บทที่ 640 ยึดครองทะเลสาบจื่อเยียน (1)
ข้ารับใช้จระเข้ยักษ์โบราณนับสิบตัว เพียงแค่จ้าวเฟิงใช้พลังของพวกมันก็มากพอจะอาละวาดไปทั่วริมทะเลสาบจื่อเยียน
ในเวลานี้
อัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในละแวกริมทะเลสาบ รวมไปถึงอัจฉริยะขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงสองคน พากันหวาดกลัวจ้าวเฟิงอยู่ไม่น้อย
การเคลื่อนไหวทุกครั้งของเขาล้วนแต่ถูกจับตามอง
หยุดพักไปชั่วขณะหนึ่ง
จ้าวเฟิงควบคุมจระเข้ยักษ์โบราณสิบตัวมุ่งไปยังใจกลางของทะเลสาบจื่อเยียน เมื่อเดินทางไปจนถึงระยะหนึ่ง เขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้ลึกจนเกินไป
ภายในทะเลสาบจื่อเยียนมีสัตว์อสูรเผ่าน้ำนานาชนิด มีความสามารถแปลกประหลาดมากมาย อสูรมัจฉาบางส่วนมีเผ่าพันธุ์นับพันนับหมื่น เมื่อตกอยู่ในวงล้อมของพวกมันแล้ว ต่อให้เป็นครึ่งก้าวสู่ราชันก็ยังต้องหลบลี้หนีหาย
พละกำลังของจระเข้ยักษ์โบราณถือได้ว่าเป็นเพียงนักล่าชั้นยอดในบริเวณรอบนอกทะเลสาบจื่อเยียนก็เท่านั้น
ยามนั้น
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
ในน่านน้ำด้านหน้า ฝูงอสูรมัจฉาที่แหวกว่ายเข้ามามีจำนวนนับร้อย พลังรบต่ำที่สุดอยู่ในขั้นนายเหนือแท้ แล้วยังมีเกือบสิบตัวที่เข้าใกล้ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด
ฝูงอสูรมัจฉาเหล่านี้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของจระเข้ยักษ์โบราณ จึงไม่กล้าเข้ามาใกล้
“เดินหน้าต่อไป!”
จ้าวเฟิงนั่งบนร่างของจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่ง แล้วควบคุมกลุ่มจระเข้ให้เข้าใกล้ฝูงสัตว์อสูรมัจฉาเหล่านั้น
ผลัวะ ผลัวะ! ฟุ่บ ฟุ่บ!
ทันใดนั้น ฝูงอสูรมัจฉาก็กระจัดกระจายสับสนอลหม่าน
อสูรมัจฉาที่มีจำนวนไม่ถึงร้อยตัวยากจะคุกคามเหล่าจระเข้ยักษ์สิบตัวได้
“วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน หนึ่งห้วงความคิดแยกเป็นสิบ!”
ห้วงความคิดจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงเกิดแบ่งออกเป็นสิบยี่สิบกลุ่มในทันใด จากนั้นเรียกตราผนึกดวงใจทมิฬเล็งเป้าหมายไปยังฝูงอสูรมัจฉา
เหล่าอสูรมัจฉาตกอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงถูก ‘ตราดวงใจทมิฬ’ ผนึกอย่างง่ายดาย
เพียงอึดใจเดียว
‘ตราผนึกดวงใจทมิฬ’ ของจ้าวเฟิงครอบงำสัตว์อสูรมัจฉาได้ถึงสิบแปดตัว
ระดับของอสูรมัจฉาโดยทั่วไปจะเป็นขั้นนายเหนือแท้ เมื่อมี ‘ตราดวงใจทมิฬ’ ที่ใช้วิชาหมื่นห้วงความคิดเซียนเรียกออกมากับดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิง จึงทำสำเร็จอย่างราบรื่น
ผลัวะ ผลัวะ! โครม โครม!
อสูรมัจฉาที่ถูกครอบงำแล้วว่ายไปมารอบๆ จระเข้ยักษ์โบราณอย่างจำนนและหวาดกลัว
“ควบคุมสัตว์อสูรมัจฉาได้มากมายเพียงนี้ในเวลาสั้นๆ เท่านั้น?”
ริมทะเลสาบ สตรีนักฝึกสัตว์คนนั้นยากจะเชื่อสายตาตนเอง
นดวงตาของนางฉายแววหวาดกลัวอยู่ลึกๆ ถึงขั้นมีร่องรอยของความชื่นชมด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดเป็นศาสตร์การควบคุมทางจิตวิญญาณ ระดับวิชาของอีกฝ่ายลึกซึ้งปรุโปร่งนัก
ประสาทสัมผัสทางจิตวิญญาณกระจายออกเป็นสิบยี่สิบส่วนในชั่วพริบตา แล้วยังสำแดงวิชาดวงวิญญาณที่ลึกล้ำสูงส่ง
สำหรับนางแล้วย่อมต้องเป็นระดับของปรมาจารย์อย่างแน่นอน
แต่ทว่า
ควบคุมสัตว์อสูรมัจฉาสิบแปดตัวเป็นเพียง ‘ระลอกคลื่นแรก’ ของจ้าวเฟิงเท่านั้น
ระลอกคลื่นที่สอง
ห้วงความคิดจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงแบ่งออกอีกครั้ง ควบคุมสัตว์อสูรมัจฉาอีกสิบยี่สิบตัว
ระลอกที่สาม…ระลอกที่สี่…ระลอกที่ห้า
ห้าหกระลอกผ่านไป
สัตว์อสูรมัจฉาที่อยู่ภายใต้การควบคุมของจ้าวเฟิงมีจำนวนร่วมร้อย ในนั้นยังมีหัวหน้าอสูรมัจฉาในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดนับสิบตัว
บริเวณริมทะเลสาบ สตรีฝึกสัตว์นางนั้นสีหน้าตะลึงค้าง
“แท้จริงแล้วพลังวิญญาณของเขาลึกล้ำแค่ไหนกันแน่? ต่อให้เป็นสายเลือดดวงตาในแขนงวิญญาณ ยามกระตุ้นใช้วิชาศาสตร์วิญญาณ มีประสิทธิภาพสูง สิ้นเปลืองพลังน้อยก็จริง แต่ไม่มีทางที่จะใช้ไปจนไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนี้…” สตรีนักฝึกสัตว์ยากจะเชื่อได้
นางวิเคราะห์ว่า องค์ประกอบดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงอย่างน้อยๆ จะต้องอยู่เหนือกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง นี่เป็นข้อได้เปรียบสำคัญของสายเลือดดวงตาแขนงวิญญาณ จะทำให้ผลลัพธ์เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และสิ้นเปลืองลดลงไปหนึ่งในสาม
ภายในทะเลสาบจื่อเยียน
ในเงื้อมมือของจ้าวเฟิงมีจระเข้ยักษ์โบราณสิบตัวขึ้นไป อสูรมัจฉากว่าร้อยตัว ประกอบกันเป็นกองทัพขนาดย่อม
“อืม ขั้นแรกเกือบจะสำเร็จแล้ว” จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ
กองกำลังขนาดเล็กนี้ก็มากพอจะทำให้เขายึดครองบริเวณรอบนอกทะเลสาบ
จื่อเยียนในขั้นต้นได้แล้ว
พักไปครึ่งชั่วยาม
พลังของจ้าวเฟิงฟื้นฟูกลับมาแล้ว จึงออกคำสั่งกับกองกำลังที่อยู่ภายใต้เงื้อมมือของตน
ฟุ่บ! ตูม ตูม!
สัตว์อสูรมัจฉากระจายไปทั่วทิศทาง กระโดดโลดเต้นอยู่บริเวณรอบนอกของทะเลสาบจื่อเยียน
ภายใต้การชี้นำของจ้าวเฟิง อสูรมัจฉาเหล่านี้เกาะกลุ่มกันไปหาสมบัติล้ำค่าแถวรอบนอกทะเลสาบอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“ทรัพย์สมบัติทรงคุณค่าในทะเลสาบจื่อเยียนมีเป็นจำนวนมาก อาศัยพลังของคนเพียงคนเดียวประสิทธิภาพจะต่ำเกินไป อีกทั้งภายในนั้นยังมีอันตรายมากมาย”
ตัวจ้าวเฟิงไม่ลงมือเอง ทว่าให้กองทัพที่ตนควบคุมจัดการทุกอย่าง
จระเข้ยักษ์และอสูรมัจฉาเหล่านี้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมมากกว่า ระดับสติปัญญาของพวกมันทรงภูมิอย่างยิ่ง
อสูรมัจฉากว่าร้อยตัวนั้นเป็นแรงงานหลักในการค้นหาขุมทรัพย์
จระเข้ยักษ์โบราณมีหน้าที่คุ้มกันระแวดระวังภัย
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงทำหน้าที่สอดส่องเสาะหาทรัพยากรและสมบัติในทะเลสาบ
“หญ้าเกล็ดม่วง!”
จ้างเฟิงเบิกตากว้าง เขาหาร่องรอยของหญ้าเกล็ดม่วงเจออย่างรวดเร็ว
หญ้าเกล็ดม่วงเป็นหญ้าล้ำค่าชนิดหนึ่งที่เกิดในทะเลสาบจื่อเยียน มีพลังแปลกประหลาดน่าเหลือเชื่อ
อัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิที่มายังทะเลสาบจื่อเยียนอาจมาเพื่อหญ้าชนิดนี้ถึงครึ่งหนึ่ง
ผลัวะ ผลัวะ! โครม!
เวลาผ่านไปไม่นาน สัตว์อสูรมัจฉาหลายตัวเก็บสะสมหญ้าเกล็ดม่วงแล้วนำไปส่งให้จ้าวเฟิง
“ดีมาก” จ้าวเฟิงกำหญ้าเกล็ดม่วงหลายต้นไว้ ยืนยันให้แน่ว่าเป็นของจริง
ภายในกำมือของเขามีกองทัพเผ่าพันธุ์วารีกลุ่มเล็กเช่นนี้ เชื่อได้เลยว่าจะสามารถเก็บหญ้าเกล็ดม่วงได้มากขึ้นอีก
เพื่อทดลองประสิทธิภาพของ ‘หญ้าเกล็ดม่วง’ จ้าวเฟิงจึงกินเข้าไปหนึ่งต้น
ในพริบตาเดียว
กลิ่นอายเย็นยะเยือกทะลวงผ่านเข้ามาในเลือดเนื้อของจ้าวเฟิง แล้วพลันเกิดความรู้สึกเหมือนโดนเผาไหม้อย่างรุนแรงภายในเลือดและเนื้อ
เห็นเพียงชั้นเปลวเพลิงสีม่วงผุดอยู่บริเวณผิวหนังของจ้าวเฟิง
ใบหน้าเขาแสดงอาการเจ็บปวดทุรนทุรายเล็กน้อย
หากเป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั่วไป บริโภคหญ้าเกล็ดม่วงต้นหนึ่งอย่างน้อยๆ ต้องใช้เวลาครึ่งเดือน แต่สภาวะวิญญาณของจ้าวเฟิงไม่ธรรมดา เพราะดูดซึมกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลอันยิ่งใหญ่เข้าไป เขาเป็นประหนึ่งสัตว์อสูรขนาดยักษ์ ไม่ว่าจะแรงย่อยสลายหรือแรงดูดซึมล้วนแต่ไม่สามารถวัดด้วยตรรกะทั่วไป
“หญ้าเกล็ดม่วงนี้ย่อมส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะวิญญาณ เพียงแต่ออกฤทธิ์กับข้าไม่มากนัก” จ้าวเฟิงสัมผัสได้ ด้วยเพราะสภาวะวิญญาณของเขามาถึงขีดจำกัดของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ถึงขั้นเข้าใกล้ราชัน
ต่อให้เป็นครึ่งก้าวสู่ราชัน สภาวะวิญญาณก็ยังไม่เทียบเท่าจ้าวเฟิง
แน่นอนว่าหญ้าเกล็ดม่วงที่จ้าวเฟิงให้ความสำคัญมีผลมหัศจรรย์ในการเพิ่มสายเลือดป้องกัน สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตมีพลังทางสายเลือดได้ สิ่งแปลกประหลาดประเภทนี้ทั่วทั้งผืนพิภพล้วนหาได้ยากยิ่ง
และนี่คือผลลัพธ์ที่มีคุณค่าที่สุดของหญ้าเกล็ดม่วง
เวลาผ่านพ้นไป กองกำลังเล็กๆ ที่จ้าวเฟิงควบคุมสะสมของล้ำค่าจำนวนมากในทะเลสาบจื่อเยียน โดยมี ‘หญ้าเกล็ดม่วง’ เป็นจุดสำคัญในนั้น
ในระหว่างการค้นหา
กองกำลังเผ่าพันธุ์วารีของจ้าวเฟิงยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการสูญเสียได้ เขาเองก็ค่อยๆ เพิ่มสิ่งแอบแฝงลงในกองทัพนั้น
ครึ่งวันผ่านไป
สัตว์อสูรมัจฉาที่อยู่ในเงื้อมมือของจ้าวเฟิงไม่ลดน้อยลง แต่กลับเพิ่มมากขึ้นจนถึงสองร้อยกว่าตัว
ขอเพียงแค่ถูกควบคุมจาก ‘ตราผนึกดวงใจทมิฬ’ จิตวิญญาณและความคิดทั้งหมดก็จะจำนนจนหมดสิ้น
การควบคุมหลังจากนั้นจะสิ้นเปลืองพลังดวงตาและพลังจิตวิญญาณน้อยลงไปด้วย
“หญ้าเกล็ดม่วง…หญ้าแมลงวารีทมิฬ… พลอยวารี… เปลือกหอยโบราณ…”
ของล้ำค่าประเภทต่างๆ ถูกส่งมาเบื้องหน้าของจ้าวเฟิงอย่างไม่ขาดสาย
มิหนำซ้ำ
วิสัยทัศน์ของจ้าวเฟิงยังกว้างไกลนัก จะขุดหาเฉพาะขุมทรัพย์ล้ำค่าที่เย้ายวนคนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด หรือไม่ก็ของหายากที่โลกภายนอก
หนึ่งในนี้ สิ่งที่จ้าวเฟิงให้ความสำคัญมากก็ยังคงเป็นหญ้าเกล็ดม่วง
ของล้ำค่าอย่างอื่นส่วนมากใช้เป็นพลังภายนอก ไม่ก็นำไปใช้ในการทำโอสถ สร้างอาวุธ และถอนพิษ เป็นต้น
แต่หญ้าเกล็ดม่วงสามารถนำมาใช้เพิ่มพลังให้ตนเองได้โดยตรง
จ้าวเฟิงจึงให้ความสำคัญกับสมบัติล้ำค่าประเภทนี้เป็นที่สุด
การหาแบบหว่านแหของสัตว์อสูรมัจฉาสองร้อยตัวได้ผลอย่างมาก
ครู่เดียว จำนวนของหญ้าเกล็ดม่วงในมือของจ้าวเฟิงก็เพิ่มขึ้นไม่มีหยุด
“สิบแปดต้น สิบเก้าต้น ยี่สิบต้น…” จ้าวเฟิงเก็บของได้เรื่อยๆ
คนอื่นใช้เวลาครึ่งวันจึงจะขุดหาได้สักหนึ่งสองต้น แถมยังต้องคอยหลบหลีกการจู่โจมไล่ล่าของเหล่าสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์วารีต่างๆ
แต่เขาเป็นเสมือนเจ้านายผู้หนึ่ง กำกับทหารภายใต้การควบคุมให้ทำงานแทนตนเอง
ทุกๆ ครึ่งช่วงยาม จ้าวเฟิงจะกิน ‘หญ้าเกล็ดม่วง’ ต้นหนึ่ง
หลังจากกินสะสมเข้าไป ร่างกายของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังในการป้องกัน
ขณะที่กินเข้าไปถึงต้นที่สิบ จ้าวเฟิงก็รู้สึกได้ว่าพื้นฐานสายเลือดของตนมีการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดเกิดขึ้น
ในเลือดเนื้อของเขามีกลิ่นอายวารีสีม่วงเข้มเป็นเส้นสาย
หืม?
จ้าวเฟิงควบคุมกลิ่นอายนั้นผ่านร่างของเขา
วิ้ง ผลัวะ!
ผิวกายของจ้าวเฟิงปรากฏลายวารีสีม่วงเข้มเป็นโครงเส้นเกล็ดปลา
“สำเร็จแล้ว” จ้าวเฟิงปลาบปลื้มยินดี
ในร่างกายมีพลังสายเลือดเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง ฟังดูแล้วช่างไม่น่าเชื่อ
จ้าวเฟิงรับรู้ได้ว่าวงน้ำสีม่วงเข้มที่ปรากฏในลักษณะเกล็ดปลามีพลังป้องกันไม่ด้อยเลยแม้แต่น้อย
พลังสายเลือดป้องกันประเภทนี้คล้ายคลึงกับเกล็ดของจระเข้ยักษ์โบราณ
จระเข้ยักษ์โบราณอยู่ในระดับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ แต่พลังป้องกันกลับต้านทานการโจมตีของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงได้ และโดยปกติพลังสายเลือดจะก่อร่างสร้างตัวอยู่ในส่วนพลังฝึกตนของร่างกาย
สภาวะวิญญาณของจ้าวเฟิงเข้าใกล้ขั้นราชัน ดูดซึมกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล ผลลัพธ์ของพลังสายเลือดป้องกันที่เพิ่มขึ้นมาของเขาจึงน่าตกใจอย่างยิ่ง
“สายเลือดป้องกันนี้เพิ่มพลังการป้องกันให้ข้าถึงสามสิบส่วน”
จิตใจของจ้าวเฟิงฮึกเหิม
อีกทั้งผลลัพธ์นี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
เขายังคงกิน ‘หญ้าเกล็ดม่วง’ ไม่หยุดเพื่อเพิ่มความเข้มข้นของสายเลือด
ในเวลาเดียวกัน
จ้าวเฟิงยังเข้าสู่ห้วงฝันบรรพกาลชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อดูดซึมกลิ่นอายในนั้น ทำให้พลังสายเลือดย้อนคืนกลับไปบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
“ยี่สิบแปดต้น…สามสิบต้น…สามสิบห้าต้น…”
กองกำลังเผ่าพันธุ์วารีที่จ้างเฟิงควบคุมอยู่ขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ ประสิทธิภาพการทำงานก็ยิ่งสูงขึ้นอีก
สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์วารีเหล่านั้นเดิมทีก็มีสติปัญญาของมันเอง จ้าวเฟิงจึงส่งรูปลักษณ์ของ ‘หญ้าเกล็ดม่วง’ ไปให้แกนนำของอสูรมัจฉาส่วนหนึ่ง เพื่อให้พวกมันนำการค้นหา หลักๆ คือเพื่อเก็บสะสมของล้ำค่าประเภทนี้
ในวันที่สอง
หญ้าเกล็ดม่วงในมือของจ้าวเฟิงมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงสามสิบสี่สิบต้น
ความเร็วในการค้นหาหญ้าเกล็ดม่วงถึงกระทั่งเร็วเกินกว่าเวลาที่เขาต้องกินเสียด้วยซ้ำ
ในเวลาดังกล่าว
พลังสายเลือดชนิดใหม่ของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น
เพียงหนึ่งห้วงความคิดก็ปรากฏลวดลายวารีสีม่วงในลักษณะเกล็ดปลาบนร่าง
ลายวารีเกล็ดปลานั้นยิ่งแน่นขนัดมากขึ้น
“พลังในการป้องกันแข็งแกร่งขึ้นไปเป็นสองเท่าแล้ว อีกทั้งสายเลือดป้องกันประเภทนี้หลอมรวมเข้าไปภายในร่างกายโดยตรง แต่ไม่ส่งผลกระทบใดกับการป้องกันของพลังสายเลือดวารีของข้า”
จ้าวเฟิงรู้สึกว่าร่างกายของตนเองแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังการป้องกัน
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของอัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนหนึ่งที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงทะเลสาบจื่อเยียน
อุทยานครึ่งเซียนเปิดมาแล้วหนึ่งวันครึ่ง
ในตอนนี้ เหล่าอัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิยี่สิบสามสิบคนมารวมตัวกันบริเวณทะเลสาบ
ผลเก็บเกี่ยวของจ้าวเฟิงทำให้อัจฉริยะมากมายรู้สึกอิจฉาริษยา
แต่กองกำลังวารีที่จ้าวเฟิงควบคุมอยู่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมากพอจะทำให้อัจฉริยะส่วนมากต้องมองด้วยความหวั่นเกรง
“จระเข้ยักษ์โบราณยี่สิบตัว อสูรมัจฉาสามสี่ร้อยตัว…” สตรีนักฝึกสัตว์นางนั้นมองจ้าวเฟิงเหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์
อีกมุมหนึ่งของริมทะเลสาบ
“เป็นแค่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำคนหนึ่ง แต่กลับยึดครองหญ้าเกล็ดม่วงคนเดียวไปกว่าเก้าสิบส่วนแล้ว”
“กองทัพเผ่าพันธุ์วารีของเขาค้นเจอสมบัติล้ำค่าจำนวนมากและหญ้าเกล็ดม่วงกว่าครึ่ง ส่วนพวกเรายังไม่ทันได้สัมผัสอะไรทั้งสิ้น”
อัจฉริยะห้าหกคนรวมตัวอยู่ด้วยกัน คนเหล่านี้โกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง จ้องมองไปยังกองกำลังวารีที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรบนทะเลสาบ
คนสองคนในนั้นพลังฝึกตนอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ผู้หนึ่งเป็นชายหนุ่มใบหน้าซีดเผือด ส่วนอีกคนเป็นบุรุษหนุ่มนักกระบี่
ชายหน้าซีดเซียวผู้นั้นเชี่ยวชาญศาสตร์หุ่นเชิดศพ ในมือควบคุมกองทัพโครงกระดูกนับร้อย แปดร่างในนั้นอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับกลาง มีโครงกระดูกสีทองร่างหนึ่งเป็นถึงยอดผู้สูงศักดิ์