บทที่ 282:ลับสุดยอดของการแย่งชิงสมบัติ
“นายท่านปี้ เราควรทำอย่างไรดี? อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเราจะรอให้พวกโจรสลัดโลหิตคลั่งพวกนั้นมาแย่งชิงเอาสมบัติสายธารจันทราไป?”
“เหิงฉุ่ยวานคืออาณาเขตของเรา เราจะให้สมบัติของเราตกไปอยู่ในเงื้อมมือโจรสลัดพวกนั้นได้อย่างไร!”
“ทว่านายท่านปี้บาดเจ็บหนักเช่นนี้…”
เหล่าคนระดับสูงของป้อมเหิงฉุ่ยพูดคุยปรึกษากัน
คนส่วนมากรู้สึกกระวนกระวายและโลภโมโทสัน ไม่ต้องการให้ “สมบัติสายธารจันทรา” ถูกพวกโจรสลัดแย่งชิงไป
จะอย่างไรสมบัติเหล่านี้ก็อยู่ในพื้นที่ของพวกตน จะปล่อยให้พวกโจรร้ายมานำไปได้โดยง่ายได้อย่างไร
“สมบัติสายธารจันทรา? ในนั้นมีสิ่งใดน่าพิศวงหรือเป็นตำนานหรือ?”
จ้าวเฟิงรู้สึกสงสัยขึ้นบ้างอย่างช่วยไม่ได้
คนในพื้นที่เหล่านี้ต่างก็เคยได้ยินเกี่ยวกับสมบัติสายธารจันทรามาบ้าง
มีเพียงจ้าวเฟิง คนนอกผู้นี้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ทว่าเมื่อดูจากสถานการณ์ที่นายท่านปี้เสี่ยงชีวิตจนได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว สมบัติสายธารจันทรานี่ย่อมน่าสนใจสำหรับเหล่าผู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเป็นแน่
สายตาของนายท่านปี้ส่องประกายระริก เอ่ยพูดเสียงขรึม “ผู้นำกองโจรสลัดโลหิตคลั่ง ฉานเซว่ตูอิงนั่นได้วางกับดักเอาไว้ก่อนหน้า ล่อลวงให้ข้าออกไปค้นหาจนถูกพวกมันซุ่มโจมตี ทว่ามันเองก็ถูกข้าตอบโต้ อยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน”
เมื่อผู้คนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกกราดเกรี้ยวต้องการทวงความเป็นธรรม ฆ่าล้างเหล่าโจรและนำสมบัติกลับคืน
แม้ว่านายท่านปี้จะถูก “ฉานเซว่ตูอิง” ทำร้ายจนเสียขาไปข้างหนึ่ง ทว่าอีกฝ่ายเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
หากพูดโดยทั่วไปแล้ว นายท่านปี้สูญเสียมากกว่า แต่ยังดีที่ป้อมเหิงฉุ่ยนั้นมียอดฝีมืออยู่จำนวนมาก
ทันใดนั้น
นายท่านปี้นั่งลงขัดสมาธิรักษาบาดแผล ผู้นำตระกูลปี้ได้เริ่มเรียกเหล่ายอดฝีมือในป้อมมารวมตัวกัน
หลังจากที่ปรึกษาหารือกันแล้ว กองทัพได้ตัดสินใจส่งยอดฝีมือจำนวนหนึ่งออกไปค้นหาสมบัติ แน่นอนว่าในป้อมเองก็ยังต้องเหลือคนเอาไว้บ้าง
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วน้ำชาเดือด
ป้อมเหิงฉุ่ยได้รวบรวมยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมาได้ มีขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งหมด 4 คน ยอดฝีมือในนภาที่เจ็ด 17 คน และผู้ที่อยู่ในนภาที่หกและเจ็ดทั่วไปอีกหลายสิบคน
ชัดเจนว่าป้อมเหิงฉุ่ยวานเองก็เตรียมที่จะแย่งชิงแล้วเช่นกัน
ในด้านหนึ่งเป็นเพราะต้องการป้องกันป้อมเอาไว้ อีกทางหนึ่งคือความเห็นแก่ตัวของผู้คน
ยิ่งคนที่ไปมีมากเท่าใด เมื่อถึงเวลาที่ต้องแบ่งสมบัติกัน ส่วนแบ่งก็ย่อมน้อยตามไป
“นายท่านปี้ แล้วไอ้เด็กไม่รู้ที่มานี่จะให้ทำอย่างไรขอรับ?”
คนระดับสูงของตระกูลปี้แสดงความไม่เป็นมิตร จ้องมองไปยังเด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
เด็กหนุ่มผมสีฟ้าที่ใส่ผ้าปิดตานั่นสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก ดูไม่เป็นมิตรนัก
“นายท่านปี้ ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ ข้าแนะนำว่าแม้จะฆ่าผิดไปสักพันคนก็อย่าได้ปล่อยให้มัจฉาหลุดรอดไปจากแหเลย”
ยอดฝีมือในนภาที่เจ็ดคนหนึ่งดวงตาส่องประกายเย็นเยียบวูบ
คำแนะนำนี้ได้รับการยอมรับจากคนบางส่วนในทันที
บางคนนั้นกระทั่งนึกว่าจ้าวเฟิงนั้นเป็นสายลับของโจรสลัด
จ้าวเฟิงนิ่งอึ้ง นำมือไปสัมผัสคางของตนอย่างช่วยไม่ได้
เมี้ยว เมี้ยว
แมวขโมยตัวน้อยกระโจนขึ้นไปบนบ่าของจ้าวเฟิง สีหน้าปรากฏความเหยียดหยาม แสดงท่าทีคุกคาม
แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับยอดฝีมือแห่งป้อมเหิงฉุ่ยจำนวนมาก ทว่าหนึ่งคนหนึ่งแมวนี้กลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด
“หึ! เขาคือคนที่ข้าช่วยขึ้นมาบนฝั่งด้วยตนเอง ทั้งแมวที่น่ารักนี่ยังฉลาดนัก พวกเขาจะเป็นโจรสลัดได้อย่างไรกัน?”
มีเพียงปี้เฉี่ยวยู่เท่านั้นที่ยังคงอยู่ฝั่งเดียวกับจ้าวเฟิง
สายตาของนายท่านปี้กวาดมองไปที่หนึ่งคนหนึ่งแมว สีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
คราที่จ้าวเฟิงถูกช่วยขึ้นมาจากน้ำนั้น นายท่านปี้ได้ตรวจสอบด้วยตนเอง จึงไม่ยากที่จะพบว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีพลังสายเลือด
ในอาณาจักรนภานั้น ผู้ที่มีมรดกสายเลือดล้วนเป็นผู้ที่มีฐานะตระกูลสูงส่ง คนเช่นนี้ไปที่ใดจะไม่ได้รับการยอมรับได้อย่างไร? อายุน้อยเช่นนี้จำต้องมาเป็นโจรสลัดด้วยหรือ?
นอกจากนั้น ภายใต้สายตาไม่เป็นมิตรของผู้คน หนึ่งคนหนึ่งแมวคนกลับมีท่าทีสงบนิ่ง ทำให้นายท่านปี้ต้องชะงักไปเล็กๆ
โดยเฉพาะจ้าวเฟิง เขานั้นแทบจะมองเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ออกเลย
เขามั่นใจมากกว่าแปดในสิบส่วนว่าเด็กหนุ่มผู้นี้กับพวกโจรสลัดไม่มีความสัมพันธ์อันใดต่อกัน
ทว่ามันก็ไม่ใช่ทั้งหมด หากยังปล่อยให้เด็กหนุ่มลึกลับผู้นี้รั้งอยู่ในป้อมเหิงฉุ่ยเช่นนี้ก็อาจกลายเป็นปัจจัยที่ยากจะควบคุมเช่นกัน
“น้องชาย เอาเช่นนี้แล้วกัน เจ้าสนใจที่จะตามไปกับพวกเราเพื่อแย่งชิงสมบัติมาหรือไม่?”
นายท่านปี้แสดงสีหน้ายิ้มแย้ม ยื่นข้อเสนอให้เด็กหนุ่ม
จ้าวเฟิงชะงักไปอย่างช่วยไม่ได้ นายท่านปี้ผู้นี้นับว่าฉลาดนัก
ในเมื่อไม่ไว้ใจที่จะปล่อยจ้าวเฟิงไป เช่นนั้นสู้ให้คนผู้นี้ร่วมไปแย่งชิงสมบัติย่อมดีกว่า
หากจ้าวเฟิงคิดไม่ซื่อจริงๆ พวกเขายังสามารถให้กองทัพทหารสังหารได้โดยง่าย
แต่หากอีกฝ่ายเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ พลังฝึกตนและพลังสายเลือดของเขาย่อมกลายเป็นแรงสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่
“ได้”
จ้าวเฟิงผงกศีรษะตอบรับ
ตัวเขานั้น ‘สมบัติสายธารจันทรา’ ที่ผู้คนเอ่ยพูดถึงยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัย จึงได้เอ่ยถามขึ้น
“เจ้าเด็กนี่ ไม่รู้จริงๆ หรือว่าสมบัติสายธารจันทราคือสิ่งใด?”
เหล่ายอดฝีมือแนวหน้าของป้อมเหิงฉุ่ยต่างก็ตื่นตะลึง
ถ้าหากจ้าวเฟิงไม่รู้ว่าสมบัติสายธารจันทราคือสิ่งใดจริงๆ ก็ย่อมแสดงว่าเขาไม่ใช่คนในพื้นที่นี้ ทั้งยังไม่มีความเกี่ยวพันกับกลุ่มโจรสลัดด้วย
“ความเป็นมาของสมบัติสายธารจันทรานั้นกับเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน จอมโจรเด็ดบุปผาเลื่องชื่อนาม ‘จอมโจรฉุ่ยเยว่’ นับว่ามีความข้องเกี่ยวกันอย่างมาก…”
ผู้นำตระกูลปี้เอ่ยอธิบาย
หนึ่งร้อยปีก่อน ในอาณาจักรนภาได้ถือกำเนิดจอมโจรเด็ดบุปผาที่เลื่องชื่อขึ้นหนึ่งคน
จอมโจรฉุ่ยเยว่นั้นได้เดินทางไปทั่วทั้งอาณาจักร กระทำเรื่องชั่วร้ายนับครั้งไม่ถ้วน ขโมยสมบัติล้ำค่ามากมาย ทั้งยังยังล่วงเกินหญิงสาวไปไม่น้อย
แม้ว่าพลังฝึกตนของ “จอมโจรฉุ่ยเยว่” จะไม่ได้อยู่ที่จุดสูงสุด ทว่าเขามีวิชาเคลื่อนไหวที่ไร้ที่ติ ไร้ซึ่งเงา ไม่มีแม้ร่องรอย ครั้งหนึ่งได้มีผู้ที่อยู่ในขั้นนายเหนือแท้หลายคนตามไล่ล่า ทว่าเขาก็ยังสามารถหลบหนีไปได้สำเร็จ
เมื่อจ้าวเฟิงฟังไปได้ครึ่งหนึ่งก็พอจะเข้าใจเรื่องราวบ้างแล้ว
จอมโจรฉุ่ยเยว่นี้มีวิชาเคลื่อนไหวที่ไร้ที่ติ ไม่เพียงแต่ล่วงเกินสาวงามมากมาย ทว่ายังแย่งชิงสมบัติล้ำค่าไปอีกจำนวนนับไม่ถ้วน
หลังจากคนสิ้นชีพได้นำสมบัติของตนเองไปกลบฝัง ปกปิดไว้ในสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง
นี่คือความเป็นมาของ “สมบัติสายธารจันทรา”
ทว่า
จ้าวเฟิงยังคงสงสัยอยู่บ้าง ในเมื่อ “จอมโจรฉุ่ยเยว่” มีวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยมจนกระทั่งอาจเรียกได้ว่าไร้ที่ติ แล้วเขาสิ้นชีพลงได้อย่างไร?
คำอธิบายต่อมาของผู้นำตระกูลปี้ทำให้คลายความสงสัยไปได้
“จอมโจรฉุ่ยเยว่นั้นได้ฝึกฝน ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ระดับของมันนั้นใกล้เคียงกับวิชาชั้นจิตวิญญาณระดับสูง เป็นวิชามารที่ร้ายกาจ เมื่อฝึกฝนวิชานี้จะสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณของสตรี ทำร้ายผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตน จอมโจรฉุ่ยเยว่ได้ฝึกฝนวิชานี้ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสิบปี ทว่าพลังฝึกตนกลับสูงถึงขั้นผู้วิเศษแท้ พัฒนารวดเร็วเกินทั่วไป ทว่าเมื่อฝึกวิชานี้จนถึงช่วงหลัง สตรีที่เป็นเป้าหมายก็ต้องมีพลังฝึกตนสูงขึ้นกว่าเดิม กระทั่งวันหนึ่ง เขาได้มุ่งเป้าไปที่ยอดสาวงามอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักร ‘ฉินหวางเฟย’!”
ฉินหวางเฟย!
ลมหายใจของจ้าวเฟิงกระตุกวูบ มิคาดว่าการตายของ “จอมโจรฉุ่ยเยว่” จะมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับคนที่เขาต้องการส่งจดหมายด้วย
“ฉินหวางเฟยนั้นเป็นที่เลื่องลือในฐานะของสตรีที่งดงามที่สุดในอาณาจักร มีพลังฝึกตนถึงขั้นจิตวิญญาณแท้ จึงได้กลายเป็นเป้าหมายของจอมโจรฉุ่ยเยว่ ความโอหังของจอมโจรฉุ่ยเยว่นั้นยากจะหาใครเทียบเคียง บุกรุกเข้าไปยังพื้นที่ต้องห้ามของราชวงศ์ กระทั่งบุกรุกเข้าไปในตำหนักของฉินหวางเฟย ทว่าครานี้ จอมโจรฉุ่ยเยว่ต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลว”
“ในที่สุด เขาได้เผาไหม้ปราณจิตวิญญาณของตนเอง หลบหนีไปยังดินแดนห่างไกล นำวิชาและสมบัติที่ได้มากลบฝังหลบซ่อนไว้”
เมื่อทุกคนได้ฟังถึงตรงนี้ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้
จอมโจรฉุ่ยเยว่อาละวาดไปทั่วทั้งอาณาจักร อาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยอิสรเสรีไม่มีสิ่งใดสามารถผูกมัด ทว่าสุดท้ายด้วยความโอหัง กล้าที่จะล่วงเกินสตรีของผู้นำอาณาจักรนภา
บัดนี้
จอมโจรฉุ่ยเยว่ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้ามากว่าร้อยปี สมบัติที่เขาหลงเหลือไว้ย่อมเพียงพอที่จะสร้างความตื่นตัวให้กับขั้นนายเหนือแท้
ทรัพย์สมบัติของเขารวมกันนั้น เมื่อเทียบกับเหล่าขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปอาจกล่าวได้ว่ามากกว่า
“หากแยกระหว่างเรื่องส่วนตัวและส่วนรวม เราไม่อาจให้ฉานเซว่ตูอิงครอบครองสมบัติของจอมโจรฉุ่ยเยว่ได้ โดยเฉพาะ ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ที่เป็นวิชามาร หากเรื่องนี้แพร่ออกไป อาจจะทำให้เกิดภัย สร้างปัญหาให้แก่ป้อมเหิงฉุ่ยของพวกเราอย่างมาก”
นายท่านปี้กัดฟันกรอด
เรื่องนี้ได้รับการยอมรับจากผู้คนในทันที
“ถูกต้อง พวกเราจะต้องขัดขวางโจรสลัดพวกนั้นไม่ให้แย่งชิงสมบัติไปได้”
“ป้อมเหิงฉุ่ยของเราต้องรวมแรงรวมใจกัน แย่งชิงสมบัติที่ถูกกลบฝัง ทำลาย ‘คำภีร์บุปผาลึกลับ’!”
ทุกคนต่างจิตใจฮึกเหิม สร้างกองกำลังยอดฝีมือแย่งชิงสมบัติอย่างรวดเร็ว
จ้าวเฟิงยืนอยู่ด้านหนึ่ง สีหน้าไร้ความรู้สึก สายตาเย็นชา ราวกับเป็นเพียงผู้ชม
คนเหล่านี้เอ่ยพูดจาอย่างโหยหาความยุติธรรม แต่มีผู้ใดบ้างเล่าที่ไร้ซึ่งความโลภโมโทสัน ต้องการจะครอบครองสมบัติสายธารจันทรา? หากผู้ใดได้ครอบครอง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ไว้ในมือ ผู้ใดเล่าที่จะยอมปล่อยมือไปง่ายๆ ?
ควรจะรู้ว่า วิชาชั้นจิตวิญญาณในทวีปแห่งนี้นั้นแทบจะหายสาบสูญไปแล้ว
กระทั่ง “มรดกอัสนี” ที่จ้าวเฟิงครอบครองอยู่นั้น มากที่สุดก็เทียบได้เพียงวิชาชั้นจิตวิญญาณระดับสูงเท่านั้น ไม่ต้องเอ่ยถึง ‘คัมภีร์บุปผาลึกลับ’ ที่ใช้หาทางมารในการเพิ่มพลังฝึกตนอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ เลย
ไม่นานนัก
กองกำลังยอดฝีมือแย่งชิงสมบัติแห่งป้อมเหิงฉุ่ยนำโดยนายท่านปี้ มุ่งหน้าตรงไปยังส่วนลึกของอ่าว
ยอดฝีมือเหล่านี้ได้รวมจ้าวเฟิงที่เป็น “ตัวเสริม” ด้วย
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่า ในกลุ่มนี้มีอย่างน้อยสี่คนที่กำลังจ้องมองทุกการกระทำของเขาอยู่
นอกจากจ้าวเฟิงแล้ว ปี้เฉี่ยวยู่เองก็อยู่ในคนกลุ่มนี้
ดรุณีอายุสิบสองสิบสามขวบปีผู้นี้มีพลังฝึกตนในนภาที่ห้า นับว่ามีพรสวรรค์ยิ่งนัก
ทว่าในสายตาของจ้าวเฟิง ด้วยพลังฝึกตนและประสบการณ์ของนางนั้น การเข้าร่วมแย่งชิงสมบัติในครานี้นับว่าเป็นเพียงตัวถ่วงเท่านั้น
ในเรื่องนี้ คนระดับสูงของป้อมเหิงฉุ่ยหลายคนเองก็รู้สึกสงสัย
ผู้นำตระกูลปี้เอง แต่เดิมก็คัดค้านอยู่บ้าง
ทว่าเรื่องนี้ได้ถูกตัดสินใจโดยนายท่านปี้ เขาได้เลือกปี้เฉี่ยวยู่มาแย่งชิงสมบัติด้วยด้วยตนเอง
“เฉี่ยวยู่ฉลาดหลักแหลม ทั้งยังมากความสามารถในด้านกลไก ก่อนหน้านางเคยได้เรียนอยู่กับอาจารย์ด้านกลไกท่านหนึ่ง เท่าที่ข้ารู้ เมื่อคราที่จอมโจรฉุ่ยเยว่ยังมีชีวิติอยู่ เขานับว่าเชี่ยวชาญในด้านกลไก สามารถคิดได้ว่า สถานที่ที่เขากลบฝังสมบัติเอาไว้ย่อมต้องมีกลไกอยู่มาก”
นายท่านปี้อธิบายออกมา
ในคนกลุ่มนี้ เขาเป็นคนเดียวที่มีพลังในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ทั้งยังมีตำแหน่งสูงสุดยากที่จะสั่นคลอนในป้อมเหิงฉุ่ย
เมื่อนายท่านปี้ตัดสินใจแล้ว ทุกคนก็ย่อมไม่คัดค้าน
ปี้เฉี่ยวยู่นั้นไร้เดียงสานัก เมื่อได้ยินว่าจะไปแย่งชิงสมบัติจากโจรสลัดก็คิดว่าน่าสนุก ตอบตกลงอย่างยินดี
ในระหว่างที่เดินทาง นางและแมวขโมยตัวน้อยได้เล่นกันอย่างสนุกสนาน ทำให้บรรยากาศที่น่าเบื่อมีสีสันขึ้นมา
“ปี้เฉี่ยวยู่ได้เรียนรู้วิชากลไกกับอาจารย์มาตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งเรื่องสมบัติสายธารจันทราก็เกิดขึ้นในช่วงนี้ มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือ?”
ในใจของจ้าวเฟิงปรากฏความสงสัย ทว่าไม่ได้ถามสิ่งใดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สร้างความเคลือบแคลงต่อนายท่านปี้
กองกำลังยอดฝีมือออกเดินทางอย่างมุ่งมั่น ประสบการณ์เลวร้ายต่อโจรสลัดที่ผ่านมานั้นย่อมทำให้พวกเขาต้องการกวาดล้างพวกมันให้สิ้นซาก
จะอย่างไร คนทั้งหมดในกองกำลังนี้พลังฝึกตนส่วนมากอยู่ในนภาที่หก ทั้งยังมีขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงคอยออกคำสั่ง
ในระหว่างเดินทางนั้น ห่างออกไปเบื้องหน้าราวๆ หนึ่งร้อยลี้ได้ปรากฏแม่น้ำสีเขียวมรกตสายหนึ่ง
แม่น้ำสายนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด ผิวน้ำราบเรียบสงบนัก ทว่าใต้น้ำนั้นกลับปรากฏน้ำวนอยู่นับไม่ถ้วน
ริมแม่น้ำได้มีเรือโจรสลัดลำหนึ่งจอดอยู่
ก่อนที่กองกำลังแย่งชิงสมบัติของป้อมเหิงฉุ่ยจะมาถึง โจรสลัดที่อยู่บนเรือก็ได้เตรียมปะทะไว้แล้ว
โจรสลัดบนเรือนั้นต่างก็เป็นยอดฝีมือเช่นกัน หัวหน้าของพวกมันสวมผ้าปิดตาสีดำสนิทข้างหนึ่ง สวมใส่ชุดสีแดง รูปลักษณ์ดุดัน เป็นราวกับพระราชา มีโจรสลัดล้อมรอบให้อยู่ตรงกลาง
แนวป้องกันของโจรสลัดนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เมื่อเทียบกับกองกำลังแย่งชิงสมบัติของป้อมเหิงฉุ่ยแล้วนับว่าไม่ด้อยไปกว่ากันนัก
“ปี้ เจ้าเสียขาไปแล้วข้างหนึ่ง ทั้งปราณจิตวิญญาณยังถูกทำลายไปมาก บาดเจ็บไปถึงแหล่งกำเนิดพลัง ไม่เพียงไม่กลับไปรักษาตัว ยังกล้ามาแย่งชิงสมบัติสายธารจันทราอีก”
ชายชุดแดงตาเดียวแลบลิ้นเลียริมฝีปาก กลิ่นอายของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงแพร่กระจายอย่างพร้อมต่อสู้ จิตสังหารทิ่มแทงอีกฝ่าย