Skip to content

King of Gods 402

King Of Gods

บทที่ 402 : แผนของแมวมากเล่ห์

เย่หยานหยูและจ้าวเฟิงหยุดยืนดูอยู่พักหนึ่ง ไม่สอดมือเข้าไปยุ่ง

จ้าวเฟิงชั่งน้ำหนักดูแล้วเข้าใจว่าตนเองนั้นไม่ได้ส่งผลอันใดมาก ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้

บางทีเย่หยานหยูอาจรอหยิบชิ้นปลามัน ใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้ม

กองกำลังทั้งสองที่กำลังต่อสู้กับแมงป่องยักษ์โบราณไม่โง่เขลา มองไปยังเย่หยานหยูอย่างไม่เป็นมิตร

“เปลี่ยนแผน เย่หยานหยูมา”

ชายหนุ่มจมูกดำ ‘ชื่อกุ้ย’ วาดมืออย่างกะทันหัน ทำให้อัจฉริยะฝ่ายตำหนักผาดำล่าถอยออกไปชั่วคราว ต่างคนต่างหอบหายใจหนักหน่วง

ชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือดจากตำหนักมารจันทราสบตากัน

กองกำลังทั้งสองฝ่ายได้ล่าถอยออกไปรอบนอกอย่างพร้อมเพรียงกัน

จะอย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจที่จะเอาชนะแมงป่องยักษ์โบราณได้ในระยะเวลาสั้นๆ เมื่ออีกฝ่ายทำเพียงต้านทานอย่างดื้อดึงอยู่หน้าทางเข้าถ้ำ ไม่ยอมไล่ตามออกมาโจมตี

ยามที่ ‘ชื่อกุ้ย’ เห็นจ้าวเฟิง นัยน์ตาก็ส่องประกายเพลิงสีซีดขึ้น รูม่านตาหดเล็กลง

แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นจ้าวเฟิงมาก่อน ทว่ากลิ่นอายของเด็กหนุ่มสร้างความรู้สึกคุ้นเคยให้เขามากนัก

หากไม่ใช่เพราะเย่หยานหยู บางทีคนของตำหนักผาดำอาจจะร่วมมือกันโจมตี จัดการจ้าวเฟิงในครั้งเดียว

“หากอยู่กับเย่หยานหยู แม้กวาดตามองไปทั่วทั้งซากปรักหักพังสือเฉิง บางทีอาจไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกับข้า”

จ้าวเฟิงรู้เรื่องนี้อยู่ในใจอย่างชัดเจน

ในด้านพลังฝึกตน เย่หยานหยูอยู่ในขั้นนายเหนือแท้ระดับสูง แตกต่างจากชื่อกุ้ยและผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้อีกคน

นอกจากนั้น เย่หยานหยูยังมาจากสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง ความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับขั้นนายเหนือแท้ทั้งสิบแล้วยังสามารถติดหนึ่งในสามได้

หากชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือดร่วมมือกันอาจพอต่อสู้กับเย่หยานหยูได้บ้าง

โดยไม่รู้ตัว

เย่หยานหยูได้กลายเป็นหลุมหลบภัยของจ้าวเฟิงใน ‘ซากปรักหักพังสือเฉิง’ ไป

หรือมิเช่นนั้น ตัวเขาที่อ่อนแอและตัวคนเดียว หากต้องการที่จะมีชีวิตรอดในซากปรักหักพังสือเฉิงย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย หากต้องการที่จะแย่งชิงโอกาสในมรดกยิ่งยากเย็นกว่าเดิมนับสิบเท่า

ชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือดแยกตัวออกมา เผชิญหน้ากับเย่หยานหยูห่างออกไปไกล

อัจฉริยะขั้นนายเหนือแท้ทั้งสามเริ่มเจรจากัน

“เย่หยานหยู เจ้ามาพอดี หากเจ้าร่วมมือกับข้าและคนอื่นๆ ย่อมสามารถดึงดูดความสนใจ หรือกระทั่งฆ่าแมงป่องยักษ์โบราณนี่ได้”

ชื่อกุ้ยเสนอ

ชายหนุ่มชุดสีเลือดผู้นั้นผงกศีรษะซ้ำๆ

ความแข็งแกร่งของแมงป่องยักษ์โบราณนั้น แม้พวกเขาร่วมมือกันก็ไม่อาจนับเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้ แม้ว่าจะสามารถฆ่าแมงป่องยักษ์นั่นได้ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือผู้รอดชีวิตสักกี่คน

ในเมื่อเย่หยานหยูมา แทนที่จะปล่อยให้นางคอยหยิบชิ้นปลามัน การให้นางร่วมมือด้วยย่อมดีกว่า

หนึ่ง พวกเขาสามารถลดแรงกดดันและความสูญเสียได้ โอกาสที่จะจัดการแมงป่องยักษ์ได้มีมากขึ้น

สอง เย่หยานหยูมาคนเดียว การเข้าไปในถ้ำแย่งชิงทรัพยากรย่อมด้อยกว่าพวกเขาที่มีคนมากกว่า

ดังนั้นแล้ว

ข้อเสนอของพวกชื่อกุ้ยทั้งสองจึงนับว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด

เย่หยานหยูยืนอยู่ที่เดิม ดึงหน้าเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำพูดใด

เมื่อชายหนุ่มชุดสีเลือดเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างเร่งรีบ”เย่เซียนจื่อ เมื่อครู่ผีของพี่ชื่อได้ไปสำรวจ ในถ้ำนั้นเต็มไปด้วยทรัพยากรล้ำค่าหายาก เหตุผลที่แมงป่องยักษ์โบราณนั่นดึงดันป้องกันถ้ำนั่นอย่างมากนั้นเป็นเพราะลูกแมงป่องยักษ์สายเลือดบริสุทธิ์หลายตัวด้านใน ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้เย่เซียนจื่อคงจะคาดไว้อยู่แล้ว”

“โอ้? ลูกแมงป่องยักษ์สายเลือดบริสุทธิ์หรือ?”

เย่หยานหยูรู้สึกสนใจ

เรื่องพลังต่อสู้ของแมงป่องยักษ์โบราณ ทุกคนได้ประสบมากับตนเอง แม้จะเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ 4-5 คนพร้อมกันก็ไม่ใช่ปัญหา

สายเลือดของแมงป่องยักษ์นั้นทรงพลัง มีพิษของแมงป่องยักษ์ แม้สัมผัสเพียงนิดก็สามารถคร่าชีวิตของผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ได้

หากไม่ใช่เพราะภูตผีของตำหนักผาดำที่สามารถต้านทานพิษของแมงป่องยักษ์ได้ เช่นนั้นแม้จะเป็นผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั้งสองก็ไร้หนทาง

สัตว์ปีศาจโบราณที่มีพลังสายเลือดในระดับนี้ หากไปอยู่ที่ด้านนอกมันย่อมไม่อาจประเมินค่าได้ แม้จะเทียบกับสัตว์ล้ำค่าตัวเต็มวัยก็ยังนับว่ามีมูลค่ามากกว่า

ลูกสัตว์ปีศาจง่ายที่จะจับเป็นสัตว์เลี้ยง ความสามารถมากมาย หากฝึกฝนตั้งแต่ยังเยาว์ ความภักดีจะสูง

ด้วยการฝึกฝนของสำนัก เพียงหนึ่งปีให้หลังก็สามารถกลายเป็นสัตว์วิเศษที่ทรงพลังได้แล้ว

หากจะพูดโดยส่วนตัว มันยังสามารถเติบโตตามผู้เป็นนาย เหมือนเป็นแท่นกระโดดของสัตว์วิเศษ

“แมงป่องยักษ์นี่นับเป็นสัตว์เลี้ยงสายต่อสู้ระดับสูง ทั้งการโจมตีและป้องกันล้วนแข็งแกร่งอย่างมาก ทั้งยังมีพิษแมงป่อง…”

จ้าวเฟิงสังเกตความสามารถของแมงป่องยักษ์โบราณ ในหลายๆ ด้านของมันอาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ

เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเลื่อนสายตาไปมองแมวขโมยตัวน้อยสลับกับแมงป่องยักษ์

ในด้านของพลังต่อสู้และความอันตราย แมวขโมยตัวน้อยอาจเรียกได้ว่าเป็นเพียงเต้าหู้ก้อนหนึ่ง เป็นแท่งไม้พยากรณ์เท่านั้น

การเคลื่อนไหวหน้าของจ้าวเฟิงได้ตกอยู่ในสายตาของเย่หยานหยู มุมปากของหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะยกโค้งขึ้นอย่างยินดี

“ไอสวรรค์ในถ้ำนั่นพิเศษอย่างมาก หากสามารถเอาชนะแมงป่องยักษ์โบราณนี่ได้และแบ่งผลประโยชน์ให้ทุกคน มูลค่าของมันย่อมไม่จำกัดอยู่แค่ที่ลูกแมงป่องยักษ์”

จ้าวเฟิงพลันเอ่ยนอกเรื่องขึ้น

ชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือดที่มีพลังขั้นนายเหนือแท้มองตรงไปยังร่างของเด็กหนุ่มผมฟ้า

จ้าวเฟิงยืนอยู่ด้านหลังของเย่หยานหยู พวกเขาจึงไม่อาจเข้าใจถึงสถานะของเด็กหนุ่มผู้นี้ได้

ทว่าในเมื่อเขากล้าที่จะเอ่ยแทรกขึ้น ทั้งเย่หยานหยูยังไม่เอ่ยอันใด บางทีเขาอาจเป็นคนของสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง

“ด้วยพลังสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งของเด็กนี่ เป็นไปได้มากที่มันจะได้รับความเชื่อใจอย่างมากจากเย่หยานหยู”

ชื่อกุ้ยและคนอื่นๆ กระทั่งหวาดกลัวจ้าวเฟิงมากกว่าเดิม

อัจฉริยะจากตำหนักผาดำเข้าใจถึงพลังและวิธีการแปลกประหลาดของจ้าวเฟิงเป็นอย่างดี

ทว่าพวกเขาคงไม่อาจที่จะคาดเดาถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างจ้าวเฟิงและเย่หยานหยูได้

เย่หยานหยูขี้เกียจเอ่ยปาก ทำให้พลาดโอกาสในการค้นหาพลังที่แท้จริงของจ้าวเฟิงไปโดยไม่รู้ตัว

“เป็นเช่นนี้ ในถ้ำนั่นมีทรัพยากรสมบัติอื่นๆ อยู่จริง มันได้มีสมบัติโบราณหายากอยู่บางส่วน ตัวอย่างเช่นเห็ดอินตู๋ ผลโลหิต และหญ้าคืนชีวิต”

ชายหนุ่มชุดสีเลือดเอ่ยตอบ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่หยานหยูจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นบ้าง

สมุนไพรล้ำค่าที่ชายหนุ่มชุดสีเลือดเอ่ยมานั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ต้องริษยา กระทั่งทำให้ผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเกิดความละโมบ

‘เห็ดอินตู๋’ จะเติบโตขึ้นบริเวณที่มีธาตุหยินหนาแน่น ได้รับการบำรุงจากปราณหยิน หลังจากผ่านไปมากกว่าหมื่นปีจึงจะถือกำเนิดขึ้น เห็ดนี้ยอดเยี่ยมในการใช้พัฒนาภูตผีซากศพ เป็นหนึ่งในวัตถุดิบในการกลั่นพิษของฟ้าดิน

‘ผลโลหิต’ เป็นสมุนไพรที่สูญพันธ์ไปจากโลกแล้ว ควบรวมแก่นแท้ของโลหิตหยิน สามารถเพิ่มพลังชีวิต เสริมความแข็งแกร่งให้พลังฝึกตนอย่างมาก โดยเฉพาะยอดฝีมือในศาสตร์แห่งโลหิตจะได้รับผลเป็นสองเท่า

หลังจากที่จ้าวเฟิงได้ยินชื่อของสมบัติที่สูญหายเหล่านั้น หัวใจก็เต้นรัว

ไม่แปลกใจเลยที่สายตาของเย่หยานหยูจะเปลี่ยนแปลงไปเล็กๆ

“ผลโลหิตนี้ หากไปอยู่ที่ทวีปบุปผาครามย่อมกลายเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างมากแน่นอน หากผู้นำลัทธิมารจันทราชาดบาดเจ็บสาหัสทว่ายังไม่ตาย กินมันเข้าไปสัก 1-2 ลูก บางทีพลังอาจจะกลับสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดอีกครั้งอย่างรวดเร็ว หากข้าได้ครอบครองสักลูก แม้จะไม่ได้ฝึกฝนในศาสตร์แห่งโลหิต ทว่าข้าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ได้อย่างแน่นอน”

หัวใจของจ้าวเฟิงเต้นรัว

ผลโลหิตสามารถทำให้พลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด กระทั่งมีโอกาสที่จะทะลวงขั้นได้

ผลโลหิตนั้น หากเป็นผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสูง หรือขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอดทั่วไปอาจนับว่าสูญเปล่า

ทว่าจ้าวเฟิงมีขอบเขตจิตวิญญาณขั้นนายเหนือแท้ ความสามารถในการดูดกลืนพลังเทียบเคียงได้กับเหล่านายเหนือ หากกินไปสักลูก ปิดด่านฝึกตนสัก 4 วันย่อมสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ได้

หากผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดกินผลโลหิตเข้าไปยังได้รับผลประโยชน์อย่างมาก ไม่ต้องเอ่ยถึงขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเลย

ที่น่าเสียดายคือสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ในทวีปบุปผาครามไม่ปรากฏอยู่

นอกจากนั้น เมื่อเอ่ยถึง ‘เห็ดอินตู๋’ และ ‘หญ้าคืนชีวิต’ พวกมันก็นับเป็นสมบัติระดับสุดยอดที่เทียบเคียงกับ ‘ผลโลหิต’ ได้เป็นอย่างน้อย

“อืม หญ้าคืนชีวิต…”

จ้าวเฟิงพลันนึกถึงบางสิ่งขึ้นได้

‘หญ้าคืนชีวิต’ หนึ่งในของวิเศษของฟ้าดิน มีไอพลังชีวิต สามารถรักษาบาดแผลถึงตาย ย้อนคืนหยินหยาง หวนคืนชีวิต หญ้าคืนชีวิตนี้สามารถให้กำเนิดวารีแห่งชีวิตได้ มันสามารถรักษาบาดแผลได้ทุกประเภท หรือสามารถใช้ในการยืดอายุขัยได้

ทันใดนั้น

ในสมองของจ้าวเฟิงพลันปรากฏเสียงเสียงหนึ่งขึ้น”ทั้งหมดนับว่าขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้าแล้ว หากเจ้าต้องการที่จะตอบแทนตาแก่ผู้นี้ ในงานชุมนุมเซียนมังกรก็จงสร้างชื่อให้เลื่องลือ เข้าสู่หนึ่งในยี่สิบอันดับแรก หากในมรดกแห่งยู่ไว่เจ้าสามารถช่วยตาแก่ผู้นี้หา ‘วารีแห่งชีวิต’ ‘ยาแปลงอายุเปลี่ยนชีพ’ และของอื่นๆ ที่มีพลังในการเติมเต็มพลังชีวิตได้ ตาแก่ผู้นี้จะซาบซึ้งยิ่งนัก”

ก่อนหน้า ที่กองบัญชาการลัทธิโลหะเลือด บุรุษผมสีเลือด เถี่ยหมัว เคยได้แนะนำจ้าวเฟิงให้กับชายชราคิ้วหนาผมแดงผู้หนึ่ง ชายชราคนนั้นได้เอ่ยประโยคนี้กับเขา

เป็นเพราะชายชราคนนั้น จ้าวเฟิงจึงสามารถเหยียบย่างเข้าไปในศาสตร์แห่งจิตวิญญาณและสายเลือดดวงตา วิสัยทัศน์กว้างไกลขึ้น

ชายชราลึกลับผู้นั้นต้องการ ‘วารีแห่งชีวิต’ ที่ ‘หญ้าคืนชีวิต’ ในถ้ำแห่งนี้สามารถให้กำเนิดได้

อาจกล่าวได้ว่า หญ้าคืนชีวิตนับว่าล้ำค่ากว่าวารีแห่งชีวิต

ในยามนี้

จ้าวเฟิงและเย่หยานหยูได้เข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดแมงป่องยักษ์โบราณนั่นจึงได้ป้องกันทางเข้าถ้ำอย่างหนาแน่น ไม่ยอมให้ผู้ใดรุกราน

ที่มันป้องกันอย่างสุดชีวิตนั้นไม่ใช่เพียงเพราะลูกของมัน ทว่าเพราะด้านในยังมีแดนสมบัติอยู่อีก

“เราร่วมมือกันจัดการแมงป่องยักษ์ ผลประโยชน์ในถ้ำนั่นให้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ล่ะคน”

พวกชื่อกุ้ยทั้งสองไม่ปิดบังอีกต่อไป

หากมีผลประโยชน์ไม่มากพอ พวกเขาเองก็คงต้องยอมแพ้ในความคิดที่จะให้เย่หยานหยูลงมือ

จ้าวเฟิงพอจะคาดการณ์ได้ว่าในถ้ำนั้นยังมีสมบัติล้ำค่าในระดับเดียวกับ ‘ผลโลหิต’ อยู่อีก มีเพียง 2-3 อย่างที่ถูกเอ่ยขึ้นเมื่อครู่

เมื่อคิดดูแล้ว ในใจของเขาก็พลันปรากฏความคาดหวังและตื่นเต้นขึ้นอย่างมาก

ไม่นาน

ผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั้งสามก็ได้ตกลงกันในที่สุด พลันส่งการโจมตีที่แข็งแกร่งไปยังร่างของแม่งป่องยักษ์โบราณอย่างพร้อมเพรียงกัน

มันคือการร่วมมือกันที่หาได้ยากของสามสำนัก สำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง ตำหนักมารจันทรา และตำหนักผาดำ

ย่าห์

ยามนี้ ชื่อกุ้ยได้ส่งหุ่นเชิดศพขั้นนายเหนือแท้ออกไป แม้จะไม่ใช่โครงกระดูกลายเงินก่อนหน้า ทว่าก็ยังเป็นศพโลหิตเงิน

หุ่นเชิดศพทั้งสองนี้สูง 2-3 หลา กลิ่นอายมืดทะมึน ไม่หวาดกลัวพิษของแมงป่องยักษ์ ร่วมมือกันต้านทานเป้าหมาย

“ในมือของชื่อกุ้ยผู้นี้กลับมีหุ่นเชิดศพขั้นนายเหนือแท้อยู่สองตัว”

จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจและริษยา

ไม่ว่าจะฆ่าแมงป่องยักษ์โบราณได้สำเร็จหรือไม่ หุ่นเชิดศพที่แข็งแกร่งของตำหนักผาดำก็นับเป็นกุญแจสำคัญ สามารถต้านทานแมงป่องยักษ์โบราณไว้ได้ตรงๆ

ในมือของชายหนุ่มชุดสีเลือดจากตำหนักมารจันทราได้ปรากฏดาบจันทร์เสี้ยวสีโลหิตขึ้น ส่งกลิ่นอายโหดเหี้ยมออกมา

ครืนนน เปรี้ยง

ดาบจันทร์เสี้ยวโลหิตในมือของชายหนุ่มวาดออก สร้างวงแสงสีเลือดที่มีกลิ่นอายอำมหิตออกไป กัดกร่อนร่างของแมงป่องยักษ์โบราณ

พลังของเย่หยานหยูเหนือกว่าชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือด มือขาววาดออกสร้างคลื่นแสงสีราวกับปรอท ส่องประกายราวจันทรา สร้างเป็นดาบโปร่งใสสีปรอทวาดผ่านม่านแห่งราตรี

ยามที่นางส่งการโจมตีออกไป กระทั่งแมงป่องโบราณยักษ์ที่แข็งแกร่งยังปรากฏความหวาดกลัวขึ้นในแววตา

ชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือดสบตากัน สีหน้าย่ำแย่ลงอย่างมาก

“เย่หยานหยูผู้นี้ได้ฝึกตนเพลงดาบจิตวิญญาณจันทราได้จนถึงระดับนี้แล้ว บางทีภายใต้ดาบของนาง โครงกระดูกขั้นนายเหนือแท้ของข้าคงจะขาดออกเป็นสองท่อน”

ใจของชื่อกุ้ยเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

“ผู้ที่มีพลังต่ำกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดยากที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของวีรสตรีผู้นี้ได้”

ชายหนุ่มชุดสีเลือดสูดลมหายใจลึกเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้

ในสามสำนัก ตำหนักมารจันทราและตำหนักผาดำมียอดฝีมืออยู่หลายคนในขณะที่สำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างกลับมีเพียงเย่หยานหยูเพียงคนเดียว แต่นางกลับสามารถเอาชนะอีกสองสำนักได้

“พลังต่อสู้ของสตรีผู้นี้เป็นไปได้อย่างมากว่าจะอยู่ในระดับเดียวกับรองจ้าวลัทธิโลหะเลือด”

จ้าวเฟิงรู้สึกชื่นชมเย่หยานหยูมากขึ้น

เมื่อถึงเวลาหนึ่ง

นัยน์ตาของแมวขโมยตัวน้อยที่อยู่ที่มุมหนึ่งส่องประกายเจ้าเล่ห์ออกมา สบตากับจ้าวเฟิงเป็นครั้งแรก

เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวมองลึกเข้าไปในดวงตาของมัน แมวขโมยตัวน้อย แผนการของเจ้านับว่าละเอียดอ่อนโดยแท้ ทว่าก็ยังมีความเสี่ยงมหาศาล เย่หยานหยู รวมทั้งสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างที่อยู่เบื้องหลังนางนั้นไม่อาจใช้คำว่าน่าพรั่นพรึงมาอธิบายได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!