Skip to content

King of Gods 557

King Of Gods

บทที่ 557 ตราสั่งมรณะ

ทะเลความว่างเปล่า บนยอดเขาเทียมฟ้า

คนในพื้นที่นั้นต่างตื่นตระหนก ยอดฝีมือของทั้งสามสำนักเอ็ดตะโรโกลาหล ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดอดไม่ได้ที่จะถอนใจด้วยความตกตะลึง

ผู้เปรียบเหมือน ‘เทพเซียน’ อย่างราชันปราณเทวะทั้งสามสีหน้าก็ตึงเครียดขึ้น

ในวินาทีนี้ พลังอันแข็งแกร่งน่ากลัวของจ้าวเฟิง กลายเป็นดั่งฝันร้ายที่ติดตราตรึงอยู่ในดวงวิญญาณ ทำให้ทุกคนหวาดกลัวจนตัวสั่น

แววตาของเฉิงเยว่เซียนกูจ้องจ้าวเฟิงภายในภาพเงาเขม็ง แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ

“หาวิธีช่วยเหลือคนสามคนที่เหลือก่อนแล้วกัน” เฉิงเยว่เซียนกูเปิดปากเอ่ยทำลายความเงียบในที่แห่งนั้น ราชันในขอบเขตปราณเทวะทั้งสองลอบสบตากัน อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจด้วยรู้สึกอับจนหนทางเล็กน้อย

ยามเมื่อ ‘ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น’ สิ้นชีพ ราชันปราณเทวะทั้งสามก็เข้าใจว่าไม่มีสถานการณ์เป็นต่อเหลืออยู่แล้ว ด้วยภายในกองทัพของสามสำนัก ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นมีตำแหน่งที่สำคัญอยู่ไม่น้อย

ขอเพียงแค่นางไม่ตาย คนอื่นๆ ที่บาดเจ็บล้วนแต่มีหวังที่จะกลับมาแข็งแกร่งดังเดิมได้ พูดได้ว่า ผู้สูงศักดิ์ที่เชี่ยวชาญด้านการรักษาเช่นผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นเป็นใจกลางของกองทัพ

แต่ว่าจ้าวเฟิงเองก็เข้าใจในข้อนี้เช่นกัน การสังหาร ‘ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น’ จะทำให้การบาดเจ็บของปรมาจารย์อิ๋นคงไม่อาจฟื้นตัวได้ในระยะเวลาสั้นๆ ด้วยเหตุนี้จ้าวเฟิงจึงใช้ ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ กับผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น

มิติซากปรักหักพังสือเฉิง

ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปปลดปล่อยพลังออกมาเป็นอย่างดี

เย่หยานหยูและจงหว่านเอ๋อร์ไม่ยอมแพ้ ยังคงพยายามช่วยกันสังหารเจ้าหอโครงกระดูก

“ในมือของข้ามี ‘โล่พลังเซียน’ อยู่ชิ้นหนึ่ง น่าจะพอสังหารเจ้าหอโครงกระดูกได้” จงหว่านเอ๋อร์ส่งเสียงบอก

“ถอยก่อน!” เสียงของปรมาจารย์อิ๋นคงพลันยับยั้งสตรีสองนาง

จงหว่านเอ๋อร์ยังมีทีท่าลังเลอยู่บ้าง ปรมาจารย์อิ๋นคงจึงเอ่ยอย่างร้อนรนว่า

“ภัยที่แท้จริงมาจากตัวจ้าวเฟิง ขนาดข้ายังไม่มีโอกาสจะหนีได้”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สตรีทั้งสองนางใจกระตุกวูบ คิดไม่ถึงว่าฝีมือเก่งกาจสูงส่งอย่างปรมาจารย์อิ๋นคงจะถอดใจไม่สู้เช่นนี้ แต่เมื่อคิดถึงว่าผู้สูงศักดิ์ทั้งสองอย่างผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นและลู่เทียนอี้ ล้วนแต่โดนจ้าวเฟิงสังหารในพริบตา สตรีทั้งสองนางก็ไม่มีความกล้าใดเหลืออยู่

“รีบไป!” ร่างกายของปรมาจารย์อิ๋นคงสั่นน้อยๆ แล้วเหลือเพียงเงาทับซ้อนสีเงินบนอากาศ

สวบ! สวบ!

ไม่ถึงสองช่วงลมหายใจ ปรมาจารย์อิ๋นคงก็พาสองดรุณีหนีออกจากค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป

เพื่อการนี้แล้ว ปรมาจารย์อิ๋นคงจึงโดนพลังคำสาปอาฆาตของค่ายกลและเจ้าหอโครงกระดูกโจมตีอย่างรุนแรง

ทิศทางที่ทั้งสามหนีไปก็คือหุบเขาลี้ลับ

“คิดหนีงั้นสิ?” จ้าวเฟิงเก็บค่ายกลหุ่นเชิดศพ ให้เจ้าหอโครงกระดูกกลับเข้าภายในประคำหมื่นวิญญาณ

พรึ่บ แซ่ด!

ปีกวายุอัสนีขยับ จ้าวเฟิงบินไล่ตามปรมาจารย์อิ๋นคงไปติดๆ

“จ้าวเฟิง ในเมื่อท่านสำเร็จวิชาที่แข็งแกร่งอย่าง ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ แล้ว ทำไมไม่สังหารทั้งสามคนที่เหลือนี่ในเวลาเดียวกันไปเลย” เจ้าหอโครงกระดูกที่เพิ่งหายจากอาการตกใจเอ่ยปากถามอย่างสงสัย

‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ ที่จ้าวเฟิงศึกษาจนปรุโปร่งนั้น เห็นชัดๆ ว่ามีพลังมากพอจะสังหารขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้ แล้วใยจึงไม่ใช้ต่อไปเล่า?

“แก่นสำคัญจริงๆ ของเนตรพิฆาตกลางอากาศก็คือ ‘ย้ายสิ่งของกลางอากาศ’ ซึ่งสิ้นเปลืองพลังดวงตามาก ข้ายังเหลือโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะใช้ ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ ได้” แววตาจ้าวเฟิงเป็นประกายยามอธิบายไปด้วย

ในวินาทีนี้ พลังดวงตาของจ้าวเฟิงถูกใช้ไปเป็นจำนวนมาก หลงเหลือไม่มากแล้ว สามารถประคับประคอง ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ ได้เพียงแค่ครั้งสุดท้ายครั้งเดียวท่านั้น

แต่ในบรรดาคนสามคนที่เหลือ คนที่น่ากลัวที่สุดย่อมเป็นปรมาจารย์อิ๋นคง ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ ครั้งสุดท้ายนี้จ้าวเฟิงจึงต้องระมัดระวัง ถ้าหากว่าเป้าหมายเป็นผู้สูงศักดิ์ธรรมดา จ้าวเฟิงคงจัดการสังหารทันทีอย่างแน่นอน

ทว่าเป้าหมายของเขาคือปรมาจารย์อิ๋นคงผู้ปราดเปรื่องในวิชาศาสตร์มิติอย่างยิ่ง แล้วยังมีพรสวรรค์สายเลือดที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์มิติด้วย การเล็งเป้าหมายที่เขานับว่ายากลำบากเอาการทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ จ้าวเฟิงจึงไล่ล่าไปติดๆ แต่ไม่ชะล่าใจลงมืออย่างผลีผลาม

“พลังสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงคงเหลือไม่มากแล้ว มากที่สุดก็น่าจะพอๆ กับข้า” ปรมาจารย์อิ๋นคงที่กำลังหลบหนีคอยระแวดระวังไปด้วย

เขาวิเคราะห์ได้ไม่ยากนักว่า จ้าวเฟิงน่าจะสามารถใช้ ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ ได้อีกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น มิฉะนั้นเขาคงลงมือไปเสียตั้งนานแล้ว

เมื่อเป็นแบบนี้ คนสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งจึงอยู่ด้านหน้า อีกฝ่ายไล่รุดตามมาติดๆ

ปีกวายุอัสนีบนหลังของจ้าวเฟิงโบกสะบัด เจ้าแมวขโมยตัวน้อยบนไหล่ของเขาก็พยายามไล่ล่าปรมาจารย์อิ๋นคง

ในเวลานี้ ทั้งสองฝ่ายต่างทุ่มเทพลังจนถึงขีดสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามคนทางฝั่งของปรมาจารย์อิ๋นคง ที่จิตใจสั่นระรัวเมื่อต้องคอยเตรียมตัวและระวัง ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ ของจ้าวเฟิง

ไม่นานเท่าไหร่ ฝั่งของปรมาจารย์อิ๋นคงก็มาถึงหุบเขาลี้ลับ ภายในหุบเขาลี้ลับนี้เป็นจุดส่งสิ่งของจากโลกภายนอกอย่าง ‘ค่ายกลย้ายมิติ’

“พวกเจ้าทำใจให้สบายแล้วจัดการสร้างค่ายกลเถอะ จ้าวเฟิงไม่มีทางสิ้นเปลือง ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ ครั้งสุดท้ายกับพวกเจ้าแน่นอน” ปรมาจารย์อิ๋นคงเอ่ยปากกำชับเย่หยานหยูและจงหว่านเอ๋อร์

ในขณะเดียวกันนั้นเอง

โลกภายนอก บนยอดเขาเทียมฟ้า

ราชันในขอบเขตปราณเทวะทั้งสามต่างร่วมแรงใช้พลังปราณเทวะที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตทะลวงเข้ามา พยายามขยายรอยโหว่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยไม่สนใจว่าจะต้องสูญเสียอะไรจากการสะท้อนกลับของมิติ

“ทางเชื่อมมิติเชื่อมต่อแล้ว เตรียมพร้อมเรียบร้อย!” ปรมาจารย์ค่ายกลอีกฝั่งจัดเตรียมโครงสร้างพลังของค่ายกลย้ายมิติเรียบร้อยแล้ว

หุบเขาลี้ลับ

ปรมาจารย์อิ๋นคงได้กลิ่นอายเฉพาะของค่ายกลมิติ ในใจก็พลันยินดี

หืม?

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงก็สัมผัสได้เช่นเดียวกัน จากลักษณะเฉพาะการสั่นสะเทือนของมิติในหลายครั้งที่ผ่านมา จ้าวเฟิงถึงขนาดที่ว่าสามารถคำนวณเวลาคร่าวๆ ที่ทางเชื่อมมิติจะเปิดออก

“เหอะ! จะไปแล้วงั้นหรือ?” จ้าวเฟิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น

ทันทีที่เท้าแตะพื้น เจ้าโครงกระดูกก็ปรากฏกายขึ้น จัดการค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปให้ปกคลุมบริเวณรอบรอยแยกทางเชื่อมมิติไว้จนหมดสิ้น

เย่หยานหยูและสตรีอีกนางถูกเจ้าหอโครงกระดูกบีบคั้น น่าจะทนต่อไปได้อีกไม่นานเท่าไหร่นัก

“โล่พลังเซียน!” จงหว่านเอ๋อร์บีบป้ายหยกในมือ ด้านหลังนางปรากฏเป็นเงาขนาดใหญ่ของสตรีนางหนึ่งประหนึ่งเป็นเงาของจันทรามารทมิฬ

พริบตาเดียว พลังเซียนที่ยิ่งใหญ่เกินจะคาดเดาก็ทะลักปกคลุมทั่วท้องฟ้า แน่นอนว่าจงหว่านเอ๋อร์ใช้โล่พลังเซียนนี้เพื่อปกป้องชีวิตของตนเท่านั้น ไม่กล้าใช้โจมตีแต่อย่างใด

เพราะว่าฝั่งของจ้าวเฟิงมีค่ายกลหุ่นเชิดศพคุ้มครองอยู่ ในเวลาเดียวกันก็มีอาวุธชั้นพิภพอีก ถึงจะใช้โล่พลังเซียนทั้งหมดในครั้งเดียวก็ยากที่จะหลบหนีไปได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ้าวเฟิงที่มีพลังดวงตาโจมตีที่แข็งแกร่งอย่าง ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ พลังป้องกันก็มี ‘ร่างจิตวิญญาณวารี’ สามารถเข้าสู่สภาวะกึ่งอมตะได้ในระยะเวลาอันสั้น เรียกได้ว่าภายในมิติสือเฉิงแห่งนี้ จ้าวเฟิงเป็นผู้ที่ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง

จงหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าแม้แต่จะยั่วโมโหจ้าวเฟิง ถ้าหากจ้าวเฟิงเกิดใช้เนตรพิฆาตกลางอากาศครั้งสุดท้ายกับนาง เกรงว่านางจะไม่มีชีวิตกลับไปยังที่ที่จากมา

วิ้ง~

ในเวลานั้นเอง จ้าวเฟิงเหมือนสัมผัสได้ถึงแรงกระเพื่อมมิติที่คุ้นเคย

“อยู่ต่อก่อนสิ เนตรพิฆาตกลางอากาศ…” ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงทะลักคลื่นพลังดวงตามหาศาล แสงแหลมคมที่มีกลิ่นอายสีเขียวม่วงปรากฏเพียงครู่เดียว ก่อนจะกระจายออกไปในอากาศ

ในวินาทีนั้นเอง คนทั้งสามหัวใจหล่นวูบ

“อย่าหวังเลย!” ปรมาจารย์อิ๋นคงสัมผัสได้ว่าจ้าวเฟิงใช้พลังดวงตาเล็งเป้าหมายมาที่ตนเอง จึงรู้สึกเจ็บแสบบริเวณผิวหนัง

โครม ตูม!

ไอใบมีดขนาดสามชุ่นทำลาย ‘เงาสีเงิน’ ที่ทิ้งร่องรอยไว้บนพื้น

“หายไปแล้ว!”

คนในที่แห่งนั้นรวมไปถึงยอดฝีมือของทั้งสามสำนักที่โลกภายนอก ต่างตื่นตระหนกอย่างควบคุมตนเองไม่ได้

วินาทีถัดมา

พรึ่บ!

ปรมาจารย์อิ๋นคงปรากฏกายกลางอากาศห่างออกไปสิบจั้ง ใบหน้ามีแววความปีติ แต่ว่าฉับพลันเขาก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ

ไอใบมีดขนาดสามชุ่นเมื่อครู่ เหมือนกับว่าไม่ได้ปรากฏออกมาจากการเคลื่อนย้ายกลางอากาศ นี่ไม่ใช่ลักษณะเฉพาะของ ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’

“เนตรพิฆาตกลางอากาศ!”

น้ำเสียงติดจะเย็นชาเอ่ยขึ้น เสียงนั้นดังไปถึงจิตวิญญาณ

ผลัวะ!

ระลอกพลังดวงตาค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นบริเวณที่ปรมาจารย์อิ๋นคงร่อนลง ใจกลางของมันปรากฏน้ำหมุนวนอยู่รางๆ

“แย่แล้ว!” ปรมาจารย์อิ๋นคงร้องเสียงหลง เมื่อรู้สึกตัวว่าติดกับเข้าแล้ว

ความจริงแล้วกระบวนท่าที่คาดคิดว่าเป็น ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ ‘เนตรมรกตพิฆาต’ ธรรมดาเท่านั้น

นั่นเป็นแค่วิธีการหลอกล่อปรมาจารย์อิ๋นคงของจ้าวเฟิง

รีบหนีไป!

ปรมาจารย์อิ๋นคงใจเต้นระรัว รีบใช้ท่าร่างมิติด้วยความเร็วที่สุดในชีวิต ไม่นานนักบนพื้นดินจุดเดิมก็เหลือเพียงแค่เงาทับซ้อนสีเงิน

โครม…

ไอคมมีดยาวสามชุ่นซึ่งมีวายุอัสนีม่วงเส้นเล็กล้อมรอบ พลันแทงทะลุผ่าน ‘เงาทับซ้อนสีเงิน’ นั้นอย่างไร้สัญญาณใดๆ

สวบ!

เลือดสาดกระเซ็นเต็มบริเวณเดิม

“อ๊าก…”

ปรมาจารย์อิ๋นคงปรากฏกายอีกฝั่ง มือกุมวงเลือดบริเวณอก

ที่แท้ ถึงแม้ว่าปรมาจารย์อิ๋นคงจะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่สามารถหลบ ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ ได้ทั้งหมด เนตรพิฆาตกลางอากาศยังคงทะลุผ่านอวัยวะในร่างของเขาอยู่ดี

“เจ้า…”

ร่างกายของปรมาจารย์อิ๋นคงแข็งทื่อ เค้นเสียงออกมาอย่างยากเย็น

พื้นฐานการโจมตีของ ‘เนตรพิฆาตกลางอากาศ’ ก็คือเนตรมรกตพิฆาต ซึ่งมีกลิ่นอายทำลายล้างของวายุอัสนีสีม่วงอบอวลอยู่ในนั้น และมันกำลังทำลายร่างกายภายในของปรมาจารย์อิ๋นคง

“เหอะ! ข้าได้คาดการณ์แล้วว่าเจ้าจะเคลื่อนย้ายไปตรงจุดใด ยามเมื่อเจ้าเพิ่งจะปรากฏตัว ข้าจึงได้ย้ายเนตรมรกตพิฆาตเข้าไปในตัวเจ้าเรียบร้อยแล้ว” จ้าวเฟิงหัวเราะเยาะเย้ย ความสำเร็จของเขาในครั้งนี้คือการที่เขาคาดเดาจุดปรากฏตัวของปรมาจารย์อิ๋นคงได้แม่นยำ

จุดที่น่ากลัวที่สุดของดวงตากลางอากาศก็คือ การใช้วิธีของการเคลื่อนย้ายผ่านอากาศ เอาการโจมตีย้ายเข้าไปในร่างของอีกฝ่ายโดยตรง

“ข้า…ข้าเกลียด…” นัยน์ตาของปรมาจารย์อิ๋นคงแดงฉาน สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป ถ้าหากว่าเขาไม่ดูแคลนศัตรู แล้วจัดการปลิดชีพจ้าวเฟิงตั้งแต่ต้น ก็คงจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

ในเวลานี้ พลังชีวิตในร่างเขากำลังหลุดลอยไปอย่างรวดเร็ว

นอกเสียจากผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นจะยังอยู่ แล้วยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาในทันทีทันใด อาจจะยังพอมีโอกาสช่วยชีวิตเขากลับมาได้

เสียดายก็เพียงแต่จ้าวเฟิงได้ลงมือสังหารผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นผู้เป็นบุคคลสำคัญนี้ไปแล้ว

“รีบไป!”

ในตอนนี้เอง เย่หยานหยูและจงหว่านเอ๋อร์กำลังลอดเข้าไปในทางเชื่อมมิติที่เพิ่งจะปรากฏขึ้น

วิ้ง!

ทางเชื่อมนั้นปิดลง สตรีสองนางนั้นอันตรธานหายไป

“เสียดาย” พลังดวงตาของจ้าวเฟิงในเวลานี้เกือบหมดแล้ว พลังสายเลือดกับกำลังภายในก็ถูกใช้ไปจนใกล้จะหมด ทำให้เขาอ่อนแรงเป็นอย่างมาก

หากไม่เช่นนั้นแล้ว เขาคงต้องคิดหาวิธีจับเป็นสตรีสองนางนั้นมาเป็น ‘ตัวประกัน’ ให้ทั้งสามสำนักห่วงหน้าพะวงหลังเล่นๆ แล้ว

“ปรมาจารย์อิ๋นคง” จ้าวเฟิงกวาดสายตาไปที่ร่างใกล้หมดลมหายใจของชายหนุ่มรูปงามนัยน์ตาสีเงิน

ในวินาทีสุดท้าย จ้าวเฟิงยังคงไม่กล้าวางใจ ถึงขนาดที่เตรียมพร้อมป้องกันเสียด้วยซ้ำ

สภาวะเขาในตอนนี้อ่อนแอถึงขีดสุด ถ้าหากปรมาจารย์อิ๋นคงมีอาวุธสังหารใด ไม่ระวังเพียงนิดเดียวอาจจะโดนลากไปเจอวิกฤตก็เป็นได้

ด้วยเหตุนี้ จ้าวเฟิงจึงอยู่ภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพ วางแผนตั้งรับอย่างเต็มที่

ไม่ผิดจากที่คาด ในมือของปรมาจารย์อิ๋นคงปรากฏตราโบราณสีดำทะมึนแผ่นหนึ่ง

ตราคำสั่งโบราณนั้นสลักอักษรโบราณเขย่าขวัญเป็นคำว่า…‘ตาย’

“นั่น…นั่นคือ…” ใจจ้าวเฟิงกระตุกวูบโดยพลัน ไอเยือกเย็นจากความตายทะลวงมาถึงดวงวิญญาณของเขา

ในวินาทีนั้นเอง ดวงตาเทพเจ้าก็เกิดปฎิกิริยารุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเป็นสัญญาณเตือน

“กลิ่นอายความตายรุนแรงเหลือเกิน…” วิญญาณเจ้าหอกระดูกสั่นสะท้าน รู้สึกแข้งขาอ่อนแรง

“ฮ่าฮ่าฮ่า…จ้าวเฟิง! ข้าตายไป! เจ้าก็ไม่มีทางตายดีหรอก เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าของ ‘ตราสั่งมรณะ’ คือใคร?” เลือดในมือของปรมาจารย์อิ๋นคงซึมเข้าไปในตราคำสั่งโบราณสีดำสนิทนั้น

ระวัง!

ยามเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เจ้าหอโครงกระดูกและจ้าวเฟิงย่อมเตรียมตัวพร้อมสรรพ

ก่อนที่จะตาย ปรมาจารย์อิ๋นคงหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียมคล้ายมีแรงฮึดสุดท้าย “ถึงแม้ว่าข้าจะมีพรสวรรค์ด้านมิติ แต่ไม่ใช่ทายาทสายเลือดที่แท้จริงของ ‘เนตรมิติ’ ทว่า ‘ตราสั่งมรณะ’ แผ่นนี้มาจากหนึ่งในแปดเนตรเทพเจ้า…”

เสียงมาถึงตรงนี้ก็ตัดหายไปทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!