายา วิจิตรพร่างพรายราวความฝัน สายธารดำทมิฬที่พุ่งมายังจ้าวเฟิง ถึงแม้จะยังคงเป็นสีดำทมิฬ แต่บนนั้นกลับมีสีสันหลากหลายอื่นๆ ไหลวน มองไปแล้วเหมือนสายธารที่มีสีสันพร่างพรายยิ่งกว่า
ถึงแม้สิ่งอัศจรรย์ทุกอย่างเบื้องหน้าจะทำให้จ้าวเฟิงมึนงง ไม่รู้ต้นสายปลายสาเหตุ แต่การโจมตีของเทพโบราณเมี่ยหลิวก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ภัยอันตรายแห่งความตายพุ่งเข้ามา
“สลาย…” จ้าวเฟิงจ้องธารสายนั้นเขม็งพลางร้องเสียงต่ำ
ฟู่! เสี้ยวขณะต่อมา สายธารสีดำพร่างพราวสายนั้นแตกสลาย หายไปโดยไร้ร่องรอยทันทีราวกับฟองอากาศ
จากนั้น โลกเบื้องหน้าของเขาก็ค่อยๆ กลับสู่ปกติ
“ข้าทำได้แล้ว…” สีหน้าอึ้งตะลึงของจ้าวเฟิงเปลี่ยนเป็นลิงโลดโดยพลัน
เมื่อครู่เขาลองกระบวนท่าที่เห็นจากสนามรบอันโกลาหลวุ่นวาย
สิ่งที่จ้าวเฟิงคิดไม่ถึงคือ สำเร็จแล้ว!
ไม่ไกลนัก รอยยิ้มของเทพโบราณเมี่ยหลิวแข็งทื่อไปในทันที
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?”
เขาแข็งแกร่งไร้เทียมทาน การโจมตีทำลายล้างที่สามารถสังหารเทพโบราณขั้นเก้าทั่วไปได้เมื่อครู่กลับหายไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย!
นี่มันช่างคาดไม่ถึง ไม่อาจเข้าใจได้!
เขาก็รู้ว่าจ้าวเฟิงสามารถโจมตีแยกส่วนได้ แต่ความเร็วในการแยกส่วนไม่เร็วนัก อีกทั้งพลังพวกนั้นที่ถูกแยกส่วน ผู้ใช้ก็ยังคงสัมผัสได้
แต่เมื่อครู่ การโจมตีของเขาแตกสลายหายไปทันทีดุจฟองอากาศ สัมผัสอะไรไม่ได้เลย ราวกับสายธารทำลายล้างสายนั้น เดิมทีก็ไม่มีตัวตนอยู่