Skip to content

King of Gods 564

King Of Gods

บทที่ 564 ตีชิงตามไฟ

[1]“หรือว่านี่จะเป็นมรดกของ ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’ ในตำนานผู้นั้น? ” ใจของหัวหน้าโจรสลัดชุดฟ้าสั่นระรัว  ความสนใจทั้งหมดถูกฝั่งนี้ดึงไว้จนหมดสิ้น

วิชาที่เขาฝึกตนเกี่ยวโยงกับมรดกแขนง ‘วารีอัสนี’ เขาจึงค่อนข้างเข้าใจในมรดกที่เกี่ยวข้องกับแขนงอัสนี รวมไปถึงบุคคลในตำนานต่างๆ ด้วย

มองไปทั่ว ‘ชางไห่’ ที่เวิ้งว้างไร้ขอบเขตนี้ บุคคลในตำนานของแขนงวิชาอัสนีเช่น ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’ จะเป็นหนึ่งในบุคคลที่ต้องเอ่ยถึง

เมื่อนานมาแล้ว ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’ แผ่อำนาจทั่วดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง ซ้ำยังยิ่งใหญ่เหนือชางไห่

ในฐานะที่โจรสลัดชุดฟ้าเป็นทายาทวิชามรดกสายฟ้า ย่อมต้องเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’ มาบ้าง

จากเบาะแสต่างๆ เขาจึงคลางแคลงใจ เจ้าหนุ่มตรงหน้าผู้นี้อาจได้รับมรดกบางส่วนของจักรพรรดิวายุอัสนีมา

“ความเร็วของเจ้าหนุ่มคนนี้ เร็วยิ่งกว่าขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด อีกทั้งใช้พลัง ‘วายุอัสนีพิฆาตสีม่วง’ อันเป็นเอกลักษณ์ของ ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’ ซ้ำยังประมือกับหงซานและเจียวซื่อได้ด้วยกำลังของตนเพียงคนเดียว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ยอดฝีมือมรดกธรรมดาจะทำได้ อีกอย่าง หงซานกับเจียวซื่อก็เคยร่วมกันต่อสู้กับผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดมาแล้ว”

หัวหน้าโจรสลัดชุดฟ้าวิเคราะห์แจกแจง แล้วยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตนเองมากขึ้น

ในสายตาของเขาเกิดแววละโมบ ไม่อาจควบคุมความตื่นเต้นในใจได้เลย

นั่นเป็นถึงเคล็ดวิชามรดกของจักรพรรดิเชียว!

ยิ่งไปกว่านั้น จักรพรรดิวายุอัสนีไม่ใช่จักรพรรดิปราณเทวะทั่วไป ในพื้นที่ชางไห่ตั้งแต่อดีตมา เหมือนจะยังไม่มีผู้ใดเอาชนะเขาได้

“รัศมีม่วงพิฆาต แส้วายุอัสนี!”

จ้าวเฟิงกระตุ้นพลังเสวียนอ้าวของเคล็ดวิชาวายุอัสนี ด้วยกำลังของเขาเพียงคนเดียว ให้ประมือกับโจรสลัดทั้งสองก็แทบไม่มีทางแพ้ แล้วยังสามารถควบคุมสถาณการณ์ได้อีกด้วย

“จับมัน!”

ชายชราถือไม้เท้าและชายเกล็ดปลาอัปลักษณ์ยิ่งรบยิ่งกลัว

คนทั้งสองไม่มีหวังที่จะสังหารจ้าวเฟิงอีกแล้ว แต่ยังทำตามคำสั่งของ ‘โจรสลัดชุดฟ้า’ จับตัวจ้าวเฟิงไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

“พลังรบของสองคนนี้เทียบกับลู่เทียนอี้ยามที่ยังไม่ได้เป็นผู้สูงศักดิ์แล้วร้ายกาจกว่าหลายส่วน” จ้าวเฟิงกังวลเล็กน้อย

ถ้าหากไม่นำอาวุธสังหารออกมา ก็ไม่อาจจัดการคนทั้งสองในเวลาอันสั้นได้

ด้วยเพราะโจรสลัดทั้งสองร่วมมือกัน เรียกได้ว่าประมือผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดได้เลยด้วยซ้ำ

จ้าวเฟิงก็ไม่ได้ใจร้อน เขาเข้าใจในวิชาวายุอัสนีสีม่วงเพิ่มมากขึ้นเกินหนึ่งในห้าส่วน แต่กลับใช้ในการรรบจริงๆ ไม่บ่อยนัก

โจรสลัดสองคนนี้ดูๆ ไปก็ไม่เลวนัก เหมาะให้เขาใช้ ‘ลองของ’ เสียเหลือเกิน

มิเช่นนั้นแล้ว จ้าวเฟิงเพียงแค่เรียกหอกจักรพรรดิเหมันต์ออกมา หรือไม่ก็ใช้ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป ล้วนแต่สามารถจบการสู้รบในครั้งนี้ได้อย่างรวดเร็ว

หรือว่าเขาจะไม่ลงมือเอง แล้วใช้ให้เจ้าหอโครงกระดูกออกหน้าแทนก็ไม่ต่างกันมากนัก

ในการสู้รบ จ้าวเฟิงใช้เสวียนอ้าวแห่งสายลมและสายฟ้าจากในหัวของเขาตลอดเวลา เพื่อทดสอบสิ่งที่เขาคาดเดาไว้ผ่านการรบจริง

แซ่ด พรึ่บ!

จ้าวเฟิงใช้ท่าร่างรวดเร็วเคลื่อนที่ไปมาในกลุ่มสายลมและสายฟ้า กลิ่นอายวายุอัสนีสีม่วงยิ่งปล่อยออกมาก็ยิ่งหนาแน่นและไหลลื่นขึ้นเรื่อยๆ

เขาไม่จำเป็นต้องใช้ ‘ปีกวายุอัสนี’ ความเร็วก็ล้ำหน้าคนทั้งสองแล้ว

ยิ่งชายชราถือไม้เท้าและชายหนุ่มเกล็ดปลาประลองยืดเยื้อพัวพันเท่าไหร่ ใจก็ยิ่งเย็นเยียบ ความกดดันที่พวกเขาเผชิญไม่ลดลงเลย แต่กลับเพิ่มขึ้นเสียด้วยซ้ำ

ในวินาทีเดียวกัน

คนในเรือรบก็ตกอยู่ในวงล้อม ยากจะหนีออกจากอันตรายครั้งนี้ได้

โชคยังดี

ฝ่ายของโจรสลัด นอกจากขาดชายชราถือไม้เท้าและชายหนุ่มเกล็ดปลา อีกสามคนก็โดนจ้าวเฟิงสังหารรวด

คนบนเรือรบจึงยังคงพอทนต่อไปได้อีกสักระยะ แต่ว่า ‘ผู้สูงศักดิ์ในชุดหลากสี’ ซึ่งเป็นผู้นำกลับรู้สึกถึงสถานการณ์อันตราย

“ตาแก่หวง! ด้วยร่างกายที่บาดเจ็บของเจ้า หากฝืนต่อไปอีกห้านาที เกรงว่ายากที่จะมีชีวิตรอดแล้ว” บัณฑิตในชุดสีฟ้าเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม

ผู้สูงศักดิ์ชุดหลากสีทุ่มเททั้งหมดโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา สู้หลังชนฝา ทำให้เขาหัวเสียไม่น้อย

ในเวลานี้ ชายชุดสีฟ้าร้อนใจอยู่หลายส่วน กลัวว่าจ้าวเฟิงจะหนีไป

 

…หรือพูดให้ถูกก็คือแยกย้ายไป เพราะว่าความเร็วของจ้าวเฟิงเหนือกว่าโจรสลัดทั้งสอง หากคิดจะหนีเอาชีวิตรอดจริงๆ ไม่ได้ยากเลยแม้แต่น้อย

เพียงแต่ว่า หากจะสังหารผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งในระยะเวลาอันรวดเร็ว ก็ถือว่ายังยากอยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะเป็นผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดที่บาดเจ็บอยู่ก็ตาม

เมื่อมองอีกฝั่ง ข้อได้เปรียบของจ้าวเฟิงยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ อยู่ในสภาวะที่เหนือกว่า

โลกมรดกเศษเสี้ยววายุอัสนี พลังวายุอัสนีประเภทต่างๆ ปรากฏเป็นรูปร่างหลากหลายภายในหัวเขา

ฌานของจ้าวเฟิงอยู่ในขั้นของ ‘วายุอัสนีสีม่วง’

จากการสู้รบ เสวียนอ้าววายุอัสนีของจ้าวเฟิงได้ผ่านการทดสอบจนปรุโปร่งในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหลายแล้ว

“รัศมีม่วงพิฆาต งูวายุอัสนีเริงระบำ!”

ที่เต้นเร่าๆ ในมือจ้าวเฟิงคือแส้วายุอัสนีสีเขียวม่วงซึ่งค่อยๆ แข็งตัวขึ้น พลังวายุอัสนีพิฆาตสีม่วงที่แฝงอยู่ก็บริสุทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ แส้วายุอัสนีปรากฏในรูปร่างของอสรพิษที่ปราดเปรียว มันพุ่งโจมตีผ่านทุกช่องโอกาสอย่างรวดเร็ว

จากที่นัยน์ตามองเห็น รอบกายจ้าวเฟิงล้อมด้วยงูวายุอัสนีลำตัวมหึมา เลื้อยไปมาอย่างช้าๆ พร้อมลากเงาแสงเรืองรองยาวออกมานับไม่ถ้วน แล้วพุ่งทะลวงโจมตีอย่างต่อเนื่อง

พรึ่บ แซ่ด แซ่ด! พรึ่บ พั่บ แซ่ด!

ชายชราผู้ถือไม้เท้าและชายหนุ่มเกล็ดปลาตกอยู่ในสถานการณ์โดนโจมตี

 

ขอบเขตจิตวิญาณของจ้าวเฟิงก็ล้ำลึกยิ่งนัก เทียบเท่าได้กับผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด พลังที่ปลดปล่อยก็เพิ่มขึ้นในทันทีเพราะพลังของมรดกวายุอัสนีที่กระตุ้นขึ้นมา

“ไม่เหมาะจะสู้รบนานๆ”

จ้าวเฟิงเพิ่มการโจมตีให้รุนแรงขึ้น สาดพลังระดับขั้นผู้สูงศักดิ์ออกมาทั้งหมด

ถึงแม้ว่าเขาตัดขาดพันธะโลหิตกับเจ้าแมงป่องยักษ์แล้ว แต่สุดท้ายทั้งสามสำนักก็ยังรับรู้ตัวตนของเขาได้

แย่แล้ว!

สีหน้าของหัวหน้าโจรสลัดชุดฟ้าที่อยู่อีกฟากก็เปลี่ยนไป

ในครรลองสายตา ชายหนุ่มนิรนามผู้นี้โจมตียอดฝีมือสองคนของกลุ่มโจรสลัดหลานเหลยจนถอยไม่เป็นกระบวน

“อ๊าก…”

ชายชราผู้ถือไม้เท้าและชายหนุ่มเกล็ดปลากรีดร้องโหยหวน บนเรือนร่างมีรอยไหม้อยู่หลายแห่ง การโจมตีของจ้าวเฟิงมีพลังรัศมีม่วงพิฆาตแฝงอยู่ด้วย บาดแผลที่เกิดจากกลิ่นอายพลังทำลายล้างพวกนั้นยากจะรักษาให้หายได้

ไม่ถึงเสี้ยววินาที โจรสลัดทั้งสองคนเริ่มถอยร่น บาดแผลบนร่างกายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าความเร็วของคนทั้งสองจะเทียบกับจ้าวเฟิงได้อย่างไร?

“อ๊าก…” ชายหนุ่มเกล็ดปลากรีดร้องโหยหวน เมื่อขาข้างหนึ่งโดนงูวายุอัสนีรัดไว้ ทั่วร่างเกร็งกระตุก ควันดำลอยโขมง

โครม!

เขาจำต้องสละขาข้างหนึ่งไป เร่งผลาญใช้แหล่งกำเนิดจิตวิญญาณอย่างไม่คิดถึงผลที่ตามมา ยอมเสี่ยงกับความเสียหายครั้งใหญ่ ถึงพอจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้

พรึ่บ แซ่ด!

ร่างของจ้าวเฟิงขยับอีกครั้ง จากนั้นงูวายุอัสนีก็ฉกไปยังแผ่นหลังของฝ่ายชายชรา

อึก!

ชายชราถือไม้เท้ากระอักเลือด ร่างกระเด็นไปไกลกว่าร้อยลี้

“ช่วยด้วย! รีบหนีเร็ว…”

โจรสลัดทั้งสองหนีอย่างไม่คิดชีวิต ประหนึ่งหากยังไม่วิ่งอีกอาจตายได้

เหอะ! แส้อสรพิษวายุอัสนีในมือจ้าวเฟิงค่อยๆ อับแสงลงแล้วสลายไป เขาเตรียมจะบินไปอีกทางโดยไม่สนใจการสู้รบพัวพันของคนทั้งสองฝ่าย

หืม?

กำลังคนทั้งสองฝ่ายอดแปลกใจไม่ได้

จ้าวเฟิงทำร้ายโจรสลัดทั้งสองแล้ว กลับไม่ได้ไล่ล่าปลิดชีพ และก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือฝ่ายใด แต่กลับหมุนตัวจะจากไปเสียอย่างนั้น

“เจ้าหนุ่ม…หยุดอยู่ตรงนั้น!”

ที่สุดแล้วหัวหน้าโจรสลัดชุดฟ้าก็อดรนทนไม่ไหว ต้องเอ่ยเสียงต่ำ

ในเวลานั้น เขาตกอยู่ในสองสถานกาณ์ยากลำบาก

ถ้าหากว่าเขาเลิกประมือกับผู้เฒ่าชุดหลากสี ฝั่งโจรสลัดที่ไม่มีผู้สูงศักดิ์ช่วยก็อาจจะโดนปลิดชีพได้ แต่หากจะเริ่มไล่ล่าสังหารจ้าวเฟิง ก็อาจต้องรับมือกับการโจมตีของทั้งจ้าวเฟิงและผู้เฒ่าชุดหลากสี

 

ด้วยพลังรบที่เข้าใกล้ขั้นผู้สูงศักดิ์ของจ้าวเฟิง หากร่วมมือกับผู้เฒ่าชุดหลากสี จุดจบของเรื่องนี้คงไม่น่าชมนัก ใครจะยืนยันได้เล่าว่าจ้าวเฟิงจะยังมีอาวุธสังหารอะไรอีกหรือไม่ เพราะอย่างไรเขาก็มีมรดกของจักรพรรดิวายุอัสนี

แล้วถ้าหากปล่อยให้จ้าวเฟิงจากไป วิชามรดกของจักรพรรดิวายุอัสนีก็จะหายไปต่อหน้าต่อตา

“น้องชาย! โจรสลัดแห่งทะเลความว่างเปล่าเป็นศัตรูของเราทั้งสอง หากร่วมมือกันจัดการพวกมันให้ถอยร่นไป จะเป็นพระคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้…” ผู้เฒ่าชุดหลากสีตะโกน

ทันทีที่เขาเอ่ยจบ หัวหน้าโจรสลัดชุดฟ้าหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ทันทีที่จ้าวเฟิงเข้าร่วมกับอีกฝ่าย สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงทันที

แต่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายคือ จ้าวเฟิงไม่ได้เลือกฝั่งของเรือรบและไม่ได้สนใจฝั่งของโจรสลัดชุดสีฟ้า

ว่าตามหลักการทั่วไปแล้ว จ้าวเฟิงโดนพลพรรคโจรสลัดโจมตี ควรเลือกช่วยเหลือฟากของเรือรบจึงจะเรียกได้ว่าสมเหตุสมผล

“หากท่านลงมือช่วยเหลือ สตรีผู้น้อยยินดีทำตามทุกข้อเรียกร้องของท่าน ตระกูลโหลวหลานจะสำนึกในบุญคุณเป็นอย่างยิ่ง…” เสียงอ่อนหวานของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากบนเรือรบ เป็นน้ำเสียงของโหลวหลานจื๋อสุ่ย

ในเวลานั้น ไม่มีใบหน้าธรรมดาของโหลวหลานจื๋อสุ่ยอีกแล้ว แต่กลับเป็นดรุณีหน้าแฉล้ม ผิวนวลเนียนราวหยกชั้นดี บอบบางราวกระเบื้องเคลือบ สีหน้าระเรื่อด้วยความเขินอาย ช่างตราตรึงใจคน

“แม่นางโหลวหลาน” บรรดาชายหนุ่มทั้งสองฝ่ายเหมือนตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง

ในทะเลหมอกเลือนลางนี้ มีสตรีโฉมสะคราญล่มเมือง ประหนึ่งเป็นอาทิตย์ยามอัสดง

โดยเฉพาะประโยคที่ว่า ‘สตรีผู้น้อยยินดีทำตามทุกข้อเรียกร้องของท่าน’ ล้วนแต่เขย่าใจชายทุกคนในที่แห่งนั้น

เสียดายก็เพียงแต่ คนที่นางเอ่ยประโยคนี้ด้วยไม่ใช่คนของฝ่ายใด

ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ ชายหนุ่มในครรลองสายตาผู้นี้นิ่งประดุจท่อนไม้ ไม่มีทีท่าสนใจแต่อย่างใด หมุนตัวแล้วบินจากไป คนทั้งสองฝ่ายจึงอดตื่นตะลึงไม่ได้

คำมั่นสัญญาของโหลวหลานจื๋อสุ่ย กับการตอบแทนบุญคุณของสกุลโหลวหลาน ข้อเสนอที่เย้ายวนมากขนาดนี้ เจ้าหนุ่มนั่นยังไม่มีปฏิกิริยาใดอีกหรือ?

“อ๊ะ! ไม่ถูกสิ!” ฝั่งของโจรสลัดสังเกตเห็นความผิดปกติ

จ้าวเฟิงไม่ได้บินไปยังทิศทางของ ‘เขาปาฮวง’ แต่เป็นทิศทางตรงข้าม

เพี๊ยะ แซ่ด!

จ้าวเฟิงกลายเป็นลำแสงวายุอัสนีทะลวงทะเลหมอก แล้วพุ่งโจมตีด้านหลังเรือเหล็กสีเทา

นั่นก็คือ ‘เรือโจรสลัด’ ของกลุ่มโจรสลัดหลานเหลย

“อ๊าก…”

เหล่าคนคอยอารักขาบนเรือที่มีพลังแค่ขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำและสูง ตกใจราววิญญาณจะหลุดลอยออกจากร่าง

ขวับ!

จ้าวเฟิงร่อนลงบนเรือเหล็กสีเทา

“นายท่าน เรือทะเลความว่างเปล่าลำนี้ดีเลิศยิ่งนัก ทรัพยากรหลักที่ใช้สร้างเรือคือแร่เงินหายากของทะเลความว่างเปล่า พลังป้องกันกล้าแกร่งนัก

เหมาะจะแล่นผ่านทะเลแห่งนี้ยิ่ง ถ้าหากข้าทายไม่ผิดล่ะก็ เรือลำนี้น่าจะดำลงไปในน้ำทะเลได้ และอำพรางตัวได้…” เจ้าหอโครงกระดูกหัวเราะหึหึอยู่ภายในประคำหมื่นวิญญาณ

เห็นได้ชัดเลยว่า เจ้าหอโครงกระดูกพอออกพอใจในเรือลำนี้ไม่น้อย

ถัดจากนั้น จ้าวเฟิงแทบไม่ต้องเปลืองแรงในการจัดการโจรสลัดแนวหลังจนหมด

“เหอะเหอะ มีผลึกตั้งต้นและกำลังคนอยู่บ้าง ก็ควบคุมเรือล่องผ่านทะเลแห่งความว่างเปล่าได้ ส่วนคนบนเรือยังลดความเหนื่อยล้าจากการบิน เวลาที่มีมากขึ้นจะได้ใช้ฝึกตน…”

เจ้าหอโครงกระดูกเอ่ยแจกแจง

เพราะว่ายังคงต้องการคนงานบางส่วนมาส่วนดูแลเฝ้าเรือ จ้าวเฟิงจึงเหลือผู้รอดชีวิตไว้ส่วนหนึ่ง

ในความเป็นจริงแล้ว การยึดเรือลำนี้เป็นความคิดของเจ้าหอโครงกระดูก

จ้าวเฟิงฟังอย่างละเอียดแล้วจึงสนใจ เช่นนี้จะได้ไม่ต้องเหนื่อยยากตรากตรำบินไปมา เอาเวลาที่เหลือมาใช้ฝึกตนดีกว่า

แล้วด้วย ‘ตำหนักเซียนพิณสวรรค์’ ที่จ้าวเฟิงต้องการตามหา จะต้องข้ามไปยังทะเลในเขตปกครองของดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อีกแห่ง เส้นทางลำบากและยาวไกล จึงจำเป็นต้องมีเรือสักลำหนึ่ง

“เจ้าหัวขโมยไร้ยางอาย…”

หัวหน้าโจรสลัดชุดฟ้าที่รบอยู่ด้านหน้าโกรธจนแทบระเบิด ความกังวลก่อนหน้านี้ของเขาล้วนแต่เป็นเรื่องไม่จำเป็น

จ้าวเฟิงไม่เพียงแต่ไม่คิดหนีไปไหน ยังฉวยโอกาสขโมยเรือทะเลความว่างเปล่าของฝั่งโจรสลัดด้วย

ฝั่งของกลุ่มโจรสลัดหลานเหลยโมโหจนสบถก่นด่า ไหนเลยจะคิดเลยว่าพวกเขาที่เป็นโจรสลัด จะมีวันที่โดนใครขโมยเรือตอนสาละวนปล้นคนอื่นอยู่

 

…………………………………………….

 

[1] ตีชิงตามไฟ คือ กลยุทธ์การรบที่ฉวยโอกาสรุกโจมตีเมื่อข้าศึกอยู่ในสถาณการณ์วิกฤติ หรือให้ผู้แข็งแกร่งเข้าแทรกแซงจนยอมศิโรราบ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version