บทที่ 570 ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง
หลังจากที่ดูดกลืนเศษซากจิตวิญญาณที่หลงเหลือของผู้สูงศักดิ์ทั้งสองแล้ว บรรดา ‘หุ่นเชิดศพต้องสาป’ ภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพได้รับการหล่อเลี้ยงบางอย่าง พลังอาฆาตที่ค่ายกลสาดออกมาจึงเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น
“แย่แล้ว!”
ผู้สูงศักดิ์คนที่เหลือเป็นชายวัยกลางคนสวมเกราะสีทอง ใบหน้าหวาดกลัว
ในบรรดาผู้สูงศักดิ์ที่ไล่ล่าเขา พลังของชายสวมเกราะสีทองสูงที่สุดอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย เทียบเท่ากับจอมโจรสลัดหลานเหลย และแข็งแกร่งว่าเจ้าหอโครงกระดูก
แต่ว่าในตอนนี้ เขาโดนพลังคำสาปของค่ายกลหุ่นเชิดศพกัดกร่อน แล้วยังต้องรับการโจมตีของอาวุธชั้นพิภพสองชิ้น ถึงแม้ไม่ได้โดนเข้าจังๆ แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
“ไป!”
จ้าวเฟิงสะบัดธงสีดำ กลุ่มหมอกควันของพลังอาฆาตภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต กลายเป็นมังกรสีดำอำมหิตพุ่งตรงไปที่ชายวัยกลางคนสวมเกราะสีทอง
“กระดูกเก้าทมิฬ!”
มือข้างหนึ่งของเจ้าหอโครงกระดูกผลักออก เงากระดูกมรณะเป็นชั้นๆ พร้อมเปลวเพลิงแผดเผากลายเป็นท่อนกระดูกสีเงินยาวสิบจั้ง ร่วมมือสอดประสานกับการโจมตีของค่ายกลหุ่นเชิดศพ ทำให้พลังที่ระเบิดออกมารุนแรงขึ้นกว่าเดิม
โดยเฉพาะในเวลาดังกล่าว ค่ายกลหุ่นเชิดศพได้กลืนกินเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของผู้สูงศักดิ์ไป เมื่อทั้งสองสิ่งนี้โจมตีร่วมกัน พลังจึงเหนือกว่าก่อนหน้านี้
“คุกผนึกมังกรทอง!”
สีหน้าของชายสวมเกราะทองหวาดวิตกอย่างมาก ปราณที่แท้จริงภายในร่างทะลักออกหมด โซ่เหล็กสีทองแผ่ลำแสงสีทองสว่าง ก่อให้เกิดเป็นพื้นที่คุมขังดิ่งลงมาจากด้านบน หมายจะผนึกค่ายกลหุ่นเชิดศพกับเรือแห่งทะเลความเปล่าพร้อมกัน
ในเสี้ยววินาทีนั้น บริเวณที่จ้าวเฟิงกับเจ้าหอโครงกระดูกอยู่โดน ‘คุกผนึกมังกรทอง’ คุมขังไว้
ตูม…
วินาทีถัดมา คนทั้งสองโจมตีอย่างรุนแรง ทำลายแสงสีทองรอบทิศทางให้แตกละเอียดไป
ผัวะ!
ชายสวมเกราะทองรีบถอยหนี ที่มุมปากมีคราบเลือดไหล เขาอาศัยจังหวะนี้บินหนีไปไกลหลายลี้
“คุกผนึกมังกรทองช่างเป็นเคล็ดวิชาที่สูงส่งเสียจริง” จ้าวเฟิงตื่นตะลึง
ชายสวมเกราะทองผู้นั้นฝึกตนอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย จึงสามารถใช้เคล็ดวิชาแข็งแกร่งลึกลับที่ชวนให้คนประหวั่นพรั่นพรึงได้
“หนี!”
ชายวัยกลางคนสวมเกราะทองกลับไม่มีเจตนาจะรบเลยแม้แต่น้อย มุ่งหน้าหนีไปยังเขาปาฮวง
“จ้าวเฟิง ทุกครั้งที่สังหารผู้สูงศักดิ์จะทำให้ค่ายกลหุ่นเชิดศพพัฒนาขึ้น ถ้าหากค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปสามารถกลืนกินผู้สูงศักดิ์ครบร้อยคนล่ะก็ อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาล…”
เจ้าหอโครงกระดูกมีสีหน้าคาดหวัง
เขาไม่อยากยินยอมให้ชายชุดเกราะสีทองหนีไปเสียเท่าไหร่
“สิ่งเร่งด่วนที่ต้องทำตอนนี้ยังเป็นการรีบออกจาก ‘ดินแดนหมู่เกาะเทียนหลู’ ก่อน”
จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าสงบราบเรียบ ไม่สั่นไหวแม้เพียงนิด
ถึงแม้ข้อเสนอแนะของเจ้าหอโครงกระดูกจะเย้ายวนใจอย่างมาก แต่ตัวตนของจ้าวเฟิงถูกเปิดโปงไปแล้ว ยิ่งยื้อเวลาเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น
ต่อให้คนทั้งสองพลังแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าตัว แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสามสำนักสองดาวที่ยิ่งใหญ่ ก็ยังถือว่าเล็กกระจ้อยกว่ามากนัก
หากทั้งสองจะร่วมกันสังหารคนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย คงต้องใช้ความพยายามเอาการอยู่
ฟิ้ว…
ชายวัยกลางคนสวมเกราะทองบินตัดอากาศมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
หากเมื่อครู่ไม่มีปฏิกิริยาว่องไวล่ะก็ เขาอาจจะมีจุดจบแบบเดียวกับผู้สูงศักดิ์อีกสองคน
“คนทั้งสองนั่นมีอาวุธชั้นพิภพ แถมยังไม่ธรรมดาอีก แล้วไหนจะยังพลังอาฆาตที่น่ากลัวของค่ายกลหุ่นเชิดศพ ขนาดผู้สูงศักดิ์ยังหลบหนีออกมาไม่ได้เลย”
ชายในชุดเกราะครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน จึงพบว่าตนพ่ายแพ้อย่างสมน้ำสมเนื้อแล้ว
อาวุธชั้นพิภพมีอยู่บนโลกนี้น้อยนิด มีผู้สูงศักดิ์ส่วนน้อยเท่านั้นที่มีอาวุธชั้นพิภพแบบสมบูรณ์
แล้วนับประสาอะไรกับอาวุธชั้นพิภพของจ้าวเฟิงและเจ้าหอโครงกระดูกที่ไม่ใช่ของธรรรมดา
เวลานี้เอง
วิ้ว~
ในหมอกทะเลความว่างเปล่ามีพลังจากฟ้าดินที่ไร้คำบรรยายผุดขึ้น ไอสวรรค์ในรัศมีพันลี้ประหนึ่งสายน้ำที่ไหลวนมารวมตัวกัน
กลุ่มพลังนั้นคล้ายกำเนิดจากจักรวาลเวิ้งว้างไร้ขอบเขต เฝ้ามองดินแดนปาฮวงที่ยิ่งใหญ่จากเบื้องบนอย่างยิ่งยโส
โครม!
ภายใต้การปกคลุมของพลัง อาณาเขตทะเลความว่างเปล่าไม่อาจแบกรับแรงกดมหาศาลขนาดนี้ได้ จึงปริร้าวและแตกละเอียดออก
พรึ่บ!
ทะเลความว่างเปล่าที่อึมครึมพลันสว่างไสวขึ้น ในรัศมีหนึ่งร้อยลี้ราวกับเป็นเวลากลางวันของพื้นดินบนทวีป ทำให้สายตามองเห็นได้ไกลขึ้น
“พลังกลุ่มนั้น…” ชายในชุดเกราะร่างกายสั่นสะท้าน
ในวินาทีต่อมา
กลุ่มพลังขนาดใหญ่นั้นผสานกับไอสวรรค์มหาศาลที่หมุนวนอยู่ แล้วทะยานมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน
“ผู้อาวุโสตระกูลจิน!”
บนอากาศเหนือทะเลหมอกปรากฏชายชราสวมหมวกดำ ทั่วใบหน้ามีร่องรอยของกาลเวลา เสียงของเขาประดุจแว่วมาจากฟากฟ้าไกล
“ยอดผู้สูงศักดิ์ปาฮวง!”
ชายในชุดเกราะทองสูดหายใจลึก ก้มคำนับด้วยใบหน้าเคารพนบนอบ
ยอดผู้สูงศักดิ์ปาฮวงคือสุดยอดฝีมือของเขตภายในเขาปาฮวง พลังฝึกตนไปถึงขั้น ‘ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง’
ในพื้นที่ละแวกเขาปาฮวง เห็นจะมีเพียงแต่ ‘ผู้นำพันธมิตรสิบโจรสลัด’ ที่พอเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้
ยามนี้ เมื่อมาเผชิญหน้ากับ ‘ยอดผู้สูงศักดิ์ปาฮวง’ ที่เป็นยอดฝีมือระดับสูง สีหน้าของชายสวมเกราะทองยินดีเป็นล้นพ้น เขารีบชี้บอกทาง
“ข้าจะลงมือจับเจ้าหนุ่มนั่นเดี๋ยวนี้”
‘ยอดผู้สูงศักดิ์ปาฮวง’ ซึ่งเป็นชายชราสวมหมวกดำยิ้มเรียบๆ ร่างกายสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่งก็หายวับไป
สวบ!
ระลอกเงาสีดำพุ่งผ่านทะเลหมอกขมุกขมัว ตรงดิ่งไปยังกลุ่มเมฆในอากาศ
ความเร็วที่บินไปเร็วมากกว่าสองเท่าของเรือหลานเหลย
“ยอดผู้สูงศักดิ์ปาฮวงเป็นคนลงมือ เจ้าสองคนนั่นหนีไปไหนไม่รอดแน่”
สีหน้าของชายในชุดเกราะทองสงบนิ่ง เอ่ยพึมพำกับตนเอง
ในเวลาเดียวกันนั้น
เรือหลานเหลยบินแหวกอากาศมาแล้วราวพันสองพันลี้
“หืม?”
ประสาทสัมผัสฉับไวของเจ้าหอโครงกระดูกสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
ไอสวรรค์ฟ้าดินจากที่ไกลๆ เกิดระลอกพลังที่ผิดแผกไปจากปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังพลังธรรมชาติที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น?” จ้าวเฟิงเหลียวมองด้านหลัง
เจ้าหอโครงกระดูกเชี่ยวชาญพลังด้านจิตวิญญาณ ประสาทสัมผัสว่องไวเกินกว่าผู้สูงศักดิ์ธรรมดา
เมี้ยว เมี้ยว!
ยามนั้น เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกระโดดขึ้นมาบนบ่าของจ้าวเฟิง แล้วโยนเหรียญทองแดงโบราณออกมาสองเหรียญ
“มีลางร้ายงั้นหรือ?”
การทำนายของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยสื่อว่ามีเหตุร้ายบางอย่างเข้าใกล้จ้าวเฟิง
เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ จ้าวเฟิงจึงปลดผนึกพลังสายเลือดส่วนหนึ่งของดวงตาซ้าย
ดวงตาเทพเจ้าข้างซ้ายซึ่งเกิดเป็นทะเลสาบสีน้ำเงินมองเหลียวไปด้านหลัง
เขาเพียงแค่ใช้ความสามารถในการมองไกลของดวงตาเทพเจ้า จึงแทบจะไม่สิ้นเปลืองพลังดวงตาเลย
เพียงเสี้ยวนาทีเดียว จ้าวเฟิงก็ปิดผนึกดวงตาซ้ายดังเดิม
“คนนี้คือใครกัน?”
เสียงของจ้าวเฟิงดังขึ้นในหัวของโหลวหลานจื๋อสุ่ย
พรึ่บ!
ภาพชายชราสวมหมวกดำพลันปรากฏในหัวของโหลวหลานจื๋อสุ่ย
ตอนนี้ระดับความเข้าใจที่จ้าวเฟิงมีต่อพลังลวงตา สามารถลอกเลียนทิวทัศน์ในพื้นที่หนึ่งให้อยู่ในลักษณะของภาพมายาได้อย่างสบายๆ
“ยอดผู้สูงศักดิ์ปาฮวง!”
โหลวหลานจื๋อสุ่ยตกใจจนพุดอะไรไม่ออก น้ำเสียงสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่านางหวาดกลัวถึงขีดสุด
“นั่นคือยอดฝีมือสูงสุดของเขตภายในเขาปาฮวง เขาอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง”
โหลวหลานจื๋อสุ่ยอธิบายอย่างตื่นตระหนก
ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง
จ้าวเฟิงกับเจ้าหอโครงกระดูกหน้าเปลี่ยนสีพร้อมๆ กัน
“ดำลงไป!” จ้าวเฟิงเอ่ยสั่งด้วยสีหน้าเย็นชา
พรวด!
เรือเหล็กสีเทาในครรลองสายตาดำดิ่งลงไปใต้ทะเลความว่างเปล่าเบื้องหน้า
ปุด ปุด~
หลังจากเกิดฟองอากาศ เรือเหล็กสีเทาลำดังกล่าวก็ดำลงสู่ทะเลความว่างเปล่า
นอกจากพลังป้องกันจะไม่เป็นรองใครแล้ว จุดเด่นที่สุดของเรือหลานเหลยคือพรางตัวได้เป็นเลิศ
“ดำลึกลงไปอีก”
จ้าวเฟิงสัญชาตญาณว่องไว จัดแจงให้เจ้าหอโครงกระดูกเข้าไปอยู่ภายในประคำหมื่นวิญญาณก่อน ส่วนตนเองเข้าไปในตัวเรือแห่งทะเลความว่างเปล่า
พริบตาเดียว เรือหลานเหลยก็ดำดิ่งลึกลงไปในทะเล ลดกลิ่นอายพลังไปจนขีดต่ำสุด จนกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อมรอบๆ
ใต้ท้องทะเลลึก เรือเหล็กสีเทามุ่งหน้าไปเรื่อยๆ ความเร็วค่อยๆ ลดลง
หลังจากนั้นไม่นาน
ครืน…
ในทะเลความว่างเปล่าเกิดเสียงดังอึกทึกขึ้น ทะเลหมอกอึมครึมในละแวกข้างเคียงราวกับถูกลอกออก แสงสว่างแจ่มชัดปรากฏขึ้นในสายตา
ทันใดนั้น พลังอำนาจที่ครอบคลุมทั่วฟ้าลดระดับลงมาลงมาจากเบื้องบน
เหล่าสัตว์น้ำในรัศมีร้อยสองร้อยลี้ต่างพากันตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“เป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงจริงๆ ด้วย!”
ในส่วนลึกของทะเลความว่างเปล่า จ้าวเฟิงและคนอื่นๆ สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลไร้ขอบเขต ซึ่งเกินกว่าผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำไปมาก
สวบ!
ชายชราสวมหมวกดำสีหน้าสงบราบเรียบประดุจเป็นผู้สูงศักดิ์ ปรากฏกายอยู่เหนือพื้นที่ทะเลหมอก หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนใช้ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณกวาดมองในรัศมีหลายร้อยลี้
วินาทีนี้ เรือเหล็กสีเทาที่อยู่ส่วนลึกของทะเลความว่างเปล่านิ่งสนิท ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้เพียงเล็กน้อย
หนึ่งช่วงลมหายใจ สองช่วงลมหายใจ สามช่วงลมหายใจ….
เวลาในตอนนี้ผ่านไปอย่างเชื่องช้านัก
ในบางครั้งบางคราว ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงจะสัมผัสพลังจิตวิญญาณทำลายล้างที่กวาดผ่านไปมาได้รางๆ
ยังดีที่ทะเลความว่างเปล่ามีคุณสมบัติพิเศษกว่าสถานที่อื่น ด้วยมีแรงต้านและการลดทอนพลังจิตวิญญาณกับประสาทสัมผัสที่แข็งแกร่ง
ประสาทสัมผัสของยอดผู้สูงศักดิ์ปาฮวงกวาดมองในบริเวณกว้าง ครั้นดำดิ่งลึกลงไปในทะเลความว่างเปล่า ก็โดนลดทอนพลังถึงขีดสุด เรียกได้ว่าเจือจางจนแทบสูญสลาย
อีกทั้งเรือหลานเหลยมีคุณสมบัติขวางกั้นประสาทสัมผัสที่แข็งกล้า ทั้งยังมีการพรางตัวชั้นยอด สามารถกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อมรอบตัว
สามลมหายใจจากนั้น พลังของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงที่แข็งแกร่งค่อยๆ ห่างไกลออกไป เบาบางลงเรื่อยๆ
ฟู่ว! กลุ่มคนในเรือถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นตามหน้าผากของจ้าวเฟิง
แรงกดดันของยอดผู้สูงศักดิ์ปาฮวงมากมายเกินกว่าผู้สูงศักดิ์คนใดที่เขาเคยเจอ
ผู้สูงศักดิ์ที่เขาเคยพานพบมีอยู่สามประเภท
ประเภทแรก แบบจ้าวลัทธิหงกับราชินีฉวนปิง ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้สูงศักดิ์ธรรมดา
ประเภทที่สอง เช่น ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น จอมโจรสลัดหลานเหลย ผู้สูงศักดิ์หยูซิงเฉิน
ผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดประเภทที่สอง พลังจะล้ำหน้ากว่าผู้สูงศักดิ์ธรรมดา
ส่วนประเภทที่สามคือผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง!
พลังจะเหนือกว่าคนสองประเภทแรก ระดับพลังเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินและจักรวาล
“ปกติคนที่ถูกเรียกว่า ‘ยอดผู้สูงศักดิ์’ ได้ จะอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง”
จ้าวเฟิงค่อยๆ ปลดปล่อยพลังสายเลือดส่วนน้อย เพื่อใช้ดวงตาเทพเจ้าโบยบินออกไปสอดแนมที่โลกภายนอกอย่างระแวดระวัง จากนั้นรีบปิดผนึกกลับในทันที
ในตอนนี้ จ้าวเฟิงไม่กล้าใช้พลังดวงตาเทพเจ้า อย่างมากที่สุดคือคลายผนึกพลังสายเลือดในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อสอดแนม
“ไปแล้ว”
จากการสอดส่องในชั่วครู่หนึ่ง จ้าวเฟิงจึงแน่ใจว่ายอดผู้สูงศักดิ์ปาฮวงออกจากพื้นที่แห่งนี้ไปแล้ว
“ออกเดินทาง”
จ้าวเฟิงเปลี่ยนเส้นทางเล็กน้อย ให้โหลวหลานจื๋อสุ่ยควบคุมเรือหลานเหลยดำดิ่งลึกลงในมหาสมุทรไปเรื่อยๆ
ในยามแรก
จ้าวเฟิงสั่งให้ควบคุมความเร็วของเรือค่อนข้างต่ำ
สองชั่วยามหลังจากนั้น เมื่อไม่มีสถานการณ์ผิดปกติใดเกิดขึ้นอีก จ้าวเฟิงจึงออกคำสั่งให้เดินทางเร็วขึ้น
ครึ่งวันจากนั้น เรือหลานเหลยในทะเลลึกทะยานไปแล้วกว่าแสนลี้
ในเวลานี้
จ้าวเฟิงสั่งให้กระตุ้นความเร็วทั้งหมดของเรือหลานเหลย
วัสดุที่ใช้สร้างเรือหลานเหลยเหมาะกับการล่องในทะเลความว่างเปล่า รวมไปถึงกับมหาสมุทรความว่างเปล่าด้วย ถึงแม้ว่าจะอยู่ในมหาสมุทร ความเร็วของเรือก็ยังไวกว่าขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดอยู่ดี
สามวันหลังจากนั้น
เรือหลานเหลยมาถึงเขตชายแดนของทะเลความว่างเปล่าที่อยู่แถวเขาปาฮวง
เดินหน้าต่อไปอีกสักระยะหนึ่งก็เข้าใกล้ที่ตั้งของดินแดนหมู่เกาะอีกแห่ง…ดินแดนหมู่เกาะเชียนหลิว
“ยอดผู้สูงศักดิ์ปาฮวงคงจะตามมายากแล้ว” คนบนเรือจึงสงบจิตใจลง
ห่างไกลเพียงเล็กน้อยแต่เหมือนห่างเป็นพันลี้
ทะเลความว่างเปล่ากว้างใหญ่ไพศาล หากตามไปผิดทิศทางก็จะเกิดความคลาดเคลื่อนมหาศาล ยิ่งเวลาหมุนเวียนไปเท่าไหร่ ระยะทางที่ต่างก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
แต่ทว่าในเช้าของวันที่สามนี้เอง
ความว่างเปล่าเบื้องหลังปรากฏพลังขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงที่น่าสะพรึงอย่างฉับพลัน ซ้ำยังตรงดิ่งมายังทิศทางของเรือแห่งทะเลความว่างเปล่าด้วย