Skip to content

King of Gods 633

King Of Gods

บทที่ 633 วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน

“เหอะเหอะ ‘ตำราหมิงถง’ เล่มนี้ข้าแลกเปลี่ยนมาจาก ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ ในคราก่อน น่าจะเอ่ยถึงใจความสำคัญเกี่ยวกับเคล็ดวิชาต้องห้ามหมิงถงของเขาด้วย…”

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ จ้าวเฟิงอดประหลาดใจไม่ได้ รู้สึกว่าเชื่อถือยากอยู่บ้าง

ในมือของตวนมู่ชิงมีเคล็ดวิชาท่าไม้ตายของ ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ ด้วย ฟังแล้วออกจะเหลือเชื่อมากเลยทีเดียว

แน่นอนว่า

ระดับขั้นจักรพรรดิปราณเทวะมีแวดวงที่ใช้ค้าขายแลกเปลี่ยนกันก็ไม่ได้ถือว่าแปลกอะไร

โดยเฉพาะจักรพรรดิแห่งความตายและตวนมู่ชิงที่เป็นจักรพรรดิเก่าแก่ระดับขั้นใกล้เคียงกัน

“นั่นมันเป็นการแลกเปลี่ยนในอดีตนานมาแล้ว เพื่อสิ่งนี้ข้าต้องจ่ายไปมากโขอยู่ เพียงแต่ ‘ตำราหมิงถง’ นี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับข้ามากนัก ในตอนนั้นที่แลกเอาสิ่งของชิ้นนี้มาก็เพราะว่าสนใจวิชาต้องห้าม ‘หมิงถงมรณะ’ เท่านั้นเอง” ตวนมู่ชิงเอ่ยเสียงเรียบ

อายุขัยของจักรพรรดิปราณเทวะยืนยาวเป็นอย่างยิ่ง สามารถอยู่ได้เป็นหมื่นหรือหลายหมื่นปี

ในช่วงชีวิตที่ยาวนานเช่นนี้ เหล่าจักรพรรดิทั้งหลายล้วนแต่ฝึกเคล็ดวิชาต้องห้ามต่างๆ อย่างคร่าวๆ เพื่อให้ได้แรงบันดาลใจที่เพิ่มระดับขึ้นไปอีกขั้น

“ท่านอาจารย์ ‘ตำราหมิงถง’ เล่มนี้กับ ‘หมิงถงมรณะ’ มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน?”

จ้าวเฟิงนึกถึง ‘ชิ้นส่วนบันทึกหมิงถง’ ที่เขาเคยได้มาในคราก่อน

‘ชิ้นส่วนบันทึกหมิงถง’ เป็นเพียงชิ้นส่วนบันทึก มีแค่รายละเอียดของทฤษฎีสายเลือดดวงตาบางส่วนที่จ้าวเฟิงนำมาปรับใช้กับตนเอง

ว่ากันว่า ‘ชิ้นส่วนบันทึกหมิงถง’ มีเศษเสี้ยวทฤษฎีอยู่เก้าบท ทฤษฎีเก้าบทรวมเป็นหนึ่ง สามารถฝึก ‘หมิงถงมรณะ’ ขั้นสุดท้ายสำเร็จได้

“ ‘หมิงถงมรณะ’ ที่แท้จริง ในพื้นที่ของชางไห่อาจจะมีเพียงแค่ ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ ที่ฝึกสำเร็จ อีกอย่าง ‘ตำราหมิงถง’ ก็มิใช่ตำราต้องห้าม ‘หมิงถงมรณะ’ ที่สมบูรณ์ ด้วยไม่ได้เอ่ยถึงวิชาโจมตีต้องห้ามมากนัก แต่มีคำอธิบายที่ค่อนข้างจะครอบคลุมหลักวิชาดวงตาประเภทวิญญาณและมรณะต่างๆ…”

ตวนมู่ชิงเอ่ยตอบ

จ้าวเฟิงได้ยินเช่นนั้นจึงถอนหายใจยาว

คิดไปคิดมาก็จริงอยู่ จักรพรรดิแห่งความตายไม่น่าจะเอา ‘หมิงถงมรณะ’ ที่แท้จริงออกมาแลกเปลี่ยนกับใคร

“แต่ว่า ‘ตำราหมิงถง’ เล่มนี้บันทึกเคล็ดลับวิชาต้องห้ามของจักรพรรดิแห่งความตายไว้มากมาย ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องค่อนข้างครอบคลุมหลายด้าน ไม่จำกัดอยู่แค่เพียงในเรื่องของ ‘หมิงถงมรณะ’ เท่านั้น”

ตวนมู่ชิงมองจ้าวเฟิงอย่างเคร่งขรึม

ในใจของจ้าวเฟิงรู้สึกตื้นตัน เข้าใจในเจตนาของตวนมู่ชิงดี

จ้าวเฟิงต้องพบเจอกับ ‘คำสั่งล่าสังหาร’ ถือว่าเป็นศัตรูของจักรพรรดิแห่งความตาย ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วต้องมีวันหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากัน

ตวนมู่ชิงมอบ ‘ตำราหมิงถง’ ให้แก่จ้าวเฟิง ด้วยต้องการให้เขาเรียนรู้และทำความเข้าใจเคล็ดวิชาลับหมิงถงของ ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’  และฝึกฝนจากตำราเล่มดังกล่าวเพื่อหาวิธีรับมือกับจักรพรรดิผู้นั้น

จ้าวเฟิงเก็บ ‘ตำราหมิงถง’ ไปเงียบๆ

ถัดจากนั้น

แววตาของเขาหยุดลงที่บันทึกโบราณเล่มสุดท้าย ของชิ้นดังกล่าวถูกวางไว้ด้านล่างสุดของกล่องไม้ มูลค่าไม่ได้ด้อยไปกว่า ‘ตำราหมิงถง’ เลย

“วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน?”

จ้าวเฟิงหยิบบันทึกโบราณล้ำค่าขึ้นมา

ยามดวงตาจับจ้องไปที่ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ เล่มนั้น ใบหน้าของตวนมู่ชิงเผยแววคิดคำนึง

“นี่คือตำราลับของ ‘สกุลตวนมู่’ ถือว่าเป็นตำราลับการฝึกตนในชั้นดวงวิญญาณที่สูงส่งเกินจะเปรียบ วิชาเซียนนี้อาจจัดอยู่ในระดับ ‘ขั้นฟ้า’ เพียงแต่ว่ามีบางส่วนที่ขาดไป”

เสียงของตวนมู่ชิงแหบต่ำเล็กน้อย

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เหมือนว่า ‘สกุลตวนมู่’ และ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ จะส่งผลกระทบบางอย่างต่อส่วนลึกในใจของตวนมู่ชิง

“การฝึกตนด้านวิญญาณ ดวงตาเทพเจ้าของข้าชำนาญเป็นอย่างยิ่ง” จ้าวเฟิงเชื่อมั่นในตัวเองมาก

เขาเปิด ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ มุ่งสตินึกคิดของตนดำดิ่งลงไปภายในนั้น

วิ้ง!

ทันใดนั้น พลังวิญญาณลี้ลับกลุ่มก้อนหนึ่งชี้นำจ้าวเฟิงให้เข้าไปภายในโลกจิตวิญญาณที่กว้างใหญ่ไพศาล

เนื้อหาของ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ทั้งหมดล้วนแต่จดไว้ในโลกจิตวิญญาณแห่งนี้

“วิชานี้ช่วยกระตุ้นให้คนที่จะทะลวงไปยังราชันในขอบเขตปราณเทวะเกิดการเปลี่ยนแปลงในชั้นวิญญาณ หากฝึกฝนจนอยู่ในระดับสูงจะสามารถแบ่งหนึ่งห้วงความคิดออกเป็นหมื่นได้ เป็นเคล็ดวิชาฝึกจิตและวิญญาณชั้นสูงทีเดียว”

เสียงของตวนมู่ชิงดังขึ้นข้างหู

สตินึกคิดของจ้าวเฟิงดำดิ่งลึกลงไปในโลกจิตวิญญาณที่กว้างใหญ่นั้นเรื่อยๆ ระหว่างที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ก็ได้รับความรู้เกี่ยวกับจิตและห้วงความคิดมากมาย

เมื่อได้ยินคำแนะนำของตวนมู่ชิง จ้าวเฟิงอดจะตกใจไม่ได้

อันดับแรก ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ฉบับสมบูรณ์มีระดับสูงส่งถึงขั้นฟ้า!

มรดกพลังฝึกตนในโลกแบ่งออกเป็นสี่ระดับคือ ขั้นมนุษย์ ขั้นจิตวิญญาณ ขั้นพิภพ และขั้นฟ้า

ในกลุ่มนั้น

วิชาในขั้นจิตวิญญาณพบเห็นได้ยากยิ่งที่ทวีปบุปผาคราม

ขั้นฟ้านับว่าเป็นระดับวิชาที่สูงที่สุดในโลกแล้ว

อันดับสอง วิชาดังกล่าวช่วยให้ระดับชั้นวิญญาณของคนที่ต้องการทะลวงไปขั้นราชันในขอบเขตปราณเทวะเกิดการเปลี่ยนแปลง

พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ หลังจากฝึกฝนวิชาดังกล่าวแล้ว โอกาสที่จะทะลวงถึงขั้นราชันในขอบเขตปราณเทวะจะเพิ่มมากขึ้น

“วิชาเซียนนี้มีจักรพรรดิส่วนหนึ่งต้องการจะแลกเปลี่ยนกับข้า แต่ข้าไม่ยินยอม พูดแล้วก็ละอายยิ่งนัก ระดับของข้าไม่อาจฝึกฝนมันจนถึงขอบเขตพลังสูงสุดอย่าง ‘หนึ่งห้วงคิดแปรผันเป็นหมื่น’ ได้ อาจเป็นเพราะว่าระดับวิญญาณของข้าไม่มีพรสวรรค์เสียเท่าไหร่…”

สีหน้าอารมณ์ของตวนมู่ชิงสับสน

‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ เล่มนี้มีความรู้สึกพิเศษของเขาอยู่ด้วย

“ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านจึงมอบ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ให้แก่ข้า?” จ้าวเฟิงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

ตวนมู่ชิงเองก็ไม่ได้ปกปิดอะไร เอ่ยอธิบายเหตุผล

“มีอยู่สองสาเหตุ!”

“หนึ่ง สายเลือดดวงตาของเจ้าเหมือนจะเอนเอียงไปทางศาสตร์วิญญาณ ขนาดข้ายังไม่สามารถมองทะลุปรุโปร่งได้ บางทีเจ้าอาจจะฝึกฝน ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ เก่งกาจจนสูงส่งกว่าข้าก็เป็นได้”

“สอง ในดวงวิญญาณของเจ้ามีกลิ่นอายพลังดวงตาของ ‘เนตรมรณะ’ หนำซ้ำยังแทรกซึมเข้าไปในส่วนลึกของดวงวิญญาณ ข้าไม่สันทัดในศาสตร์ด้านนี้มากนัก แถมขอบเขตพลังของจักรพรรดิสูงส่งแข็งกล้า ถ้าหากฝืนเข้าไปภายในส่วนลึกของดวงวิญญาณเจ้าอย่างไม่ระแวดระวัง เกรงว่าจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงตามมา”

จ้าวเฟิงไม่สงสัยอะไรเลยในเหตุผลแรก

พรสวรรค์ในระดับจิตวิญญาณของเขา ขนาดยอดผู้อาวุโสสำนักจันทร์สลายยังดูออก จักรพรรดิตวนมู่ผู้นี้ย่อมมองได้ปรุโปร่งยิ่งกว่า

แต่เป็นเหตุผลข้อสองที่ทำให้จ้าวเฟิงดีใจอย่างคาดคิดไม่ถึง “ความหมายของท่านอาจารย์คือ หากฝึก ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ นี้จะช่วยให้ข้าคลายพลังที่จักรพรรดิแห่งความตายทิ้งในส่วนลึกของดวงวิญญาณ”

“ข้าหมายความเช่นนั้น” ตวนมู่ชิงเอ่ยเสียงขรึม “ข้าช่วยเจ้าได้เพียงชั่วขณะหนึ่ง ไม่อาจช่วยเหลือไปได้ตลอด จักรพรรดิแห่งความตายผู้นั้น เจ้าต้องรับมือเขาด้วยตนเอง”

จนถึงในตอนนี้ จ้าวเฟิงชื่นชมสายตากว้างไกลของตวนมู่ชิงยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ให้ปลากินเขามีกินเพียงวันเดียว หากสอนเขาหาปลาเขาจะมีปลากินตลอดไป

ตวนมู่ชิงมอบ ‘ตำราหมิงถง’ และตำราของสกุลตวนมู่ที่ไม่ส่งต่อให้คนนอกอย่าง ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ แก่เขา ด้วยอยากให้พลังของเขาแข็งแกร่งพัฒนา เพื่อจะได้รับมือกับคำสั่งล่าสังหาร

จ้าวเฟิงเก็บหีบไม้ไว้อย่างดี แล้วค้อมกายลงขอบคุณตวนมู่ชิง ก่อนจะเอ่ยปากขอตัว

หลังเข้ามาภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน

ตวนมู่ชิงอบรมบ่มเพาะจ้าวเฟิง ความรู้สึกและความหวังที่มอบให้ไม่เหมือนศิษย์อาจารย์ที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่นาน

ใจของจ้าวเฟิงซาบซึ้งในบุญคุณเหล่านี้และจดจำทั้งหมดไว้ในใจ

ยามกลับมาถึงที่พัก

จ้าวเฟิงหยิบ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ออกมาเป็นอย่างแรก แล้วเริ่มเข้าฌานฝึกตน

จิตใต้สำนึกของเขาดำดิ่งลงไปภายในโลกจิตวิญญาณที่ไร้ขอบเขต รับเอาความรู้และหลักทฤษฎีดวงวิญญาณจำนวนมากอย่างกระตือรือร้น

ครึ่งชั่วยามจากนั้น

จ้าวเฟิงก็เข้าใจ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ครบทุกด้าน

‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ มิได้เป็นเพียงการฝึกฝนห้วงคิดเซียนธรรมดาทั่วไป แต่รวมศาสตร์ดวงวิญญาณไว้เป็นจำนวนมาก หนำซ้ำยังเอ่ยเน้นเรื่องการพลิกแพลงใช้พลังวิญญาณด้วย

ดวงวิญญาณและศาสตร์วิญญาณ

ตั้งแต่โบราณกาลมานับได้ว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามของระดับชั้นการฝึกตน

 

มีเพียงฝึกตนถึงขั้นราชันในขอบเขตปราณเทวะ และชั้นดวงวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น จึงจะสามารถใช้พลังของดวงวิญญาณอย่างแท้จริงได้

แต่ทว่า สิ่งนี้เหมือนจะเป็นแค่ด่านผ่านทางของการเข้าร่วมสำนักเท่านั้น

ดวงวิญญาณเก่าแก่ลี้ลับมากเกินไป จึงอันตรายประหนึ่งพื้นที่ต้องห้าม อีกทั้งแหล่งกำเนิดยังยากที่จะตามรอยกลับไปได้

“ลักษณะโดดเด่นของ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ คือสามารถแบ่งห้วงความคิดออกเป็นหลายส่วน หนึ่งห้วงความคิดแบ่งเป็นสอง แบ่งเป็นสิบ แบ่งเป็นร้อย แบ่งเป็นพัน…ส่งผลให้กลวิธีในการใช้พลังดวงวิญญาณไปถึงระดับสูงอย่างที่ไม่อาจคาดคิดได้”

การทำความเข้าใจในขั้นแรกของจ้าวเฟิงก็สิ้นสุดลงเช่นนี้

คนธรรมดาทั่วไปยากที่จะใช้หนึ่งห้วงความคิดทำหลายจุดประสงค์ได้

แต่การแบ่งห้วงความคิดตาม ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ จะเพิ่มความพิเศษให้มากยิ่งขึ้น

ห้วงความคิดที่ถูกแบ่งออกแล้วย่อมต้องมี ‘เอกลักษณ์เฉพาะตัว’ สามารถแยกย้ายไปทำหน้าที่ของใครของมัน ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อกันมากนัก

แน่นอนว่าผลลัพธ์จากการคิดของห้วงความคิดที่ถูกแบ่งแยกไปจะลดลงบางส่วน

ยกตัวอย่างก็คือ หากสามารถเข้าถึงการแบ่งหนึ่งห้วงความคิดออกเป็นสองของ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’

เช่นนั้นจ้าวเฟิงจะแบ่งสตินึกคิดเป็นสองส่วนได้ ส่วนหนึ่งแบ่งไว้ฝึก ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ อีกส่วนใช้ศึกษามรดก ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’

การแยกสตินึกคิดออกจากกันเช่นนี้ลึกล้ำเกินกว่าการทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันในแบบปกติ

 

แน่นอนว่านี่คือสภาวะอุดมคติของ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ หากต้องการจะทำให้เป็นความจริง การแยกห้วงความคิดทั้งสองกลุ่มก้อนออกจากกันโดยสิ้นเชิงนับได้ว่าลำบากอย่างยิ่ง

“ลองดู”

ในใจของจ้าวเฟิงฮึกเหิม

เขาเริ่มฝึกตนโดยยึดตามหลักการสำคัญของวิชา ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’

ในปัจจุบันนี้

จ้าวเฟิงไม่มีห้วงคิดเซียน มีเพียงประสาทสัมผัสจิตวิญญาณ

ผู้ที่จะมีห้วงคิดเซียนอย่างน้อยต้องอยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชัน

แต่ว่าห้วงคิดเซียนและประสาทสัมผัสจิตวิญญาณเป็นประสาทสัมผัสประเภทเดียวกัน มีหลักการแบบเดียวกัน

ในขณะที่ฝึกตน ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงซึ่งถือว่าเป็นใจกลางของพลังวิญญาณก็ถูกฝึกไปด้วยโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ครึ่งวันจากนั้น

“หืม! เหมือนจะไม่ยากเท่าไหร่…” ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย

คิดถึงในคราวก่อน ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสามารถควบคุมกองทัพอสูรฝูงหนึ่งได้อย่างสบายๆ แล้วยังใช้ได้คล่องแคล่วเก่งกาจปานเทพเซียนด้วย

แต่ทว่า

นักฝึกสัตว์ธรรมดาควบคุมกองทัพสัตว์อสูร จะต้องควบคุมพวกมันผ่านราชาสัตว์อสูรเป็นหลัก โดยใช้ศาสตร์จิตวิญญาณถ่ายทอดคำสั่งและคำบัญชาลงไปสู่ทั้งกองทัพ

แต่สายเลือดดวงตาที่เกี่ยวโยงกับจิตวิญญาณบางส่วนมีความสามารถเช่นนี้มาแต่กำเนิด

จ้าวเฟิงเองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น

ดวงตาเทพเจ้าของเขาควบคุมกองทัพอสูรได้อย่างสบายๆ มานานแล้ว

“หนึ่งห้วงคิดแบ่งเป็นสิบ!”

แล้วในวันที่สอง ประสาทสัมผัสกับสตินึกคิดของจ้าวเฟิงก็แบ่งออกเป็นสิบส่วนอย่างง่ายดาย

พรึ่บ! พรึ่บ!

เมื่อใช้ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ พลังห้วงความคิดของจ้าวเฟิงพุ่งทะลวงออกมา

ในวินาทีต่อมา

อากาศเหนือยอดเขาจิตวิญญาณหลัก สัตว์ปีกสามตัวที่โบยบินมาจากสามทิศทางต่างกันโดนพลังห้วงความคิดกลุ่มหนึ่งกักขังไว้

วิหคสามตัวนั้นเทียบเท่ากับขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง แต่กลับโดนห้วงความคิดคุมขังในเวลาเพียงหนึ่งสองช่วงลมหายใจ

ถัดจากนั้น

ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงขยับน้อยๆ ท่อนไม้ตามมุมสวนก็ลอยล่องขึ้นกลางอากาศ

“นี่คือพลังของความคิดจิตวิญญาณ”

จ้าวเฟิงสุขใจเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาเทพเจ้าของเขาคือคลังสมบัติในระดับจิตวิญญาณ

ในตอนนี้เขาค้นพบกุญแจที่จะไขขุมสมบัตินั้นแล้ว ซึ่งก็คือ…

‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ นี่เอง

ในระยะเวลาสองวัน

ความคิดและประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงสามารถแบ่งออกเป็นสิบส่วน

ตามทฤษฎีแล้ว พลังทั้งสิบส่วนนี้ ในทุกๆ ส่วนล้วนแต่สามารถควบคุมและมีผลต่อสัตว์อสูรฝูงหนึ่ง

ทุกส่วนพลังยังโจมตีทางจิตวิญญาณได้โดยลำพัง หรือไม่ก็สื่อสารทางจิตวิญญาณได้

“ไม่เสียทีที่เป็นวิชาเซียนศาสตร์วิญญาณใน ‘ขั้นฟ้า’ เรียกได้ว่าฝืนลิขิตสวรรค์เลยทีเดียว”

จ้าวเฟิงเองชื่นชมยินดีไม่ขาดปาก โดยที่เขาเองไม่ได้รู้ตัวเลยว่าความเร็วในการฝึกตนของเขาน่ากลัวมากขนาดไหน

ในยามก่อน ตอนที่ตวนมู่ชิงอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด

เขาฝึกฝน ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ จนหนึ่งห้วงความคิดแยกออกเป็นสิบยังต้องใช้เวลาถึงสิบปีเต็มๆ!

แต่จ้าวเฟิงกลับฝึกจนสำเร็จอย่างที่หมายมาดปรารถนาโดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเสียด้วยซ้ำไป

ดวงตาเทพเจ้าของเขามีพรสวรรค์ในระดับขั้นดวงวิญญาณ เรียกได้ว่าฝืนลิขิตฟ้า เป็นเหมือนปลาที่เกิดในธารน้ำ แล้วธรรมชาติมอบความสามารถในการอยู่ใต้น้ำให้ตั้งแต่เกิด

ในวันนี้ จ้าวเฟิงเพิ่งจะเริ่มศึกษา  ‘ตำราหมิงถง’

 

“จ้าวเฟิง ข้ากำลังจะออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเดินทางไปที่ดินแดนหมู่เกาะเทียนหลู ในเวลาดังกล่าว เจ้าอย่าออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ง่ายๆ มีเงื่อนไขอะไรที่ต้องการก็เอ่ยเสนอมาได้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!