บทที่ 1534 ราชันอสูรฝันมายา
การมาเยือนของราชาเทพเผ่าเทพมายาและสัตว์โบราณที่เหี้ยมเกรียมน่าหวาดกลัวตัวนั้นสยบทั่วทั้งสนามรบทันที
แม้แต่ราชาเทพหวาเฟิงและนายเหนือหัวเนตรชีวิตต่างก็คิ้วขมวดแน่น
“สัตว์โบราณตัวนี้ หรือจะเป็น ‘ราชันอสูรฝันมายา’ ที่สะกดไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตา?”
ราชาเทพหวาเฟิงคาดเดาความเป็นมาของสัตว์โบราณตัวนี้ แต่กลับยิ่งร้อนรนกว่าเดิมแค่ราชาเทพโยวอวิ๋นก็จัดการยากมากพอแล้ว นี่แม้แต่ราชันอสูรมายาก็มาด้วย จะไม่ยิ่งหมดหนทางหรอกหรือ
พูดถึงพลังศาสตร์ความฝันด้านนี้ ราชันอสูรฝันมายาเก่งกาจกว่าเผ่าเทพมายาแน่นอน
แต่ว่าราชันอสูรฝันมายาตัวนี้ไม่ใช่ว่าไม่ยอมศิโรราบให้มาโดยตลอด ถึงได้โดนสะกดเอาไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาหรอกรึ หรือตอนนี้มันจะโดนกำราบแล้ว?
“ราชันอสูรฝันมายาและราชาเทพโยวอวิ๋น น่าจะโดนควบคุมไว้แล้ว!”
ดวงตาของนายเหนือหัวเนตรชีวิตฉายประกาย
“ใช่แล้ว!”
ตาซ้ายของจ้าวเฟิงจ้องไปยังพวกราชาเทพโยวอวิ๋นรวมถึงราชันอสูรฝันมายา
เขามองเห็นว่า ภายในกายของคนเหล่านี้รวมทั้งราชันอสูรฝันมายามีตราวิญญาณที่แปลกประหลาดและค่ายกลวิญญาณอยู่
ท่าทางพวกเขาคงถูกพวกฝืนชะตาฟ้าควบคุมไว้ จำต้องทำตามที่พวกนั้นบอก
แต่เจ้าสวรรค์และผู้คุมกฎจั่วไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ
เช่นนั้นแล้วก็เป็นผู้แข็งแกร่งคนอื่นในอาณาจักรเทพของพวกฝืนชะตาฟ้าที่ควบคุมทุกอย่างนี้
ฟิ้ว! ราชาเทพโยวอวิ๋นทอดถอนใจ กายกะพริบแล้วหายวับเข้าไปยังสนามรบ
สมาชิกเผ่าเทพมายาที่เหลือก็ลงมือทันทีเช่นกัน
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
เมื่อเห็นสภาพเหตุการณ์เช่นนี้ สมาชิกฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ถอยไปทันใด
เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเทพ ต่อให้เป็นจอมเทพขั้นสามก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามฝืนต้านทาน
ครืน ตูม! พลังเทพที่แข็งแกร่งสุดยอดโจมตีลงมา
ผืนดินถล่มทลาย คนหลายพันคนร่วงลงไปในพริบตา ทุกสิ่งในนั้นสลายหายไปสิ้น
ราชาเทพลงมือ สมาชิกฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ซึ่งแรงต้านทาน ได้แต่ถูกล้างบางสังหารเท่านั้น
“นายเหนือหัว ตอนนี้ทำได้เพียงป้องกันเท่านั้นแล้ว!”
ราชาเทพหวาเฟิงสีหน้าลำบากใจ ชี้แนะแก่นายเหนือหัวเนตรชีวิต
ราชาเทพเผ่าเทพมายาและราชันอสูรที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้น เกินกว่าขอบเขตที่แดนศักดิ์สิทธิ์จะรับมือได้แล้ว นอกเสียจากราชาเทพหวาเฟิงและนายเหนือหัวเนตรชีวิตจะลงมือเอง มิฉะนั้นแล้วก็ไร้ซึ่งกำลังรบ
“ไม่ต้องรีบ สหายของข้าคนหนึ่งกำลังมาแล้ว!”
นายเหนือหัวเนตรชีวิตเอ่ยปากเรียบๆ
หากไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตจะล่าถอยไปตั้งรับได้อย่างไรกัน!
สีหน้าของราชาเทพหวาเฟิงฉายแววยินดี คนที่สามารถเรียกว่าเป็นสหายกับนายเหนือหัวเนตรชีวิตได้ พลังและตำแหน่งจะต้องสูงส่งแน่นอน
ฟิ้ว!
จุดแสงสีเขียววาวใสสายหนึ่งพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของนายเหนือหัว ลอยไปยังใจกลางของต้นไม้แห่งชีวิต
ตรงนั้นมีปรมาจารย์ค่ายกลสิบแปดคนควบคุมค่ายกลแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน
จุดแสงสีเขียวพร่างพรายที่นายเหนือหัวเนตรชีวิตปล่อยออกมา แทรกซึมเข้าไปในหัวของหนึ่งในปรมาจารย์ค่ายกล
“ตำแหน่งสัญลักษณ์นี้ มีคนนอกจะเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์ ให้เข้ามา!”
ปรมาจารย์ค่ายกลทั้งสิบแปดแบ่งปันข่าวนี้ จากนั้นโคจรค่ายกลขึ้น
วู้ม พรึ่บ พรึ่บ!
เส้นทางมิติไร้ก้นบึ้งพลันปรากฏขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้างในพลันมีเงาแสงสีทองทางหนึ่งกระโจนออกมา
เมื่อจ้องมองไป คนคนนี้สวมจีวรสีทอง แผ่กระจายรัศมีทองเจิดจ้า ราวกับว่าสามารถขจัดสิ่งชั่วร้ายทุกอย่างได้
“ไต้ซือเหลี่ยวอู๋ (ความว่างเปล่า)!”
ราชาเทพหวาเฟิงจำผู้มาเยือนได้
ไต้ซือเหลี่ยวอู๋คือราชาเทพจากแดนศักดิ์สิทธิ์บรรลุธรรมที่อยู่ทางใต้ของดินแดนเทพรกร้าง
ในตอนนั้น ไต้ซือเหลี่ยวอู๋ถูกราชาเทพสายมารไล่ล่าสังหาร ทั้งสองสู้กันร้อยวัน สุดท้ายราชาเทพสายมารเลือกที่จะพินาศไปพร้อมกับไต้ซือเหลี่ยวอู๋ แต่ไต้ซือเหลี่ยวอู๋เหนือชั้นกว่า รักษาแหล่งกำเนิดวิญญาณไว้เสี้ยวหนึ่ง ภายหลังได้รับการรักษาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต ไม่ถึงร้อยปีก็ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้
ไต้ซือเหลี่ยวอู๋มองไปยังสนามรบนอกแดนศักดิ์สิทธิ์ สีหน้าฉายแววเวทนา
“ต้องขอให้ ‘เหลี่ยวอู๋’ ลงมือแล้ว! ”
เสียงนุ่มนวลของนายเหนือหัวเนตรชีวิตดังขึ้น
“นี่คือสิ่งที่อาตมาควรทำ!”
ไต้ซือเหลี่ยวอู๋พุ่งออกไปอย่างแน่วแน่ สีหน้าไม่หวาดกลัว
วู้ม ครืน ครืน!
นอกแดนศักดิ์สิทธิ์ รัศมีศักดิ์สิทธิ์แผ่ไปหมื่นลี้ทันใด อักขระทองแห่งพระพุทธที่ล้ำลึกแปลกประหลาดพลันบดขยี้ไปยังราชาเทพโยวอวิ๋น
ราชาเทพโยวอวิ๋นก็ใช่จะจัดการได้ง่ายๆ ร่างแปลงเป็นเมฆแสงหลากสีมืดหม่น เข้าต่อกรกับไต้ซือเหลี่ยวอู๋
การต่อสู้ของราชาเทพทั้งสองสะท้านสะเทือนไปทั่วสารทิศ
สมาชิกบริเวณรอบๆ ต่างถอยหนี ไม่กล้าเข้าใกล้สนามรบของระดับราชาเทพ
“ดีที่ไต้ซือเหลี่ยวอู๋มาได้ทันเวลา!”
ราชาเทพหวาเฟิงลอบปาดเหงื่อ
หากไต้ซือเหลี่ยวอู๋ไม่มา เขาก็มีแต่ต้องลงมือเองแล้ว แต่ข้างกายเจ้าสวรรค์ยังมีผู้คุมกฎที่ล้ำลึกเกินหยั่งอีกคนหนึ่งยังไม่ได้ลงมือ
หากยามที่ราชาเทพหวาเฟิงสู้กับราชาเทพโยวอวิ๋น จู่ๆ ราชาเทพคนนี้พลันลงมือ เช่นนั้นสถานการณ์ก็ย่ำแย่แน่แล้ว
“แต่ว่าราชันอสูรฝันมายาตัวนี้…” ผู้นำระดับสูงของแดนศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง สีหน้ายังคงเคร่งเครียดนัก
ราชาเทพโยวอวิ๋นถูกไต้ซือเหลี่ยวอู๋ที่ไล่ตามมาได้ทันเวลาตรึงกำลังเอาไว้ได้แล้ว แต่ราชันอสูรฝันมายาตัวนี้จะทำเช่นไร?
ระดับพลังของราชันอสูรฝันมายาตัวนี้ใกล้กับราชาเทพมาก วิชาศาสตร์มายาของมันคือการโจมตีเป็นวงกว้างที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน คนทั่วไปยากจะต้านทานได้
บนสนามรบ
โฮก~
หัวสัตว์ทั้งเก้าของราชันอสูรฝันมายาคำรามอย่างเหี้ยมเกรียม ปลดปล่อยชั้นรัศมีมืดหม่นแปลกประหลาดออกมา
รัศมีมืดหม่นนี้ราวม่านราตรีปกคลุมไปยังท้องฟ้า
ยามที่รัศมีหม่นกลุ่มนี้แผ่ระลอกกระทบมา จิตใจของทุกคนปั่นป่วน การควบคุมร่างกายเกิดข้อผิดพลาด
ส่วนผู้ที่พลังฝึกตนขั้นต่ำกว่านั้นร่างกายแข็งทื่อ ใบหน้าฉายแววดิ้นรน แต่ไม่นานเท่าไหร่ก็สงบลงแล้วล้มฟุบลงไป เห็นได้ชัดว่าตกเข้าสู่ฝันร้ายแล้ว
“พลังน่ากลัวยิ่งนัก!”
สีหน้ามู่กู่อึ้งตะลึง
พลังของราชันอสูรฝันมายาปกคลุมไปเกือบครึ่งของสนามรบ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ผลลัพธ์ของมันก็ยังแกร่งมาก
เพียงแต่พลังของราชันอสูรฝันมายาไม่แบ่งมิตรหรือศัตรู
แม้แต่สมาชิกของพวกฝืนชะตาฟ้าก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
เพียงแต่ขอบเขตการโจมตีของราชันอสูรส่วนมากจะปกคลุมฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต จึงทำให้จำนวนคนที่ถูกโจมตีมีมากกว่า
“ทำอย่างไรดี?”
ราชาเทพหวาเฟิงสีหน้าฉายแววกลัดกลุ้ม
ในแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ นอกจากเขาและนายเหนือหัวเนตรชีวิตก็ไม่มีใครรับมือกับราชันอสูรฝันมายาได้แล้ว
“ข้าจัดการเอง!” จู่ๆ จ้าวเฟิงก็เอ่ยปากขึ้น
“จ้าวเฟิง อย่าได้บุ่มบ่าม พลังฝึกตนของราชันอสูรตัวนี้ใกล้เคียงกับระดับราชาเทพ แกร่งกว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าเทพมารก่อนหน้านี้มาก อีกทั้งพลังของมันยังป้องกันไม่ได้!”
ราชาเทพหวาเฟิงรีบพูดขึ้น
ตอนนี้จ้าวเฟิงคือกำลังรบสำคัญของแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิต จะให้บาดเจ็บเป็นอะไรไปง่ายๆ ไม่ได้
“วางใจเถอะ ข้าจะไม่ฝืนปะทะกับมัน!”
จ้าวเฟิงพูดจบก็พุ่งออกไปทันที
เมี้ยว เมี้ยว~
แมวขโมยตัวน้อยมองราชันอสูรฝันมายาอยู่บนไหล่ของจ้าวเฟิง โบกไม้โบกมือบอกเขาไม่หยุด
ราชันอสูรฝันมายาถูกแดนศักดิ์สิทธิ์เทพลวงตาสะกดไว้นานนม ตอนนี้ถูกพวกฝืนชะตาฟ้าควบคุม ตัวมันเองก็กำลังต้านทานพันธนาการจากผนึกและค่ายกลในกาย
ฟิ้ว! จ้าวเฟิงมาถึงสนามรบของศัตรู โคจรดวงตาเทพเจ้าปลดปล่อยหมอกแสงเย็นเยียบสีฟ้าอ่อน ด้านในมีกลิ่นอายพลังวิญญาณ แผ่กระจายปกคลุมไปทั่วสนามรบ
ทันใดนั้น คนที่ถูกหมอกเย็นเยียบนี้ปกคลุมวิญญาณก็พลันสั่นสะท้านแล้วฟื้นกลับเป็นปกติ ส่วนคนที่ตกอยู่ในห้วงความฝันก็ถูกกลิ่นอายวิญญาณเย็นเยือกกลุ่มนี้ปลุกให้ตื่น
ส่วนพวกฝืนชะตาฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากราชันอสูรฝันมายาไม่มีใครช่วยปลุก
เช่นนี้แล้วก็เท่ากับว่าราชันอสูรฝันมายาไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรให้กับแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตนัก แต่ส่งผลให้กับพวกฝืนชะตาฟ้ามากกว่า
“เจ้านี่…” ผู้คุมกฎแค่นเสียงต่ำ
“ไม่ต้องรีบร้อน!” เจ้าสวรรค์ยิ้มบางๆ
บนสนามรบ
โฮก~ หัวทั้งเก้าของราชันอสูรฝันมายาเงยขึ้นคำรามก้อง แผ่กระจายกลิ่นอายวิญญาณที่สะท้านทั่วทุกทิศ
ดวงตาลึกล้ำบนหัวทั้งเก้าสาดแสงมายาที่สยบวิญญาณผู้คน แสงมายาสีม่วงเย็นยะเยือกค่อยๆ สอดประสานกลายเป็นหมอกแสงเก้ากลุ่มแล้วส่งออกไป
“นี่คือวิชาของราชันอสูรฝันมายา ‘หนึ่งพันภาพมายามาร’ หากตกเข้าไปข้างใน คนระดับขั้นต่ำลงมาไม่มีทางหนีรอดได้เลย จะตกอยู่ในฝันร้ายน่ากลัวไปตลอดกาล กระทั่งว่าทุกอย่างที่พวกเขาพบเจอในฝันร้ายจะส่งผลกระทบกับตัวเองในโลกแห่งความจริง!”
ฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ ราชาเทพหวาเฟิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
วิชานี้ของราชันอสูรเป็นการสำแดงให้ความฝันเป็นจริงชนิดหนึ่ง ผลกระทบที่ได้รับในความฝันจะสำแดงออกมาในโลกความจริง
ฟิ้ว ฟิ้ว…
หมอกแสงมายาสีม่วงเย็นยะเยือกกลุ่มนั้นพาดผ่านไปในท้องฟ้าด้วยความเร็วที่คนทั่วไปไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน
ณ จุดหนึ่งในสนามรบ จอมเทพขั้นสองคนหนึ่งสัมผัสได้ถึงการเข้ามาใกล้ของหมอกแสงสีม่วง จึงรีบตั้งตัวถอยไปในทันที แต่หมอกแสงกลุ่มนี้ตามเข้ามาติดๆ ไม่อาจจะสลัดให้หลุดพ้นได้เลย
วู้ม! หมอกแสงมายาสีม่วงแทรกซึมเข้าไปในหัวของจอมเทพขั้นสองคนนี้
จอมเทพขั้นสองตกเข้าสู่หนึ่งพันภาพมายามารทันที
เขาในโลกแห่งความจริงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
ในขณะเดียวกัน หมอกแสงอีกหลายกลุ่มก็กระจายเข้าไปในสนามรบฝั่งแดนศักดิ์สิทธิ์ ต่างทำให้สมาชิกคนหนึ่งหรือกระทั่งอีกหลายคนตกเข้าสู่โลกหนึ่งพันภาพมายามาร
“คล้ายกับ ‘สู่ห้วงความฝัน’ ของข้าถึงเพียงนี้ บางทีข้าอาจทำลาย ‘หนึ่งพันภาพมายามาร’ นี่ได้ ”
จ้าวเฟิงเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อย ดวงตาซ้ายโคจร
เคลื่อนพลังดั้งเดิมมายาแผ่ออกมา ตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันเปล่งสีสันมายาสาดส่องไปทั่วทุกทิศ ทั้งยังสร้างแรงดูดประหลาด
ทุกที่ที่ครรลองสายตาของเขากวาดผ่าน ความคิดจิตใจของสรรพชีวิตต่างได้รับแรงฉุดดึงจากตาซ้าย
สำหรับพลังสู่ห้วงความฝัน ศัตรูที่ระดับพลังวิญญาณอยู่ขั้นเดียวกับจ้าวเฟิงแทบจะต้านทานไม่ได้ แต่ตอนนี้ขอบเขตการสำแดงสู่ห้วงความฝันของจ้าวเฟิงกว้างมาก ปกคลุมผู้คนอย่างน้อยหลายหมื่นถึงแสนกว่าคน แรงดูดจากสู่ห้วงความฝันก็กระจายไปทั่ว จอมเทพขั้นหนึ่งและขั้นสองทั่วไป หากไม่ได้จ้องซ้ายของจ้าวเฟิงก็จะเกิดแรงต้านอย่างมาก
จ้าวเฟิงทำเช่นนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อสังหารผู้แข็งแกร่งระดับต่ำ แต่เพื่อช่วยจอมเทพฝั่งตนเองที่ตกเข้าสู่หนึ่งพันภาพมายามาร
ในเมื่อการมาเยือนของเผ่าเทพมายาทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตค่อยๆ พ่ายแพ้ หากจอมเทพเหล่านี้สูญเสียกำลังรบไปก็จะกระทบต่อแดนศักดิ์สิทธิ์ชีวิตมาก
“สู่ห้วงความฝัน!”
ตาซ้ายของจ้าวเฟิงเพ่งไปยังจอมเทพที่ตกสู่หนึ่งพันภาพมายามารเป็นอันดับแรก
คนพวกนี้เดิมก็ตกอยู่ในหนึ่งพันภาพมายามาร ไม่มีแรงต้านทานอะไรอยู่แล้ว เพียงชั่วพริบตาก็ถูกจ้าวเฟิงดึงเข้าไปในห้วงความฝันที่เขาสร้างขึ้น
แน่นอน นอกจากคนเหล่านี้แล้วยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ไร้แรงต้านทาน ถูกจ้าวเฟิงดึงเข้าสู่ห่วงแห่งฝันด้วยเช่นกัน
ในห้วงแห่งความฝันมีคนประมาณหลายร้อยคน
จ้าวเฟิงสังหารสมาชิกฝั่งศัตรูทั้งหมดทันที และไล่สมาชิกฝั่งตนออกไปจากที่นี่
สุดท้ายเหลือเพียงสมาชิกสี่คนที่ตกอยู่ในหนึ่งพันภาพมายามาร
คนพวกนี้ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม กายสั่นสะท้านเล็กน้อย ใบหน้าฉายแววหวาดกลัว ลนลาน บ้างก็เจ็บปวด
“ฮ่าๆ ที่นี่ ทุกสิ่งมีข้าเป็นผู้ตัดสิน!”
จ้าวเฟิงหัวเราะ
คนเหล่านี้ถึงแม้จะอยู่ในหนึ่งพันภาพมายามาร แต่ในขณะเดียวกันก็อยู่ในห้วงความฝันของจ้าวเฟิงด้วยเช่นกัน เท่ากับอยู่ในฝันซ้อนฝัน
“จงตื่นขึ้น!”
จ้าวเฟิงคำรามเสียงต่ำ
ครั้นแล้วทุกอย่างนี้ก็เป็นจริงขึ้นมา
ทั้งสี่คนที่อยู่ในห้วงความฝันของจ้าวเฟิงตื่นขึ้นจากฝันร้าย
“เกิดอะไรขึ้น?”
คนทั้งสี่สีหน้าตื่นตระหนกงงงัน ฝันร้ายแต่ละอย่างที่เพิ่งประสบเมื่อครู่ราวกับเป็นเรื่องจริง
จ้าวเฟิงก็ขี้เกียจจะอธิบาย เขาขับคนเหล่านี้ออกไปจากมิติความฝัน
โลกภายนอก
สมาชิกฝั่งศัตรูหลายร้อยคนจู่ๆ ก็ระเบิดตัวเองตาย
ส่วนจอมเทพแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตกอยู่ในหนึ่งพันภาพมายามารเมื่อครู่ก็พลันตื่น
ภาพนี้ดึงความสนใจจากหลายๆ คน ผู้นำระดับสูงต่างชำเลืองมอง
“นี่มัน…พลังศาสตร์ลวง คิดไม่ถึงว่าพลังศาสตร์ลวงตาของจ้าวเฟิงจะสามารถต้านทานราชันอสูรฝันมายาได้!” ราชาเทพหวาเฟิงประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึง
หัวทั้งเก้าของราชันอสูรฝันมายาที่อยู่ไกลลิบก็จ้องมายังจ้าวเฟิงเช่นกัน มันเผยแววสงสัยและความเป็นศัตรูออกมา