บทที่ 1565 เนตรบรรพชนเทียม
เมื่อสัมผัสได้ถึงกฎเกณฑ์มิติที่สมบูรณ์แบบและเป็นรูปธรรมอย่างยิ่ง จ้าวเฟิงก็รู้ได้เลยว่าเขาทำสำเร็จแล้ว
‘ไม่อยากจะเชื่อเลย!’ จ้าวเฟิงแอบตกใจ
เขาเพียงคิดว่าพลังเนตรเทพเจ้าของตนเองไม่ชำนาญการโจมตี จึงทดลองด้วยความสงสัย ไม่นึกว่าอาวุธบรรพชนเทียมที่ขาดชิ้นส่วนสุดท้ายไปจะกลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง
ด้วยระดับขั้นของจ้าวเฟิงในตอนนี้ อาจจะคัดลอกเศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนชิ้นหนึ่งได้สำเร็จ แต่เศษเสี้ยวอาวุธบรรพชนทุกชิ้นแตกต่างกันไป ชิ้นที่หายไปหน้าตาเป็นอย่างไร จ้าวเฟิงก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่พลังของแปรฝันให้เป็นจริงกลับทำสำเร็จ
เนื่องด้วยเนตรเทพเจ้าของจ้าวเฟิงกำลังอยู่ในสภาวะเปลี่ยนแปลง จึงทำให้เขารู้สึกว่าไม่ได้เปลืองพลังมากนัก
‘พลังของข้าในตอนนี้ไปถึงระดับขั้นไหนแล้ว?’ จ้าวเฟิงแอบใคร่รู้อยู่ในใจ
ตอนนี้เขาก็ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าตนเองใช้พลังเนตรเทพมายาได้ทั้งหมดหรือไม่ หากใช้ได้แล้วละก็ มีเนตรเทพมายาบวกกับอาวุธบรรพชนมิติ เขาก็นับได้ว่าเป็นนายเหนือหัวผู้หนึ่ง แต่จ้าวเฟิงมักรู้สึกว่าในเนตรเทพมายายังมีพลังที่เขาไม่สามารถนำออกมาใช้ได้
“ไม่รีบร้อนแล้วกัน ข้าได้ครอบครองอาวุธบรรพชนที่สมบูรณ์แล้ว ข้าบรรลุกฎเกณฑ์มิติ บรรลุเป็นราชาเทพเสียก่อน!”
จ้าวเฟิงไม่ได้รีบร้อนอะไร
ตั้งแต่ทะยานฟ้าเปลี่ยนจากอาวุธบรรพชนเทียมเป็นอาวุธบรรพชน ไม่มีใครสังเกตเห็น ความสนใจของทุกคนจดจ้องอยู่กับการต่อสู้ของเนตรเทพวิถีฟ้าทั้งสอง
จ้าวเฟิงหลับตาลงเล็กน้อย ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเหมือนที่ผ่านมา
แต่อันที่จริง เขาโคจรเนตรเทพมายา สร้างห้วงฝันขึ้นแห่งหนึ่ง จิตสำนึกของเขาดำดิ่งเข้าไปฝึกฝนในห้วงความฝัน
เมื่อได้ครอบครองอาวุธบรรพชนมิติที่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง จ้าวเฟิงมีความหวังสูงมากที่จะฝึกฝนจนกฎเกณฑ์มิติของตนไปถึงขั้นบริบูรณ์ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ราชาเทพที่ครอบครองเนตรเทพเจ้าก็เป็นนายเหนือหัว
ทันทีที่จ้าวเฟิงขึ้นเป็นราชาเทพ ก็จะกลายเป็นนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้า!
บนท้องฟ้าไร้ขอบเขต
เจ้าสวรรค์และเนตรเทพเจ้าทั้งห้ายังคงลองเชิงกันอยู่
เนตรเทพวิถีฟ้าที่หว่างคิ้วเจ้าสวรรค์จับจ้องต้นกำเนิดดวงตาวิถีฟ้าเหนือศีรษะนายเหนือหัวทั้งห้า
พลังวิถีฟ้าในเนตรเทพเจ้าทั้งสองเข้าประหัตประหาร กลืนกินพลังของกันและกันอย่างรุนแรง
ถึงแม้จะไม่มีพลังมหาศาลอะไร แต่ครรลองสายตาของเนตรเทพวิถีฟ้าทั้งสองเป็นสิ่งต้องห้าม นอกจากพลังวิถีฟ้าแล้ว พลังใดๆ ก็ไม่อาจอยู่ภายในนั้นได้ เกรงว่าผู้แข็งแกร่งขั้นราชาเทพอยู่ที่นี่ก็จะสูญสลายกลายเป็นผุยผงทันที
พลังเนตรเทพวิถีฟ้าทั้งสองแข็งแกร่งกว่านายเหนือหัวมากเกินไป และก็เพราะเหตุนี้ นายเหนือหัวอาทิตย์ นายเหนือหัวเทียนเจี้ยน และซือคงเต้าจึงไม่ยื่นมือเข้ายุ่งศึกระหว่างต้นกำเนิดดวงตาวิถีฟ้าทั้งสอง
อีกสาเหตุก็คือดูผิวเผินแล้วฟากนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“เจ้าสารเลว ก่อนนี้เอาแต่ดูดกลืนพลังวิถีฟ้าของพวกข้า หดหัวไม่ยอมลงมือ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ต้องพ่ายแพ้ไปแล้ว!”
เนตรเทพทัณฑ์สวรรค์โกรธเกรี้ยวพอควร
แน่นอน พวกเขาสร้างเนตรเทพวิถีฟ้าเป็นครั้งแรก จึงยังไม่คุ้นเคยกับมันมากนัก ยากจะควบคุมพลังของมัน ถึงทำให้เจ้าสวรรค์อาศัยโอกาสนี้กลืนกินพลังวิถีฟ้าไปบางส่วน ไม่เช่นนั้นตั้งแต่แรกที่พวกเขาใช้วิธีนี้ เจ้าสวรรค์ก็จบเห่ไปแล้ว
“พวกเรามีกันถึงห้าคน จะยังกลัวมันอยู่หรือ?” นายเหนือหัวเนตรมรณะแค่นเสียงเย็น
ในบรรดาเนตรเทพเจ้าทั้งแปด พวกเขาเกลียดชังเจ้าสวรรค์ที่สุด เนตรสังสารวัฏและเนตรดับสูญล้วนตายด้วยน้ำมือเจ้าสวรรค์
ตอนนี้ เนตรเทพวิถีฟ้าที่พวกเขาห้าคนรวมขึ้นมาต้องเอาชนะเจ้าสวรรค์ได้แน่
“เกรงว่าจะไม่ง่ายดายแบบนั้น!” สีหน้านายเหนือหัวเนตรชีวิตฉายแววกังวล
เจ้าสวรรค์ในตอนนี้สามารถประมือกับพวกเขาห้าคน ก็พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนที่สุดแล้ว
เจ้าสวรรค์จะต้องมีความลับอะไรที่พวกเขาไม่รู้แน่
ในเวลานี้เอง นายเหนือหัวเนตรชีวิตพลันพบว่ากลิ่นอายบนร่างเจ้าสวรรค์เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
“ลืมบอกพวกเจ้าไป ร่างเดิมของต้นกำเนิดดวงตาวิถีฟ้าเป็นถึงกายเทพมารบรรพกาล มีสมญานามว่า ‘เทพบรรพชนบุพกาล’ ดังนั้นสายเลือดเผ่าบรรพกาลและเนตรเทพวิถีฟ้าจะต้องเกี่ยวข้องกันแน่!”
จู่ๆ เจ้าสวรรค์ก็เผยรอยยิ้มประหลาด
“แบบนี้หรือ?”
สำหรับเรื่องนี้ พวกนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าตกตะลึงกันไปเล็กน้อย
ในสายตาพวกเขา ผู้ครอบครองต้นกำเนิดดวงตาวิถีฟ้าเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานแล้ว จะครอบครองกายเทพมารบรรพกาลก็ถือว่าปกติ
ทว่าประโยคนี้ของเจ้าสวรรค์คลี่คลายความสงสัยในใจทุกคน นั่นก็คือกายเทพมารบรรพกาลของเจ้าสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นแล้วจริงๆ อาศัยเพียงแค่กายเทพมารก็เอาชนะเนตรเทพเจ้าประเภทหนึ่งได้
แต่ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเจ้าสวรรค์แค่โอ้อวดศักดาตามอำเภอใจ
เนตรเทพวิถีฟ้าที่หว่างคิ้วของเจ้าสวรรค์ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
นัยน์ตาต่างสีสันทั้งแปดค่อยๆ มารวมตัวกันที่จุดศูนย์กลาง ทั้งเนตรเทพวิถีฟ้าสาดซัดเจตจำนงที่บริสุทธิ์อย่างยิ่งและอยู่เหนือสรรพสิ่งออกมา
เงาเนตรเทพเจ้าด้านหลังเจ้าสวรรค์ก็เปลี่ยนแปลงตามนั้นไปด้วย เงาเนตรเทพเจ้าทั้งแปดค่อยๆ อ่อนแสง ส่วนเนตรเทพเจ้าที่พร่าเลือนตรงกลางค่อยๆ เป็นรูปร่างขึ้นส่วนหนึ่ง
สิ่งนั้นคือเนตรเทพเจ้าสีเทาขาวที่เลือนรางดวงหนึ่ง ภายในมีลวดลายเส้นถี่เล็กจำนวนมากอยู่รางๆ กำลังเปลี่ยนแปลงบิดเบี้ยวตามหลักเกณฑ์บางอย่าง
เมื่อจ้องไปแล้ว คนทั้งหมดก็เหมือนกำลังเงยหน้าจ้องดวงตาดวงนั้นที่เย็นชาไร้ความรู้สึก กระชากวิญญาณได และทำให้รู้สึกเล็กจ้อยเกินจะเปรียบ ไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน
“ฮ่าๆ…” เจ้าสวรรค์หัวเราะเสียงดัง ระเบิดพลังวิถีฟ้าที่แกร่งยิ่งกว่าออกมาจากหว่างคิ้ว สะเทือนไปทั่วผืนฟ้า
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” สีหน้านายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ตื่นตะลึง ทุ่มพลังทั้งหมดควบคุมเนตรเทพวิถีฟ้าเหนือศีรษะเอาไว้
“ทำไมจู่ๆ พลังเนตรเทพเจ้าของมันถึงได้แข็งแกร่งขึ้นล่ะ?”
“พวกเราค่อยๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว!”
ใจนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าคนอื่นสั่นสะท้าน
พลังวิถีฟ้าบนร่างเจ้าสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นทุกที พลังกลืนกินนั้นค่อยๆ เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ จนกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ภายในเรือรบสีเงินสว่าง หลิ่วฉินซินและอวี่เทียนอูพลันหน้าเปลี่ยนสี อาการลนลานเล็กน้อย
“เนตรเทพวิถีฟ้าที่นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทั้งห้าสร้างขึ้น ไม่เพียงช่วยเพิ่มพลังเนตรเทพวิถีฟ้าของเจ้าสวรรค์ แต่ยังกระตุ้นให้หลอมรวมและสมบูรณ์มากขึ้น…”
หลิ่วฉินซินเบิกตากว้าง
ระหว่างเนตรเทพเจ้าต่างมีส่วนช่วยส่งเสริมกันและกัน เนตรเทพวิถีฟ้าก็เป็นเช่นนั้น
ถึงแม้เนตรเทพวิถีฟ้าของนายเหนือหัวทั้งห้าจะทรงอานุภาพกว่า แต่เนตรเทพวิถีฟ้าของเจ้าสวรรค์แปรสภาพลึกล้ำกว่า สมบูรณ์มากกว่า จึงผสานและสมบูรณ์มากขึ้นอีกขั้นภายใต้การกระตุ้น
“เนตรเทพเจ้าประเภทนี้หลุดพ้นจากขอบเขตของเนตรเทพเจ้าแล้ว เรียกว่าเป็น ‘เนตรบรรพชนเทียม’ ก็ไม่เกินเลยนัก!” ใบหน้าอวี่เทียนอูสงบราบเรียบ แต่ในใจตกประหม่าไปแล้ว
ไม่เพียงแต่เขาที่ลนลาน
บรรดาผู้แข็งแกร่งที่ชมการต่อสู้รอบบริเวณ พวกราชาเทพหวาเฟิง ราชาเทพเทียนหลง ราชาเทพจื้อเหยียน ต่างก็ตะลีตะลานเช่นกัน นอกจากนี้ การต่อสู้ที่นี่ก็ดึงดูดผู้แข็งแกร่งชั้นยอดแทบทั้งดินแดนเทพรกร้างมา ศึกครั้งนี้จะตัดสินชะตาของทั้งดินแดนเทพรกร้าง!
“จะแพ้ไม่ได้!” นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ตะโกนเสียงดัง
ในฐานะที่เป็นเนตรเทพเจ้า จะพ่ายแพ้ต่อคนที่ช่วงชิงเนตรเทพเจ้า แล้วหลอมรวมจนเป็นเนตรเทพวิถีฟ้าได้อย่างไร
ยามนี้หากใช้ชื่อเนตรเทพวิถีฟ้าเรียกเนตรเทพเจ้าของเจ้าสวรรค์ก็ไม่เหมาะสมแล้ว
ดวงตาที่หว่างคิ้วของเจ้าสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป เนตรเทพเจ้าไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลย เรียกว่า ‘เนตรบรรพชนเทียม’ จะใกล้เคียงมากกว่า
“พวกเรามีกันถึงห้าคน จะพ่ายแพ้ได้อย่างไร!”
นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าคนอื่นๆ โกรธเกรี้ยวกันมาก กระตุ้นเนตรเทพเจ้าสุดกำลัง และรวบรวมความสนใจไว้ที่จุดเดียว
“ฮ่าๆ ยอมแพ้เสียเถอะ!” เจ้าสวรรค์ยากจะปกปิดความยินดีในใจ การเปลี่ยนแปลงอีกขั้นของเนตรเทพวิถีฟ้าช่วยเหลือให้เขาพลิกสถานการณ์ที่เสียเปรียบกลับมาอีกครั้ง
วู้ม ตูม! ระหว่างคิ้วเจ้าสวรรค์แผ่ระลอกแสงลี้ลับพร่าเลือนออกมา
ทุกแห่งที่มันผ่านไป พลังอื่นๆ ทุกอย่างสูญสลายเลือนหาย
ตอนที่มันกระจายผ่านดวงตาเหนือศีรษะห้านายเหนือหัว ก็เกิดการปะทะครั้งใหญ่ นายเหนือหัวทั้งห้ารู้สึกได้ว่าเกิดเสียงดังกึกก้องในศีรษะ เหมือนถูกค้อนทุบลงไปแต่นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทั้งห้าก็ไม่ได้รับมือง่ายดาย พลังของเจ้าสวรรค์ไม่ได้แข็งแกร่งจนเอาชนะพวกเขาได้ทันที
และในเวลานี้ เสียงของหลิ่วฉินซินก็ดังขึ้นในหัวของคนทั้งห้า
“พวกเราคือเนตรเทพเจ้า ความเร็วในการควบคุมพลังเนตรเทพวิถีฟ้ามากกว่าเจ้าสวรรค์ ในเมื่อเนตรเทพเจ้าของเจ้าสวรรค์แปรสภาพไปได้อีกขั้น พวกเราก็ย่อมทำได้เช่นกัน!”
ประโยคนี้ทำให้อารมณ์ของนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทั้งห้าเปลี่ยนไปทันที ความแน่วแน่ฉายชัดในแววตา
ในเวลาเดียวกัน พลังทำนายดั้งเดิมของหลิ่วฉินซินก็ลอยออกจากเรือรบสีเงินขาวด้านหลัง
ก่อนนี้เนตรเทพทำนายของหลิ่วฉินซินยังไม่ตื่นขึ้นทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าร่วมสำแดงเนตรเทพรวมเป็นหนึ่ง แต่จากการกระตุ้นอย่างต่อเนื่องของเนตรเทพวิถีฟ้าทั้งสอง นางจึงสามารถใช้พลังเนตรเทพทำนายได้สมบูรณ์แล้ว
วู้ม~ พลังทำนายดั้งเดิมสีเทาขาวเบาบางลอยอยู่เหนือศีรษะนายเหนือหัวทั้งห้า ด้านข้างเนตรเทพวิถีฟ้า
อย่างไรเสียก็ไม่ได้หลอมรวมเข้าไปตรงๆ หลิ่วฉินซินจึงไม่กล้าให้พลังทำนายดั้งเดิมของตนเองผสานเข้าไปโดยง่าย เช่นนั้นไม่แน่ว่าอาจเกิดผลตรงข้ามก็เป็นได้ แต่ว่านายเหนือหัวทั้งห้าใช้เนตรเทพวิถีฟ้ากลืนกินและผสานพลังทำนายดั้งเดิมด้วยตนเองได้!
นายเหนือหัวทั้งห้าเข้าใจความหมายหลิ่วฉินซิน พวกเขาต่างทุ่มสุดพลัง ทดลองกลืนกินพลังทำนายดั้งเดิมกลุ่มนั้น
“ฝันไปเถอะ!” ใบหน้าเจ้าสวรรค์เย็นชา
ถึงแม้ว่าเขาไม่คิดว่าศัตรูกลายเป็นเนตรเทพเจ้าทั้งหกแล้ว ตนเองจะพ่ายแพ้ แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่แน่นอน เขาย่อมไม่ปล่อยปัจจัยใดๆ ที่อาจส่งผลให้ตัวเองพ่ายแพ้ไป
เปรี๊ยะ! ในเนตรบรรพชนเทียม แสงเทพสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกมา ไม่แยแสระยะห่างในอากาศ ไปปรากฏที่อีกด้านหนึ่งทันที
“ไสหัวไป!” นายเหนือหัวเนตรทัณฑ์สวรรค์ตะโกนกร้าว
เนตรเทพวิถีฟ้าของพวกเขาแผ่พลังนายเหนือหัวที่ทำลายกฎเกณฑ์และลำดับขั้นทั้งหมด ตรงไปปะทะกับแสงเทพสีเทาอ่อนเข้าอย่างจัง
นายเหนือหัวอาทิตย์ นายเหนือหัวเทียนเจี้ยน และซือคงเต้าก็ลงมือทันที ปลดปล่อยกระบวนท่าสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อขัดขวางเจ้าสวรรค์ไว้
แสงเพลิง เงากระบี่ และแสงหมัดกระหน่ำออกมา
โครม ตูม~ เสียงระเบิดรุนแรงดังขึ้นในอากาศ
ถึงแม้เนตรบรรพชนเทียมจะแข็งแกร่ง แต่เนตรเทพวิถีฟ้าฟากนี้ก็เกิดจากการรวมตัวกันของนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทั้งห้าเช่นกัน พลังค่อนข้างแก่กล้า พอจะรับมือได้บ้าง
ในเวลาเดียวกัน ลูกตาที่เลือนรางของเนตรเทพวิถีฟ้าดวงนั้นจ้องไปที่พลังทำนายดั้งเดิมและดูดซึมเข้าไป
ฉับพลันนั้น เนตรเทพวิถีฟ้าขนาดยักษ์ก็ส่งเสียงอื้ออึง หมอกแสงภายในบิดเบี้ยว แล้วสาดซัดแสงเทพประหลาดออกมาหลายสาย
“กำลังแข็งแกร่งขึ้น!” แววตาเจ้าสวรรค์หนักอึ้ง
รับมือนายเหนือหัวเนตรเทพเจ้ามากขนาดนี้พร้อมกันไม่ง่ายเลยจริงๆ ฝ่ายตรงข้ามคิดจะเอาชนะเขาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามก็ยากเย็นเช่นกัน
วู้ม! ดวงเนตรพร่าเลือนภายในหมอกแสงขมุกขมัวสั่งการชัดเจนขึ้นทุกที ด้านในลูกตาสีเทาอ่อนปรากฏลวดลายเส้นเล็กลี้ลับขึ้นมากมาย ให้ความรู้สึกหนาวเหน็บไร้ความรู้สึก เหมือนพลังใดๆ ก็ไม่สามารถเอาชนะมันได้ ได้แต่ศิโรราบให้เท่านั้น
นายเหนือหัวเนตรเทพเจ้าทั้งห้าก็สัมผัสได้ถึงความต่างของพลังที่แข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับ
ตอนนี้ พวกนายเหนือหัวอาทิตย์ทั้งสามที่อยู่อีกฟากก็ทำได้เพียงถอยร่นไป เงยหน้ามองสนามรบนี้
ไกลออกไป ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะฝึกฝนอยู่ในห้วงฝัน แต่ก็คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงในสนามรบด้วย
“น่ากลัวเหลือเกิน ไม่รู้ว่าหลังจากที่ข้าเป็นนายเหนือหัวแล้วจะเข้าร่วมสนามรบนี้ได้หรือไม่!”
จ้าวเฟิงตื่นตกใจ มุมปากยกโค้งขึ้น
หลังจากเนตรเทพมายาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ความสามารถในการตระหนักรู้ของเขาก็ดีเยี่ยมขึ้น เรื่องใดๆ ก็เหมือนจะราบรื่นมาก กฎเกณฑ์มิติเข้าใกล้ระดับบริบูรณ์ยิ่งนัก