Skip to content

King of Gods 1484

King Of Gods

บทที่ 1484 ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์

หลังจากยืนยันเป้าหมายแล้ว จ้าวเฟิงก็เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ ระหว่างทาง ในตอนที่เขาผ่านตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขายขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เมื่อได้ยินข่าวเกี่ยวกับ ‘เผ่าความลับสวรรค์’ เขาก็หยุดลงชั่วขณะ

“ได้ยินรึยัง ว่ากันว่าก่อนหน้านี้ในดินแดนเทพรกร้างมีร่องรอยของขั้วอำนาจใหญ่เผ่าความลับสวรรค์ปรากฏตัวขึ้น!”

“เผ่าพันธุ์ทรงปัญญาที่อยู่อันดับสามของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ?”

พอได้ยินว่าเผ่าความลับสวรรค์ ท่าทีที่ผู้คนแสดงออกมาส่วนใหญ่คือยำเกรง

เผ่าความลับสวรรค์อยู่ในอันดับสามของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญามากที่สุด

พวกเขาเคยสร้างอาวุธทำลายล้างขนาดใหญ่ พลังสามารถทำลายล้างฟ้าดินได้ ทั้งยังพยายามฟื้นคืนสายเลือดเผ่าบรรพกาลที่แข็งแกร่งสมบูรณ์แบบที่สุด และยังพยายามสร้างอาวุธประเภทเวลาเพื่อย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนประวัติศาสตร์

ความคิดแต่ละอย่างของพวกเขาทำให้เผ่าพันธุ์ทั้งหลายตื่นตะลึง

และก็เพราะเหตุนี้ พวกเขาจึงช่วงชิงดินแดนอย่างกำเริบเสิบสาน ล่วงเกินเผ่าพันธุ์บรรพกาลมากมาย สุดท้ายก็สูญเสียสาหัสจากการร่วมมือโจมตีจากเผ่าพันธุ์ทั้งหลาย และหลบลี้หายไป

คิดไม่ถึงว่าเวลาเนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้ว ตอนนี้ยังมีข่าวลือของเผ่าความลับสวรรค์อีก

‘ท่าทางศึกนั้นจะทำให้ร่องรอยของเผ่าความลับสวรรค์เผยออกมา!’

จ้าวเฟิงคาดเดาในใจ

ถึงแม้ในตอนนั้นเขาจะอยู่ในห้องลับ แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ภายนอกอาณาจักรเทพ ความเคลื่อนไหวมากถึงเพียงนั้น อยากจะปิดก็ปิดไม่อยู่แต่ทุกคนก็รู้แค่เพียงข่าวที่เผ่าความลับสวรรค์ปรากฏตัวขึ้น ส่วนที่ว่าเผ่าความลับสวรรค์กำลังทำอะไรอยู่นั้นไม่รู้เลย

จ้าวเฟิงอยู่ที่นั่นชั่วขณะหนึ่งก็นับว่าพอรู้อะไรบ้าง

สำหรับเขา เจ้าสวรรค์เป็นคนทะเยอทะยาน เผ่าความลับสวรรค์จะต้องมีเป้าหมายที่น้อยคนล่วงรู้!

แต่จ้าวเฟิงก็ขี้เกียจจะไปสนใจอะไรนัก ตอนนี้เขาต้องการเพียงยกระดับพลังให้เร็วที่สุด จะได้รักษาความปลอดภัยของตัวเอง นอกจากข่าวของเผ่าความลับสวรรค์ ก็เป็นข่าวของเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า

ผู้คนก็รู้เพียงว่าเนตรเทพเจ้าลำดับที่เก้าปรากฏขึ้น สำหรับเรื่องอื่นล้วนไม่แน่ชัด

หลังจากสืบข่าวไปพักหนึ่งแล้ว จ้าวเฟิงก็รู้ว่าขั้วอำนาจที่โจมตีเผ่าความลับสวรรค์ก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์ผนึกเทพ

“ขั้วอำนาจที่ถังไป๋อยู่ มิน่าเล่า…”

ในตอนนั้นจ้าวเฟิงมองเห็นถังไป๋หนีเอาตัวรอดไป ตำแหน่งของถังไป๋ในแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องสูงแน่นอน และเขาก็ต้องบอกเรื่องเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ากับแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ เช่นนั้นแล้วแดนศักดิ์สิทธิ์ผนึกเทพโจมตีเผ่าความลับสวรรค์ก็ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นอะไร เป้าหมายที่แท้จริงอาจจะเป็นเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ามากกว่า และก็เพราะเหตุนี้เอง หลังจากแดนศักดิ์สิทธิ์ผนึกเทพพ่ายแพ้ก็แพร่ข่าวลือออกไป

จ้าวเฟิงทำความเข้าใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ไปจากตำหนักแลกเปลี่ยนค้าขาย มุ่งหน้าเดินทางต่อ

หลังจากนั้นสิบวัน ในยามที่เขาผ่านน่านฟ้าเหนือทะเลสาบแห่งหนึ่ง

ครืน ตูม ตูม! เสียงการต่อสู้สนั่นหวั่นไหวก็ดังมาจากที่ไกลๆ

“จอมเทพ!” จ้าวเฟิงคาดเดาพลังของผู้ที่ต่อสู้ได้ทันใด

โดยปกติแล้ว การต่อสู้ของจอมเทพในดินแดนเทพรกร้างพบเห็นได้น้อยมากนัก

จ้าวเฟิงโคจรตาซ้าย พบว่าภาพที่เห็นจากที่ไกลๆ คือการไล่สังหาร และสิ่งที่ทำให้จ้าวเฟิงยิ่งจนคำพูดคือ อีกฝ่ายกำลังมุ่งหน้ามาแถวๆ เขา

ผู้หลบหนีข้างหน้าคือจอมเทพขั้นหนึ่งผมสีแดงซีดสวมชุดคลุมสีทอง

หน้าตาทรงคุณธรรม ส่วนผู้ไล่ล่าสังหารคือจอมเทพขั้นหนึ่งสองคน หนึ่งในนั้นไปถึงขั้นหนึ่งสุดยอด อีกทั้งผู้ไล่สังหารทั้งสองล้วนอยู่ในลำแสงขมุกขมัว มองเห็นหน้าตาได้ไม่ชัด

ผู้อาวุโสผมแดงที่หนีมามองจ้าวเฟิงแวบหนึ่ง แล้วจึงบินผ่านด้านข้างไปอย่างรวดเร็ว เพราะจ้าวเฟิงอำพรางกลิ่นอายไว้ อีกทั้งผู้อาวุโสผมแดงกำลังรีบร้อน คิดว่าพลังของจ้าวเฟิงต่ำเกินไปจึงเมินเฉยไปเสีย ถึงอย่างไรหน้าตาของจ้าวเฟิงก็ยังอ่อนวัยมากอีกด้วย แต่สิ่งที่ทำให้จ้าวเฟิงคิดไม่ถึงก็คือ จอมเทพที่เห็นหน้าตาไม่ชัดข้างหลังทั้งสองกลับจ้องเขาอย่างมาดร้าย

“เจ้านี่เห็นเข้าแล้ว ฆ่าทิ้ง!” จอมเทพที่เสียงค่อนข้างแก่ชราหนึ่งในนั้นเอ่ยเสียงดัง

เพิ่งพูดจบ แสงฝ่ามือสลัวรางขนาดมหึมาก็ทะยานไปยังจ้าวเฟิง เสี้ยวขณะนี้ ทะเลสาบเบื้องล่างมีคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำขึ้นมา

“หึ!” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น ไม่ค่อยพอใจนัก เขาโคจรพลังเทพรวมศูนย์แล้วซัดหมัดหนึ่งออกไป

ครืน บึ้ม! หมัดที่ดูธรรมดาทำลายการโจมตีของจอมเทพอีกฝ่ายหนึ่งจนแหลกละเอียด

ฉากนี้ทำเอาจอมเทพที่สำแดงการโจมตีสั่นสะท้าน

“ดูผิดไปแล้ว!” เสียงของชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งดังขึ้น

“เมื่อครู่ล่วงเกินแล้ว ขอท่านได้โปรดอภัย!” เสียงแก่ชราดังขึ้นอีกครั้ง

พวกเขากำลังไล่สังหารจอมเทพ หากมีเรื่องกับจอมเทพคนอื่นอีกก็จะยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่ ดังนั้นจึงรีบขอโทษจ้าวเฟิงทันที

จ้าวเฟิงเห็นอีกฝ่ายขอโทษก็ไม่สนใจอะไร เตรียมตัวจะจากไป

ในยามนี้เอง แววตาของผู้อาวุโสผมแดงที่หนีอยู่ข้างหน้าเปล่งประกาย จับจ้องจ้าวเฟิงเอาไว้

“ขอท่านได้โปรดช่วยชีวิตข้าด้วยเถิด ข้ายินดีมอบผลึกเทพและทรัพยากรมหาศาลให้!” น้ำเสียงของผู้อาวุโสผมแดงแฝงนัยร้องขอ

ตอนนี้เขาบาดเจ็บ หากเผชิญหน้ากับการไล่สังหารจากจอมเทพผู้แข็งแกร่งทั้งสองก็อาจตายได้

จ้าวเฟิงกลับไม่พูดอะไร หมุนตัวจากไป เขาไม่ไยดีผลึกเทพและของล้ำค่าของจอมเทพขั้นหนึ่งทั่วไปแม้แต่น้อย อีกทั้งนี่คือเรื่องของจอมเทพคนอื่น เขาไม่ต้องไปสนใจให้มาก

“ขอบคุณมาก ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัย!” สองคนที่อยู่ในแสงสีดำยิ้มเล็กน้อย

“ยอมแพ้แต่โดยดีเสียเถอะ!” คนหนึ่งในนั้นตวาดทันใด

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว~

หอกยาวปรากฏขึ้นในมือของเขา ก่อนจะแทงประกายแสงแหลมคมนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่วฟ้า ทำให้ผู้คนยากจะหลบหลีกไปได้

“ท่านอย่าเพิ่งไป หากท่านช่วยข้า ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์จะตอบแทนน้ำใจอย่างงามแน่!” ผู้อาวุโสผมแดงตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย จึงขอความช่วยเหลือจากจ้าวเฟิงอีกครั้ง

“ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์?” ดวงตาของจ้าวเฟิงเปล่งประกาย สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

การเดินทางครั้งนี้เขาวางแผนจะไปตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์สักหน่อย เขารวบรวมข้อสรุปจากบันทึกต่างๆ ในคลังตำราลับของเผ่าความลับสวรรค์ สุดท้ายก็คาดว่าเขตพื้นที่ของตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ในเขตปราการหยั่งรู้อาจจะมีความลับ มรดก หรือของล้ำค่าอื่นๆ ของเผ่าทำนุฟ้าอยู่

ข้อมูลลับพวกนี้ ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ไม่มีทางบอกเขาโดยตรงแน่นอน แต่หากเขาช่วยจอมเทพของตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์เอาไว้ อีกฝ่ายต้องช่วยตนเองอย่างเต็มที่แน่นอน

จ้าวเฟิงพลันหมุนตัวกลับมองมาผู้อาวุโสผมแดง

“ขอท่านอย่าได้สนใจเรื่องนี้ หากพวกเราจัดการคนคนนี้ได้ พวกเรายินดีแบ่งของในมิติเก็บของของเขาให้ท่านครึ่งหนึ่ง!”

ผู้ไล่ล่าทั้งสองเห็นว่าอยู่ๆ จ้าวเฟิงหมุนตัวกลับ ก็รู้ว่าสถานการณ์พลิกผันแล้ว จึงรีบพูดออกมา

จ้าวเฟิงดูไปแล้วอายุยังน้อย อย่างมากก็แค่จอมเทพขั้นหนึ่ง ถึงร่วมมือกับผู้อาวุโสผมแดงก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเขาทั้งสอง แต่จอมเทพสองคนร่วมมือกันก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เช่นกัน

แบ่งผลประโยชน์จากจอมเทพไปครึ่งหนึ่งก็ใจกว้างมากแล้ว ในเมื่อจ้าวเฟิงก็แค่บังเอิญมาพบเข้าเท่านั้น

“ท่าน ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์คือขั้วอำนาจห้าดาว ถึงตอนนั้นท่านจงไปเยือนตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ มีอะไรที่ต้องการก็บอกมาได้เลย!”

ผู้อาวุโสผมแดงเห็นว่ายังมีโอกาสพลิกสถานการณ์จึงเอ่ยเสริมอีก ตอนนี้จ้าวเฟิงคือความหวังให้เขามีชีวิตรอดต่อไป

“พวกเจ้าไสหัวไปเสีย!” จ้าวเฟิงมองไปยังจอมเทพที่อยู่ในแสงขมุกขมัวทั้งสอง พร้อมคำรามเสียงต่ำ

ตอนนี้เขาตัดสินใจช่วยผู้อาวุโสผมแดงคนนี้แล้ว

“อะไรนะ?” ผู้ไล่ล่าทั้งสองค่อนข้างตกใจ

ต่อให้จ้าวเฟิงยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ แต่ท่าทีมันจะกำเริบเกินไปหน่อยแล้วกระมังอายุยังน้อยๆ อย่างมากก็เป็นแค่จอมเทพขั้นหนึ่ง ถึงจะร่วมมือกับผู้อาวุโสผมแดงที่ได้รับบาดเจ็บก็ไม่ใช่คู่มือของเขาทั้งสองอยู่ดี

“พูดดีๆ ไม่รู้เรื่องก็คงต้องใช้กำลัง!”

จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น จากนั้นทะลักพลังเทพรวมศูนย์ออกมา

ตอนนี้ฟ้าดินมืดสลัวลง พลังทั้งหมดบริเวณนั้นรวมตัวไปที่เขา ผู้ไล่ล่าทั้งสองอึ้งตะลึง มีความรู้สึกไม่สู้ดีเกิดขึ้น

ในตอนนี้เอง

จ้าวเฟิงส่งหมัดออกไป เงาหมัดมืดหม่นปะทะไปยังคนทั้งสองราวกับภูเขายักษ์

“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”

ในยามที่เผชิญหน้ากับการโจมตีของจ้าวเฟิง พวกเขาทั้งสองถึงจะสัมผัสได้ถึงพลังแข็งแกร่งที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้าม

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ลำพังแค่พลังเทพในเงาหมัดนี้ก็ทำให้พวกเขาหวาดกลัวไม่กล้าฝืนต้านทานแล้ว

“ถอย!” ทั้งสองตัดสินใจได้ทันที

ในเมื่อจ้าวเฟิงเข้ามาก้าวก่ายในเรื่องนี้ พวกเขาก็นับว่าแพ้แล้ว อีกทั้งเขายังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ด้วย

ครืน บึ้ม!

ทั้งสองร่วมมือกันสำแดงวิชาป้องกัน ค่อยๆ ต้านทานการโจมตีของจ้าวเฟิงไว้ จากนั้นทั้งสองก็ไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว ส่วนผู้อาวุโสผมแดงคนนั้นอ้าปากค้าง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้สติกลับมาจากอาการตกใจ

“ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตไว้!” ผู้อาวุโสผมแดงมองไปยังจ้าวเฟิงอย่างจริงจัง

ก่อนหน้านี้เขาสงสัยในพลังของจ้าวเฟิง แต่เมื่อครู่อีกฝ่ายกลับทำให้สองคนนั้นตกใจจนหนีไปทันที

อายุน้อยๆ ก็มีพลังถึงขั้นนี้ จะต้องเป็นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ใดแน่

“เมื่อครู่ท่านไม่ได้เชิญข้าไปตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์รึ? ข้าก็คิดจะไปอยู่พอดี!”

จ้าวเฟิงพูดยิ้มๆ

“ในเมื่อท่านอยากไป ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ย่อมยินดีต้อนรับ!” ผู้อาวุโสผมแดงค่อนข้างแปลกใจ แต่ก็ยังคงพูดด้วยอย่างยินดี

ระหว่างทาง จ้าวเฟิงได้รู้ว่าผู้อาวุโสคนนี้ชื่ออ๋าวหงกวง เป็นผู้อาวุโสของตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์

เขาออกเดินทางข้างนอกครั้งนี้ถูกลอบโจมตี จากนั้นก็ได้มาพบกับจ้าวเฟิง

สำหรับตัวตนของตัวเอง จ้าวเฟิงยังคงบอกชื่อ ‘จ้าวหวาง’ ชื่อนี้ไปอยู่ ทั้งยังบอกว่าตนเป็นจอมเทพของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต เช่นนี้จะสามารถลดความสงสัยจากอีกฝ่ายได้

แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตห่างไกลจากที่นี่มาก อีกทั้งจอมเทพในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งมีมากมาย

‘ใกล้กับสัมผัสของเจ้าแมวขโมยน้อยขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!’

ระหว่างทาง จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่าแมวขโมยตัวน้อยอยู่แถวนี้ผ่านพันธะสัญญาสัตว์วิเศษ

เมื่อเดินทางไปข้างหน้าเรื่อยๆ จ้าวเฟิงพบว่าแมวขโมยน้อยอยู่แถวๆ ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์นี่เอง

แมวขโมยน้อยมีความสามารถในการพยากรณ์ บางทีมันอาจจะรู้ว่าจ้าวเฟิงมุ่งหน้ามายังตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์แล้วก็ได้ จึงรอคอยเขาอยู่ที่นั่น ไม่ผิดคาด เมื่อมาถึงตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ จ้าวเฟิงก็มั่นใจในเรื่องนี้

ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์อยู่บนเทือกเขาสูงตระหง่าน สิ่งก่อสร้างเป็นสีแดงทองทั้งแถบ แผ่กระจายกลิ่นอายดุดันร้อนแรง

ณ ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ ภายในโถงกลาง

ผู้นำระดับสูงของตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์มารวมกันอยู่ที่นั่น

เจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์คือผู้อาวุโสชุดแดงร่างสูงใหญ่ พลังฝึกตนอยู่จอมเทพขั้นสอง กลิ่นอายค่อนข้างแข็งแกร่ง นอกจากเขายังมีชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่ง เป็นจอมเทพขั้นหนึ่ง

“ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านมากจริงๆ!” เจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์กล่าวขอบคุณหลายต่อหลายครั้ง

ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์มีจอมเทพทั้งหมดสามคน จ้าวเฟิงช่วยชีวิตของจอมเทพคนหนึ่งในนั้น ในระดับหนึ่งแล้วสามารถพูดได้ว่าส่งผลต่อชะตาของตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์

“ท่านมีเรื่องต้องการอะไร สามารถบอกมาได้เลย ตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์จะพยายามทำให้อย่างเต็มที่!” เจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์พลันเอ่ยขึ้น

สำหรับเขา จ้าวเฟิงช่วยชีวิตอ๋าวหงกวงทั้งยังเดินทางมายังตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ด้วยตัวเอง จะต้องหวังอะไรไว้แน่นอน

“ข้าแซ่จ้าวมาที่นี่ก็มีธุระจริงๆ!” จ้าวเฟิงพูดไปครึ่งหนึ่งจึงหยุดลง

เรื่องเกี่ยวกับความลับของเผ่าทำนุฟ้า เขาจะพูดออกมาเลยไม่ได้ ต้องเปลี่ยนวิธีถามและสืบเรื่อง

ในตอนนี้เอง

ฟุ่บ! ผู้อาวุโสตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์คนหนึ่งมาเยือนที่นี่อย่างเร่งร้อน

“มีเรื่องอะไร? ไม่เห็นรึว่าข้ากำลังรับแขกอยู่?” สีหน้าของเจ้าตำหนักอาทิตย์พิสุทธิ์ฉายแววขุ่นเคือง

“เจ้าตำหนัก เป็นแมวตัวนั้นอีกแล้ว…” ผู้อาวุโสคนนี้มีสีหน้าย่ำแย่พอควร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version