บทที่ 1450 สะบัดมือส่งๆ
เพียงแค่สะบัดมือก็ทำลายราชันทั้งห้าได้ ยอดฝีมือทั้งหมดตรงนั้นยืนชะงักค้างอยู่กับที่ สมองราวกับโดนสายฟ้าฟาด กระทั่งว่าราชันทั้งห้าตายอย่างไร พวกเขาก็ยังไม่รู้
“นี่…เป็นไปได้อย่างไร!” ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งอึ้งตะลึง ร่างสั่นเทิ้ม
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบลง จ้าวเฟิงยังไม่เคยปลดปล่อยพลานุภาพหรือกลิ่นอายที่แข็งแกร่งเพียงนี้ แม้แต่ยามสังหารราชันทั้งห้าคนยังไม่มีกลิ่นอายพลังอะไรเล็ดลอดออกมา
ไม่แผ่กลิ่นอายพลัง มองไปแล้วเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น แต่เพียงสะบัดมือส่งๆ กลับสังหารราชันทั้งห้าได้!
“จักรพรรดิ…ไม่ใช่สิ เซียน…”
ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งเอ่ยตะกุกตะกักด้วยความหวาดกลัว
เขาไม่อาจตัดสินได้เลยว่าจ้าวเฟิงมีระดับพลังฝึกตนขั้นไหนกันแน่
“จ้าวเฟิง!” ตอนนี้ สายตาทุกคนต่างจับจ้องยังจ้าวเฟิง
คนจำนวนมากของฝั่งทวีปบุปผาครามต่างรู้ว่าจ้าวเฟิงคลี่คลายวิกฤตอันตรายครั้งนี้ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีที่น่าตื่นตะลึงแบบนั้น
ส่วนจ้าวเฟิงกลับกำลังทำความเข้าใจ ‘เปลี่ยนมายา’
‘จัดการราชันผู้หนึ่ง ไม่ได้ต่างอะไรกับการกำจัดโต๊ะตัวหนึ่งเลย!’
จ้าวเฟิงคาดคะเนในใจ
กำจัดราชันผู้หนึ่งหนึ่ง ใช้พลังดั้งเดิมและความคิดจิตใจไม่ต่างอะไรกับการกำจัดโต๊ะตัวหนึ่ง
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะระดับขั้นของจ้าวเฟิงสูงจนเกินไป ราชันผู้หนึ่งในสายตาเขาไม่ต่างอะไรกับมดปลวก นอกจากนี้แล้ว ความรู้สึกของจ้าวเฟิงก็คือการคงสภาวะเปลี่ยนมายาไว้สิ้นเปลืองพลังมาก
ในตอนนี้เอง ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งคนนั้นทรุดตัวคุกเข่าลงกลางอากาศ
“ผู้อาวุโส…ไว้ชีวิตข้าด้วย ข้ายินดียกสำนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณร้ายให้แก่ท่าน!”
ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งร่างสั่นเทิ้มไปหมด
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ยินยอม แต่พลังของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเกินไป กระทั่งโอกาสจะหนีเขายังไม่มี ไม่สู้จำใจยอมโอนอ่อนไปก่อน แล้วค่อยคิดหาทางทีหลัง
“ไว้ชีวิตเจ้า? ฮึ!” จ้าวเฟิงชำเลืองมองผู้อาวุโสร่างผอมแห้งพลางแค่นเสียงเย็น
ครั้งนี้หากไม่ใช่เขากลับมาพอดี ทวีปบุปผาครามก็คงถูกสำนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณร้ายทำลายล้างไปแล้ว ขอให้ละเว้นโทษ? จะเป็นไปได้หรือ!
ครืน! ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหมุนตลบ พลังธรรมชาติที่เป็นดั่งอานุภาพสวรรค์ตรงเข้ามาโดยพลัน
ในวินาทีนี้ สรรพชีวิตในฟ้าดินต่างตัวสั่นเทิ้ม รู้สึกว่าชีวิตของตนตกอยู่ในกำมือของคนอื่น
โครม ตูม! ร่างของผู้อาวุโสร่างผอมแห้งระเบิดกลายเป็นผุยผงภายใต้พลังอำนาจที่แข็งแกร่ง
วินาทีต่อมา รอบด้านก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นรอบบริเวณเงียบสงัดลง
เทียบกับการสังหารราชันห้าคนอย่างไร้ซุ่มเสียงก่อนนี้ ถึงแม้ว่าทุกคนจะตื่นตะลึง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทว่าครั้งนี้พวกเขาได้สัมผัสพลังที่อยู่เหนือทุกสิ่งของจ้าวเฟิงอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
“เจ้าหอโครงกระดูก สามสำนักที่ดินแดนเกาะเทียนหลู ทำไมไม่มาช่วยทวีปบุปผาคราม?”
จ้าวเฟิงโพล่งถามขึ้น
ตอนนั้นเขาและสามสำนักใหญ่ลงนามพันธะสัญญาโลหิต สำนักทั้งสามจะคุกคามทวีปบุปผาครามไม่ได้ และตอนที่ทวีปบุปผาครามขอความช่วยเหลือ จะต้องทุ่มเทกำลังทั้งหมดปกป้องอีกฝ่าย
แต่คราวนี้ทวีปบุปผาครามเจอวิกฤตอันตราย กลับไม่เห็นแม้แต่เงาคนจากสามสำนัก
ถ้าทั้งสามสำนักเข้าช่วยเหลือสุดความสามารถ ต่อให้เขาไม่กลับมา ทวีปบุปผาครามก็จะไม่ตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงเช่นนี้
“ข้าไม่ทราบเหมือนกัน ก่อนนี้ข้าส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไป แต่ไม่มีผู้ใดมา…”
เจ้าหอโครงกระดูกตอบอย่างตรงไปตรงมา
ทวีปบุปผาครามเผชิญอันตราย แต่สำนักทั้งสามอยู่ในกลุ่มดินแดนเกาะอีกแห่งหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีเวลาส่งคนไปสืบสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“นายท่าน ทำอย่างไรกับคนพวกนี้ดี?”
เจ้าหอโครงกระดูกกวาดตามองกลุ่มคนสำนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณร้าย ก่อนขอความเห็นจากจ้าวเฟิง
“ยอมศิโรราบต่อทวีปบุปผาครามเสีย ถ้าไม่ยอมก็สังหารให้สิ้น!”
จ้าวเฟิงกวาดมองด้วยสายตาเย็นชา และเอ่ยออกมาทันใด
ทว่าเขาเพิ่งพูดจบ ทุกคนของสำนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณร้ายก็เลือกยอมแพ้ โดยไม่อิดออดแม้แต่นิดเดียว
แต่เจ้าหอโครงกระดูกกลับมีสีหน้าย่ำแย่
ถึงแม้ราชันของสำนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณร้ายตายไปหมดแล้ว แต่คนจากสำนักเหล่านี้ แต่ละคนพลังไม่ธรรมดา ตำหนักจันทราชาดที่เขาอยู่จัดการไม่ไหว ในภายหน้าไม่ช้าก็เร็วจะกลายเป็นภัยเงียบแน่นอน
พรึ่บ! จ้าวเฟิงโบกมือ ค่ายกลหุ่นเชิดศพมาปรากฏที่ด้านหน้าเขา
ชั่วขณะต่อมา จุดที่ถูกทำลายทั้งหมดของค่ายกลหุ่นเชิดศพฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด
ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายที่สาดซัดออกมาจากหุ่นเชิดศพภายในก็ทวีความรุนแรงขึ้น ทำเอาเจ้าหอโครงกระดูกที่อยู่ด้านข้างตื่นตะลึง ไม่ถึงหนึ่งช่วงลมหายใจ กลิ่นอายของหุ่นเชิดศพทั้งหมดในค่ายกลเกือบเทียบเท่าราชัน!
“เจ้าเอาไปเถอะ!” จ้าวเฟิงมอบค่ายกลหุ่นเชิดศพรูปโฉมใหม่ให้กับเจ้าหอโครงกระดูก
จะปกป้องทวีปบุปผาคราม จำต้องอาศัยเจ้าหอโครงกระดูก ค่ายกลหุ่นเชิดศพที่เพิ่มระดับขั้นแล้วก็ถือเป็นรางวัลให้กับเจ้าหอโครงกระดูกด้วย
ค่ายกลนี้ไม่เพียงทำให้พลังของเจ้าหอโครงกระดูกเพิ่มขึ้นระดับหนึ่ง ตัวเขาเองก็สามารถศึกษาสำนึกรู้ที่จ้าวเฟิงเหลือทิ้งไว้ภายใน เพื่อยกระดับพลังของตนเอง
“รับทราบ!” เจ้าหอโครงกระดูกตื่นเต้นยิ่งนัก ยื่นมืออกไปรับค่ายกลหุ่นเชิดศพมา
กลิ่นอายหุ่นเชิดศพทุกร่างในค่ายกลไปแตะขั้นราชัน
เมื่อมีค่ายกลนี้แล้ว ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิสามคน เจ้าหอโครงกระดูกก็ยังพอรับมือไหว!
ใบหน้าเจ้าสำนักหนานอู่ฉายแววตะลึง
หากทวีปแสงประกายครอบครองค่ายกลหุ่นเชิดศพนี้ได้ ก็น่าจะทำให้ดินแดนสงบสุขไปตลอดได้ จากนั้น จ้าวเฟิงจึงพูดคุยกับสหายเก่าในอดีต และยังยกทรัพยากรที่เพิ่มอายุขัยหลายชิ้นให้พวกเขา
พรึ่บ! ร่างจ้าวเฟิงอันตรธานหายไป
การกลับมาในครั้งนี้ของเขา เรื่องที่เขาเพียงสะบัดมือก็กำจัดสำนักศักดิ์สิทธิ์วิญญาณร้ายได้ลือกระฉ่อนไปทั่วดินแดนหมู่เกาะกู่ชิง ทำให้ทวีปบุปผาครามกลายเป็นดินแดนต้องห้ามในหมู่เกาะนี้ กระทั่งขั้วอำนาจชั้นยอดอย่างสามตำหนักเซียนยังต้องให้ความสำคัญ ระหว่างทางจากไปคราวนี้ จ้าวเฟิงแผ่ประสาทสัมผัสเทพสำรวจสถานการณ์รอบๆ
ตอนที่เพิ่งมาถึงดินแดนเกาะเทียนหลู เขาพบว่าทั้งดินแดนเกาะเทียนหลูกำลังรบราฆ่าฟันกัน ผู้ร่วมสู้รบแทบจะรวมขั้วอำนาจทั้งดินแดนเกาะไว้ ย่อมรวมไปถึงตำหนักมารจันทรา ตำหนักผาดำ และสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างด้วย
“มิน่าล่ะ ทั้งสามสำนักจึงไม่ได้ไปช่วยทวีปบุปผาคราม พวกเขาเองก็กำลังเผชิญกับอันตรายอยู่เหมือนกัน!”
จ้าวเฟิงค่อยๆ เข้าไปใกล้ดินแดนเกาะเทียนหลู เพื่อสังเกตการณ์การต่อสู้ครั้งนี้
ด้านล่าง ผู้ฝึกตนศาสตร์มารและดินแดนเกาะเทียนหลู รวมไปถึงบรรดาสำนักต่างๆ กำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด
สามผู้ดูแลสูงสุดของสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง ตำหนักผาดำ และตำหนักมารจันทราที่อยู่ไกลออกไป กำลังอาศัยค่ายกลต่อสู้กันเอง
คนที่อยู่ในนั้น มีเฉิงเยว่เซียนกูของสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างที่ไม่รู้ได้โอกาสอะไรมา จึงสามารถทะลวงถึงขั้นจักรพรรดิปราณเทวะได้ในตอนนี้
ส่วนผู้ดูแลสูงสุดตำหนักผาดำและตำหนักมารจันทราเป็นราชันระดับสุดยอดเท่านั้น
แต่คู่ต่ออสู้ของพวกเขาน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะทั้งสามมีระดับพลังฝึกตนเทียบเท่ากับจักรพรรดิ!
“เฉิงเยว่เซียนกู เกรงว่า ‘ค่ายกลวิญญาณคุ้มจันทรา’ น่าจะแบกรับได้อีกไม่นานเท่าไหร่!”
ราชันศาสตร์มารจากตำหนักมารจันทราใบหน้าซีดเผือด
หากไม่มีค่ายกลวิญญาณคุ้มจันทรา เกรงว่าเขาคงจะรับมือกับจักรพรรดิสามคนได้ไม่ถึงเสี้ยววินาที
“บัดซบ คนพวกนี้จงใจก่อกวนพวกเรา!” ใบหน้าโครงกระดูกสีเหลืองฉายแววขมขื่น
ด้วยพลังในระดับจักรพรรดิสามคน สามารถสังหารกองทัพทั้งดินแดนเกาะเทียนหลูได้ก่อน ถึงเวลานั้น พวกเขาสามคนก็จะโดนสังหารไปด้วย แต่ที่ฝ่ายตรงข้ามทำแบบนี้ ต้องมีเหตุผลอะไรแน่
“ฮ่าๆ เฉิงเยว่เซียนกู ถ้าหากยอมศิโรราบต่อจักรพรรดิ สำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างอาจไม่ต้องการถูกทำลายก็เป็นได้!”
ในหมู่จักรพรรดิทั้งสามคน จักรพรรดิผมขาวผู้หนึ่งหัวเราะออกมา
“ฝันไปเถอะ!”
เฉิงเยว่เซียนกูที่สูงส่งสง่างามตะโกนเสียงกร้าวแน่นอนว่าจักรพรรดิผมขาวผู้นี้ ไม่เพียงแต่ถูกใจเฉิงเยว่เซียนกูเป็นพิเศษ แต่ยังต้องตาต้องใจลูกศิษย์หญิงคนอื่นของสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างด้วย
“ฮ่าๆ ข้าจะรอดู พวกเจ้ายังจะทนต่อไปได้อีกนานเท่าไหร่!”
จักรพรรดิผมขาวไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย ยังคงรั้งอยู่ที่ดินแดนเกาะเทียนหลูต่อ
ในเวลานี้เอง
“อืม คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนั้นสามสำนักจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์ลำบากขนาดนี้!”
เสียงถอนหายใจแผ่วเบาดังแว่วมาจากที่ไกลๆ
“หืม?” จักรพรรดิผมขาวขมวดคิ้ว กวาดประสาทสัมผัสจิตวิญญาณไปด้านหลัง จึงมองเห็นบุรุษหนุ่มผมเขียวผู้หนึ่ง
“พี่ใหญ่ คนผู้นี้ประหลาดนัก!”
ชายวัยกลางคนใบหน้ากลมข้างกายจักรพรรดิผมขาวเอ่ยเสียงต่ำ
ที่นี่เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขนาดนี้ ฝั่งพวกเขามีจักรพรรดิสามคน แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่มีทีท่าลนลานแม้แต่น้อย นี่นับว่าแปลกเอาการ
“จ้าวเฟิง! ใบหน้าสามคนในค่ายกลฉายแววยินดี ก่อนจะร้องขึ้นทันใด
หลายสิบปีก่อน จ้าวเฟิงก็เป็นคนในขั้นจักรพรรดิ ยามนี้พลังฝึกตนคงจะสูงส่งเอาการ
ถ้าหากจ้าวเฟิงช่วยเหลือ พวกเขาอาจสามารถผ่านพ้นอันตรายนี้ไปได้
“จ้าวเฟิง ช่วยพวกเราสักครั้งเถอะ แล้วทั้งสามสำนักจะขอบพระคุณอย่างที่สุด!”
เฉิงเยว่เซียนกูส่งเสียงมาทันที
“นั่นเขานี่!”
เย่หยานหยูและจงหว่านเอ๋อร์ที่ถูกลอมโจมตี ใบหน้าฉายแววสับสน คิดไม่ถึงว่าวันนี้ พวกเขาทั้งสามสำนักจะต้องมาพึ่งพาคนผู้นี้!
“สหายผู้นี้ เจ้าคงจะไม่ใช่คนของดินแดนเกาะเทียนหลูกระมัง ถ้าหากเจ้าไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง ข้าจะถือว่าพวกเราสามคนติดหนี้บุญคุณเจ้า!”
จักพรรดิผมขาวผู้นั้นไม่อาจหยั่งเชิงของจ้าวเฟิงได้เลย แต่เมื่อทั้งสามสำนักเห็นความสำคัญของเขาขนาดนี้ ย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เขาจึงรีบแสดงท่าทีเป็นมิตรกับจ้าวเฟิง
มิตรภาพจากจักรพรรดิทั้งสาม หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นย่อมต้องชั่งน้ำหนักของทั้งสองฝั่งได้
“ไม่ต้องรอให้พวกเจ้าบอกหรอก ตอนนั้นข้าจ้าวเฟิงเคยสัญญาว่าหากสามสำนักตกอยู่ในอันตรายจะให้ความช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ!”
จ้าวเฟิงไม่ได้ใส่ใจพวกจักรพรรดิผมขาวแม้แต่น้อย ถึงหลายปีมานี้ ทั้งสามสำนักไม่ได้ช่วยทวีปบุปผาคราม
เขาก็รู้สึกดีกับสามสำนักมากกว่าพวกจักรพรรดิผมขาว อย่างไรเสียก็เคยเจอกันพูดคุยกันมาหลายครั้ง
“เจ้าหนุ่ม เป็นมิตรไม่ชอบ ชอบเป็นศัตรูกันสินะ!” ชายวัยกลางคนหน้ากลมเกรี้ยวกราด ก่อนเตรียมตัวจะลงมือ
ในเมื่อจ้าวเฟิงบอกว่าจะยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ พวกเขาชิงลงมือก่อนน่าจะได้เปรียบกว่า!
ในตอนที่ผู้อาวุโสหน้ากลมลงมือนั้นเอง จักรพรรดิอีกสองคนก็พุ่งเข้าโจมตีจ้าวเฟิง
“จ้าวเฟิง ระวัง!” ผู้ดูแลของสามสำนักพากันตื่นตระหนก
ในตอนนี้ จ้าวเฟิงเผชิญหน้ากับจักรพรรดิสามคนในเวลาเดียวกัน
ถ้าหากจ้าวเฟิงเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ชะตากรรมของทั้งสามสำนักก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงอีกแล้ว
“หลายปีมานี้ที่ข้าไม่อยู่ ที่นี่ก็ยังคงมีอัจฉริยะปรากฏขึ้นไม่หยุดหย่อน จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ขึ้น!”
สีหน้าจ้าวเฟิงเย็นชา
ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงเองก็ค้นพบว่าไอสวรรค์ในโครงกระดูกของทั้งดินแดนทวีปดูจะเสถียรมากขึ้น แต่ที่กลุ่มดินแดนเกาะรอบนอกขนาดนี้ มีจักรพรรดิเกิดขึ้นได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
โครม ตูม!
ทันทีที่เสียงจ้าวเฟิงจบลง พลานุภาพทรงพลังที่อยู่เหนือสรรพสิ่งรวมตัวกัน แล้วระเบิดใส่ร่างจักรพรรดิศาสตร์มารทั้งสามอย่างรวดเร็ว
“ไม่…” ร่างจักรพรรดิผมขาวแข็งทื่อไปชั่วขณะ อ้าปากจะร้องขอชีวิต
โครม ตูม!
แต่ในวินาทีต่อมา จักรพรรดิทั้งสามก็สลายกลายเป็นไอด้วยพลังที่แข็งแกร่งกลุ่มนี้
“นี่…” ภาพเหตุการณ์นี้สะพรึงขวัญผู้ดูแลทั้งสามสำนักในค่ายกล
ไม่ว่าอย่างไร พวกก็คาดคิดไม่ถึงว่าตอนนั้นที่ถูกบังคับให้ลงนามในพันธะสัญญาเลือด ตอนนี้กลับช่วยหลีกเลี่ยงมหันตภัยไปได้
ส่วนคนทั้งสองฝ่ายที่กำลังสู้รบกันอย่างดุเดือดอยู่ไม่ไกลก็ชะงักไปทันที
“เป็นไปได้อย่างไร จักรพรรดิสามคนตายไปหมดแล้ว!”
วงหน้างามของจงหว่านเอ๋อร์เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
นางไม่เห็นว่าจักรพรรดิทั้งสามตายลงไปได้อย่างไร เพราะตอนที่นางเห็นคนทั้งสามก็ตายลงไปแล้ว
“จากนี้พวกเจ้าไปจัดการกันเองได้แล้วกระมัง!”
จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะหันมองพวกเฉิงเยว่เซียนกู
ช่วยสามสำนักนี้ก็ใช้พลังไปเพียงแค่เล็กน้อย และนั่นเป็นเพราะตอนนั้นลงนามในพันธะสัญญาเลือด
พรึ่บ! เงาร่างของจ้าวเฟิงอันตรธานหายไปท่ามกลางสายตาของคนนับล้าน
นับตั้งแต่นั้น ดินแดนเกาะเทียนหลูก็มีบุคคลในตำนานอีกคนหนึ่ง
ส่วนจ้าวเฟิงก็เร่งเดินทางต่อ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ดินแดนทวีป!