บทที่ 1424 คำสาปมรณะปรากฏอีกครั้ง
ในยามนี้ ผู้อาวุโสจินไร้แรงต้านทาน ถูกจ้าวเฟิงฟันร่างขาดออกเป็นสองท่อน
“อ๊าก…” ผู้อาวุโสจินร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เสียงก้องไปทั่วสนามรบ ทำให้สมาชิกทั้งหมดของเผ่าเปลวทองชะงักค้างอยู่ที่เดิม หวาดกลัวสุดขีด
ในสนามรบของคนขั้นต่ำกว่าจอมเทพลงไป ผู้อาวุโสจินคือผู้นำทัพสูงสุด และเป็นผู้มากฝีมือที่สุดของพวกเขา แต่ตอนนี้ กระทั่งผู้อาวุโสจินยังถูกจ้าวเฟิงฟันร่างออกเป็นสองท่อน
แน่นอนว่านอกจากผู้อาวุโสจินแล้ว ก่อนหน้านี้จ้าวเฟิงสังหารครึ่งก้าวสู่จอมเทพไปหลายคน ปลิดชีพเทพโบราณขั้นเก้าและขั้นเก้าสุดยอดไปนับไม่ถ้วน
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดสลักลงในความทรงจำของพวกเขา ไม่มีทางเลือนหายไป
“บัดซบ จ้าวเฟิง ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ ให้ได้…” เสียงขมขื่นเคืองแค้นของผู้อาวุโสจินดังมา
เขาเองก็คาดคิดไม่ถึงเช่นกันว่าตนเองจะมาพ่ายแพ้แก่ผู้เยาว์คนหนึ่งเช่นนี้ เขาเป็นถึงครึ่งก้าวสู่จอมเทพ และเป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพที่บรรลุกฎเกณฑ์เสี้ยวหนึ่ง แต่กลับพ่ายแพ้ให้เทพโบราณขั้นเก้าสุดยอด
วู้ม วูบ วูบ~ ในเวลาเดียวกัน สองท่อนของร่างผู้อาวุโสจินเปล่งแสงสีทองเชื่อมต่อกัน พยายามสมานบาดแผล แต่ปากแผลที่ถูกฟันกลับมีพลังอัสนีเทวะที่ไม่สามารถทำลายได้ บาดแผลที่เกิดขึ้นจึงไม่มีวันหายไป ถึงจะเป็นผู้อาวุโสจิน บาดแผลที่เกิดจากกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงก็ไม่อาจหายได้ในเวลาอันสั้น
“ไม่ต้องรักษา อย่างไรเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี!”
น้ำเสียงเย็นชาของจ้าวเฟิงดังมา
วู้ม แซ่ด! กระบี่เทพรวมศูนย์สาดซัดระลอกพลังที่น่ากลัว สั่นสะเทือนฟ้าดิน
ในตอนที่สังหารผู้อาวุโสจิน กระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ดูดเอาพลังบางส่วนในร่างฝ่ายตรงข้ามมาเพื่อเพิ่มพลัง
“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้…!” ผู้อาวุโสจินหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกได้ถึงภัยอันตรายถึงแก่ชีวิต
พรึ่บ! กายวิญญาณของเขากระโจนออกมา เตรียมหนีไปยังที่ไกล
“ตายซะ!” สีหน้าจ้าวเฟิงเย็นชา ดวงตาซ้ายหมุนโคจร ก่อนจะกลายเป็นหุบเหวมายาแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสจินที่หนีไปได้ไม่ไกลนักรู้สึกถึงแรงดูดมหาศาลที่มีต่อดวงวิญญาณ ในเวลาเดียวกัน กระบี่เทพอัสนีเทวะรวมศูนย์ของจ้าวเฟิงฟันตรงมา
ฉัวะ! ดวงวิญญาณของผู้อาวุโสจินไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เมื่อถูกเนตรเพ่งเทพเจ้าจ้องอยู่ จึงถูกกระบี่เทพอัสนีรวมศูนย์ทะลุผ่านร่างทันที
การโจมตีของกระบี่อัสนีเทวะรวมศูนย์ทะลวงผ่านกายเนื้อและวิญญาณ พลังอัสนีเทวะรวมศูนย์ที่ไม่มีสิ้นสุดระเบิดออกบนดวงวิญญาณของผู้อาวุโสจิน
ตูม! ไม่ถึงหนึ่งช่วงลมหายใจ ดวงวิญญาณของผู้อาวุโสจินสลายหายไปสิ้น
“ไม่…ผู้อาวุโสจินตายแล้ว!”
“นี่ไม่ใช่เรื่องจริง!” สมาชิกเผ่าเปลวทองสั่นเทิ้มทั่วร่าง ใจเย็นวาบ ค่อนข้างเหลือเชื่อ
เมื่อย้อนมองทางเผ่าพันธุ์วิญญาณ สีหน้าพวกเขาตื่นเต้น เลือดในกายปั่นป่วน พุ่งตรงไปทันที
“ฆ่า ฆ่าเผ่าเปลวทองให้หมด!”
“ผู้อาวุโสจินของเผ่าเปลวทองสิ้นแล้ว แต่พวกเรายังมีจ้าวเฟิง เผ่าพันธุ์วิญญาณต้องชนะแน่!”
ขวัญกำลังใจฝั่งเผ่าพันธุ์วิญญาณเพิ่มขึ้นมาก พวกเขาโจมตีโต้กลับ ตอนนี้จ้าวเฟิงกลายเป็นเสาหลักสำคัญของเผ่าพันธุ์วิญญาณไปแล้ว
เปรี๊ยะ! หลังจากสังหารผู้อาวุโสจิน ร่างจ้าวเฟิงสว่างวาบ พุ่งไปที่กองทัพเผ่าเปลวทอง
ถึงแม้ผู้อาวุโสจินจะตายไป แต่เผ่าพันธุ์วิญญาณยังไม่ได้ชัยชนะโดยสมบูรณ์ เพราะการสงครามยังไม่จบลง ดังนั้นการสังหารจึงไม่อาจหยุดเช่นกัน
“สังหารครึ่งก้าวสู่จอมเทพของเผ่าเปลวทองให้หมด ทุกอย่างก็จบได้แล้วกระมัง!” จ้าวเฟิงพึมพำ
ฟุ่บ! ทุกแห่งที่เงาร่างเขาผ่านไป จะทิ้งรอยเลือดไว้เป็นสาย
“ไม่ รีบถอยเร็ว!”
“พลังของคนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ขนาดผู้อาวุโสจินยังถูกเขาสังหาร!”
คนเผ่าเปลวทองจ้องจ้าวเฟิงไม่วางตา เห็นเขาเป็นบุคคลต้องห้ามที่ต้องรักษาระยะห่างเอาไว้
เปรี๊ยะ! ร่างจ้าวเฟิงพุ่งทะยานผ่านสนามรบไปอย่างรวดเร็ว
“สังหาร!” เขาเล็งเป้าหมายและสังหารครึ่งก้าวสู่จอมเทพผู้หนึ่งทันที
คิดจะพลิกสถานการณ์การรบ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือสังหารครึ่งก้าวสู่จอมเทพทั้งหมดของฝ่ายตรงข้าม
“ไม่…” ผู้อาวุโสชุดทองผู้นั้นหน้าถอดสี หวาดกลัวเป็นที่สุด
เขาดิ้นรนเอาชีวิตรอดสุดความสามารถ แต่ก็ไร้ประโยชน์ ในสนามรบตอนนี้ จ้าวเฟิงเป็นผู้ปกครอง ไม่มีใครขวางเขาได้!
สมาชิกเผ่าเปลวทองที่อยู่แถวนี้ตกใจจนแข้งขาอ่อน หลบหนีสุดชีวิต
บึ้ม! ครึ่งก้าวสู่จอมเทพผู้หนึ่งถูกจ้าวเฟิงสังหารลงอย่างง่ายดาย ไม่นานเท่าไหร่นัก ครึ่งก้าวสู่จอมเทพอีกคนก็ดับดิ้นไปอีก สังหารแต่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพเท่านั้น!
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ครึ่งก้าวสู่จอมเทพอีกหลายคนที่เหลือในสนามรบตัวสั่นเพราะความหวาดกลัว รู้สึกหมดหวัง การสังหารที่ไม่อาจต้านทานได้เช่นนี้ ทำให้ความยำเกรงที่เผ่าเปลวทองมีต่อจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นไปอีกระดับขั้น
การสังหารยังคงดำเนินต่อไป เผ่าเปลวทองทั้งหลายหมดอาลัยตายอยากกันแทบทุกคน ทั้งสนามรบเต็มไปด้วยคนเผ่าเปลวทองหนีตายกันอลหม่าน
ในสนามรบของจอมเทพ สีหน้าสามจอมเทพจากเผ่าเปลวทองตื่นตะลึงเล็กน้อย
“คิดไม่ถึงเลยว่าผู้เยาว์คนนี้จะสังหารผู้อาวุโสจินได้…”
“คนระดับสูงครึ่งหนึ่งของเผ่าถูกเจ้าเด็กนั่นสังหารไปทั้งหมด!”
สองจอมเทพเผ่าเปลวทองโมโหเดือดดาล
“ข้าจะสับเจ้าเด็กนี่ให้เป็นหมื่นเป็นพันชิ้น!”
ผู้อาวุโสเผ่าเปลวทองโกรธแค้นอย่างยิ่ง เตรียมจะตรงไปในสนามรบด้านล่าง เพื่อไปสังหารจ้าวเฟิงด้วยตนเอง
สถานการณ์ที่กำลังดี เรียกได้ว่าถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของจ้าวเฟิงเพียงคนเดียว
“ฮ่าๆ เป็นถึงจอมเทพขั้นสอง กลับจะลงมือทำร้ายผู้เยาว์ขั้นเก้าสุดยอดผู้หนึ่ง?”
ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณหัวเราะเยาะเย้ย ผลักระลอกผลึกน้ำแข็งสีฟ้ากลุ่มหนึ่งออกมา บดบังผืนฟ้า พุ่งตรงโจมตีผู้อาวุโสเผ่าเปลวทอง
“ไม่นึกเลยว่าสงครามของเผ่าพันธุ์วิญญาณจะเกิดการพลิกผันขนาดนี้เพราะจ้าวเฟิง!”
ผู้อาวุโสที่สองของเผ่าพันธุ์วิญญาณเอ่ยรำพึง
ถึงแม้ตอนแรกเขาเดาได้ว่าจ้าวเฟิงไม่ธรรมดา แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะแกร่งขนาดนี้ คนในขั้นจอมเทพลงไปไม่อาจขัดขวางเขาได้เลย
ขวับ! เขาสะบัดฝ่ามือ พายุผลึกสีขาวสายหนึ่งหมุนวนออกมา ดับเพลิงสีทองร้อนแรงระหว่างทางจนมอดไป
“เหอะ!” ผู้อาวุโสหลังค่อมแค่นเสียงต่ำ กางสองแขนออก ก่อนจะปลดปล่อยเพลิงทองร้อนแรงไร้จุดสิ้นสุดออกมา
ไฟสีทองกลุ่มนั้นกลายเป็นกลุ่มแสงเพลิงที่ไม่มอดดับในพริบตา ต้านการโจมตีจากผู้อาวุโสสองเอาไว้
วูบ! ผู้อาวุโสที่สองลงมืออีกครั้ง พายุหมุนผลึกขาวหลายต่อหลายสายพุ่งโจมตีมาพร้อมพลังสะเทือนฟ้าดิน
ชายชราหลังค่อมโคจรการป้องกันร่างกาย กระตุ้นเพลิงทองมหาศาลมาตั้งรับการโจมตีของผู้อาวุโสที่สอง
“ตั้งรับแต่ไม่รุก?”
ผู้อาวุโสที่สองสังเกตเห็นความผิดปกติของ ‘จอมเทพหั่วอวิ๋น’ หรือผู้อาวุโสหลังค่อม หากพูดเรื่องกำลังรบแล้ว จอมเทพหั่วอวิ๋นเหนือกว่าเขา
แต่ตอนนี้จอมเทพหั่วอวิ๋นกลับเลือกใช้แผนการตั้งรับ หรือเพราะตอนนี้สถานการณ์แน่ชัดแล้ว จอมเทพจากเผ่าเปลวทองจึงถอดใจ?
แต่ในเวลานี้เอง ด้านหลังที่ไกลออกไป จู่ๆ ก็ปรากฏผู้อาวุโสคนหนึ่ง ใบหน้าดำคล้ำอัปลักษณ์ กลิ่นอายน่ากลัว มีพลังฝึกตนขั้นเก้าสุดยอด
สิ่งที่ทำให้ตื่นตระหนกมากกว่าก็คือ ‘ผู้อาวุโสอัปลักษณ์’ ผู้นี้พุ่งมาทางสนามรบของจอมเทพ
“หืม?” แววตาสามจอมเทพจากเผ่าพันธุ์วิญญาณเคร่งขรึม ฉายแววสงสัย
ในฐานะที่พวกเขาเป็นจอมเทพ ย่อมต้องปราดเปรื่องกว่า มองทุกสิ่งได้ปรุโปร่งเหนือคนทั่วไป
เทพโบราณขั้นเก้าสุดยอดผู้หนึ่งพุ่งตรงไปที่สนามรบของจอมเทพ นี่เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ แต่เมื่อเป็นแบบนี้ก็ยิ่งประหลาด
“ใครแพ้ใครชนะ ยังไม่แน่หรอก!” จอมเทพหั่วอวิ๋นหัวเราะเจ้าเล่ห์ ทั่วร่างสาดแก่นแท้พลังเพลิงที่ไม่สิ้นสุดออกมา
โครม ตูม! พลังของจอมเทพทั้งสองปะทะเข้าหากันและสลายไปกลางอากาศ
ในเวลานี้เอง
“จิ๊ๆๆ…” ผู้อาวุโสใบหน้าอัปลักษณ์ผู้นั้นบินตรงไปหาผู้อาวุโสที่สองของเผ่าพันธุ์วิญญาณอย่างไม่กลัวตาย ราว ‘แมงเม่าบินเข้ากองไฟ’
เทพโบราณขั้นเก้าสุดยอดพุ่งโจมตีจอมเทพ ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ? คนมากมายที่เห็นเหตุการณ์ประหลาดใจยิ่ง
“ไสหัวไป!”
ผู้อาวุโสที่สองมองความพิลึกของคนผู้นี้ออก จะปล่อยให้เข้าใกล้ได้อย่างไร เขารีบก่อพายุขาววาวแววกวาดออกไปโดยจิตใต้สำนึก
อ๊าก! ผู้อาวุโสอัปลักษณ์สลายกลายเป็นเถ้าธุลีหลังโดนการโจมตีจากผู้อาวุโสที่สองขั้นจอมเทพ
“รนหาที่ตาย?” ผู้อาวุโสที่สองชะงักไปเล็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ถึงไอเย็นเยียบกลุ่มหนึ่งกระจายออกจากส่วนลึกของวิญญาณ
เขาเกิดความรู้สึกขยะแขยงอย่างประหลาด
ในเวลาเดียวกัน เสียงแก่ชราลึกลับลอยวนอยู่ในฟ้าดินแล้วจึงมาถึง “ใช้ความตายของข้าเข้าแลก คนที่สังหารคนของข้าจงตกอยู่ในสภาพแห้งเหี่ยวไม่มีสิ้นสุด ถอนตัวออกจากฝันร้ายไม่ได้ตลอดไป…”
“นี่มัน…แย่ล่ะ!” จอมเทพอีกสองคนจากเผ่าพันธุ์วิญญาณเปลี่ยนสีหน้า
ในวินาทีที่ผู้อาวุโสอัปลักษณ์ตายลง พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังเก่าแก่ที่ลึกลับเกินหยั่ง
“คำสาปมรณะ! นี่เป็นวิชาต้องห้ามของ ‘เผ่าแม่มดโบราณ’…”
ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณถอนหายใจยาว
จะต้องรู้ว่า เผ่าแม่มดโบราณเป็นถึงเผ่าพันธุ์ต้องห้ามลำดับที่สองในรายชื่อ มีเคล็ดวิชาประหลาดลี้ลับมากมาย แม้แต่เผ่าบรรพกาลยังหวาดเกรง
วินาทีต่อมา
“อั้ก!” ผู้อาวุโสสองร้องเสียงขึ้นจมูก รู้สึกเพียงพลังน่าสะพรึงที่เกินหยั่งถึงตรงลงมาหมุนวนรอบตัว แล้วแทรกซึมไปถึงวิญญาณ
เขารู้สึกไม่สบายตัว ชาวาบ เจ็บปวด และร้อนระอุทันที…
คำสาปมรณะจากผู้อาวุโสอัปลักษณ์หมายจะสังหารคนของเขา และเรียกได้ว่าผู้อาวุโสอัปลักษณ์รนหาที่ตายเอง ถูกผู้อาวุโสสองลงมือสังหารไป
ผู้อาวุโสที่สองจึงกลายเป็นเป้าหมายของคำสาปมรณะแทน
“เป็นอย่างไรบ้าง?” จอมเทพอีกสองคนจากเผ่าพันธุ์วิญญาณโพล่งถามอย่างร้อนรน
คำสาปมรณะมีเงื่อนไขสูงมาก อย่างแรก ผู้ปลดปล่อยวิชานี้จำเป็นต้องเชี่ยวชาญศาสตร์วิญญาณ และยังต้องศึกษาเคล็ดวิชาเผ่าแม่มดโบราณมาระดับหนึ่ง ถัดจากนั้น การกระตุ้นคำสาปมรณะ จะต้องใช้ความตายเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน
สุดท้าย หากร่างประทับของความตายอ่อนแอจนเกินไป พลานุภาพจากคำสาปมรณะก็จะธรรมดา ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสใบหน้าอัปลักษณ์จะไม่ใช่เผ่าเปลวทอง สายเลือดก็ไม่ถือว่าสูงมากนัก ตามหลักการแล้วพลังของคำสาปมรณะจึงไม่รุนแรงมาก
แต่เผ่าเปลวทองจะทำเรื่องที่ไม่มีหวังสำเร็จได้อย่างไรกัน?
ผู้อาวุโสที่สองเงียบงันไม่พูดอะไร ในวินาทีนี้ เขารู้สึกได้ว่าวิญญาณ พลังเทพ และพลังฝึกตนกำลังลดลงไปอย่างรวดเร็ว
คำสาปมรณะของผู้อาวุโสใบหน้าอัปลักษณ์เหมือนจะแข็งแกร่งกว่าที่คิดเอาไว้
“ฮ่าๆ คำสาปมรณะเป็นอุบายสุดท้ายที่พวกเราเตรียมเอาไว้ ทันทีที่สำแดงออกมา จะทำลายกำลังรบจอมเทพคนหนึ่งได้ในระยะเวลาสั้นๆ”
ผู้อาวุโสจินหัวเราะเสียงดัง
พวกเขาไม่ได้หวังว่าคำสาปมรณะของผู้อาวุโสอัปลักษณ์จะสังหารจอมเทพได้ แต่ขอแค่ให้ฝ่ายตรงข้ามสูญเสียกำลังรบไปชั่วขณะก็พอแล้ว
“คำสาปมรณะที่ผู้กล้าท่านนี้สำแดงออกมา ต้องเสียสละชิ้นส่วน ‘อาวุธเวท’ ของเผ่าแม่มดโบราณชิ้นหนึ่งเชียว!”
หญิงชราอีกผู้หนึ่งเองก็มีท่าทีเหมือนกำชัยชนะไว้แล้ว
ผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์วิญญาณมีสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่ง ที่แท้เผ่าเปลวทองใช้ชิ้นส่วนอาวุธเวทชิ้นหนึ่งจากเผ่าแม่มดโบราณ จึงทำให้พลานุภาพของคำสาปมรณะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้
“ตอนนี้ เจ้ายังจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าอีกหรือ?”
จอมเทพหั่วอวิ๋นหัวเราะชั่วร้าย
จอมเทพสามคนจากเผ่าพันธุ์วิญญาณเยือกเย็นราวน้ำนิ่ง
ผู้อาวุโสที่สองตกอยู่ภายใต้คำสาปมรณะ แม้จะไม่ถึงตาย แต่ระดับพลังฝึกตนและพลังแท้จริงก็ลดลงไปอย่างรวดเร็ว
ยามนี้ ผู้อาวุโสที่สองใช้พลังได้เพียงแค่เจ็ดส่วนของยามสุดยอดเท่านั้น หนำซ้ำยังกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ประมือกับจอมเทพก็อันตรายนัก หากผู้อาวุโสที่สองยังสู้รบกับจอมเทพหั่วอวิ๋นต่อ จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
ถ้าเผ่าเปลวทองมีจอมเทพโผล่มาอีกสักคน ผลแพ้ชนะของศึกครั้งนี้ก็จะชัดเจนทันที คนทั้งสองฝ่ายที่สนามรบด้านล่าง ยังไม่รู้ว่าที่สนามรบขั้นจอมเทพเกิดอะไรขึ้น
คนจากเผ่าพันธุ์วิญญาณยังฮึกเหิมเป็นที่สุด สู้รบกับคนเผ่าเปลวทองอย่างห้าวหาญ
“กลิ่นอายเมื่อครู่นี้?” จ้าวเฟิงเพ่งสายตามองไปที่สนามรบของจอมเทพ
เมื่อครู่ เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายลึกลับที่น่ารังเกียจและคุ้นเคย
จ้าวเฟิงมองเห็นสถานการณ์ทั้งหมดของจอมเทพทั้งหกได้จากการมองทะลุผ่าน
“ผู้อาวุโสที่สองเป็นอะไรไป?”
จ้าวเฟิงเห็นความปกติของผู้อาวุโสที่สอง จึงเพ่งเข้าไป ค่อยๆ มองทะลุกายเทพบางส่วนของผู้อาวุโสที่สอง
พริบตานั้น สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันที “คำสาปมรณะ!”