บทที่ 649 สุราเซียนมายา
ห้องบ่มสุราใต้ดิน ตำหนักเทพเผ่าเงือก
กลุ่มคนจากสำนักเสวียนเจินมีใบหน้าปีติยินดี ในใจฮึกเหิมนัก จ้องเขม็งไปที่น้ำพุนางเงือก รวมไปถึงเหล้าเซียนประเภทต่างๆ ภายในชั้นวางผลึกแก้ว
“ภายในห้องบ่มสุราใต้ดินมี ‘น้ำอมฤต’ กับ ‘สุราเซียนมายา’ ในตำนานใช่หรือไม่?”
จ้าวเฟิงเอ่ยปากถามองค์หญิงเผ่าเงือก
ตำหนักเทพเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรเผ่าเงือก และเป็นพื้นที่ต้องห้ามเช่นเดียวกัน
เงือกธรรมดาทั่วไปไม่อาจเข้าไปภายในตำหนักเทพนี้ได้
แต่องค์หญิงเผ่าเงือกในทุกยุคสมัยจะมีพรสวรรค์ดวงวิญญาณที่โดดเด่น มรดกของพวกนางมีความเกี่ยวพันมากมายกับตำหนักเทพ
“มี” องค์หญิงเผ่าเงือกเอ่ยอย่างหนักแน่น
ทันทีที่เอ่ยจบ ใจของคนทั้งหมดก็สั่นกระตุก
นึกถึงอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในอดีต ที่พอได้ ‘น้ำอมฤต’ กับ ‘สุราเซียนมายา’ ก็สามารถทะลวงผ่านไปยังขอบเขตปราณเทวะได้ในเวลาไม่กี่ปี
น้ำอมฤตจะเพิ่มอายุขัยให้ยืนยาวนับพันปี ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของระดับขั้นชีวิต และในเวลาเดียวกันก็สามารถเพิ่มพลังฝึกตนให้ด้วย
เมื่อมีอายุยืนนับพันปี นั่นมากพอจะทำให้ผู้สูงศักดิ์ธรรมดาคนหนึ่งสามารถฝึกตนจนเป็นราชันในขอบเขตปราณเทวะได้อย่างสบายๆ
ทว่าผลลัพธ์ของ ‘สุราเซียนมายา’ เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่า สามารถทำให้คนเข้าสู่สภาวะความว่างเปล่าที่ลี้ลับ เพื่อสัมผัสกับระดับพลังที่สูงขึ้น
หากมีน้ำอมฤต อย่างน้อยๆ การจะทะลวงไปขอบเขตปราณเทวะก็พอมีหวังอยู่ห้าสิบส่วนแล้ว
ถ้าหากว่ามี ‘สุราเซียนมายา’ อยู่ด้วย อย่างน้อยจะมีความหวังราวเจ็ดสิบส่วนที่จะทะลวงผ่านขึ้นเป็นราชันขอบเขตปราณเทวะได้ในอนาคต
“หากได้ครอบครอง ‘น้ำอมฤต’ และ ‘สุราเซียนมายา’ ในเวลาเดียวกันล่ะก็ การไปถึงขอบเขตปราณเทวะก็เป็นเรื่องที่ย่อมเกิดขึ้นแน่นอน”
เมื่อนึกถึงตรงนี้ คนทุกคนหายใจกระชั้นอย่างเห็นได้ชัด
แล้วในเวลานี้เอง องค์หญิงเผ่าเงือกจึงเอ่ยปาก
“น้ำอมฤตอยู่ภายในบ่อน้ำพุนางเงือก แต่ไม่ใช่ว่าน้ำพุทั้งหมดจะเป็นน้ำอมฤต” องค์หญิงเผ่าเงือกชะงักไปครู่หนึ่ง
คนทั้งหมดต่างพากันจับจ้องไปที่รูน้ำพุนับร้อยบนร่างของรูปสลักนางเงือก
“มีเพียงน้ำพุที่พวยพุ่งออกมาจากตำแหน่ง ‘ช่วงล่าง’ ของรูปปั้นเท่านั้นถึงจะเป็นน้ำอมฤตที่แท้จริง” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ องค์หญิงเผ่าเงือกก็หน้าแดงก่ำ
คนทั้งหมดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด ศิษย์ผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นก้มศีรษะลงด้วยความกระดากอาย
จ้าวเฟิงจ้องเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง เป็นไปตามนั้น รูบนรูปสลักนางเงือกบริเวณร่างกายและส่วนหางซึ่งเชื่อมต่อกัน น้ำที่พวยพุ่งออกมานั้นใสกระจ่างราวผลึก ดูแล้วไม่ธรรมดาเลย
“นั่นก็คือน้ำอมฤตงั้นหรือ?” ลูกศิษย์ผู้สืบทอดสองคนยากจะปกปิดความละโมบในดวงตา ตรงเข้าไปใกล้น้ำพุมากยิ่งขึ้น
“ช้าก่อน”
องค์หญิงเผ่าเงือกเอ่ยปากบอก ทว่าก็สายไปเสียแล้ว
ลูกศิษย์ผู้สืบทอดสองคนที่เพิ่งจะเข้าใกล้น้ำพุนางเงือก ร่างกายโซซัดโซเซและมีท่าทีเมามาย
“ช่างเป็นพลังที่แปลกเสียเหลือเกิน บ่อน้ำพุก็เป็นบ่อสุราอีกด้วย กลิ่นสุราที่อยู่ในนั้น ไม่ต้องสูดดมก็สามารถแทรกซึมผ่านเข้าไปในร่างกายจนถึงขั้นส่งผลต่อดวงวิญญาณได้” จ้าวเฟิงตะลึงจนพูดไม่ออก
กลิ่นสุรารุนแรงเช่นนี้ ไม่เสียทีที่เป็นสุราบ่มซึ่งเป็นของกินดื่มของครึ่งเซียน
จะต้องรู้ว่า สภาวะวิญญาณของครึ่งเซียนแข็งแกร่งกว่าพวกผู้สูงศักดิ์และราชันไม่รู้กี่เท่าตัว
เหล้าธรรมดา หากคนทั่วไปดื่มกินเข้าไปย่อมต้องเมามาย
แต่ลองคิดดู ถ้าหากเป็นสัตว์อสูรขนาดใหญ่โตปานภูเขา ดื่มเข้าไปขวดหนึ่งอาจจะไม่ส่งผลอะไรก็เป็นได้
ในหลักการเดียวกัน สภาวะของครึ่งเซียนรวมไปถึงความสามารถในการดื่มไปไกลเกินกว่าคนธรรมดาแล้ว
“ที่แห่งนี้บ่มสุราเอาไว้มากมาย ต่อให้เป็นครึ่งเซียนดื่มเข้าไปก็ย่อมเมามาย ผู้ฝึกตนธรรมดายากจะเข้าไปใกล้ได้ ต่อให้เข้าใกล้สตินึกคิดก็จะเมามาย แล้วจะเอาสุรามาได้อย่างไร” องค์หญิงเผ่าเงือกเอ่ย
เมื่อเอ่ยจบ คนทั้งหมดมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น
ลูกศิษย์ผู้สืบทอดสองคนที่ลองเข้าไปใกล้ๆ ถูกเฉินอี้หลินและเจียงฟานลากกลับมา
“เช่นนั้น สุราบ่มที่อยู่ในชั้นวางล่ะ?” สายตาของจ้าวเฟิงจับจ้องไปยังชั้นวางสุราที่เป็นผลึกใส
น้ำสุราที่หมักจากบ่อน้ำพุถูกส่งไปที่แก้วและจอกสุราภายในชั้นวางทั้งสิ้น
“ภายในชั้นวางสุราเป็นที่ปิดผนึก จึงทำให้กลิ่นสุราที่กระจายออกมาเบาบางลงไปส่วนหนึ่ง แต่ว่าวัสดุของชั้นวางสุรา พลังของคนที่อยู่ในขั้นต่ำกว่าราชันยากจะทำลายได้แม้เพียงเศษเสี้ยว อยากจะเปิดประตูนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
องค์หญิงเผ่าเงือกเอ่ยอธิบาย
เมื่อได้ยินดังนั้น คนทั้งหมดก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
สุราเซียนมายาต้องอยู่ภายในชั้นวางสุราอย่างไม่ต้องสงสัย
จ้าวเฟิงลองควบคุมปราณศพให้เข้าใกล้ธารผลึกแก้ว ผลลัพธ์คือกลิ่นสุราที่รุนแรงแข็งกล้ากระทบมาถึงใจของเขา
“พลังของกลิ่นสุราสามารถทะลวงผ่านไปยังชั้นจิตวิญญาณได้ด้วย” จ้าวเฟิงก็รู้สึกถึงความยากเย็นเช่นกัน
ต่อให้ส่งหุ่นเชิดที่ไร้ซึ่งสตินึกคิดไปก็ยากจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้ ด้วยเพราะหุ่นเชิดและเจ้านายมีจิตใจเชื่อมโยงสอดประสานกัน
“แต่ในยามก่อน อัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นเอา ‘น้ำอมฤต’ และ ‘สุราเซียนมายา’ มาได้ด้วยวิธีใดกัน?”
เฉินอี้หลินเอ่ยปากถาม
“เป็นความลับเมื่อหลายพันปีก่อนซึ่งยากจะตามหาความจริงได้ในวันนี้ ทว่าองค์หญิงเผ่าเงือกในขณะนั้นก็ไม่ได้มีอายุยืนยาวนัก นางหลับสนิทจนตายไป แล้วยังทำลายสมบัติมรดกล้ำค่าชิ้นหนึ่งของเผ่าเงือกไปด้วย…” องค์หญิงเผ่าเงือกเอ่ยพลางทอดถอนใจ
เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้ หัวใจของคนทั้งหมดก็พลันหนักอึ้ง เห็นได้ชัดเลยว่าอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นทำสำเร็จได้เพราะโชคบันดาลอย่างแท้จริง
คนทั้งหมดสามารถเดินมาถึงจุดนี้ได้ก็นับว่าอัศจรรย์แล้ว
ถัดจากนั้น พวกเขาผลัดกันลองคนละหน
ผลสุดท้ายคือไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ธารผลึกแก้วได้มากกว่ายี่สิบจั้งเลย
ภายในอุทยานครึ่งเซียน พลังของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงสุดยอด ระยะโจมตีสูงสุดคือยี่สิบจั้ง หนำซ้ำหากอยู่ใต้ทะเลสาบจื่อเยียนพลังก็จะลดลงไปหนึ่งในสาม
สามารถพูดได้ง่ายๆ เลยว่า ไม่มีใครใช้กลยุทธ์ปราณที่แท้จริงเพื่อช่วงชิงเอาน้ำสุราที่อยู่ภายในธารผลึกแก้วได้
อีกทั้งชั้นวางนั้นก็เป็นที่ปิด หากต้องการเปิดประตูความยากก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอีก
นอกเหนือจากจ้าวเฟิง คนอื่นๆ ล้วนแต่ลองแล้ว และต้องพ่ายแพ้ถอดใจไป
จ้าวเฟิงยังไม่ได้ทดลอง ตาจับจ้องไปที่แก้วและจอกสุราภายในชั้นผลึกแก้ว แววตาแน่วแน่ไม่ไหวติง
เฉินอี้หลินและคนอื่นครุ่นคิดอย่างหนัก
จนสุดท้ายแล้ว พวกเขาก็คิดวิธีได้ โดยจะใช้เชือกมัดร่างคนผู้หนึ่งไว้แล้วส่งเข้าไปเอาน้ำอมฤตหรือไม่ก็สุราอื่นๆ
รอจนเก็บสุราได้แล้วจึงค่อยดึงกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว
คนที่เข้าไปเอาสุราจะต้องแบกรับกลิ่นสุราในระยะเวลาสั้นๆ
“มีเพียงส่งคนเข้าไปถึงจะเก็บมาได้ ถ้าหากมีเครื่องไม้เครื่องมือ ต่อให้สัมผัสกับน้ำสุราก็ชะล้างได้ด้วยน้ำทะเลสาบ เมื่อได้มาย่อมไม่เหลือร่องรอยอย่างแน่นอน”
เฉินอี้หลินยืนยันในความคิดนี้
จะอย่างไรที่แห่งนี้ก็คือโลกใต้น้ำ
ธารผลึกแก้วและชั้นวางสุราเป็นพื้นที่เอกเทศ จึงสามารถอยู่เหนือสภาพแวดล้อมของโลกใต้น้ำได้
“วิธีการนี้มีความเป็นไปได้ที่สุด เอาเครื่องป้องกันดวงวิญญาณทั้งหมดใส่ไว้บนร่างของผู้ที่ถูกมัดด้วยเชือก เพื่อเพิ่มความสามารถในการต้านทานกลิ่นสุรา เพราะจะแบกรับขีดจำกัดของกลิ่นสุราแค่เวลาสั้นๆ เท่านั้น”
จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ
หากว่าอยากจะได้น้ำอมฤตและน้ำสุรามาก็ต้องร่วมมือกัน
“เหอะเหอะ ถ้ายึดตามที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก ก่อนที่จะเข้าไปภายในตำหนักใต้ทะเลสาบ ของทั้งหมดจะแบ่งเป็นสามและเจ็ดส่วน แต่หลังจากที่เข้าไปภายในตำหนักแล้ว ผลประโยชน์ที่จะเก็บเกี่ยวได้ก็ขึ้นอยู่ความสามารถของแต่ละคน”
เฉินอี้หลินจู่ๆ ก็หัวเราะออกมา
จ้าวเฟิงไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด
เพราะก่อนจะเข้ามาภายในตำหนักใต้ทะเลสาบ ผลประโยชน์ต่างๆ ที่เก็บเกี่ยวกันมาได้ล้วนแต่เป็นเพราะพึ่งพากองทัพเผ่าวารีของเขาเป็นหลัก
แต่ว่าในตอนนี้กองทัพเผ่าวารีของจ้าวเฟิงไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว
“วูบ หมับ!”
ศิษย์ผู้สืบทอดคนหนึ่งโดนเชือกโลหะมัดเอาไว้ แล้วส่งลงไปภายในธารผลึกแก้ว
ผู้ที่รับผิดชอบในการโยนเชือกคือเจียงฟาน ด้วยเพราะพลังกายของเขาแข็งแกร่งที่สุด หากไม่นับจ้าวเฟิง
ครั้งแรก
ลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนดังกล่าวโดนส่งลงไปที่ช่วงล่างของรูปสลักนางเงือก แต่ทว่าแม่นยำไม่มากพอ
เขาเปียกสุราแค่เพียงเล็กน้อยก็ถูกดึงกลับไป
“อ๊อก…” ลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนนั้นตาปรือด้วยความเมามาย ร่างกายโซเซเล็กน้อย ยากที่จะทำซ้ำอีกครั้ง
“อืม แรงในครั้งต่อไป ข้าจะขว้างให้แม่นยำกว่านี้” เจียงฟานเชื่อมั่นอย่างยิ่ง
“ให้ข้าเอง”
เฉินอี้หลินยิ้มแย้ม พลังฝึกตนของเขาสูงสุด ทั้งพื้นฐานสายเลือดก็ไม่ด้อยเลยแม้แต่น้อย
วูบ หมับ!
เฉินอี้หลินที่มีเชือกมัดโดนส่งลงไปยังเบื้องหน้าของช่วงล่างรูปสลักนางเงือก
ในวินาทีนั้น กลิ่นสุราสาดซัดไปทั่วร่าง เฉินอี้หลินใช้ขวดในมือรองน้ำอมฤตมาได้จำนวนหนึ่ง
“เหอะเหอะ”
เฉินอี้หลินโดนดึงกลับขึ้นมาบนพื้น แล้วเก็บขวดให้เรียบร้อย
การลงมือเมื่อครู่ทำให้เขาเอาน้ำอมฤตมาได้ แต่จำนวนไม่ได้มากนัก
“ข้าต้องพักผ่อนสักครู่ เปลี่ยนคนก่อน”
ต่อให้เป็นเฉินอี้หลินก็ยังเมามายอยู่ส่วนหนึ่ง สตินึกคิดไม่แจ่มชัดเหมือนในเวลาปกติ
ในความเป็นจริงแล้ว
เขาสามารถลองครั้งที่สองได้อีก แต่เพื่อความปลอดภัย เฉินอี้หลินจึงต้องการทำสมองให้ปลอดโปร่ง เพื่อที่จะได้รับมือกับสถานการณ์ต่างๆ
“ศิษย์น้องจ้าว เจ้าและองค์หญิงเผ่าเงือกร่วมมือกันก็ทดลองได้เช่นกัน” เฉินอี้หลินมองจ้าวเฟิง
เขาเองก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมจ้าวเฟิงจึงไม่ลงมือ เขาถึงขั้นรู้สึกวิตกเล็กน้อย
“นายท่าน” องค์หญิงเผ่าเงือกเขินอายหน้าแดง รอฟังคำสั่งอย่างเป็นกังวล
ขอเพียงแค่จ้าวเฟิงเปิดปาก นางยินดีให้ความร่วมมือไปเอาน้ำอมฤตที่อยู่ภายในน้ำพุนั้น
“เอา ‘สุราเซียนมายา’ มาก่อนแล้วกัน” จ้าวเฟิงเอ่ยสั่งเสียงต่ำ
สภาวะวิญญาณของเขาเข้าใกล้ขั้นราชัน สิ่งที่เขาต้องการมากไปกว่านั้นก็คือพลังในระดับปราณเทวะ
สุราเซียนมายา?
เฉินอี้หลินยกมุมปากเป็นรอยยิ้ม สุราพวกนั้นล้วนแต่วางอยู่ในชั้นวางของ อยากเปิดบานประตูจะง่ายเหมือนอย่างที่พูดได้อย่างไร?
ต่อให้ฝืนผลักบานประตูเพียงนิด หากกลิ่นสุราสาดซัดออกไปเรื่อยๆ ก็อาจทำให้คนหลับใหลยาวนานได้
“นายท่าน ‘สุราเซียนมายา’ อยู่ในแก้วผลึกสีม่วงที่อยู่ตรงกลาง” องค์หญิงเผ่าเงือกเปิดปากบอก
ไม่มีใครเข้าใจตำหนักเทพมากไปกว่าองค์หญิงเผ่าเงือกอีกแล้ว
“อืม” จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจับจ้องอยู่ที่แก้วผลึกสีม่วงนั้น
ในเวลาดังกล่าว ฝั่งของเฉินอี้หลินได้น้ำอมฤตไปหนึ่งอึกแล้ว
เจียงฟานและคนอื่นๆ จ้องมองจ้าวเฟิงด้วยความประหลาดใจ จ้าวเฟิงจะใช้วิธีการใดเอา ‘สุราเซียนมายา’ มา?
ผลัวะ วิ้ง~
ในระลอกพลังดวงตาที่ลึกล้ำ บริเวณใจกลางปรากฏเป็นตาน้ำหมุนวน กลืนกินเอาแก้วผลึกสีม่วงเข้าไป
หืม?
เฉินอี้หลินและพวกใจเต้นแรง
“หรือว่าจะเป็นวิชาดวงตาสายมิติ?” บรรดาลูกศิษย์ผู้สืบทอดในสถานการณ์ดังกล่าวมีประสบการณ์กันมามาก
ทันใดนั้น!
ร่างกายและจิตใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน แล้วเกิดเสียงดัง ‘โครม’ พลังวิญญาณและพลังดวงตาเหมือนแบกรับแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตของฟ้าดิน
แก้วสุราในชั้นวางนั้นแฝงไปด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง ทำให้วิธีการที่จ้าวเฟิงดูดซับเอา ‘สุราเซียนมายา’ มาไม่ประสบความสำเร็จ
“วิชา ‘เคลื่อนย้ายมิติ’ ของข้าใช้จนเสร็จสิ้นแล้ว แต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายเป้าหมายได้”
จ้าวเฟิงจึงได้รู้ว่าพลังกลุ่มก้อนนี้อยู่บนแก้วและชั้นวางสุรา ทั้งยังแฝงไปด้วยพลังของครึ่งเซียนด้วย
พลังครึ่งเซียนครอบคลุมทั่วทั้งอุทยานครึ่งเซียน มันคือนายเหนือหัวของอุทยานเก่าแก่แห่งนี้
“เหอะเหอะ ไม่เสียทีที่เป็นอุทยานครึ่งเซียน ชั้นวางสุราผลึกแก้วนั่นมีความสามารถในการควบคุมวิชาขโมยทางมิติ”
“อุทยานครึ่งเซียนดำรงอยู่มาหลายปีเช่นนี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็เคยปรากฏอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ทางมิติอยู่บ้าง อย่างเช่นหนานกงเซิ่งก็เชี่ยวชาญในเคล็ดวิชามิติเช่นกัน”
เฉินอี้หลิน เจียงฟาน และคนอื่นๆ ไม่ได้ประหลาดใจเท่าไหร่นัก แต่มีท่าทีสะใจอยู่ด้วยบางส่วน
“ลองดูอีกครั้ง” จ้าวเฟิงไม่ยอมพ่ายแพ้โดยง่าย
ในใจเขาครุ่นคิด พลังที่ยิ่งใหญ่เมื่อครู่เหมือนลอยกระจายออกมาจากแก้วสุราและชั้นวางสุรา
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยยืนบนบ่าของจ้าวเฟิง ก่อนขยับกรงเล็บทั้งสองข้าง
“ได้” จ้าวเฟิงเข้าใจความหมายของเจ้าแมวขโมย
“เคลื่อนย้ายมิติ!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจับจ้องยังร่างของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย
แล้วในเวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น ระลอกพลังดวงตาที่ลึกล้ำก็ปกคลุมทั่วร่างของมัน
พรึ่บ!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยหายตัวไปทันที
เฉินอี้หลินและคนอื่นๆ จ้องมองจนตาโต
วินาทีต่อมา
เมี้ยว~
เจ้าแมวขโมยปรากฏตัวบนชั้นวางสุรา พิงอยู่เบื้องหน้า ‘สุราเซียนมายา’ นั้น อ้าปากกว้างแล้วกลืนกินมันเข้าไป