Skip to content

King of Gods 1414

King Of Gods

บทที่ 1414 ขั้นเก้าสุดยอด

“เป็นข้าเอง!”

จ้าวเฟิงก็ตะลึงไปเช่นกัน เทพโบราณหยวนเหยามาหาเขาเอง?

“หน้าตาไม่เลวเลย มิน่าเล่าน้องหยูเฟยถึงหลงเจ้าสุดจิตสุดใจเช่นนี้!”

หลังจากเทพโบราณหยวนเหยาประเมินจ้าวเฟิงอย่างไม่ใส่ใจ มุมปากก็ยิ้มบางๆ เห็นชัดว่าหยามเหยียด

“หยูเฟย?” สีหน้าจ้าวเฟิงอึ้ง ค่อนข้างฉงนสงสัย

แต่ว่าประโยคนี้ของเทพโบราณหยวนเหยาทำให้จ้าวเฟิงไม่ค่อยพอใจ พูดเสียราวกับว่าเพราะรูปลักษณ์ภายนอก จ้าวหยูเฟยถึงได้ชอบเขาอย่างไรอย่างนั้น

“วันนี้หากไม่ใช่ว่าข้าตามมาทัน เจ้าตายไร้ที่ฝังไปนานแล้ว!”

เทพโบราณหยวนเหยามองไปยังจ้าวเฟิงที่อึ้งตะลึงและใจลอย แค่นเสียงเบา แต่เดิมสถานการณ์สงครามยังไม่ถึงขั้นที่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพจะออกโรง

เพียงแต่ว่าจ้าวหยูเฟยรู้ว่าจ้าวเฟิงกลับมาและเข้าสู่สนามรบ นางก็รีบออกจากปิดด่าน คิดอยากมาอย่างอดรนทนไม่ไหว แต่สงครามครั้งนี้เกิดขึ้นก็เพราะจ้าวหยูเฟยเป็นเหตุ

ในช่วงสำคัญเช่นนี้ เผ่าพันธุ์วิญญาณไม่มีทางปล่อยจ้าวหยูเฟยออกมาแน่

ภายใต้การร้องขอครั้งแล้วครั้งเล่าของจ้าวหยูเฟย เผ่าพันธุ์วิญญาณจึงจำใจให้เทพโบราณหยวนเหยาเตรียมเข้าสู่สนามรบ จะได้ถือโอกาสดูแลจ้าวเฟิง ปกป้องความปลอดภัยของเขา

เทพโบราณหยวนเหยาก็คิดไม่ถึง นางเพิ่งจะมาที่นี่ก็ได้พบกับเทพโบราณหานเยี่ยนเผ่าเปลวทอง

“ขอบคุณเทพโบราณหยวนเหยาที่มาได้ทันเวลา!”

เทพโบราณหลันหย่วนและสมาชิกสำนักเทียนหลัวเอ่ยอย่างเคารพนอบน้อมทันที

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือ!” จ้าวเฟิงยิ้มพูด

ถึงแม้เทพโบราณหานเยี่ยนจะทำอะไรเขาไม่ได้ แต่เขาก็ยังไม่อยากเปิดเผยทุกอย่างเร็วเช่นนี้ การมาถึงของเทพโบราณหยวนเหยาช่วยจัดการปัญหานี้ให้เขาได้จริงๆ

“ครึ่งก้าวสู่จอมเทพเผ่าเปลวทองปรากฏตัวบนสนามรบ การต่อสู้ครั้งต่อไปจะยิ่งดุเดือดรุนแรง ระวังตัวให้ดีเถอะ!”

เทพโบราณหยวนเหยาปรายตามองจ้าวเฟิง จากนั้นก็จากไป

ถึงแม้นางจะเคยได้ยินเรื่องราวของจ้าวเฟิง แต่ตอนนี้จ้าวหยูเฟยต่างหากถึงจะเป็นคนสำคัญและเป็นอนาคตของเผ่าพันธุ์วิญญาณ

เมื่อเทียบกับจ้าวหยูเฟย จ้าวเฟิงเทียบไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด

ในใจของเทพโบราณหยวนเหยา จ้าวเฟิงเป็นผู้ชายที่ต้องให้ผู้หญิงร้องขอให้คนปกป้อง ช่างไร้ความสามารถเสียจริง

“สถานการณ์สงครามยกระดับขึ้นอีกขั้น!” เทพโบราณหลันหย่วนค่อนข้างกังวล

คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์สงครามจะยกระดับขึ้นเร็วถึงเพียงนี้

เป็นไปดังคาด หลังจากนั้นสามเดือน เทพโบราณหยวนเหยาก็เข้าร่วมศึกอย่างเป็นทางการ

วันนี้ ผู้นำระดับสูงคนสำคัญของฐานที่มั่นขั้วอำนาจใหญ่หลายแห่งมารวมตัวกันที่โถงแห่งหนึ่ง

ตัวแทนของสำนักเทียนหลัวคือเทพโบราณหลันหย่วน เจ้าสำนักเทียนหลัว และจ้าวเฟิง

“สงครามในช่วงแรก เผ่าพันธุ์วิญญาณตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ตอนนี้ข้าจะบัญชาการและเข้าร่วมรบด้วยตัวเอง เพื่อนำพวกเจ้าชิงพื้นที่ที่ถูกยึดไปกลับมา…”

เทพโบราณหยวนเหยาสูงส่ง ทุกคนต่างจับจ้อง ราวกับเทพธิดาแห่งชัยชนะประกาศแถลงการณ์

ณ ที่นี่เวลานี้

สำนักกับเผ่าพันธุ์ใกล้ๆ สำนักเทียนหลัวหลายแห่งค่อยๆ รวมตัวเป็นกองกำลังทหารขนาดใหญ่

วันที่สอง กองทัพใหญ่เผ่าพันธุ์วิญญาณบุกพื้นที่เผ่าเปลวทอง

ครั้งนี้เผ่าพันธุ์วิญญาณโจมตีอย่างกะทันหัน ทำให้เผ่าเปลวทองรับมือไม่ทัน ได้รับชัยชนะทั้งหมด และชิงเอาพื้นที่บางส่วนคืนกลับมาได้

แต่ไม่นานนักเผ่าเปลวทองก็ตั้งตัวกลับมา ส่งผู้แข็งแกร่งชั้นยอดจำนวนมาก รวมพลเป็นกองทัพแข็งแกร่งกองหนึ่งขึ้นเช่นกัน โดยมีเทพโบราณหานเยี่ยนนำทัพ

ไม่นานเท่าใดนัก กองทัพทั้งสองกองปะทะกันเป็นครั้งแรก

ขณะนั้นฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆม้วนตลบ

ทั่วทั้งฟ้าดินล้วนเป็นร่างของผู้แข็งแกร่งที่แปลกประหลาดหลากหลายอย่าง พายุน้ำแข็งไฟสายฟ้าหลากสีสันหอบม้วนไปทั่วพิภพ

“ดี สงครามที่ดุเดือดเช่นนี้มีประโยชน์ต่อการฝึกฝนของข้า…” จ้าวเฟิงเผยสีหน้ายินดี สงครามที่วุ่นวายเช่นนี้คือสิ่งที่เขาเฝ้าปราถนา

อันดับแรก สงครามที่วุ่นวายยิ่งสามารถขัดเกลาความสามารถในการต่อสู้ของตน

สองคือจ้าวเฟิงสามารถใช้สงครามสะสมคะแนนรบมหาศาล และแลกของล้ำค่าสำหรับฝึกฝนทั้งหมดมา ถึงตอนนั้น เขาแสดงพลังฝึกตนขั้นเก้าก็จะไม่มีใครสงสัย

“กระบี่เทพรวมศูนย์!” มือทั้งสองของจ้าวเฟิงหลอมกระบี่แสงสีเงินเข้มขุ่นข้นออกมาเล่มหนึ่ง

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ร่างของเขากะพริบไหวไปในสนามรบอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่หยุดลงจะพรากชีวิตไปคนสองคน ผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกัน เมื่ออยู่ในมือจ้าวเฟิง กระบวนท่าเดียวก็ถึงแก่ชีวิตทั้งสิ้น

การปะทะกันครั้งแรกของทั้งสองเผ่า เผ่าพันธุ์วิญญาณเป็นฝ่ายได้เปรียบ จากนั้นการปะทะกันครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ล้วนเป็นเผ่าพันธุ์วิญญาณที่ได้รับชัยชนะ

ส่วนจ้าวเฟิงก็ค่อยๆ มีชื่อเสียงในสนามรบ

ในสนามรบ จ้าวเฟิงราวกับเทพแห่งความตาย สังหารคนระดับขั้นเดียวกันเพียงเสี้ยววินาทีในกระบี่เดียว ต่อให้เป็นเทพโบราณขั้นเก้าอยู่ในมือของเงื้อมเขาก็ต้านทานได้ไม่นานเท่าใด แน่นอน การสังหารบ้าคลั่งของเขาดึงดูดความสนใจจากเผ่าเปลวทอง

“เขาคือจ้าวเฟิง!”

“น้องสอง พวกเราร่วมมือกันสังหารมันเสีย!”

พี่น้องเผ่าเปลวทองคู่หนึ่งจ้องไปยังจ้าวเฟิงด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม

จ้าวเฟิงเป็นเพียงแค่ขั้นแปดสุดยอดเท่านั้น แต่คะแนนคุณูปการที่สามารถสังหารเขาสำเร็จแทบจะเท่ากับสังหารเทพโบราณขั้นเก้าสุดยอดได้

พี่น้องเผ่าเปลวทองคู่นี้เป็นเทพโบราณขั้นเก้า อีกทั้งพลังยังแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ใกล้ถึงขั้นเก้าสุดยอด

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ทั้งสองคนสังหารไปในสนามรบช้าๆ ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้จ้าวเฟิง

ในยามที่ห่างกันในระยะหนึ่ง คนทั้งสองก็พลันกระตุ้นสายเลือดที่แข็งแกร่งขึ้นทันใด แล้วโจมตีไปยังจ้าวเฟิงอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น

“ตายซะ!” พี่น้องเผ่าเปลวทองคู่นี้ถือดาบใหญ่ ฟันคมดาบเพลิงที่มีพลังรุนแรงเกินจะเปรียบออกไปสองทาง

“อ๊าก…” เทพโบราณขั้นแปดคนหนึ่งหลบไม่ทัน ถูกเศษคลื่นคมดาบเพลิงเผาไหม้จนดับดิ้น

การโจมตีที่รวมพลังของเทพโบราณขั้นเก้าผู้แข็งแกร่งสองคนใกล้จะกลืนกินจ้าวเฟิงเต็มที แต่ในตอนนี้เอง

ฟิ้ว! ตรงท้องฟ้าไกลลิบ แสงระยิบระยับสีเขียวอ่อนพร้อมด้วยพลังเผ่าพันธุ์วิญญาณมหาศาลพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว ซัดไปยังคมดาบเพลิงทั้งสองทันที

ครืน บึ้ม! คมดาบเพลิงถูกทำลายราบคาบ พี่น้องเผ่าเปลวทองถูกพลังที่แข็งแกร่งกลุ่มนั้นสะเทือนจนถอยหลังไปไกล ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

“บัดซบ ครึ่งก้าวสู่จอมเทพเผ่าพันธุ์วิญญาณ!”

สองพี่น้องเผ่าเปลวทองมองไปยังท้องฟ้าไกลลิบ

การโจมตีเมื่อครู่คือการโจมตีที่เทพโบราณหยวนเหยาปลดปล่อยมา

“สวรรค์ เทพโบราณหยวนเหยากำลังสู้กับเทพโบราณหานเยี่ยน แต่ยังคอยสังเกตจ้าวเฟิงและช่วยเขาขจัดอันตราย!”

เทพโบราณขั้นแปดสุดยอดที่อยู่ค่อนข้างใกล้กับจ้าวเฟิงร้องตกใจ

ถึงแม้สตรีอัจฉริยะของเผ่าพันธุ์วิญญาณในตอนนี้จะเป็นจ้าวหยูเฟย แต่เทพธิดาในใจของคนรุ่นอาวุโสกว่ายังคงเป็นเทพโบราณหยวนเหยา

ปกติ เทพโบราณหยวนเหยาไม่ชายตามองพวกเขาเลย แต่บนสนามรบ เทพโบราณหยวนเหยาที่กำลังต่อสู้อยู่ยังคอยสังเกตจ้าวเฟิง ช่วยขจัดอันตรายให้เขา

ภาพนี้ทำให้เทพโบราณเผ่าพันธุ์วิญญาณทั้งหลายที่อยู่ใกล้ๆ ตื่นตะลึงปนอิจฉา

“มีอะไรน่าแปลกใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก!” เทพโบราณขั้นเก้าที่อยู่ไกลๆ คนหนึ่งพึมพำเสียงต่ำ

ตอนนั้นเขาก็เป็นหนึ่งในชายหนุ่มอัจฉริยะเผ่าพันธุ์วิญญาณที่เกี้ยวพาเทพโบราณหยวนเหยา

“ตายซะ!” จ้าวเฟิงกุมกระบี่เทพรวมศูนย์ พุ่งโจมตีไปยังพี่น้องเผ่าพันธุ์วิญญาณคู่นั้น

พวกเขาทั้งสองถูกคลื่นการโจมตีของครึ่งก้าวสู่จอมเทพทำร้าย กำลังรบได้รับความเสียหาย

ส่วนความเร็วของจ้าวเฟิงล้ำหน้าพวกเขาทั้งสอง หลังจากไล่ตามช่วงหนึ่งก็สังหารพวกเขาทั้งคู่ได้

……

สงครามยืดเยื้อไปถึงปีที่แปด

การสู้รบที่เกิดขึ้นระหว่างนี้ อย่างน้อยมีถึงห้าสิบหกครั้ง จำนวนชัยชนะของเผ่าพันธุ์วิญญาณเหนือกว่าเผ่าเปลวทองขาดลอย

เผ่าพันธุ์วิญญาณค่อยๆ ช่วงชิงพื้นที่กลับคืนมา อีกทั้งเริ่มรุกรานพื้นที่ของเผ่าเปลวทอง

สงครามครั้งนี้ คนจำนวนไม่น้อยเลื่องชื่อไปทั่วเผ่าพันธุ์วิญญาณกับเขตเทพสวรรค์ คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในนั้นแน่นอนว่าคือจ้าวเฟิง

การต่อสู้ทุกครั้ง คะแนนคุณูปการของจ้าวเฟิงนำหน้าเทพโบราณขั้นเก้าไปไกล และนำหน้าทุกคน

แต่หัวข้อพูดคุยที่เกี่ยวกับจ้าวเฟิง ส่วนมากกลับไม่ใช่คะแนนรบของเขา

“เจ้าว่าระหว่างเทพโบราณหยวนเหยากับจ้าวเฟิงมีอะไรกันหรือไม่?”

“หรือว่าเทพโบราณหยวนเหยาชมชอบจ้าวเฟิงเข้าแล้ว? แต่จ้าวเฟิงไม่ใช่ว่าชอบพออยู่กับจ้าวหยูเฟยหรอกรึ…”

“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสตรีอัจฉริยะคนละยุคของเผ่าพันธุ์วิญญาณจะชอบพอคนคนเดียวกัน…”

ในฐานที่มั่นของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ข่าวลือเกี่ยวกับจ้าวเฟิงและเทพโบราณหยวนเหยามีให้ได้ยินทุกวัน อีกทั้งยิ่งลือก็ยิ่งไร้เหตุผลขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับเรื่องพวกนี้ จ้าวเฟิงก็จนปัญญา และไม่ได้สนใจเท่าใดนัก

แปดปีที่ผ่านมา เขานำคะแนนคุณูปการทั้งหมดมาแลกทรัพยากรฝึกฝนล้ำค่า

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการอำพรางทั้งสิ้น ทรัพยากรล้ำค่าที่จ้าวเฟิงมีอยู่สูงค่ากว่าทรัพยากรที่แลกมาพวกนี้หลายเท่า

ในชุดคลุมมิติ

เบื้องหน้าจ้าวเฟิงมีทรัพยากรบรรพกาลที่อายุเก่าแก่ลอยอยู่หลายชนิด

เขาโคจร ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ดูดซับแก่นพลังในทรัพยากรล้ำค่าทั้งหมดอย่างมีแบบแผน

วู้ม วู้ม! รอบกายของเขาปรากฏพลังบิดเบี้ยวปั่นป่วนขึ้นชั้นหนึ่ง ส่งผลกระทบถึงมิติท้องฟ้า

เสี้ยวขณะหนึ่ง ร่างของจ้าวเฟิงเดี๋ยวเลือนรางเดี๋ยวปรากฏขึ้น คลื่นมิติที่แข็งแกร่งส่งผลกระทบต่อมิติรอบด้าน

ฟู่! พลังบิดเบี้ยวแปลกประหลาดที่ลอยอยู่ในท้องฟ้ารอบด้าน ถูกพลังเลือนรางที่แข็งแกร่งหุ้มล้อมเอาไว้ จากนั้นดูดเข้าไปข้างในกายของจ้าวเฟิง

“เสวียนอ้าวมิติขั้นแปดสุดยอด!” ดวงตาของจ้าวเฟิงลืมขึ้น ในสายตาส่องประกายพลังมิติที่แข็งแกร่ง

เสวียนอ้าวมิติขั้นแปดสุดยอด นี่หมายถึง ‘วิชาพลังฟ้าประสานหนึ่ง’ ของจ้าวเฟิงก็ถึงขั้นสี่สุดยอดแล้ว

การพัฒนาและบรรลุในเคล็ดวิชา ทำให้พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงถึงขั้นเก้าสุดยอดตามครรลองของมัน

“ท่าทางยังต้องผนึกพลังฝึกตนต่อไป!” จ้าวเฟิงหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย

เดิมทีเขาเตรียมปลดผนึกในช่วงระยะนี้ จะได้สำแดงพลังฝึกตนที่แท้จริง

แต่คาดไม่ถึงว่า ภายใต้การฝึกฝนและสะสมที่ยาวนานเช่นนี้ ระดับพลังฝึกตนของเขาก็ทะลวงถึงขั้นเก้าสุดยอดด้วยตัวเอง

หลังจากนั้นสามเดือน ทั้งสองเผ่าก็เปิดศึกขึ้นอีกครั้ง

ครั้งนี้จ้าวเฟิงใช้พลังฝึกตนเทพโบราณขั้นเก้าออกรบ สร้างความตื่นตะลึงไปทั้งสองเผ่า

ไม่ถึงยี่สิบปี จากขั้นเจ็ดยกระดับถึงขั้นเก้า การพัฒนาที่รวดเร็วเช่นนี้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณก็เทียบไม่ติด

ไม่สิ บางทีจ้าวหยูเฟยที่ได้รับมรดกเผ่าเทพสงครามอาจจะเทียบได้

“เจ้าเด็กนี่ จะเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด!”

ฝั่งเผ่าเปลวทอง สายตาผู้อาวุโสจินเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง

ตอนนี้ ทั้งสองเผ่ามีครึ่งก้าวสู่จอมเทพสองคนเข้าร่วมสงครามแล้ว

“แต่บนสนามรบเทพโบราณหยวนเหยาก็สนใจดูแลจ้าวเฟิงอยู่ตลอด คิดจะจัดการเขาค่อนข้างลำบากอยู่”

เทพโบราณหานเยี่ยนส่ายหน้าเบาๆ

ครั้งนี้ สงครามดำเนินไปได้ไม่นาน เผ่าเปลวทองก็ถอยทัพ เผ่าพันธุ์วิญญาณได้รับชัยชนะอีกครั้ง

ต่อจากนั้น ในการสู้รบตลอดสองปี เผ่าเปลวทองก็เริ่มใช้มาตรการป้องกันแต่เผ่าพันธุ์วิญญาณก็ไม่ประมาท ทุกคนล้วนสัมผัสได้ว่าสงครามเข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว

ในชุดคลุมมิติ จ้าวเฟิงเพิ่งจะทะลวงขั้นเก้าสุดยอดได้ ต้องใช้เวลาในการทำระดับพลังฝึกตนให้มั่นคง

ในขณะเดียวกัน เขาแบ่งความคิดบางส่วนไปฝึกฝนด้านอื่น

วู้ม! พลังเทพรวมศูนย์ทะลักล้น กระบี่ยาวสีเงินเข้มขุ่นข้นก่อตัวขึ้นในมือของจ้าวเฟิง

แซ่ด แซ่ด! แซ่ด แซ่ด!

ประกายแสงอัสนีเสี้ยวหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนกระบี่ยาวเล่มนี้

นี่ไม่ใช่อัสนีธรรมดา แต่เป็นอัสนีเทวะที่กักเก็บอยู่ในกายสายฟ้าของจ้าวเฟิง

ในตอนที่เพิ่งกลับมา จ้าวเฟิงทดลองผสานกระบี่เทพรวมศูนย์ขนาดเล็กและเพลิงดวงตาอัสนีเทวะให้เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่มันยากลำบากนัก วิชาดวงตาที่พลังแข็งแกร่งทั้งสอง หากการหลอมรวมเกิดเหตุไม่คาดฝัน จะเกิดการสะท้อนกลับเอาได้

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงล้มเลิกผสานวิชาดวงตา ถอยมาก้าวหนึ่ง แล้วผสานกระบี่เทพรวมศูนย์กับพลังอัสนีเทวะแทน

วู้ม แซ่ด แซ่ด! บนกระบี่เทพรวมศูนย์ ลวดลายสายฟ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประกายแสงยิ่งเจิดจ้าขึ้นทุกที หน้าผากของจ้าวเฟิงมีเม็ดเหงื่อซึม ดวงตาจ้องไปยังกระบี่เทพรวมศูนย์เขม็ง เสี้ยวขณะหนึ่ง ทั่วทั้งกระบี่เทพรวมศูนย์มีอัสนีเทวะกระจายไปทั่วด้วยกฎเกณฑ์ที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง

มองไปแล้วราวกับกระบี่อัสนีมรณะ สั่นสะท้านจิตใจ!

ฉัวะ ฉึก ฉึก! จ้าวเฟิงกระตุ้นเล็กน้อย ‘กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์’ ในมือก็ปลดปล่อยประกายแสงสายฟ้ามืดหม่นออกมา แผ่กระจายกลิ่นอายที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน แม้กระทั่งท้องฟ้ารอบด้านยังสั่นไหวบิดเบี้ยว

“สำเร็จแล้ว ไม่รู้ว่าพลังของ ‘กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์’ จะเป็นเช่นไร?” สีหน้าจ้าวเฟิงฉายแววตื่นเต้น ค่อนข้างคาดหวังรอคอย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!