Skip to content

King of Gods 514

King Of Gods

บทที่ 514 หนึ่งกระบวนท่าชนะผู้ถูกเลือก

ในลานโล่งงานน้ำชา

อัจฉริยะเซียนมังกรสีหน้าเต็มไปด้วยความนิ่งอึ้ง ในดวงตาที่เบิกกว้างของบางคนยังมีความเหลือเชื่อปะปนอยู่

การต่อสู้ระหว่างจ้าวเฟิงและถัวป๋าฉีจะจบลงเช่นนี้หรือ?

เผชิญหน้ากับหนึ่งใน ‘สามสายเลือดตระกูลดวงตา’ ผู้สืบทอดของตระกูลถัวป๋า จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้วิชาดวงตาใดๆ ไม่แม้กระทั่งโจมตีตอบโต้

ทว่า ทุกการเคลื่อนไหวการกระทำของเด็กหนุ่มได้ทำให้ผู้สืบทอดของตระกูลถัวป๋าต้องยอมรับความพ่ายแพ้ไป

“คาดเดาการโจมตีของวิชาดวงตาของข้า เนตรคมสวรรค์ คงมีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำได้”

ถัวป๋าฉีสูดลมหายใจลึก ยอมรับชะตากรรม

การโจมตีของเนตรคมสวรรค์ที่เขาภาคภูมิใจที่สุด จ้าวเฟิงสามารถหลบหลีกได้ เช่นนั้นแล้วสู้ต่อไปจะมีความหมายอันใด?

“หลังจากงานชุมนุมเซียนมังกร จ้าวเฟิงก็ได้เอาชนะผู้สืบทอดตระกูลสายเลือดดวงตาตรงๆ ไปแล้วสองคน”

“สามตระกูลใหญ่สายเลือดดวงตาเหลือเพียงแค่ตระกูลชินหยางที่ยังไม่ได้ประลองกับจ้าวเฟิง”

“เช่นนั้นก็เท่ากับกล่าวว่าเท่าที่เขาสามารถเอาชนะโอรสสวรรค์สามตาได้อีกคน”

ในงานน้ำชา เหล่าผู้ชมจากทั่วทั้งทวีปเอ่ยพูดคุยกัน

ในงานชุมนุมเซียนมังกร จ้าวเฟิงได้เอาชนะเนตรวิญญาณหนานจื่อตรงๆ ฝ่ายหลังเองก็เป็นหนึ่งในทายาทผู้สืบทอดตระกูลสายเลือดดวงตาทั้งสาม

ในยามนี้

จ้าวเฟิงได้เอาชนะถัวป๋าฉีแล้ว เหลือเพียงแค่ตระกูลดวงตาอีกตระกูลเดียว มรดกสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป

เมื่อคิดถึงยามนี้ เหล่าอัจฉริยะเซียนมังกรก็ล้วนคาดหวัง

มันสามารถทำนายได้เลยว่า การประลองระหว่างโอรสสวรรค์สามตาและจ้าวเฟิงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตราบเท่าที่เอาชนะโอรสสวรรค์สามตาได้อีกคน จ้าวเฟิงก็จะได้รับเกียรติของ ‘สายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป’

งานน้ำชาเซียนมังกรครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เวทีของอัจฉริยะเซียนมังกร ทว่ายังเป็นการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปด้วย

“ชินหยางเฉิงเทียน”

จ้าวเฟิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่เดินออกไป สายตามองตรงไปยังผู้จัดงานน้ำชาเซียนมังกร โอรสสวรรค์สามตา

จิตต่อสู้ที่ไม่อาจมองเห็นถูกส่งออกมาจากร่างของโอรสสวรรค์สามตา

ในยามนี้ อัจฉริยะเซียนมังกร ณ ที่แห่งนั้นล้วนจับตามอง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง คนทั้งหลายเงียบเสียงลง นัยน์ตาส่องประกายระริกอย่างตื่นเต้น

“จ้าวเฟิงจะท้าประลองโอรสสวรรค์สามตาจริงๆ ด้วย”

“โอรสสวรรค์สามตาจะสามารถรักษาฉายาของมรดกสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปไว้ได้หรือไม่?”

ถัวป๋าฉี เนตรวิญญาณหนานจื่อ และเหล่าผู้ที่มีมรดกสายเลือดดวงตาล้วนอดที่จะสูดลมหายใจลึกไม่ได้

เมื่อเผชิญหน้ากับการท้าประลองของจ้าวเฟิง มุมปากของโอรสสวรรค์สามตาก็ปรากฏรอยยิ้มบางขึ้น ท่าทีมั่นใจผ่อนคลาย ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า

‘ดวงตาที่สาม’ บนหน้าผากของเขาเปิดออกอย่างเชื่องช้า ประกายแสงสีทองส่องประกาย ราวกับว่ารอบกายได้ปรากฏ ‘ดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้า’ ขึ้น อำนาจพลังดวงตาสูงส่งไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมร่างของทุกคนเอาไว้

ในยามนั้น จิตใจของเหล่าอัจฉริยะเซียนมังกรก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว พลังในร่างสั่นสะเทือนสร้างความทรมาน

รวมทั้งผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ที่ไม่อาจมองตรงไปยัง ‘สายเลือดเนตรเซียน’ ของโอรสสวรรค์สามตาได้ตรงๆ ดวงตารู้สึกราวกับถูกแสงอาทิตย์ทิ่มแทง ร่างกายและจิตใจราวกับถูกแผดเผา

เมื่อมองตากันแล้วก็ทำให้เหล่าผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้รู้สึกถึงแรงกดดันทางจิตวิญญาณที่ไม่อาจต้านทาน

โอรสสวรรค์สามตาลุกขึ้น อีกไม่ช้าสองอัจฉริยะที่มีพลังสายเลือดดวงตาแข็งแกร่งที่สุดในทวีปก็จะประลองกันอย่างดุเดือด

“ช้าก่อน”

น้ำเสียงเย็นเยียบของปิงเว่ยเซียนจื่อพลันดังขึ้นแทรกระหว่างคนทั้งสอง

ประกายแสงสีฟ้าใสเย็นพุ่งวาบ ส่งกลิ่นอายเย็นเยียบที่ทำให้โลหิตแข็งตัวออกมา

ร่างของจ้าวเฟิงแข็งทื่อ

ประกายแสงสีฟ้าเย็นนั้นมาจากร่างของปิงเว่ยเซียนจื่อ กลิ่นอายที่น่าพรั่นพรึงนั้นได้เข้าสู่ระดับที่สามารถแช่แข็งผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำทั่วไปได้แล้ว

“ปิงเว่ยเซียนจื่อ เจ้าหมายความว่าอันใด”

คิ้วของจ้าวเฟิงขมวดเข้าหากัน สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาพยายามจะท้าประลองโอรสสวรรค์สามตา ทว่ากลับถูกปิงเว่ยเซียนจื่อเข้ามาแทรกกลางคัน

ครั้งแรกคือยามที่เขาเจอกับโอรสสวรรค์สามตาเป็นครั้งแรก ปะทะกันด้วยพลังดวงตาที่แข็งแกร่ง ทว่าถูกขัดโดยปิงเว่ยเซียนจื่อ

ครั้งที่สองคือการประลองก่อนหน้า จ้าวเฟิงเอาชนะอัจฉริยะเซียนมังกรหลายคนในเสี้ยววินาที เพียงเตรียมจะท้าประลองโอรสสวรรค์สามตา ปิงเว่ยเซียนจื่อ หนึ่งในผู้จัดงานผู้นี้ก็เข้ามาขวาง

ทว่ายามนี้

มันเป็นครั้งที่สามแล้ว

“น้องเว่ย เจ้า…” โอรสสวรรค์สามตารู้สึกอับอายเล็กๆ มันไม่ยากที่จะคาดเดาถึงความคิดของจ้าวเฟิงเลย

ในใจของปิงเว่ยเซียนจื่อเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย:”ในงานน้ำชาเซียนมังกรยามนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถค้นหาก้นบึ้งของจ้าวเฟิงได้”

คู่ต่อสู้ทุกคนของจ้าวเฟิงล้วนถูกเอาชนะได้ในเสี้ยววินาที

สำหรับผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้อีกสองคน ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทำให้ไม่ท้าประลองจ้าวเฟิง

ชื่อเฉิงเทียน ในอดีตเคยพ่ายแพ้ให้แก่จ้าวเฟิง นอกจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจ้าวเฟิงยังค่อนข้างดี

ชางหยูเยว่ ผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้คนใหม่ พลังโจมตีด้วยศาสตร์แห่งดาบของนางแข็งแกร่งไร้คู่ต่อสู้

ปิงเว่ยเซียนจื่อคาดว่าชางหยูเยว่จะท้าประลองจ้าวเฟิง

ทว่าสิ่งที่ทำให้นางผิดหวังคือ ต่อให้ชางหยูเยว่จะมีจิตต่อสู้ต่อจ้าวเฟิงบ้าง ทว่ากลับไม่ได้ท้าประลอง

ปิงเว่ยเซียนจื่อย่อมไม่รู้ว่าในแคว้นเมฆา ชางหยูเยว่ได้พ่ายแพ้ให้แก่จ้าวเฟิงแล้ว คนทั้งสองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน

แม้ว่ายามนี้ความเข้าใจในศาสตร์แห่งดาบของชางหยูเยว่จะลึกล้ำขึ้น พลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ทว่าก็ไม่มีแม้แต่ความมั่นใจว่าจะชนะจ้าวเฟิงได้

หรืออีกนัยหนึ่ง

สามผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้ที่ปรากฏตัวอยู่นั้นล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้ให้แก่จ้าวเฟิง

“หึ ผู้ใดขัดขวาง ข้าก็จะจัดการคนผู้นั้น”

ปราณจิตวิญญาณวายุอัสนีในร่างของจ้าวเฟิงได้โคจรไปในทิศทางแปลกประหลาดด้วยความเร็วสูง ระลอกคลื่นสายฟ้าและสายลมสีเขียวเข้มแพร่กระจายไปทั่วระยะหลายสิบจ้าง

เคร้ง

น้ำแข็งสีฟ้าใสจากร่างของปิงเว่ยเซียนจื่อถูกกวาดออกในเสี้ยววินาที ทิ้งไว้เพียงแค่ไอควันที่ลอยกรุ่น

ปิงเว่ยเซียนจื่อคำรามในลำคอ ร่างบอบบางราวหยกหิมะชาหนึบ สายลมราวกับบีบอัด ทำให้ลมหายใจของนางติดขัด

ในยามนี้

พลังวายุอัสนีจากจ้าวเฟิงได้เข้าสู่ระดับที่น่าพรั่นพรึง เป็นระดับที่ผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปไม่ได้ทำได้

“จ้าวเฟิง การต่อสู้ของเราในงานชุมนุมเซียนมังกรเมื่อหนึ่งปีก่อนยังไม่จบ”

ปราณจิตวิญญาณในร่างของปิงเว่ยเซียนจื่อแทบจะเผาไหม้ ผิวกายทั่วทั้งร่างส่องประกายสีฟ้าใส

ในเสี้ยวพริบตา ร่างของนางก็กลายเป็นน้ำแข็ง ดูแล้วกับผลึกสีฟ้าเย็น ท่าทีสูงส่งเก่งกาจขึ้นทันตา พลังความเย็นของน้ำแข็งสีฟ้านั้น ในไม่กี่ลมหายใจได้เข้าสู่ระดับที่สามารถเทียบเคียงขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดได้”

“นี่มันเป็นวิชาอันใดกัน เปลี่ยนร่างให้กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง…”

ร่างกายและจิตใจของเหล่าอัจฉริยะเซียนมังกรราวกับถูกแช่แข็ง สั่นสะท้าน

ในบริเวณพื้นที่นี้ ความเย็นในอากาศดูจะส่งผลต่อผู้ชมบางคน ฟันกระทบกันดังกึกๆ ร่างกายไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้

“กายผลึกสงคราม”

ผิวกายทั่วทั้งร่างของปิงเว่ยซียนจื่อเปลี่ยนแปลงกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ราวกับเทพธิดาน้ำแข็งในโลกแห่งความหนาวเหน็บ ทุกการเคลื่อนไหวทุกการกระทำสร้างความสั่นไหวให้กับพลังความเย็นในธรรมชาติ

ภายใต้วิชานี้ พลังป้องกันของนางจะเพิ่มขึ้นจนเหนือกว่าชื่อเฉิงเทียน

บางทีหากเป็นชางหยูเยว่คงยากที่จะทะลวงผ่านการป้องกันของนางได้ตรงๆ อย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจทำได้ทางกายภาพ

“ด้วยกายผลึกสงคราม ทุกการเคลื่อนไหวทุกการกระทำของข้ามีความสามารถที่จะแช่แข็งผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปได้ จ้าวเฟิง ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะยังสามารถปกปิดพลัง ไม่ใช้วิชาดวงตาได้”

บนใบหน้าบอบบางราวหยกหิมะของปิงเว่ยเซียนจื่อเย็นเยียบ จิตสังหารแพร่กระจายออกมาอย่างเห็นได้ชัด

ฟึ่บ เปรี้ยง

นางวาดมือ หยกผลึกที่ปรากฏเปลวเพลิงสีฟ้าเย็นเยียบโอบล้อมสั่นไหวกลับกลายเป็นคล้ายนกฟินิกซ์

คลื่นความเย็นรอบกายสร้างพายุสายลมเย็นเยียบขึ้นกลืนกินระยะครึ่งลี้โดยรอบไป ภายใต้สภาวะนี้ ปิงเว่ยเซียนจื่อได้ทำให้ผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ ต้องใบหน้าซีดขาว เหล่าอัจฉริยะในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงต้องตื่นตะลึง

กระทั่งโอรสสวรรค์สามตายังรู้สึกประหลาดใจ พลังต่อสู้ของปิงเว่ยเซียนจื่อในยามนี้อาจเรียกได้ว่าไร้เทียมทานในบรรดาผู้ฝึกตนที่มีพลังต่ำกว่าขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอด

ผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปนั้นไม่ต้องเอ่ยถึงการทำลายพลังป้องกันของกายผลึกสงครามเลย กระทั่งเข้าไปใกล้ยังอาจจะถูกแช่แข็งเสียด้วยซ้ำ

ฟึ่บ

คลื่นวายุอัสนีสีเขียวเข้มที่แพร่ออกมาจากร่างของจ้าวเฟิงได้ถูกพลังความเย็นกัดกร่อนจนกระเทาะออกเป็นเกล็ด ภายใต้การโจมตีด้วยพายุสายลมหนาวที่น่าพรั่นพรึงที่ถูกเสริมด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าเย็น ผิวกายของจ้าวเฟิงแทบจะถูกแช่แข็ง

“ปิงเว่ยเซียนจื่อ เจ้าใช้วิชาเช่นนี้ อย่าได้บอกเชียวว่าไม่สนใจว่าแหล่งกำเนิดพลังจะได้รับความเสียหายเช่นไร เพียงแค่ต้องการพิสูจน์พลังขั้นนายเหนือแท้ของข้า?”

มุมปากของจ้าวเฟิงยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น

เหมันต์วารีผันแปร ทั่วทั้งร่างของจ้าวเฟิงปรากฏม่านน้ำขึ้นโอบล้อม คลื่นน้ำสีน้ำเงินนั้นพลันทะยานไปเบื้องหน้า ขยายออกสู่ระยะหลายสิบจ้าง ทั้งลึกล้ำและกว้างใหญ่ ทุกการโจมตีทั้งหมดที่เข้ามาใกล้จ้าวเฟิงเป็นเหมือนเช่นก้อนหินที่ตกลงสู่ท้องทะเล

หากปิงเว่ยเซียนจื่อคือภูเขาน้ำแข็ง จ้าวเฟิงก็คือมหาสมุทร

คลื่นน้ำที่โอบล้อมร่างของจ้าวเฟิงไหลอย่างเชี่ยวกราก ไร้ซึ่งการหยุดชะงัก ‘ไหลซึม’ เข้าใกล้ร่างของปิงเว่ยเซียนจื่ออย่างแปลกประหลาด

“สลาย”

จ้าวเฟิงส่งหมัดออกไปหนึ่งหมัด บนหมัดนั้นปรากฏระลอกคลื่นน้ำ คล้ายกับน้ำร้อนที่เทราดลงบนน้ำแข็ง หลอมละลายการป้องกันของ ‘กายผลึกสงคราม’ ของปิงเว่ยเซียนจื่อไปตรงๆ

“ไม่”

ใบหน้าของปิงเว่ยเซียนจื่อขาวซีด รู้สึกไม่เต็มใจยิ่งนัก นางมองไปยังหมัดของจ้าวเฟิงที่พุ่งเข้าทรวงอกของนางอย่างสิ้นหวัง

เปรี้ยะ เปรี้ยง ตูม

หมัดของจ้าวเฟิงทะลวงผ่านกายผลึกสงครามของปิงเว่ยเซียนจื่อ คลื่นน้ำที่ล้อมรอบอยู่ที่หมัดระเบิดออกที่ทรวงอกของนาง

ปิงเว่ยเซียนจื่อกระอักเลือด ร่างบอบบางกระเด็นออกไป เสื้อผ้าฉีกขาด เผยให้เห็นผิวขาวราวหิมะและส่วนสงวนของสตรี

“น้องเว่ย”

โอรสสวรรค์สามตาอุทานออกมา รีบทะยานร่างไปช่วยอย่างรวดเร็ว

“หนึ่งกระบวนท่าเอาชนะปิงเว่ยเซียนจื่อ”

เหล่าผู้ชมเงียบสงัด

หลายคนสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไป

“น่ากลัวเกินไปแล้ว ปิงเว่ยเซียนจื่อในสภาวะนั้นเหนือกว่าช่วงเวลาที่สมบูรณ์ที่สุดของผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้เสียอีก ทว่ากลับไม่อาจต้านทานหนึ่งกระบวนท่าของจ้าวเฟิงได้”

ชื่อเฉิงเทียน ชางหยูเยว่ ตันไถ่หลันเยว่ เหล่าอัจฉริยะในระดับของผู้ถูกเลือกในใจเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

พวกเขารู้สึกยินดีที่ก่อนหน้าไม่ได้ท้าประลองจ้าวเฟิง หรือมิเช่นนั้นก็คงมีเพียงแค่สร้างความอับอายให้ตนเองเท่านั้น

หนึ่งกระบวนท่าชนะผู้ถูกเลือกผู้ไร้คู่ต่อสู้

ผู้ชมจำนวนมากเบิกตากว้าง สติหลุดลอย

จ้าวเฟิงที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง ภายใต้สายตาหวาดกลัวของผู้คนสีหน้ายังคงนิ่งเรียบ เอ่ยพึมพำกับตนเอง:”ในที่สุดก็จัดการตัวเกะกะได้สักที”

บนยอดเขาห่างออกไป

ผู้นำตระกูลชินหยางและชายชราหมวกฟางสีหน้าเลวร้ายลงอย่างมาก

“พลังของจ้าวเฟิงผู้นี้เหนือกว่าที่พวกเราคาดเดาอย่างสิ้นเชิง การมายังตระกูลชินหยางของเขานับเป็นเรื่องเลวร้าย…”

ชายชราหมวกฟางเอ่ยกับตนเอง

“ดูเหมือนว่าหากเฉิงเอ๋อร์ต้องการที่จะเอาชนะเขาคงไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าฉายามรดกสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่มีผู้ใดสามารถแย่งชิงไปได้”

นัยน์ตาของผู้นำตระกูลชินหยางสั่นระริก

ในยามนี้ ที่ลานประลองในงานน้ำชา การต่อสู้ของจ้าวเฟิงและโอรสสวรรค์สามตาได้เริ่มขึ้น

“จ้าวเฟิง เจ้าทำร้ายเว่ยเอ๋อร์…”

น้ำเสียงกราดเกรี้ยวดังก้อง เต็มไปด้วยจิตสังหารเข้มข้น

อัจฉริยะเซียนมังกรในบริเวณนั้นในใจปรากฏความหนาวเยือกขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ รู้สึกราวกับร่างหล่นลงไปยังหุบเหวที่ไร้ก้นบึ้ง

ในสายตาของพวกเขา บุรุษเรือนผมสีทองที่รูปลักษณ์ราวกับดาบที่แหลมคม ‘ดวงตาที่สาม’ บนหน้าผากของเขาได้เปิดออกอย่างสมบูณ์ เหมือนเช่นดวงอาทิตย์สีทองที่ส่องสว่างลงมายังโลก ส่องแสงเจิดจ้าดุดัน กลิ่นอายพลังดวงตาสีทองที่ไม่อาจมองเห็นแทรกซึมไปทั่วอากาศ

ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ

ถัวป๋าฉี เนตรวิญญาณหนานจื่อ และยอดฝีมือสายเลือดดวงตาคนอื่นๆ รู้สึกทรมาน สายเลือดดวงตาถูกกดดันอย่างอธิบายไม่ได้

หืม?

จ้าวเฟิงรู้สึกเหมือนตาซ้ายหดลง ราวกับว่ามันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันบางอย่าง เต้นตุบอย่างแผ่วเบา

“สามเนตรแสงศักดิ์สิทธิ์”

ประกายแสงสีรุ้งที่ร้อนฉ่าราวดวงอาทิตย์ที่มาพร้อมกับปราณเพลิงที่สามารถเผาไหม้ทุกสิ่งได้ทะลวงผ่านอากาศในเสี้ยววินาที เหมือนกับอุกกาบาตที่ลุกโหมไปด้วยเปลวเพลิงได้ปะทะเข้าที่จ้าวเฟิงดัง ‘เปรี้ยง’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!