Skip to content

King of Gods 556

King Of Gods

บทที่ 556 เนตรพิฆาตกลางอากาศที่แข็งแกร่งที่สุด

“จิตวิญญาณเทพวารี!”

นี่เป็นเคล็ดวิชาที่เกี่ยวโยงกับสายน้ำซึ่งผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นเคยใช้มาก่อน

แต่ว่าในเวลานี้ เคล็ดวิชาอันแข็งแกร่งนี้กลับถูกจ้าวเฟิงลอกเลียนสำเร็จแล้ว

ครืน~ ฟู่ ฟู่ ฟู่!

ร่างกายของจ้าวเฟิงกลายเป็นดุจของเหลว ระลอกน้ำสีน้ำเงินเข้มราวทะเลลึกผุดออกมา พลังที่มาจาก ‘คลื่นมีดมิติ’ ทะลุผ่านร่างนี้ไป เหมือนกับทะลุผ่านมนุษย์วารีโดยไม่ต้องออกแรงเลยแม้แต่น้อย

โลกภายนอก ยอดฝีมือของสามสำนักแต่ละคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก

สำหรับกระบวนท่า ‘จิตวิญญาณเทพวารี’ ของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น ทุกคนล้วนแต่เคยเห็นมาแล้วด้วยตาตนเอง เคล็ดวิชาลับขั้นสูงที่เกี่ยวกับสายน้ำระดับนี้ ทั่วทั้งสามสำนักสองดาวมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ฝึกสำเร็จ

“จิตวิญญาณเทพวารีใช้พลังจากสายน้ำ เมื่อหลอมรวมแนบสนิทกับร่างกายของมนุษย์ จะทำให้กลายสภาพเป็นกึ่งของเหลวชั่วคราว ร่างกายจะอยู่ในสภาวะที่มีการปกป้องจนเกือบจะไม่มีทางสังหารได้” จ้าวเฟิงซึ่งลอยตัวอยู่บนที่สูงตัวสั่นน้อยๆ ด้วยสภาวะของเหลว นัยน์ตาเย็นชา

ในเวลาเดียวกัน ‘หอกจักรพรรดิเหมันต์’ ในร่างเขาก็หลอมรวมกับทุกอณูของสายเลือด เสวียนอ้าวเหมันต์นี้เป็นดั่งโครงกระดูกน้ำที่คอยสนับสนุน ‘จิตวิญญาณเทพวารี’ ของเขา

และด้วยเหตุนี้ จ้าวเฟิงที่ยังไม่ถึงขั้นผู้สูงศักดิ์ถึงสามารถใช้ ‘จิตวิญญาณเทพวารี’ ได้สำเร็จ แต่ว่าต้องสิ้นเปลืองพลังไปเป็นอย่างมาก

“น่ารังเกียจ! เจ้าเด็กนี่สำเร็จวิชานี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างกายเท่ากับกึ่งเป็นอมตะแล้ว” ปรมาจารย์อิ๋นคงกัดฟันกรอด

ผลัวะ ผลัวะ ตูม!

ภายใต้การโจมตีจาก ‘คลื่นมีดอากาศ’ จ้าวเฟิงกัดฟันต้านไว้ราวสองสามช่วงลมหายใจ แน่นอนว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บแต่อย่างใดจากการโจมตีดังกล่าว

การโจมตีของวิชามิติพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้ร่างของเขาเป็นกึ่งของเหลวก็ยังกระทบกระเทือนถึงเจ็ดสิบแปดสิบส่วน ร่างกายก็ยังบาดเจ็บบางส่วนด้วย

“โชคดีที่ ‘หอกจักรพรรดิเหมันต์’ หลอมรวมอยู่ในร่างข้า” จ้าวเฟิงที่ใช้ดวงตาเทพเจ้าระหว่างกลายเป็นน้ำยังคงสัมผัสได้ถึงอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย แต่ยังดีที่เขาได้หอกจักรพรรดิเหมันต์ช่วยทำให้พลังการป้องกันของ ‘จิตวิญญาณเทพวารี’ อยู่ในระดับที่สูงส่งกว่าผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น

ผลัวะ วิ้ง วิ้ง!

เมื่อร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บของจ้าวเฟิงเกิดสายน้ำหมุนวน การรักษาบาดแผลก็ไวกว่าปกติเกินกว่าสิบเท่า

ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจ้าวเฟิงจะบาดเจ็บมากมายขนาดไหน แต่เมื่ออยู่ในสภาวะกึ่งของเหลว ความเร็วในการรักษาบาดแผลก็ไวยิ่งกว่าการเกิดบาดแผลเสียอีก

“เขาทำได้อย่างไร? เขาเรียนรู้เคล็ดวิชา ‘จิตวิญญาณเทพวารี’ ขั้นสูงของข้าได้อย่างไร” ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นมีสีหน้าตกใจนยั้งสติไม่ได้

สามช่วงลมหายใจจากนั้น

พรึ่บ!

การโจมตีของ ‘คลื่นมีดมิติ’ ก็ไร้ผลใดๆ มันหายวับไปกับอากาศ

 

ใบหน้าของปรมาจารย์อิ๋นคงซีดเผือด จิตใจหนักอึ้งขึ้น พัฒนาการและพลังที่ซุกซ่อนอยู่ของจ้าวเฟิงล้วนแต่อยู่เหนือกฎเกณฑ์และหลักเหตุผลใด ขนาดผู้ที่แข็งแกร่งดังเช่นปรมาจารย์อิ๋นคงยังจัดการได้ยาก

ในเวลาเดียวกันนั้น

ฟู่~

ร่างกายของจ้าวเฟิงในสภาพของเหลวค่อยๆ กลับคืนสู่สภาวะที่มีเลือดเนื้อปกติ

หือ?

จุดนี้เองทำให้ผุ้อาวุโสสุ่ยอวิ้นและคนอื่นออกจะรู้สึกประหลาดใจ

‘จิตวิญญาณเทพวารี’ เป็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่ง ไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะของเหลว ทว่ายังทำให้พลังรบเพิ่มขึ้นอีกด้วย แต่ว่าเมื่อครู่ จ้าวเฟิงใช้เคล็ดวิชานี้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือใช้พลังป้องกันที่ทำให้ร่างกายเป็นของเหลวเสมือนกึ่งอมตะ แต่กลับไม่ได้เพิ่มพลังรบแต่อย่างใด

เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นก็เข้าใจ

จ้าวเฟิงคัดลอกวิชานี้ของนางในเวลาสั้นๆ จึงอาจจะได้ไปเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

อีกอย่าง ‘จิตวิญญาณเทพวารี’ ที่สมบูรณ์ใช้พลังมากเกินไป พลังสายเลือดของจ้าวเฟิงและรายละเอียดพลังฝึกตนยังไม่ถึงขั้นนั้น ต่อให้เป็นผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นใช้วิชานี้ ไอสวรรค์ก็ยังต้องมีการบาดเจ็บหนักเกิดขึ้น

“การใช้ ‘จิตวิญญาณเทพวารี’ สิ้นเปลืองพลังและยังมีสิ่งที่ต้องแลกราคาสูงมาก ข้าใช้พลังไปเพียงครึ่งเดียวก็รู้สึกราวกับพลังจะสูญสลายไปหมด” หลังจากจ้าวเฟิงเอาชีวิตรอดได้ ก็ไม่ได้รีบโจมตีกลับทันทีทันใด

ความรู้สึกว่าร่างกายใกล้จะขาดพลังส่งสัญญาณเตือนจ้าวเฟิงเสียก่อน

สถานการณ์ของปรมาจารย์อิ๋นคงก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก พลังสายเลือดดวงตาก็ใช้ไปเป็นจำนวนมาก

อันดับแรก การจะใช้เคล็ดวิชาเพื่อเข้าไปภายในมิติซากปรักหักพังสือเฉิง เขาก็ใช้พลังสายเลือดไปแล้วครึ่งหนึ่ง พลังสายเลือดและพลังดวงตาของเขามาจากแหล่งพลังเดียวกัน

แล้วจากนั้น ปรมาจารย์อิ๋นคงยังต้องสังหารยักษ์ศิลา จัดการกับเจ้าหอโครงกระดูก จากนั้นประลองกับจ้าวเฟิง ซึ่งใช้พลังดวงตาไปไม่น้อย

โดยเฉพาะ ‘คลื่นมีดมิติ’ เคล็ดวิชาที่ต้องใช้กับบริเวณกว้างๆ เช่นนี้สิ้นเปลืองพลังสายเลือดมาก

แต่ว่าเขาก็ไม่อาจใช้เพียงการโจมตีที่เปลืองพลังน้อยกว่าอย่าง ‘ไอมีดโลหะเวหา’ เพราะทันทีที่ใช้มันก็จะโดนจ้าวเฟิงโต้ตอบด้วยวิชา ‘เคลื่อนย้ายกลางอากาศ’

วูบ~

ในเวลานั้นเอง เจ้าหอโครงกระดูกโบกธงสีดำเรียกพลังค่ายกลหุ่นเชิดศพ หมอกควันสีเทาอันแข็งกล้าปกคลุมทั่วบริเวณคนเหล่านั้น

“แค่ก แค่ก…” เมื่อปรมาจารย์อิ๋นคงและคนอื่นๆ ที่บาดเจ็บโดนพลังคำสาปอาฆาตแค้นกัดกร่อน อาการบาดเจ็บก็หนักขึ้นมาก

“รัศมีม่วงพิฆาต แส้วายุอัสนี!” จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงดัง ในมือของเขาปรากฏแส้อวายุอัสนียาวหลายสิบจั้งที่รวมตัวขึ้นจากแสงสีม่วงเขียว  พลังไอสวรรค์ของวายุอัสนีสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ

เพียะ เพียะ! ตูม โครม!

รัศมีม่วงพิฆาต แส้วายุอัสนี ทำให้เกิดกลิ่นอายวายุอัสนีพิฆาตไปทั่ว พลังวายุอัสนีระเบิดเลือนลั่นยามสะบัดแส้ แล้วพันธนาการคนเบื้องล่างไว้

ในเวลานั้น ยอดฝีมือของทั้งสามสำนักที่เหลืออยู่ไม่มากก็กลับมาอยู่ในสถานการณ์จนตรอกอีกครั้ง

ด้านบนมีแส้วายุอัสนี ด้านล่างมีค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป

ผู้เดียวที่มีโอกาสมากพอจะหนีไปได้คือปรมาจารย์อิ๋นคง แต่หากว่าเป็นเช่นนั้นก็จะไม่ได้รับการรักษาจากผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น เขาจะเหลือขาเพียงข้างเดียวเท่านั้น

“คุกโลหะเวหา!” นัยน์ตาสีเงินเข้มของปรมาจารย์อิ๋นคงปลดปล่อยพลังดวงตามิติออกมา

ในครั้งนี้ คู่ต่อสู้ที่เขาจะกักขังกลับเป็นเจ้าหอโครงกระดูก

เพราะว่าเจ้าหอโครงกระดูกคอยจัดแจงค่ายกลหุ่นเชิดศพที่ส่งผลต่อสถานการณ์ทั้งหมดนี้

“รัศมีม่วงพิฆาต เนตรมรกตพิฆาต!” จ้าวเฟิงยิ้มเย็น แล้วปล่อยพลังดวงตาแหลมคมโจมตีตรงไปยังปรมาจารย์อิ๋นคงอย่างรวดเร็ว

ตูม…

ไอใบมีดกึ่งโปร่งแสงขนาดใหญ่ซึ่งล้อมรอบด้วยกลิ่นอายวายุอัสนีสีม่วงที่สั่นระริก พุ่งตรงไปตัดฉับที่เบื้องหน้าของปรมาจารย์อิ๋นคง

ปรมาจารย์อิ๋นคงเปลี่ยนสีหน้า

ผลัวะ สวบ!

บนพื้นดินจุดเดิมทิ้งร่องรอยวงแหวนสีเงินไว้ แล้วร่างของปรมาจารย์อิ๋นคงก็หายไป

เนตรมรกตพิฆาตปรากฏในอากาศอีกครั้ง

 

เมื่อเห็นเนตรมรกตพิฆาตค่อยๆ อ่อนแสงลงแล้วสลายไป แววตาจ้าวเฟิงสว่างวาบ! ภายในใจของเขาก็เกิดความคิดหาญกล้าอย่างหนึ่งขึ้น

แซ่ด!

ไอใบมีดกึ่งโปร่งแสงขนาดใหญ่สูญสลายหายไปเองในอากาศ

“ถ้าหากใช้ ‘เนตรมรกตพิฆาต’ และวิชา ‘เคลื่อนย้ายกลางอากาศ’ ด้วยกัน ก็จะเพิ่มการโจมตีประเภทมิติให้กับเนตรมรกต ไม่ใช่ว่าเป็น” นัยน์ตาจ้าวเฟิงสว่างวาบ ดวงใจพลันเต้นระรัว

“จ้าวเฟิง! ช่วยข้าที…”

เจ้าหอโครงกระดูกยังคงอยู่ภายใต้ ‘คุกโลหะเวหา’ ของปรมาจารย์อิ๋นคง ร่างกายโดนกักขังจนขยับไม่ได้ ถึงขนาดต้องใช้ ‘เมล็ดดวงใจทมิฬ’ ส่งเสียงหาจ้าวเฟิง

เมื่อขาดการควบคุมของเจ้าหอโครงกระดูก พลังของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปก็สูญสลายหายไปกว่าครึ่งในระยะเวลาอันสั้น

ยามนั้นสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานของพวกลู่เทียนอี้ค่อยๆ คลี่คลายลง

“ลู่เทียนอี้ พวกเจ้ารับผิดชอบจัดการเจ้าหอโครงกระดูกนั่น เขาโดนพลังมิติของข้ากักขังไว้ภายในปราการ ไม่มีปัญญาจะขัดขืนอะไรแล้ว”

ปรมาจารย์อิ๋นคงหัวเราะ ‘หึหึ’ จากนั้นจึงกลับมาอยู่ที่เบื้องหน้าของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น เขายังต้องการการรักษาจากนางเป็นการชั่วคราว

“ได้” ลู่เทียนอี้และคนอื่นอีกสองคนบุกเข้าไปยังใจกลางของค่ายกลหุ่นเชิดศพอย่างยากลำบาก โดยตรงเข้าคุกคามเจ้าหอโครงกระดูก

เจ้าหอโครงกระดูกถูกกักขังอยู่ ทันทีที่ลู่เทียนอี้และพรรคพวกไปถึงเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

“รัศมีม่วงพิฆาต เนตรมรกตพิฆาต!”

ในเวลานี้เอง เนตรมรกตพิฆาตคำรบที่สองของจ้าวเฟิงตรงดิ่งแหวกอากาศมา

ที่ไม่เหมือนกับในครั้งก่อนคือ ‘เนตรมรกตพิฆาต’ ในครั้งนี้มีขนาดเล็กเพียงแค่สามชุ่นเท่านั้น พลังจึงอัดแน่นรุนแรง

“ ‘เนตรมรกตพิฆาต’ ในครั้งก่อนมีขนาดหลายจั้ง แต่ว่าในครั้งนี้เล็กเพียง ‘สามชุ่น’ เท่านั้น ถึงแม้ว่าจะย่อเหลือเล็กลงมากขึ้น แต่ว่าพลังดวงตาสลายไปเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น” มุมปากของจ้าวเฟิงยกน้อยๆ เป็นรอยยิ้ม

เนตรมรกตพิฆาตที่เล็กขนาดนี้แทบไม่ส่งผลกระทบอะไรกับการสิ้นเปลืองพลังดวงตาเลย

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการปูทางเพื่อขั้นตอนต่อไปเท่านั้น

“ไม่มีประโยชน์หรอก! การโจมตีของเจ้าไม่มีทางถึงตัวข้าได้” ปรมาจารย์อิ๋นคงยิ้มราบเรียบ แล้วหลบการโจมตีของเนตรมรกตพิฆาตอย่างสบายๆ

เขายังคงใช้ ‘คุกโลหะเวลา’ กักขังเจ้าหอโครงกระดูกไว้

“ช่วยข้า…” เจ้าหอโครงกระดูกไม่สามารถขยับตัวได้ สายตามองดูลู่เทียนอี้ที่ในมือมีอาวุธชั้นพิภพ ‘คมดาบหมาป่าพิฆาตมังกร’ ค่อยๆ เข้ามาใกล้เขาทุกที

เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างฉับพลันในเวลานี้!

‘เนตรมรกตพิฆาต’ ขนาดสามชุ่นนั้นร่วงหล่นลงมาแล้วจึงหายไปกลางอากาศในทันที

“เคลื่อน…ย้าย…กลาง…อากาศ!” พลังดวงตากึ่งโปร่งแสงลักษณะคล้ายระลอกน้ำ ตรงใจกลางปรากฏวังน้ำหมุนวน ทับซ้อนกันแล้วตรงดิ่งไปที่ร่างของลู่เทียนอี้

โครม!

ร่างของลู่เทียนอี้แข็งทื่อ เลือดสาดกระเซ็นออกมา ไอใบมีดกึ่งโปร่งแสงที่มีกลิ่นอายวายุอัสนีพิฆาตสีม่วงสั่นระริกอยู่รอบๆ ทะลวงออกจากร่างเขา

“ชะ…ช่วย…” ลู่เทียนอี้เค้นเสียงอย่างยากลำบาก แต่ว่าเนตรมรกตพิฆาตที่ทะลุออกจากร่างของเขาแหลมคมเกินจะเปรียบ แล้วยังมีกลิ่นอายเสวียนอ้าวทำลายล้างผสานอยู่ด้วย

ตุบ!

ลู่เทียนอี้ล้มลงกับพื้น

เขาตายแล้ว อัจฉริยะอันดับต้นๆ ของทั้งสามสำนักตายคาที่

“เทียนอี้!”

“ศิษย์พี่ลู่…”

ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น เย่หยานหยู รวมไปถึงคนของทั้งสามสำนัก ณ โลกภายนอกพากันร้องอุทานเซ็งแซ่

ภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป เย่หยานหยูและจงหว่านเอ๋อร์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ผู้แข็งแกร่งอย่างลู่เทียนอี้ยังโดนจ้าวเฟิงปลิดชีพลงอย่างง่ายดายโดยที่ตอบโต้อะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ

“คมมีดนั่นพิเศษยิ่งกว่า ‘ไอมีดโลหะเวหา’ ของข้าเสียอีก มันเข้าไปปรากฏภายในร่างของเป้าหมายโดยตรง” ปรมาจารย์อิ๋นคงใจกระตุกวูบ

‘ไอมีดโลหะเวหา’ ของเขายังต้องแหวกผ่านอากาศ มีขั้นตอนของการโจมตีชัดเจน แต่กระบวนท่าของจ้าวเฟิงเมื่อครู่ทำให้คมมีดเนตรมรกตย้ายเข้าไปอยู่ภายในร่างกายของอีกฝ่าย สร้างบาดแผลอันตรายถึงชีวิต การเคลื่อนย้ายมิติแบบนี้เหนือความคาดหมายยิ่งนัก

“ปรมาจารย์อิ๋นคง…ต้องขอบใจพรสวรรค์ด้านมิติของท่านที่เป็นกระจกเงาให้ข้าเรียนรู้ จนวันนี้ข้าคิดค้นวิชาดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองได้…เนตรพิฆาตกลางอากาศ!” จ้าวเฟิงพลันแหงนหน้าหัวเราะ

เอา ‘เนตรมรกตพิฆาต’ และ ‘เคลื่อนย้ายกลางอากาศ’ ผสานเข้าด้วยกัน กลายมาเป็นพลังดวงตาที่โจมตีได้แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวเฟิง

เนตรพิฆาตกลางอากาศ?

คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นใจเต้นระส่ำระส่าย

“ทุกท่าน หากว่ายอมแพ้เสียตั้งแต่ตอนนี้ข้าอาจจะไว้ชีวิตพวกท่านก็ได้”

จ้าวเฟิงยืนเอามือไขว้หลังด้วยท่าทีมั่นใจเต็มเปี่ยม ในวินาทีนี้ เขาถึงขั้นคร้านจะสนใจเจ้าหอโครงกระดูกที่โดนกักขังอยู่

“เด็กน้อย อย่าหวังว่าจะสงบเลย! เจ้าสังหารลู่เทียนอี้ สำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างไม่มีทางปล่อยเจ้าไว้แน่” ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นตะโกนเสียงกร้าว

“ฆ่า…เนตรพิฆาตกลางอากาศ!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงระเบิดคลื่นพลังมหาศาล ปลายแหลมคมอันเย็นเยียบที่มีกลิ่นอายสีม่วงเขียวสว่างวาบขึ้น ก่อนจะทะลักออกมาจากดวงตาของเขา

พลั่ก!

ร่างของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นแข็งทื่อ เลือดสาดกระเซ็น หัวใจของนางโดนคมมีดขนาดสามชุ่นทะลวงออกจากร่างอย่างฉับพลัน กลิ่นอายรัศมีม่วงพิฆาตสาดซัดออกมา ปลิดชีวิตของร่างนั้นในทันที

เฮือก!

ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นหมดลมหายใจ

นางตายเสียแล้ว

ฮะ!

บนยอดเขาเทียมฟ้า ณ โลกกภายนอก ยอดฝีมือของทั้งสามสำนักโกลาหลกันยกใหญ่

เพียงเนตรเดียวก็สามารถสังหารผู้สูงศักดิ์ได้!

ลู่เทียนอี้กับผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น ทั้งสองต่างเป็นผู้สูงศักดิ์ แต่กลับโดนสังหารในทันทีทันใด

“จ้าวเฟิงผู้นี้…ชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว เขาได้วิชาดวงตาที่น่ากลัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” ยอดฝีมือในขั้นผู้สูงศักดิ์ล้วนแต่เย็นยะเยือกในอก

ภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป

“จู่ๆ จ้าวเฟิงทำไมน่ากลัวขนาดนี้ได้ สังหารผู้สูงศักดิ์ราวกับหั่นผักอย่างไรอย่างนั้น” เจ้าหอโครงกระดูกตกใจ ไม่รู้ว่าพลังซึ่งกักขังร่างกายของเขาไว้หายไปเมื่อไหร่

เพราะว่าปรมาจารย์อิ๋นคงที่อยู่อีกฝั่งนัยน์ตาเบิกโพลง ฉายแววหวาดหวั่นออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!