Skip to content

King of Gods 468

King Of Gods

บทที่ 468 ขั้นนายเหนือแท้ (1)

ในระหว่างลงมือคร่าชีวิตของผู้เป็นอาจารย์กับตาย การตัดสินใจของเป่ยม่อเด็ดขาดยิ่งนัก ไร้ซึ่งความลังเลโดยสิ้นเชิง

ก่อนตาย เจ้าสำนักหยุนไห่ยังเบิกตากว้างด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ

“เป่ยม่อผู้นี้… มิคาดว่าจะเลือดเย็นเพียงนี้! กระทั่งลงมือฆ่าผู้เป็นอาจารย์ของตนเองได้ลง?”

“หึ! จะอย่างไรเขาก็ทรยศมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง เพียงครั้งนี้เป็นการรักษาชีวิตหวาดตัวกลัวตายเท่านั้น”

คนระดับสูงต่ำของสำนักจันทร์สลายเอ่ยพูดคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบากับการกระทำของเป่ยม่อ ส่งเสียงประณามหยามเหยียด

จ้าวเฟิงอดที่จะเหม่อลอยไม่ได้

ผู้คนเห็นด้วยตาตนเองว่าเป่ยม่อที่ตัดศีรษะของหยุนไห่เสร็จแล้วได้นำศีรษะของอีกฝ่ายห่อใส่ผ้าอย่างเงียบๆ

“ศิษย์น้องจ้าว เจ้าเด็กเป่ยม่อนี่เป็นคนหัวแข็ง หากปล่อยเขาไปง่ายๆ จากนี้อาจจะ…” ผู้อาวุโสและศิษย์ของสำนักจันทร์สลายบางคนที่คุ้นเคยอดที่จะเอ่ยขึ้นอย่างกังวลไม่ได้

“ปล่อยเขาไป”

จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ

ผู้อาวุโสหนึ่งแย้มยิ้มบาง เอ่ยบางคำเบาๆ ก่อนจะปล่อยเป่ยม่อจากไป

หลังจากที่จ้าวเฟิงหลบหนีไปยังอาณาจักร ผู้อาวุโสหนึ่งก็ได้นำคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปหลบซ่อนไว้ก่อน รวมทั้งบิดามารดาของเขาและเจ้าเมืองกว่านจวิน

ทุกการจัดการทั้งหมดที่ผู้อาวุโสหนึ่งทุ่มเทได้ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกซาบซึ้ง

ในยามนี้ เมื่อมองไปยังแขนที่ว่างเปล่าของผู้อาวุโสหนึ่ง หัวใจของจ้าวเฟิงก็ปรากฏความขมขื่นและอัปยศขึ้น

“ท่านอาจารย์เสียแขนไปข้างหนึ่ง ยามที่ข้ากลับไปยังอาณาจักรนภา ต้องร่วมมือกับอาจารย์เถี่ยกาน สร้างวงแหวนทมิฬขึ้นอีกครั้ง”

จ้าวเฟิงตัดสินใจ

แบบแปลนของ ‘วงแหวนทมิฬ’ จากมรดกความลับสวรรค์ รูปแบบทั้งสามของมันสามารถเปลี่ยนเป็นแขนและโล่ได้ เหมาะสมกับผู้อาวุโสหนึ่งที่เสียแขนไปยิ่งนัก

สำนักจันทร์สลายจึงจัดการกับเรื่องที่รอให้จัดการ

เจ้าสำนักหยุนไห่และผู้อาวุโสคุมกฎ สองหัวหน้าโจรถูกจัดการ สิ้นชีพไปแล้ว

ทว่าในสำนักยังมีคนสนิทของเจ้าสำนักหยุนไห่ รวมทั้งสายลับที่มาจากพันธมิตรมังกรโลหะหลงเหลืออยู่ เรื่องน่ารำคาญเหล่านี้ จ้าวเฟิงได้มอบให้กับผู้อาวุโสหนึ่ง แม่เฒ่าหลิวเยว่ หยางก่าน และคนอื่นๆ จัดการ

ในวันเดียวกัน

สำนักจันทร์สลายได้ ‘ทำความสะอาด’ สำนักเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่ผู้อาวุโสระดับสูงจนถึงศิษย์ระดับต่ำต่างถูกกำจัดไปราวๆ ร้อยคน นี่นับว่าผู้อาวุโสหนึ่งเมตตามากแล้ว หรือมิเช่นนั้น สมาชิกส่วนมากของสำนักจันทร์สลายที่อยู่ฝ่ายหยุนไห่ย่อมยากจะถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า สองปีที่ผ่านมา สำนักจันทร์สลายภายใต้การจัดการของเจ้าสำนักหยุนไห่ได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก ติดหนึ่งในห้าอันดับแรกของสิบสามสำนักได้เป็นอย่างน้อย

“เฟิงเอ๋อร์ ตอนนี้หยุนไห่ตายแล้ว สำนักจันทร์สลายขาดเจ้าสำนักในยามนี้ ไม่รู้ว่าเจ้ามีข้อคิดเห็นหรือคนที่ต้องการหรือไม่?”

ผู้อาวุโสหนึ่งถาม

จ้าวเฟิงคิดถึงผู้ที่เหมาะสมคนหนึ่ง นั่นคือศิษย์พี่ของเขา ‘หยางก่าน’

หยางก่านมีความสัมพันธ์ไม่เลว ทั้งยังเคยเป็นหัวหน้าศิษย์ มีทั้งพรสวรรค์และความแข็งแกร่ง ในด้านอื่นๆ เองก็ยอดเยี่ยม

“หยางก่านนับเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติ ทว่าพลังฝึกตนของเขายังไม่เพียงพอ”

ผู้อาวุโสหนึ่งเองก็เห็นด้วยอย่างมาก

เขามั่นใจว่าจ้าวเฟิงไม่มีความสนใจในตำแหน่งเจ้าสำนักอย่างแน่นอน บางทีต่อให้เป็นทั้งแคว้นเมฆาก็คงไม่มีที่ที่เหมาะสมสำหรับปลาใหญ่ตัวนี้

“ในมือของข้ามีสมบัติวิเศษและยาจิตวิญญาณอยู่มากจากมรดกต่างแดนและอัจฉริยะต่างแดน เพียงพอที่จะสร้างผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้หลายคน ท่านอาจารย์นำไปเถอะ” จ้าวเฟิงนำ ‘สมบัติต่างแดน’ ออกมาจากแหวนเหล็กโบราณ มอบให้ผู้อาวุโสหนึ่ง

ในสำนักระดับสองดาว ศิษย์ทั่วไปอยู่ในขั้นผู้วิเศษแท้ กระทั่งขั้นนายเหนือแท้ มองเห็นถึงทรัพยากรที่มากมายของมันได้อย่างชัดเจน

สามวันต่อมา

สำนักจันทร์สลาย ทั้งระดับสูงและระดับต่ำกลับมาสงบสุข กลับเข้าสู่สภาวะปกติ

จ้าวเฟิงเริ่มปิดด่านฝึกตน เตรียมที่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้

“ทะลวงเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ แม้ว่าจะไม่ทำให้พลังของข้าเพิ่มขึ้นมาก ทว่าสำนึกรู้พลังภายในจะลึกล้ำขึ้น”

จ้าวเฟิงปิดเปลือกตา กระตุ้นโคจรปราณจิตวิญญาณในร่างอย่างเชื่องช้า

ทุกวันนี้ ขอบเขตจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงเมื่อเทียบกับขั้นนายเหนือแท้ระดับสูงแล้วมีเพียงแต่จะ แข็งแกร่งกว่า ไม่ด้อยกว่า ที่น่าหวาดกลัวที่สุดคือพลังวิญญาณของเขาที่ขยายกว้างออกไปอย่างมาก แทบจะเหนือกว่า ‘สามสวรรค์ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง’ บางทีคงมีเพียงผู้สูงศักดิ์ที่เหนือกว่าเขา

นี่คือผลประโยชน์ที่ได้มาจาก ‘แก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษา’ ที่ทำให้จ้าวเฟิงได้ประโยชน์มากที่สุด เมื่อมีดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หากขอบเขตจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงจะไม่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วคงจะยากนักที่จะเชื่อ

เทือกเขานภาจันทร์ ตำหนักที่โดดเดี่ยวแห่งหนึ่ง

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิปิดเปลือกตา แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณในร่างส่องประกายสีเขียวราวหยก ผืนน้ำปรากฏกระแสไฟฟ้าขึ้นเล็กๆ ทั้งยังมีกระแสลมพัดผ่าน

“เมื่อบรรลุสู่ขั้นนายเหนือแท้ แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณย่อมขยายใหญ่ขึ้นไปอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนหน้านั้น หากข้าสามารถทำความเข้าใจและหลอมรวมแก่นแท้ของ ‘อนุสรณ์วายุอัสนีโบราณ’ เข้าไปได้ พลังที่เพิ่มขึ้นหลังจากบรรลุขั้นย่อมชัดเจนขึ้น”

จ้าวเฟิงไม่ได้เร่งร้อนทะลวงขั้น

การทะลวงขั้นในยามนี้ กระทั่งสามารถทำได้ในวินาทีนี้

ทว่า จ้าวเฟิงต้องการที่จะฉวยโอกาสของการที่แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณจะขยายกว้างขึ้นใน การรวบรัดปราณจิตวิญญาณ หลอมรวมเสวียนอ้าวของ ‘สายฟ้าและสายลม’ เข้าไป จิตใจของจ้าวเฟิงก็จมจ่อมลงไปในโลกแห่งสายลมและสายฟ้าที่แตกหักในอนุสรณ์ วายุอัสนีโบราณ

ครืนนน เปรี้ยง

ในมิติที่แตกหักนี้ พื้นที่ส่วนมากมืดหม่น เต็มไปด้วยสายฟ้าและพายุที่อาละวาดไปทั่ว

สายฟ้าและแสงสีรูปลักษณ์ของมันก็มากมาย

สิ่งที่มีกลิ่นอายน่าสะพรึงมากที่สุดคือ วายุอัสนีสี ‘ดำทอง’ ที่อยู่ในศูนย์กลางที่มืดหม่นที่สุดในโลกแห่งสายฟ้าและสายลมนี้

“ไร้สี เขียว ม่วง แดง ทอง และดำทอง…”

จ้าวเฟิงรับรู้ได้เลือนราง

กลิ่นอายของแบบไร้สีอ่อนแอที่สุด เหมาะสมสำหรับขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงที่จะทำความเข้าใจ

สีเขียวคือระดับของจ้าวเฟิงในยามนี้ ทั้งยังอยู่ในระดับสีเขียวเข้มแล้ว

สิ่งที่จ้าวเฟิงต้องเผชิญหน้าต่อไปคือ ‘วายุอัสนีสีม่วง’ ระดับของมันสามารถเชื่อมโยงไปยังขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้ ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสามารถทำความเข้าใจได้อย่างยากลำบาก

“อืม ข้าต้องกลายเป็นวายุอัสนีสีเขียวเข้มบริสุทธิ์ก่อน จากนั้นจึงไปยัง ‘วายุอัสนีสีม่วง’ ”

จ้าวเฟิงกำหนดทิศทางคร่าวๆ

หากเขาสามารถฝึกฝน ‘วายุอัสนีสีม่วง’ ได้สำเร็จจริงๆ เขาย่อมสามารถสร้างความตื่นตะลึงให้กับทวีปได้ หากสามารถก้าวไปอีกขั้น ทำความเข้าใจ ‘วายุอัสนีสีแดง’ ที่แข็งแกร่งว่าได้ เด็กหนุ่มก็จะแข็งแกร่งเหนือผู้ใดในทวีป แม้จะไปยังต่างแดนก็ยังนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือ

ทุกวันนี้ ท้องฟ้าเหนือตำหนักที่เขาอยู่ปรากฏสายลมและสายฟ้าคำรามอย่างน่าหวาดกลัว

บริเวณนั้นมักจะปรากฏก้อนเมฆดำขึ้น ประกายกระแสไฟฟ้าสว่างวาบ ใกล้ๆ จะปรากฏลมกระโชกแรง แรงลมที่ไม่อาจมองเห็นเหล่านั้นสามารถผลักร่างของผู้ฝึกตนขั้นมนุษย์แท้ให้ล่าถอย ไปหนึ่งลี้ได้

บนเทือกเขานภาจันทร์ เหล่ายอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงสามารถรับรู้ถึงการหมุนวนของไอสวรรค์ปริมาณมหาศาลได้ แรงกดดันนั้นได้ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้าน

“จ้าวเฟิงผู้นั้นยังไม่ได้บรรลุสู่ขั้นนายเหนือแท้ ทว่าขอบเขตจิตวิญญาณกลับเหนือกว่าขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปแล้ว”

‘นายเหนือเซียวเหยา’ ที่ป้องกันทางเข้าหุบเขาในใจเต็มไปด้วยความหดหู่ รู้สึกหวาดกลัวจ้าวเฟิง

ในใจของเขายังคงปรากฏความเคลือบแคลงบางอย่างอยู่ ด้วยขอบเขตจิตวิญญาณที่สูงส่งเช่นนั้นของจ้าวเฟิง เหตุใดอีกฝ่ายจึงไม่ทะลวงเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้เล่า?

ความจริงแล้ว สถานการณ์ของจ้าวเฟิงค่อนข้างพิเศษ

หลังจากกลับมายังแคว้นเมฆาก็ยังพบกับการวิวัฒนาการเล็กๆ ของดวงตาซ้าย

ทว่าการเตรียมการก่อนปิดด่านฝึกตนของจ้าวเฟิงนั้นมากมายและไร้ระเบียบ อาจกล่าวได้ว่ารีบร้อน ก่อนที่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ จ้าวเฟิงจะเปลี่ยนแปลงแหล่งกำเนิดจิตวิญญาณไปอีกขั้น ก่อนหน้า แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณของเด็กหนุ่มเป็นธาตุลมเสียส่วนมาก ทว่าในซากปรักหักพังสือเฉิง หลังจากทำความเข้าใจ ‘อนุสรณ์วายุอัสนีโบราณ’ ระบบการฝึกตนของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง หลอมรวมสิ่งอื่นเข้าไปกับสายลม

“จ้าวเฟิงผู้นี้จะยังเฝ้ารออันใดอีก? ตามปกติแล้ว การทะลวงเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ของเขาย่อมไม่ยากเย็น ราว 1-2 วันก็เพียงพอ”

นายเหนือเซียวเหยาสังเกตท้องฟ้าเหนือเทือกเขานภาจันทร์และการเปลี่ยนแปลงของไอสวรรค์ บนท้องฟ้า ไอสวรรค์วายุอัสนีตื่นตัวอย่างมาก ขยับเคลื่อนไหวอย่างไม่อาจอยู่นิ่ง

เวลาผ่านไป 2 วัน

ท้องฟ้าเหนือตำหนักของจ้าวเฟิงปรากฏ ‘กลุ่มหมอกวายุอัสนี’ สีเขียวเข้มหมุนวน มันคืออำนาจมหาศาลไร้ที่สิ้นสุดของขั้นนายเหนือแท้

“พลังของขั้นนายเหนือแท้นี่เหนือกว่าขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำไปแล้ว ทว่าเขายังไม่ทะลวงขั้น…”

นายเหนือเซียวเหยามองอย่างนิ่งอึ้ง

เขารับรู้ได้ว่ากลิ่นอายเสวียนอ้าวของสายฟ้าและสายลมนั้นแพร่ออกมากระทั่งลึกล้ำ ไม่อาจคาดเดาได้มากยิ่งกว่าเดิม

มรดกที่จ้าวเฟิงเลือกมาจากมหาจักรพรรดิผู้ไร้เทียมทานในอดีต ครอบครองความเร็วเหนือผู้ใด เหนือกว่ามรดกใดๆ ที่ทวีปบุปผาครามจะสามารถเทียบเคียงได้

ยามที่จ้าวเฟิงปิดด่านฝึกตน สถานการณ์ของสำนักจันทร์สลาย และกระทั่งสิบสามสำนักก็ได้เปลี่ยนแปลงไป

วันที่ห้าที่จ้าวเฟิงปิดด่านฝึกตน

สมาชิกพันธมิตรสังหารมังกรได้ข่าวจึงมาสมทบ ข่าวการกลับมายังแคว้นเมฆาของจ้าวเฟิงแพร่กระจายไปทั่วทั้งสิบสามสำนัก กระทั่งเลยไปไกลถึงสองแคว้นใหญ่

สามจ้าวตำหนักแห่งพันธมิตรมังกรโลหะได้พ่ายแพ้อย่างยับเยินให้กับ ดวงดาราในตำนาน สั่นคลอนสิบสามแคว้น เป็นราวกับพายุที่พัดกวาดโจมตีแคว้นเมฆา

ผลจากการปรากฏตัวของจ้าวเฟิง ‘แคว้นเมฆา’ รวมทั้ง ‘สิบสามแคว้น’ ได้กลายเป็นฐานของพันธมิตรสังหารมังกร

ในอดีต แคว้นเมฆาถูกพันธมิตรมังกรโลหะใช้หนึ่งฝ่ามือปิดฟ้า สี่จ้าวตำหนักคือผู้ปกครอง จ้าวชีวิตของคนทั่วไป สำนักและแคว้นต่างๆ แม้ไม่พอใจก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยวาจา

ทว่าในยามนี้ สถานการณ์แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ความแข็งแกร่งของจ้าวเฟิงที่เอาชนะสามจ้าวตำหนักถูกกล่าวออกไปว่า เขาเพียงตัวคนเดียวสามารถเอาชนะสี่จ้าวตำหนักได้ ลูบคมศักดิ์ศรีของพันธมิตรมังกรโลหะอย่างโหดเหี้ยม เหล่าผู้ที่ไม่พอใจอำนาจของพันธมิตรมังกรโลหะ รวมทั้งยอดฝีมือที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามบางคนได้เข้าร่วมพันธมิตรสังหารมังกร

แม้ว่าจ้าวเฟิงจะปิดด่านฝึกตนอยู่และไม่รับแขก ทว่าเขาก็กลายเป็นเหมือนกับ ‘กุญแจสำคัญ’ ของแคว้นเมฆาในการต่อต้านพันธมิตรมังกรโลหะ

ยอดฝีมือจากหลากหลายพื้นที่ต่างเดินทางจากสถานที่ห่างไกลมาเพื่อเข้าพบจากชื่อเสียงของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าว ทว่าถูกปฏิเสธโดย ‘สำนักจันทร์สลาย’

วันนี้ ข่าวว่าสำนักอันดับหนึ่งในสิบสามสำนัก ‘สำนักดาบเมฆา’ เปลี่ยนผู้ครอบครองได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งสิบสามแคว้น หลังจากจ้าวเฟิง ยอดฝีมือดาบที่ไร้ที่ติผู้หนึ่งได้หวนคืนกลับมายังแคว้นเมฆาอย่างทรงพลัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version