Skip to content

King of Gods 565

King Of Gods

บทที่ 565 พลังรบของเจ้าหอโครงกระดูก

ทะเลความว่างเปล่า

ทั้งสองฝั่งที่ต่อสู้กันอยู่ หยุดชะงักไปชั่วครู่หนึ่งเพราะฝ่ายหลังโดนจ้าวเฟิงปล้นเรือไป

“เจ้าหัวขโมยไร้ยางอาย!”

“รีบขัดขวางไว้! อย่าปล่อยให้ ‘เรือหลานเหลย’ ตกไปอยู่ในมือของเจ้าหัวขโมยนี่!”

ฝั่งของโจรสลัดแห่งทะเลความว่างเปล่า ฝูงชนชะงักค้าง ก่อนทุกคนจะก่นด่าอย่างรุนแรง

ทางฟากของเรือรบ

โหลวหลานจื๋อสุ่ยและคนอื่นๆ มองดูพฤติการณ์การยึด ‘เรือหลานเหลย’ อย่างรวดเร็วของจ้าวเฟิง ก็ต่างพากันอ้าปากค้าง

“เจ้าหนุ่มคนนี้ช่างใจกล้าเสียจริง ขนาดเรือหลานเหลยของกลุ่มโจรสลัดหลานเหลยยังกล้าปล้นชิงมา”

กลุ่มโจรสลัดหลานเหลย นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสิบโจรสลัดแห่งทะเลความว่างเปล่าในละแวกเขาปาฮวง ยอดฝีมือที่ทำการค้าขายจำนวนไม่น้อย หรือแม้กระทั่งกลุ่มพ่อค้าวาณิชต่างพากันหวาดกลัวกลุ่มคนเหล่านี้

ถึงแม้กลุ่มโจรสลัดหลานเหลยจะไม่ได้มีพลังรบเป็นอันดับต้นๆ แต่ความสามารถในการพรางตัวโดดเด่นเกินกว่ากลุ่มโจรสลัดส่วนมาก

นั่นเพราะข้อได้เปรียบสำคัญที่สุดก็คือการมีเรือหลานเหลยชั้นยอดนี่เอง

เรือหลานเหลยลำนั้นมีประวัติความเป็นมากว่าร้อยปี เป็นหนึ่งในเรือละแวกเขาปาฮวงที่แข็งแกร่ง ความว่องไว การอำพรางตัว และการป้องกันล้วนแต่โดดเด่น

“มีแบบนี้ที่ไหนกัน!” ขนาดบัณฑิตในชุดสีฟ้าที่ดูเงียบขรึมยังโดนยั่วโมโหเอาจนได้

เรือหลานเหลยเป็นหนึ่งในที่พึ่งพิงสำคัญที่สุดของเขายามโลดแล่นอยู่แถว ‘เขาปาฮวง’ ถ้าหากว่าเรือลำดังกล่าวโดนแย่งชิงไปแล้วล่ะก็ กลุ่มโจรสลัดหลานเหลยจะถูกลบชื่อออกจากรายนามของสิบกลุ่มโจรสลัดแห่งทะเลความว่างเปล่า

“หัตถ์วารีอัสนีพลิกฟ้า!”

บัณฑิตชุดสีฟ้าทุ่มเทกระตุ้นแหล่งกำเนิดพลังภายในร่างกาย แล้วทะลักพลังฝ่ามือแสงอัสนีเจิดจ้า แรงกดดันหนักมหาศาลราวภูเขาไท่ซาน แสงอัสนีวูบวาบบิดเบี้ยวครอบคลุมทั้งพื้นที่นั้นไว้

ตูม!

ผู้สูงศักดิ์ชุดหลากสีซึ่งบาดเจ็บอยู่แล้ว โดน ‘หัตถ์พลิกฟ้า’ โจมตีจนกระเด็นไกลออกมาลี้สองลี้

อึก!

ผู้สูงศักดิ์กระอักโลหิต สภาพซวนเซจนเกือบตกลงไปในทะเลความว่างเปล่า

“เจ้าหนุ่ม! ช่างกล้ามาชิงเรือหลานเหลยของข้า!”

บัณฑิตในชุดสีฟ้าโมโหถึงขีดสุด เขาพุ่งตรงไปหาจ้าวเฟิงด้วยใบหน้าเย็นชาและโหดเหี้ยม

ในเวลานั้น เขาไม่ได้สนใจว่าผู้เฒ่าชุดหลากสีจะกลับมาล้างแค้นแล้ว

“ถอยทัพ! จับเจ้านั่นฆ่าเสีย แล้วชิงเรือกลับมา” บัณฑิตชุดสีฟ้าเอ่ยสั่งเสียงเย็น นำโจรสลัดทั้งหมดถอยกลับไปสังหารจ้าวเฟิงที่อยู่ด้านหลัง

เรือหลานเหลยเป็นฐานที่มั่นหลักของกลุ่มโจรสลัด ไม่อาจจะสูญเสียไปได้

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหนุ่มนั่นมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะมีมรดกสืบทอดของ ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’ โอกาสดีแบบนี้ไม่อาจปล่อยให้หลุดลอยไปได้

อีกฟากหนึ่ง

ผู้เฒ่าชุดหลากสีค่อนข้างประหลาดใจ บัณฑิตชุดฟ้าประลองต่อไปอีกสักหน่อยก็จะสังหารเขาได้ จากนั้นค่อยไปจัดการจ้าวเฟิงก็ยังทัน

กลุ่มคนบนเรือรบมีสีหน้าประหลาดใจ ในเวลาเดียวกันนั้นก็ตื่นตระหนก

คนบนเรือรบตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน แต่ว่า ‘โจรสลัดหลานเหลย’ กลับสั่งถอยทัพในฉับพลัน แล้วกรูกันไปสังหารจ้าวเฟิง

“ฮ่าฮ่า เจ้าหนุ่มนั่นเห็นเราจะเป็นจะตายกลับไม่ช่วย ตอนนี้กลายเป็นเขาที่ซวยเสียแล้ว”

คนบางส่วนบนเรือรบเอ่ยอย่างสาแก่ใจ

“ท่านลุงหวง ชายหนุ่มคนนั้นนับว่าพรสวรรค์เป็นเลิศ มีความสามารถเกินกว่าคนธรรมดา ถ้าหากว่าพวกเราให้ความช่วยเหลือเขาจัดการกับโจรสลัด น่าจะมีความหวังอยู่สี่ห้าส่วน มิฉะนั้นหากโจรสลัดหลานเหลยสังหารเขาอย่างรวดเร็วแล้ว ก็คงกลับมาโจมตีเราได้อีก…” โหลวหลานจื๋อสุ่ยวิเคราะห์เสียงต่ำ คิ้วเรียวงามของนางขมวดมุ่น

หากพูดตามความรู้สึกจริง นางเองก็ไม่พอใจที่จ้าวเฟิง ‘เห็นคนจะตายกลับไม่ยื่นมือเข้าช่วย’ อยู่เหมือนกัน แต่ว่าสถานการณ์ตรงหน้านี้ การร่วมมือกับจ้าวเฟิงถึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

“จื๋อสุ่ย…”

ผู้สูงศักดิ์ชุดหลากสีมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด สั่นศีรษะน้อยๆ แล้วส่งกระแสจิตเอ่ยบอกในชั้นวิญญาณว่า

“ถึงพวกเราจะร่วมมือกับเจ้าหนุ่มคนนี้ สุดท้ายก็มีเพียงแต่พินาศย่อยยับเท่านั้น วิธีเดียวที่จะรอดได้คือพาเจ้าหนีกลับไปที่ ‘เขาปาฮวง’ แล้วทิ้งคนบนเรือทั้งหมดเสีย”

เมื่อโหลวหลานจื๋อสุ่ยได้ยินดังนั้นใบหน้าก็ถอดสี จ้องมองไปที่ผู้สูงศักดิ์อย่างไม่เชื่อสายตา

เห็นได้ชัดว่า บาดแผลของผู้เฒ่าชุดหลากสีหนักหนาสาหัสกว่าที่คิดไว้หลายเท่านัก ในเวลานี้จำต้องฝืนอดทนไว้

ฝ่ามือการโจมตีของโจรสลัดหลานเหลยก่อนจะผละไป ได้ทิ้งบาดแผลไว้บนจิตวิญญาณของผู้สูงศักดิ์อย่างลึกล้ำ

“ทิ้งคนทั้งหมดบนเรือ…”

โหลวหลานจื๋อสุ่ยทำใจไม่ได้ บนใบหน้าแฉล้มราวกระเบื้องเคลือบมีวี่แววของความสับสน

แต่หากไม่ทำเช่นนี้ ผู้สูงศักดิ์ชุดหลากสีก็ต้องฝืนตัวเองประมือต่อ มีความเป็นไปได้เก้าในสิบส่วนว่าอาจจะพ่ายแพ้และถึงฆาต ถึงเวลานั้นแล้วจะไม่มีใครหนีรอดได้แม้แต่คนเดียว

“จื๋อสุ่ย รีบตามข้ากลับไปที่เขาปาฮวง อาศัยจังหวะที่เจ้าหนุ่มนั่นยังประวิงเวลาได้…” ผู้สูงศักดิ์ชุดหลากสีเช็ดคราบเลือดบริเวณมุมปาก ร่างกายโซเซเดินมาข้างๆ โหลวหลานจื๋อสุ่ย

“หรือว่า…โอกาสเพียงนิดก็ไม่มีเลยหรือ?” โหลวหลานจื๋อสุ่ยอดอนาถใจไม่ได้ สายตาทอดมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ไกลออกไปในทะเลหมอก

ในเวลานี้ บัณฑิตในชุดฟ้ายิ้มเหี้ยมเกรียม นำเหล่าโจรสลัดกรูไปที่จ้าวเฟิงบนเรือเหล็กสีเทา

ที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาคือ จ้าวเฟิงกำลังจัดแจงเปลี่ยนแปลงนี่นั่นบนเรือ จากนั้นจึงมองมาที่บัณฑิตชุดฟ้าและพวกด้วยสายตาไม่เป็นเดือดเป็นร้อน

“ล้อมมัน!”

บัณฑิตในชุดฟ้ามองดูอย่างระแวดระวัง ไม่ได้รีบร้อนลงมือในทันทีทันใด

ผู้สูงศักดิ์ชุดหลากสีที่อยู่ด้านหลังเห็นปฏิกิริยาของจ้าวเฟิงก็อดแปลกใจไม่ได้

แน่นอนว่ายิ่งพลังของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการหลบหนีของเขามากเท่านั้น

“จงฟัง! จัดการฆ่าเจ้าหนุ่มนั่นก่อน!”

หัวหน้าโจรสลัดชุดฟ้าสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะเรียกแสงวารีอัสนีออกมา ดิ่งลงจากฟ้าตรงไปที่จ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงพลังวารีอัสนีลี้ลับที่หนาแน่น พุ่งตรงเข้ามาลูกแล้วลูกเล่าราวกับคลื่นระเบิดอัสนี พลังวารีอัสนีนั้นทั้งทรงพลังทั้งนุ่มนวล

วงแหวนวายุอัสนี!

ร่างจ้าวเฟิงลอยละล่องขึ้น ทั่วร่างล้อมรอบด้วยวงแหวนวายุอัสนีสีเขียวม่วงแสบตา แล้วพุ่งโจมตีทั่วทิศทางระลอกแล้วระลอกเล่า วงแหวนวายุอัสนีกระจายออกไปติดๆ กันนับสิบอย่างต่อเนื่อง  ทั้งโจมตีและป้องกันไปในเวลาเดียวกัน

ผัวะ ตูม! ผัวะ บึ้ม!

พลังสายฟ้าทั้งสองชนิดปะทะกันอย่างรุนแรงเหนือท้องฟ้าของทะเลความว่างเปล่า ถ้าหากจะพูดถึงแต่ด้านความเร็วในการโจมตี จ้าวเฟิงย่อมได้เปรียบกว่ามาก

“กลิ่นอายของวายุอัสนีพิฆาตสีม่วง มีความเร็วอยู่เหนือกว่าความเร็วใดๆ นี่จะต้องเป็นมรดกของจักรพรรดิวายุอัสนีแน่ โชคยังดีที่เจ้าหนุ่มนี่ศึกษาได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น…”

หัวหน้าโจรสลัดชุดฟ้าต้องการจับเป็นจ้าวเฟิง จึงปล่อยพลังรบออกมาเพียงหกเจ็ดส่วนเท่านั้น

เพียะ พรึ่บ ผลัวะ…

วงแหวนวายุอัสนีที่หมุนวนรอบกายจ้าวเฟิงอับแสงลงในทันที และสูญสลายไปกว่าครึ่ง เขาจึงรีบเคลื่อนกายหนีไปจุดอื่น

“พลังวารีอัสนีของโจรสลัดชุดฟ้าคนนี้มีเสวียนอ้าวที่ล้ำลึกนัก…”

ถึงแม้ระดับมรดกของจ้าวเฟิงจะสูงส่ง ความเร็วในการโจมตีถือว่าได้เปรียบกว่ามาก แต่ก็ยังมิอาจต้านทานพลังของผู้อาวุโสที่ฝึกตนมาหลายร้อยปีอย่างหัวหน้าโจรสลัดผู้นี้

พลังฝึกตนของหัวหน้าโจรสลัดไม่ได้แตกต่างจากผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นเท่าไหร่นัก ล้วนแต่เป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำในช่วงท้ายๆ แล้ว

พลังที่จ้าวเฟิงมีในขณะนี้ยังไม่สามารถใช้ดวงตาสายเลือดได้ง่ายๆ อย่างมากแล้วทำได้เพียงแค่ต่อสู้กับขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงต้นและช่วงกลางได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น

หัวหน้าโจรสลัดชุดฟ้าไม่ได้ทุ่มใช้พลังทั้งหมดก็บีบจ้าวเฟิงได้แล้ว

“หอกจักรพรรดิเหมันต์!”

สู้รบไปได้ครู่หนึ่ง จ้าวเฟิงก็เรียกใช้กลิ่นอายพลังของหอกจักรพรรดิเหมันต์ พลังเหมันต์เก่าแก่พุ่งทะลวงไปที่โจรสลัดชุดฟ้าทันที

“เจ้าคนนี้มีอาวุธชั้นพิภพ เกรงว่าจะไม่ธรรมดาซะแล้ว” โจรสลัดชุดฟ้าไม่ตื่นตกใจ กลับมีแววยินดีด้วยซ้ำ

ถึงจะเป็นอาวุธชั้นพิภพแบบเดียวกันก็มีหลากหลายชนิด เศษเสี้ยวหรือชิ้นส่วนอาวุธชั้นพิภพส่วนหนึ่งเป็นระดับต่ำ บางส่วนก็เป็นระดับกลาง หรือแม้กระทั่งระดับสุดยอด ไม่ก็อาวุธชั้นพิภพประเภทมรดกต่างๆ

“เสียดาย ถ้าหากเจ้าหนุ่มนั่นร่วมมือกับข้าไวกว่านี้สักหน่อย น่าจะยังพอมีหวังเอาชนะโจรสลัดหลานเหลย” ผู้สูงศักดิ์ชุดหลากสีตื่นตะลึงในพลังของจ้าวเฟิงและเสียดายด้วยในเวลาเดียวกัน

พลังของจ้าวเฟิงเรียกได้ว่าประมือกับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงต้นได้ เสียดายที่หัวหน้าโจรสลัดฝึกตนอย่างลึกล้ำ พลังไม่เหมือนทั่วๆ ไป ดูไปแล้วสถานการณ์นับจะยิ่งเลวร้ายลง

“ใช้ค่ายกลหุ่นเชิดศพน่าจะพอจัดการชายผู้นี้ หรือไม่ก็…”

จ้าวเฟิงไม่มีทีท่าตื่นตระหนก เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถอยหลังไป จากนั้นก็โบกมือน้อยๆ

พรึ่บ!

ในหมอกสีเทาหนาทึบปรากฏโครงกระดูกที่น่ากลัว กระดูกสีทองเงินไขว้กันไปมา ภายในเบ้าตามีลูกไฟสองลูกเต้นระริกชวนสยดสยอง

กลิ่นอายจิตวิญญาณมรณะปกคลุมทั่วทะเลความว่างเปล่า สัตว์ทะเลจำนวนมากภายในรัศมีร้อยลี้สั่นด้วยความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ

“โครงกระดูกหลอมจากศาสตร์แห่งซากศพ…ผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด!”

โจรสลัดชุดฟ้าหน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน

ใบหน้ายิ้มแย้มที่จับจ้องจ้าวเฟิงค้างไปเสียแล้ว จากกลิ่นอายที่สัมผัสได้ ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดตรงหน้าเขาผู้นี้มีพลังไม่เป็นสองรองใครแน่

โจรสลัดชุดฟ้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอาวุธชั้นพิภพที่แฝงอยู่น้อยๆ ด้วย

“ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด!” ผู้สูงศักดิ์ชุดหลากสีที่กำลังจะถอยหนีไปเห็นแล้วถึงกับพูดอะไรไม่ออก

ในทะเลความว่างเปล่า ภายนอกทวีป

ปกติบรรดายอดฝีมือที่เดินทางผ่านมา ส่วนมากล้วนแต่เป็นยอดฝีมือของในทวีป ฝึกตนอย่างน้อยๆ อยู่ในขั้นนายเหนือแท้ หรือขั้นขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง

ด้วยเหตุนี้ ระดับนายเหนือแท้จึงพบเจอได้บ่อยที่สุดบนทะเลความว่างเปล่า

แต่ว่า ทันทีที่พลังฝึกตนไปถึงขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดก็จะไม่เหมือนกันแล้ว เพราะพบได้น้อยนักในทะเลแห่งความเปล่า ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือเลยทีเดียว

แต่ว่าในตอนนี้ ทันทีที่จ้าวเฟิงโบกมือก็ปรากฏผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบแขตแก่นก่อกำเนิด สถานการณ์จึงยิ่งไม่เหมือนเดิมเข้าไปอีก

“ฮ่าฮ่า…ไม่ได้ออกมาขยับเส้นสายนานแล้ว”

ร่างของเจ้าหอโครงกระดูกเกิดลำแสงสีดำทมิฬห่อหุ้มทั่วร่าง แล้วในพริบตาที่โบกมือ ลำแสงสีม่วงดำชวนเขย่าขวัญก็หมุนวนอยู่ทั่ว

ตอนนี้พลังของเจ้าหอโครงกระดูกฟื้นคืนเหมือนยามรุ่งโรจน์นานแล้ว

อีกทั้งยังได้ทรัพยากรมหาศาลภายในซากปรักหักพังสือเฉิงเป็นตัวช่วย หากเทียบกันแล้ว พลังในตอนนี้อาจมีมากกว่ายามอดีตเสียอีก

อาวุธชั้นพิภพ ‘กระดูกเก้าทมิฬ’ ชิ้นนั้นไม่เหมือนอาวุธธรรมดาทั่วไป เมื่อหลอมรวมเข้าไปในกระดูกของเขาแล้ว ยิ่งทำให้โครงกระดูกแข็งกล้ามากยิ่งขึ้น พลังการป้องกันที่เขามีเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

ทันทีที่ไปถึงเขาก็ลงมือ เจ้าหอโครงกระดูกรับระลอกพลังวารีอัสนีของโจรสลัดชุดฟ้า เมื่อโจมตีเข้ามาใกล้ก็ระเบิดหายไป

 

ในทุกกระบวนท่ามีพลังมรณะทะลักออกมาอย่างรุนแรง แล้วยังมี ‘กระดูกเก้าทมิฬ’ เพิ่มพลังให้อีก พลังรบของเจ้าหอโครงกระดูกจึงไปไกลกว่าผู้สูงศักดิ์ธรรมดาไปแล้ว

ผู้สูงศักดิ์ชุดหลากสีที่ชมอยู่ไกลๆ อดสะท้านไม่ได้ อย่างน้อยยามที่ตัวเขาไม่บาดเจ็บก็ไม่น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าหอโครงกระดูกได้

เจ้าหอโครงกระดูกเชี่ยวชาญด้านพลังจิตวิญญาณกับการหลอมกระดูกด้วยศาสตร์ซากศพ จึงโจมตีทั้งจิตวิญญาณและร่างกายภายนอกได้ถึงสองชั้นในเวลาเดียวกัน

“รัศมีม่วงพิฆาต งูวายุอัสนีเริงระบำ!”

ทั่วร่างของจ้าวเฟิงปรากฏงูวายุอัสนีสีสันแพรวพราว มันบิดตัวเลื้อยไปมา ลากเป็นเงาวายุอัสนีนับไม่ถ้วน ก่อนจะโจมตีด้วยความปราดเปรียวเกินกว่าธรรมดา ด้วยการรัดร่างจอมโจรสลัดชุดฟ้าอย่างรุนแรง

เมื่อโดนโจมตีจากทั้งสองทาง จอมโจรสลัดหลานเหลยรับมือไม่ทันไปชั่วขณะ จึงเอ่ยสบถออกมา

ถึงแม้ว่าเขามีอาวุธชั้นพิภพประเภทช่วยเหลือ แต่ไม่ว่าจะระดับของอาวุธหรือว่าพลัง ล้วนแต่ไม่อาจเทียบ ‘กระดูกเก้าทมิฬ’ ของเจ้าหอโครงกระดูกได้เลย

“กระดูกเก้าทมิฬ!”

เจ้าหอโครงกระดูกค่อยๆ กดดันทีละน้อย อาวุธชั้นพิภพถูกเรียกออกมาในทันที เห็นเพียงท่อนกระดูกสีเงินยาวหลายสิบจั้งพร้อมเงามรณะเป็นชั้นๆ เสียงดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า แล้วจึงระเบิดเพลิงทำลายล้างออกมา

“อ๊าก อ๊าก!”

พลังที่เหลือบางส่วนสังหารหน่วยรบโจรสลัดในขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดหลายคน

หัวหน้าโจรสลัดชุดฟ้าที่กระเด็นไปด้านหลังสบถคำด่าทออย่างรุนแรง

ในเวลาเดียวกัน เขายังโดน ‘รัศมีม่วงพิฆาต แส้อสรพิษวายุอัสนี’ ของจ้าวเฟิงรัดไว้ เลือดและลมปราณทั่วร่างปั่นป่วน เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเสียแล้ว

“พลังรบของเจ้าหอโครงกระดูกเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยนี่”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ

ในยามที่เขาไม่สามารถใช้สายเลือดดวงตาได้ เจ้าหอโครงกระดูกนี่เองที่จะเป็นกำลังหลักในการรับมือกับศัตรูที่แข็งแกร่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version