Skip to content

King of Gods 1445

King Of Gods

บทที่ 1445 เนตรเทพเจ้าลำดับที่เก้า (1)

“ยังมีจอมเทพอยู่อีก?”

คนในระดับกลางและสูงทั้งหมดฝั่งตำหนักเทพยักษ์ดูไร้เรี่ยวแรงอย่างชัดเจน เดิมตำหนักวิญญาณบรรพกาลมีจอมเทพมากกว่าพวกเขาหนึ่งคนก่อนนี้

จู่ๆ จอมเทพอิ๋นอวี้ก็ปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้ยังมีจอมเทพยอดฝีมืออีกคนหนึ่งเพิ่มมาอีก

“ในที่สุดก็ลงมือเสียที!” สีหน้าจอมเทพอิ๋นอวี้ผ่อนคลายลง ก่อนจะระบายยิ้มออกมาน้อยๆ

ถึงแม้ว่าจอมเทพซิงเซี่ยงจะเป็นเผ่าความลับสวรรค์ ไม่ชำนาญการต่อสู้ แต่อย่างไรก็เป็นจอมเทพขั้นที่สอง ความต่างในแต่ละขั้นของจอมเทพมากมายอย่างยิ่ง จอมเทพขั้นหนึ่งเป็นขั้นแรกเริ่ม ส่วนขั้นสองก็เป็นขั้นต้น

พลังกฎเกณฑ์ขั้นต้นจะข่มกฎเกณฑ์ขั้นแรกเริ่มอย่างมหาศาล

“ซินอู๋เหิน พวกเจ้าจบเห่แน่แล้ว!” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลหัวเราะเสียงดัง

จอมเทพซิงเซี่ยงผู้เป็นเผ่าความลับสวรรค์ลงมือแล้ว เรื่องทั้งหมดจบลงแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย!

“ที่แท้เป็นจอมเทพขั้นสอง!” จ้าวเฟิงก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงเช่นเดียวกัน ดวงตาซ้ายของเขาเต้นกระตุกรุนแรงกว่าเดิม

ในเวลานี้เอง

วู้ม วู้ม! รอบตัวจ้าวเฟิงมีอักขระสีทองนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมา ก่อนเกาะกลุ่มกลายเป็นค่ายกลมายาแห่งหนึ่งทันที

“แย่แล้ว…เป้าหมายคือข้า!”

จ้าวเฟิงหน้าถอดสี

วูบ! เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง โคจรเสวียนอ้าวมิติและกฎเกณฑ์เวลา เตรียมจะหลบหนีไป

ก่อนนี้มู่กู่ถูกวิชาค่ายกลของจอมเทพผู้นี้ข่มไว้อยู่หมัด!

โครม ตูม! จ้าวเฟิงเพิ่งมาถึงขอบค่ายกล แต่กลับประหนึ่งปะทะใส่กำแพงเหล็ก และถูกกระแทกกลับมา

ในขณะเดียวกัน พลังกดดันมหาศาลก็ตรงเข้ามา พลังของจ้าวเฟิงลดฮวบลงเมื่ออยู่ในค่ายกลอักขระทอง

“จ้าวเฟิง ตามข้ามาเสียดีๆ!” จอมเทพซิงเซี่ยงค่อยๆ ก้าวเข้ามา ดวงตาลุ่มลึกราวผืนฟ้าดวงดาวจ้องจ้าวเฟิงเขม็งเหมือนกับจะอ่านความลับทั้งหมดของเขา

“ไม่ได้เด็ดขาด!” ใบหน้าจ้าวเฟิงฉายแววแน่วแน่

ถ้าหากเขายอมไปกับเผ่าความลับสวรรค์ ต้องมีจุดจบไม่ดีแน่

“ฮี่ๆ เจ้าไม่ยอมแล้วจะทำอย่างไรได้?” จอมเทพอิ๋นอวี้หัวเราะเยาะเย้ย

เมื่อเผชิญหน้ากับจอมเทพขั้นสอง แค่ครึ่งก้าวสู่จอมเทพจะสามารถทำอะไรได้?

‘ต้องหนีไปให้ได้!’ แววตาจ้าวเฟิงเผยการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

วู้ม! เขาพลิกฝ่ามือ ด้านบนปรากฏเศษชิ้นส่วนที่เปล่งประกายวาววับขึ้น

ทันใดนั้นเอง พลังของกฎเกณฑ์เวลาที่ทรงพลังกระจายตัวออก ทำให้ทั้งค่ายกลอักขระทองขยับวูบวาบเบาๆ

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนี้ จ้าวเฟิงจึงไม่เก็บงำพลังเอาไว้อีก!

“นี่มัน…เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน!” จอมเทพอิ๋นอวี้ตาโตอ้าปากค้าง ตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก!

ในที่สุด ตอนนี้เขาก็เข้าใจว่าเหตุใดจ้าวเฟิงผู้เป็นครึ่งก้าวสู่จอมเทพ ถึงได้มีพลังกฎเกณฑ์เวลา

ที่แท้ฝ่ายตรงข้ามครอบครองเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนชิ้นหนึ่งนี่เอง

“เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน!” สองจอมเทพจากตำหนักวิญญาณบรรพกาลตกตะลึงอย่างที่สุด

กระทั่งเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาล สิ่งที่มีในตอนนี้ก็แค่อาวุธเทพระดับสุดยอดกันทั้งสิ้น หากเขาครอบครองเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนละก็ ตอนแรกคงสังหารซินอู๋เหินได้ในเสี้ยววินาที และต้องรับมือกับจอมเทพขั้นสองได้แน่

“หืม?” จอมเทพซิงเซี่ยงเองก็ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ

จ้าวเฟิงเหมือนลูกไก่ในกำมือ ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะจัดการเมื่อไหร่ พอถึงเวลานั้น สิ่งของทั้งหมดของจ้าวเฟิงก็จะกลายเป็นของเขา

“ทลาย!” จ้าวเฟิงกระตุ้นเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนสุดแรง และลากผ่านทันใด

ดาบสีขาวเสมือนจริงเล่มใหญ่ปรากฏขึ้นแล้วตรงดิ่งไปในฉับพลัน

ครืน แซ่ด แซ่ด! ดาบขาวเล่มใหญ่กระทบลงบนค่ายกลอักขระทองจนสั่นสะเทือน

จ้าวเฟิงที่อยู่ในค่ายกลรู้สึกได้ว่าแรงกดข่มลดน้อยลงไป ทำให้สามารถสำแดงพลังได้มากขึ้น

“หากทำอีกครั้ง จะต้องทำลายค่ายกลได้แน่!”

จ้าวเฟิงโยกย้ายพลังในร่างอีกครั้ง ก่อนวาดเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชน

“เจ้าทำเรื่องพวกนี้เพื่ออะไร?” จอมเทพซิงเซี่ยงยื่นมือข้างหนึ่งจับกลางอากาศ

ทันใดนั้น อากาศเหนือค่ายกลมีมือสีทองข้างหนึ่งยื่นออกมาคว้าจ้าวเฟิง

“ไม่ได้แล้ว!” จ้าวเฟิงคิดจะหลบ แต่รู้สึกว่าอย่างไรตนก็หนีไม่รอด

ตูม! ฝ่ามือทองคว้าจับจ้าวเฟิง พลังจำกัดที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าปะทะบนร่างเขา

ฉับพลันนั้น จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าพลังที่ตนเองใช้ได้ลดลงเรื่อยๆ

“หากเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าคงจบเห่แน่!” ใจจ้าวเฟิงร้อนรนอย่างยิ่ง ดวงตาซ้ายเต้นกระตุกถี่รัว

“หลุมดำรวมศูนย์!” เขากระตุ้นพลังทั้งหมดอีกครั้ง สำแดงเคล็ดวิชาที่แกร่งเกินระดับของตนออกมา

วู้ม โครม! พลังเทพมืดหม่นลอยขึ้นบนตัวจ้าวเฟิงอย่างช้าๆ และยังสาดพลังที่ดูดกลืนและบิดเบี้ยวอันแข็งแกร่ง แต่เพราะพันธนาธารจากมือยักษ์สีทอง ทำให้หลุมดำรวมศูนย์ไม่อาจก่อร่างสมบูรณ์ได้ อีกทั้งการจำกัดพลังก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้หลุมดำรวมศูนย์ไม่มีพลังอย่างที่เคย ถึงขั้นที่ว่าจะให้จ้าวเฟิงประคองหลุมดำรวมศูนย์ต่อไป ก็ยังไม่สามารถทำได้

พรึ่บ! หลุมดำรวมศูนย์สลายหายไปในทันที

และตอนนี้ พลังที่จ้าวเฟิงใช้ได้น่าจะเทียบเท่าได้กับเทพโบราณขั้นเจ็ดเท่านั้นในสายตาจอมเทพขั้นสอง เทพโบราณขั้นเจ็ดเทียบกับมดปลวกไม่ได้ด้วยซ้ำไป

‘ไม่…จะจบลงแบบนี้หรือ?’ จ้าวเฟิงตะโกนในใจอย่างไม่ยินยอม

ตุบ ตุบ! ตุบ ตุบ!

ลูกทรงกลมสีเงินมายาในมิติเนตรเทพเจ้าคล้ายรู้สึกได้ถึงโทสะของจ้าวเฟิง จึงสั่นไหวแรงขึ้น พลังดั้งเดิมทะลักออกมากลุ่มแล้วกลุ่มเล่า

‘หืม? พลังดั้งเดิมของดวงตาเทพเจ้าไม่ถูกจำกัดงั้นรึ!’

จ้าวเฟิงเหมือนดำดิ่งลงไปในความสิ้นหวัง และคว้าเชือกเส้นหนึ่งเอาไว้ได้

จอมเทพซิงเซี่ยงจำกัดพลังเทพกับพลังวิญญาณของเขา แต่พลังดั้งเดิมของดวงตาเทพเจ้ากลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่จากอันตรายที่เพิ่มขึ้น การสั่นไหวของลูกทรงกลมสีเงินมายาก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น จนเหมือนว่าภายในมีพลังที่แก่กล้าอย่างยิ่งจะปะทุออกมา!

“ต้องพึ่งเจ้าแล้ว!” จ้าวเฟิงปิดตาลงน้อยๆ ก่อนจะจดจ่อสตินึกคิดทั้งหมดบนดวงตาเทพเจ้า เพื่อทดลองเหนี่ยวนำพลังภายในลูกทรงกลมสีเงินมายา

เมื่อเห็นจ้าวเฟิงล้มเลิกความตั้งใจที่จะต่อต้าน ทั้งยังไม่ขยับเขยื้อน จอมเทพซิงเซี่ยงระบายยิ้มน้อยๆ

เขาเชื่อว่าจ้าวเฟิงเกี่ยวข้องกับการตายของอวี่เหิง ครั้งนี้ไม่เพียงแต่จับจ้าวเฟิงได้ ตำหนักวิญญาณบรรพกาลยังเอาชนะตำหนักเทพยักษ์ได้อย่างราบรื่นด้วย

วู้ม วู้ม! มืออักขระทองที่จับจ้าวเฟิงไว้ จู่ๆ ก็หลอมละลายกลายเป็นเกราะแสงอักขระปกคลุมทั่วร่าง

“จบสิ้นแล้ว!” ด้วยถูกเคล็ดวิชาค่ายกลกักขังเอาไว้ จ้าวเฟิงจึงไม่อาจสลัดพ้นได้ส่วนความลับทั้งหมดบนร่างเขา รอให้เอาตัวกลับไปด้วย เดี๋ยวก็รู้ชัดแจ้งเอง

“จ้าวเฟิง!” ซินอู๋เหินที่กำลังต่อสู้กับเจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลตะโกนลั่น เตรียมมุ่งหน้าไปช่วยเหลืออีกฝ่าย

“ฝันไปเถอะ!”

เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลย่อมไม่ปล่อยให้ซินอู๋เหินหนีไปได้ ใช้แรงทั้งหมดตรึงกำลังไว้ หนานกงเซิ่งกับคุนอวิ๋นที่อยู่ด้านล่างจิตใจร้อนรุ่มราวไฟสุม แต่กลับทำอะไรไม่ได้

“นายท่าน!” เผ่าพันธุ์กิเลนเพลิงโลหิตและเผ่าพันธุ์บรรพกาลมากมายโมโหโกรธาเป็นที่สุด แต่ต้องเผชิญกับจอมเทพขั้นสอง พวกเขาจะทำอะไรได้อีก?

ทว่าในเวลานั้น จู่ๆ จ้าวเฟิงลืมตาซ้ายขึ้นมา

ในวินาทีนี้ ระลอกแสงมายาบนดวงตาเขาพวยพุ่งออกมา ดึงดูดสายตาทุกคนในสนามรบ!

“เป็นไปได้อย่างไร…พลังกลุ่มนี้!” จอมเทพซิงเซี่ยงตะลึงงันทันที

ตามหลักเหตุผลแล้ว พลังของจ้าวเฟิงถูกเขาจำกัดเอาไว้ ไม่สามารถสำแดงพลังออกมาได้

แต่ยามนี้ พลังที่สาดซัดออกมาจากดวงตาซ้ายจ้าวเฟิง กลับทำให้จอมเทพซิงเซี่ยงใจสั่นและกระวนกระวาย

“เนตรเทพมายาทำลายล้าง!”

ณ เวลานี้ บางทีอาจมีเพียงเนตรเทพมายาทำลายล้างถึงจะทำลายอุปสรรคด้านหน้าได้

วิ้ง วิ้ง! ลูกทรงกลมสีเงินมายาได้รับผลกระทบจากพลังอันรุนแรงของจ้าวเฟิง จึงสั่นไหวแรงขึ้น พลังดั้งเดิมมหาศาลหลายกลุ่มทะลักออกมา

ส่วนดวงตาซ้ายก็แผ่ระลอกพลังดวงตาที่น่าสะพรึง

“จัดการ!” จอมเทพซิงเซี่ยงยื่นมือออกมาพลางตะโกนเสียงต่ำ

ค่ายกลทองที่อยู่ไกลๆ สลายหายไปทันที หลงเหลือเพียงจ้าวเฟิงที่ถูกค่ายกลกักขังเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ ลอยเข้าไปหาจอมเทพซิงเซี่ยง แต่ทันใดนั้นเอง เกราะอักขระทองนั้นหยุดไปกลางอากาศครู่หนึ่ง

ตูม! พลังดั้งเดิมต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่พุ่งทำลายลูกทรงกลมสีเงินมายา และระเบิดปะทุออกมา!

ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงสาดซัดแสงมายาที่เจิดจรัสยิ่งกว่ามาหลายต่อหลายเส้น พร้อมด้วยกลิ่นอายบรรพกาลที่อยู่เหนือสรรพสิ่ง!

ขณะนี้ ไม่ได้มีเพียงเกราะแสงอักขระทองที่สั่นสะเทือนรุนแรง ทั้งฟ้าดินก็ยังสั่นไหว

วู้ม วู้ม! ประกายแสงมายาเจิดจ้ามากขึ้นทุกที เมื่อทะลวงผ่านทุกอย่าง ก็เหมือนถูกย้อมด้วยสีสันพร่างพราวราวภาพฝัน

บึ้ม! แสงมายาไร้ที่สิ้นสุดพุ่งออกจากดวงตาซ้ายจ้าวเฟิง

ตอนนี้ ลวดลายเนตรบนลูกทรงกลมสีเงินถูกย้อมด้วยสีสันมายาทั้งสิ้น ส่วนโลกทั้งหมดเบื้องหน้าจ้าวเฟิง ไม่นานเท่าไหร่นักก็ถูกย้อมจนกลายเป็นสรวงสวรรค์!

ครืน ครืน! ฟ้าดินทั้งหมดสั่นสะเทือนเพราะเหตุนี้

ร่างกายและวิญญาณของสรรพชีวิตในรัศมีหลายร้อยลี้สั่นเทิ้มมาจากสัญชาตญาณ

ตอนนี้ ประหนึ่งทั้งโลกหยุดหมุน มีเพียงจ้าวเฟิงที่ขยับเขยื้อนได้ และเขาต่างหากที่เป็นนายเหนือหัวของโลกใบนี้

วูบ! เกราะแสงสีทองรอบตัวจ้าวเฟิงแตกทลายราวกับฟองน้ำ

อั้ก! ไกลออกไป จอมเทพซิงเซี่ยงกระอักเลือดอึกใหญ่ ร่างโซเซถอยหลังไปด้านหลัง

“เป็นไปได้อย่างไร…” จอมเทพซิงเซี่ยงใบหน้าซีดเผือด ฉายแววหวาดกลัวออกมาเป็นครั้งแรก

พลังลึกลับที่จู่ๆ ก็ระเบิดออกมา ทำให้ทุกคนที่นั่นตกกลัวเกรง และยังทำให้เขาต้องเผชิญกับการสะท้อนกลับรุนแรง ดวงวิญญาณและกายเทพบาดเจ็บสาหัส

“นี่…มันเรื่องอะไรกัน?”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเจ็บปวดอย่างยิ่ง สติสัมปชัญญะพร่าเลือนไปเล็กน้อยเนตรเทพมายาทำลายล้างของเขาก็ไม่ได้สำแดงออกมา!

เขาฝืนมองสภาพรอบๆ จึงพบว่าภาพรอบตัวกลายเป็นเหมือนความฝัน

“จอมเทพอิ๋นอวี้?”

จ้าวเฟิงเห็นจอมเทพอิ๋นอวี้กลายเป็นร่างมายาหลากสีสัน สั่นไหวช้าๆ อยู่เบื้องหน้าตน

เขายื่นมือไปจับจอมเทพอิ๋นอวี้ตามจิตใต้สำนึก ทั้งโลกคล้ายมีพลังไร้รูปร่างไปรวมตัวกันที่จอมเทพอิ๋นอวี้

“ไม่…” จอมเทพอิ๋นอวี้มองเห็นจ้าวเฟิงยื่นมือมาหาตน ไม่รู้เพราะเหตุใด ใจของเขาจึงสั่นไหวรุนแรง รู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

ทันใดนั้น ทั้งตัวจอมเทพอิ๋นอวี้เป็นประหนึ่งปุยนุ่นที่ถูกลมพัดกระจาย กลายเป็นควันแสงมายาก่อนสลายหายไป

“นี่เป็น…ภาพมายาหรือ?”

จ้าวเฟิงอึ้งตะลึง

ทำไมจอมเทพอิ๋นอวี้จึงหายไปเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะสมองเขาสับสน เกิดภาพลวงตาแน่!

เฮือก! คนทั้งหมดที่โลกภายนอกต่างเห็นภาพเหตุการณ์นี้อย่างชัดเจน

จอมเทพเผ่าแสงผู้หนึ่งหายตัวไปเสียเฉยๆ!

“เป็นไปได้อย่างไร…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” ใบหน้าจอมเทพกุ่ยอู๋ฉายแววหวาดกลัว

จอมเทพที่ทรงพลังผู้หนึ่งหายตัวไปอย่างไร้ที่มาที่ไป นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?

เรื่องประหลาดแบบนี้เกิดขึ้นได้แค่ในฝันเท่านั้น!

“นี่มันเป็นไปไม่ได้!” เจ้าตำหนักวิญญาณบรรพกาลตื่นตะลึงเช่นกัน

ด้วยประสบการณ์ระดับจอมเทพขั้นสองของเขา ยังไม่สามารถอธิบายภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ได้

เกรงว่ากระทั่งตัวจอมเทพอิ๋นอวี้ก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“พลังกลุ่มนี้…เนตรเทพเจ้า เป็นไปได้อย่างไร?” จอมเทพซิงเซี่ยงตื่นกลัวจนหน้าถอดสี รีบร้อนถอยไปด้านหลัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!