Skip to content

King of Gods 653

King Of Gods

บทที่ 653 ราชาเงือก…ขอบใจท่านมาก

สุราเซียนมายา ไม่เสียทีที่เป็นสุราวิเศษล้ำค่าในตำนานของผืนพสุธา

ภายในระยะเวลาอันสั้น

จ้าวเฟิงตกอยู่สภาวะความว่างเปล่าที่ลี้ลับ และได้สัมผัสกับ ‘สำนึกรู้ของราชา’ ซึ่งอยู่ในขอบเขตที่สูงส่งยิ่งกว่าล่วงหน้า

แน่นอนว่า ผลลัพธ์เช่นนี้ของสุราเซียนมายาอยู่ได้เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ไม่ได้ทำให้ ‘ไปถึง’ ระดับพลังที่สูงส่งยิ่งไปกว่านั้นจริงๆ

ในส่วนที่ว่าจะสามารถเข้าใจลึกซึ้งได้เท่าไหร่คงต้องดูเป็นรายคน รวมถึงระยะเวลาที่สุราเซียนมายาออกฤทธิ์ด้วย

แต่จ้าวเฟิงไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปที่ใช้สุราเซียนมายา

คนธรรมดาเมื่อดื่มสุราเซียนมายาเข้าไป สตินึกคิดจะเลือนรางสับสนไปมากกว่าเก้าสิบส่วน แล้วจะถูกความเมามายแทรกซึมทั่วร่าง

แต่ว่ากับจ้าวเฟิง ดวงตาเทพเจ้าทำให้สติของเขาสดใสปลอดโปร่งอยู่ครึ่งหนึ่ง

ความเข้าใจที่เขามีต่อสภาวะความว่างเปล่านี้ก็ยิ่งชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น

อีกทั้งความสามารถในการเรียนรู้ที่แกร่งกล้าของดวงตาเทพเจ้า ทำให้จ้าวเฟิงสามารถสัมผัสระดับขั้นราชันในขอบเขตปราณเทวะได้อย่างลึกล้ำ

“สตินึกคิดและจิตหลุดลอยออกจากแก่นของร่าง ล่องลอยไปในอากาศ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินอย่างแนบแน่นไม่แยกออกจากกัน”

จ้าวเฟิงฝืนควบคุมความเมามายนั้น พยายามจำแนกประสาทสัมผัสต่างๆ

เขาค้นพบว่า หลังจากที่สตินึกคิดออกจากกายเนื้อไปแล้ว จะกลมกลืนไปถึงระดับสูงส่งยิ่งกว่า อย่างเช่นการเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลทั้งฟ้าและดิน

จิตของจ้าวเฟิงสามารถมองเห็นร่างกายเบื้องล่างของตนเอง รวมไปถึงท่าทางตกใจหวาดกลัวของเฉินอี้หลิน เจียงฟาน และคนอื่นๆ ด้วย

เพียงเวลาแค่ห้วงความคิดเดียว

จ้าวเฟิงสามารถดึงดูดพลังมหาศาลของฟ้าและดิน จนล้ำหน้าเกินกว่าผู้ฝึกตนธรรมดาไปมาก โดยใช้เพียงไอสวรรค์ที่บริสุทธิ์

พลังกลุ่มก้อนนั้นก็คือ ‘พลังยิ่งใหญ่’ ที่ควบคุมได้โดยราชัน มีจุดศูนย์กลางเป็นพลังของตนเอง

แต่จ้าวเฟิงยังไม่ได้มีพลังของขอบเขตปราณเทวะที่แท้จริง พลังยิ่งใหญ่กลุ่มก้อนนั้นกำลังหยั่งรากเติบโตเท่านั้น

เมื่ออยู่ภายใต้สำนึกรู้เช่นนี้

การตอบสนองและดูดซึมไอสวรรค์ของจ้าวเฟิงอยู่บนพื้นฐานของขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ซึ่งเพิ่มความแข็งแกร่งจากแต่ก่อนเป็นร้อยเท่าพันเท่า

วิ้ง โครม!

ด้วยการชี้นำจากห้วงคิดของจ้าวเฟิง ไอสวรรค์ในฟ้าดินจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่แก่นผลึกภายในร่าง ขนาด ‘น้ำอมฤต’ เองก็ถูกดูดซึมด้วยความเร็วเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า

ในระยะเวลาสั้นๆ

สภาวะวิญญาณของจ้าวเฟิงหรือแม้แต่ไอสวรรค์ก็พุ่งทะยานถึงจุดสูงสุดอย่างรวดเร็ว

“แก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงสุดยอด!”

สำนึกรู้ราชาในระดับสูงของจ้าวเฟิงได้เพิ่มการดูดซึมน้ำอมฤต กระทั่งปราณที่แท้จริงยังพุ่งสูงขึ้น

พริบตาเดียว

พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงไปถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงสุดยอด

“ใจกลางแก่นก่อกำเนิดของข้ากลายเป็นผลึกแล้ว การจะทะลวงผ่านไปยังขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงแทบจะไม่มีอุปสรรคใดอีก”

จ้าวเฟิงถึงกระทั่งรู้สึกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับระดับสูงอยู่ใกล้แค่เอื้อม

แต่ในเวลานี้ ผลลัพธ์ของสุราเซียนมายาลดลงอย่างรวดเร็ว

สำนึกรู้ที่ลึกล้ำพิสดารเช่นนั้นก็ค่อยๆ เลือนรางมากขึ้นทุกที

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นประหนึ่งเงาจันทร์กลางสายน้ำที่จะสูญสลายไป

อึก~

จ้าวเฟิงดื่มสุราเซียนมายาลงไปในลำคออึกสองอึกทันที

พรึ่บ!

ในระยะเวลาสั้นๆ สภาวะที่จับต้องไม่ได้ประหนึ่ง ‘วิมานกลางอากาศ’ ก็ชัดแจ้งขึ้นอีกครั้ง

สำนึกรู้ของราชาลอยอบอวลอยู่รอบกายจ้าวเฟิงอีกครั้งหนึ่ง

“พลังของน้ำอมฤตถูกดูดซึมจนหมดสิ้น สภาวะวิญญาณไม่ได้ต่างกับราชันมากนัก”

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงระดับขั้นชีวิตที่สูงส่งขึ้นเร็วราวติดปีกบินอีกครั้ง

จะต้องรู้ว่า เขาดื่มน้ำอมฤตไปแล้วสามอึก คนธรรมดาทั่วไปต้องใช้เวลาถึงหนึ่งปีครึ่งหรืออาจนานกว่านั้นเพื่อที่จะดูดซึมจนหมด

แต่จ้าวเฟิงกลับทำได้อย่างง่ายดาย

วินาทีนี้เอง เขาเป็นเหมือนราชันคนหนึ่งที่ไอสวรรค์ทั่วทุกสารทิศจะต้องเคารพเกรงกลัว ในทุกห้วงความคิดล้วนแต่ดึงดูดพลังยิ่งใหญ่ในดินฟ้าอากาศ แก่นผลึกของจ้าวเฟิงก็ค่อยๆ ขยายตัวใหญ่ขึ้น

“ข้ามีแก่นผลึกแล้ว ต่อให้ทะลวงผ่านขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงก็ไม่ได้ทำให้พลังเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่”

ประเด็นสำคัญของจ้าวเฟิงไม่ใช่การเพิ่มระดับขั้นการฝึกตน

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการมีความเข้าใจลึกซึ้งในสำนึกรู้ของราชา

การดื่มสุราเซียนมายาอึกแรกเมื่อครู่ จ้าวเฟิงได้สัมผัสไปส่วนหนึ่งแล้ว

ครั้งที่สอง

จ้าวเฟิงดื่มสุราเซียนมายาไปสองอึกก็เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“เมื่อสตินึกคิดประเภทนี้ละออกจากกายหยาบ จะมีความรู้สึกคล้ายคลึง ‘ดวงตาข้ามผ่านระยะทาง’ อยู่บ้าง”

ทันใดนั้นจ้าวเฟิงก็คิดอะไรออก

ดวงตาข้ามผ่านระยะทางและสำนึกรู้ของราชามีส่วนที่คล้ายคลึงกันอยู่

เมื่อระลึกถึงตรงนี้ ดวงตาเทพเจ้าด้านซ้ายของจ้าวเฟิงก็ถูกกระตุ้นไปจนถึงขีดสุด

พรึ่บ!

วินาทีนั้น

อาณาเขตประสาทสัมผัสของสตินึกคิดจ้าวเฟิงขยายกว้างเป็นพันเท่า

สำนึกรู้ราชาของเขาขยายกว้างไกล รุนแรงแข็งกล้ายิ่งขึ้น

“ตำหนักเทพเผ่าเงือก!”

 

ดวงตาไร้รูปร่างสีฟ้ากึ่งโปร่งแสงดวงหนึ่งปรากฏในโลกบาดาล ลอยอยู่เหนือตำหนักเทพเผ่าเงือก

วิญญาณของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน

เมื่อดวงตาข้ามผ่านระยะทางประสานกับสำนึกรู้ราชา ไม่รู้ว่าจะมีผลลัพธ์อย่างไรเกิดขึ้น

แต่ว่ามีจุดหนึ่งที่สามารถยืนยันได้ ความเข้าใจในสำนึกรู้ราชาของจ้าวเฟิงลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม อาณาเขตครอบคลุมกว้างใหญ่กว่า

วิ้ง วูบ!

ห้วงความคิดจิตวิญญาณหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินในขั้นที่สูงส่งขึ้น พลังยิ่งใหญ่ที่ไร้รูปร่างพลันปรากฏ

“สำนึกรู้ของราชา เป็นใครกัน?”

ห้วงคิดเซียนกลุ่มก้อนหนึ่งแหวกอากาศมาอย่างรวดเร็ว

ชั่วครู่เดียว โลกบาดาลปรากฏพลังยิ่งใหญ่ของราชัน เสียงดังโครมครามเกิดขึ้นในระดับชั้นดวงวิญญาณ

เจ้าของห้วงคิดเซียนกลุ่มนั้นย่อมเป็นราชาเผ่าเงือก

“เป็นเจ้า?”

ราชาเผ่าเงือกมองเห็นรูปร่างของเนตรสวรรค์อย่างชัดเจน มั่นใจว่าเป็นดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง

ใจของเขาพลันสั่นระรัว ที่แท้เจ้าเด็กผู้นี้มีสำนึกรู้ของราชาในระดับที่แท้จริงแล้ว หรือว่านี่จะเป็นผลลัพธ์ของสุราเซียนมายา?

 

พลังยิ่งใหญ่ของราชาเผ่าเงือกแข็งแกร่งสะเทือนฟ้า จิตวิญญาณเป็นประหนึ่งเทพเจ้าองค์หนึ่ง

เมื่อกลิ่นอายสำนึกรู้ราชาสองกลุ่มพุ่งปะทะเข้าหากัน

จ้าวเฟิงโดนกดดันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง สำนึกรู้เกือบกระจัดกระจาย

ยังดีที่สภาวะของดวงตาข้ามผ่านระยะทางมีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง ทำให้สำนึกรู้มั่นคงกว่าเดิมไปอีกขั้น

สำนึกรู้ประเภทนั้น จากที่เกือบจะสูญสลายกลับแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้งด้วยตัวของมันเอง

โดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว จ้าวเฟิงมีความสามารถในการควบคุมสำนึกรู้ประเภทนี้เพิ่มขึ้นอีกระดับ

“ที่แท้ราชาเผ่าเงือกผู้นี้มีพลังของราชันมั่นคงแล้ว  ทุกช่วงลมหายใจเข้าออก ทุกอิริยาบถการเคลื่อนไหว ถึงอยู่ในสภาวะอุดมคติที่สามารถ ‘หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว’ กับฟ้าและดินได้”

จ้าวเฟิงสามารถสัมผัสและมองเห็นสำนึกรู้ของราชาเผ่าเงือกได้ผ่านดวงตาข้ามผ่านระยะทาง

เขาจึงค้นพบสิ่งที่สำคัญ นั่นก็คือพลังของราชันในขอบเขตปราณเทวะ

“เมื่อหล่อหลอมและรวบรวมสำนึกรู้นั้นจนถึงขีดสุด แล้วเอาจิตของตนประทับลงอย่างลึกซึ้งจนเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็จะกลายมาเป็นพลังของราชัน”

ฉับพลันจ้าวเฟิงก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง

แต่ทว่า หลักการก็เป็นเพียงหลักการ

หากจะทำให้ได้เช่นนี้ จะต้องทำให้ดวงวิญญาณและสำนึกรู้ในจิตวิญญาณอยู่ในระดับที่สูงส่ง

ในส่วนสำนึกรู้ในจิตวิญญาณ จ้าวเฟิงมีทั้งหมดแล้วด้วยเพราะสุราเซียนมายาและดวงตาข้ามผ่านระยะทาง

ส่วนเรื่องระดับของดวงวิญญาณ เงื่อนไขนี้จ้าวเฟิงเพียรพยายามทำจนสำเร็จภายใต้พื้นฐานของวิชา ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ แล้ว

เมื่อนึกถึงตรงนี้

จ้าวเฟิงจึงเรียกใช้วิชา ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ อย่างรวดเร็ว จากนั้นจัดการให้ห้วงคิดของตนสอดประสานกับฟ้าและดินอย่างลึกล้ำ ทำให้รวมกลุ่มเป็นรูปเป็นร่าง แล้วจึงตีตราประทับลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จะทำให้ถึงจุดนี้ ย่อมยากลำบากเกินจะเปรียบ

แต่กลับไม่ยากมากนักสำหรับจ้าวเฟิง

ต้องอย่าลืมว่าดวงตาเทพเจ้าของเขามีความสามารถใน ‘การลอกเลียนแบบ’ ด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว

โครม!

พลังยิ่งใหญ่ในขอบเขตปราณเทวะของราชาเผ่าเงือกกดข่มในฟ้าดิน ในระดับชั้นดวงวิญญาณเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“เหอะ! ไม่มีพลังของราชา ต่อให้เจ้าอยู่ในสภาวะเช่นนี้ชั่วคราว ก็เป็นเพียงแค่แสงจันทร์ในวารีเท่านั้น ไม่อาจอยู่ได้เป็นเวลายาวนาน”

ราชาเผ่าเงือกหัวเราะเสียงเย็น

แต่ในเวลานี้เอง

โครม พรึ่บ!

 

ในอาณาบริเวณที่อยู่ภายใต้เนตรสวรรค์ ปรากฏพลังที่ยิ่งใหญ่ของราชัน ในใจกลางของพลังนั้นมีสำนึกรู้กลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!” ราชาเผ่าเงือกพูดไม่ออก

สำนึกรู้ราชากลุ่มนั้น ถึงแม้จะยังอ่อนแออยู่ ทว่ากลับคล่องแคล่วมีชีวิตชีวา เหมือนว่าประกอบขึ้นจากห้วงความคิดนับสิบเส้นสาย

“เหอะเหอะ ราชาเผ่าเงือก ต้องขอบใจท่านมาก”

‘ห้วงคิดเซียน’ กลุ่มใหม่หมุนวนรอบๆ เนตรสวรรค์

ถ้าหากไม่มี ‘การแสดงสด’ ของ ‘ตำราสอนที่มีชีวิต’ อย่างราชาเงือก จ้าวเฟิงคงยากที่จะสร้างพลังของราชันเองได้

แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้

หลังจากที่สรรสร้าง ‘พลังในขั้นราชัน’ ได้แล้ว ในทุกห้วงความคิดของจ้าวเฟิงก็สามารถครอบครองสำนึกรู้นั้นได้อย่างสบายๆ

พลังของเขาเต็มไปด้วยความรู้ความเข้าใจของสำนึกรู้ราชา

เมื่อผลลัพธ์ของสุราเซียนมายาเจือจางลงไป ความคิดของจ้าวเฟิงก็ยิ่งกระจ่างแจ้งขึ้น แต่สำนึกรู้ราชากลับไม่ได้กระจัดกระจายออกไปมากนัก

“พวกมนุษย์ช่างน่ารังเกียจ…” ราชาเผ่าเงือกคำรามด้วยเสียงเกรี้ยวกราด ฟ้าดินทั้งหมดพลันสั่นสะเทือนเลือนลั่น

พลังที่ยิ่งใหญ่ของราชันทำให้อาณาบริเวณสายน้ำเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ สัตว์น้ำหลายตัวเหมือนโดนกักขังทั้งใจและกาย ยากที่จะขัดขืนใดๆ ได้

“ไร้ประโยชน์”

พลังราชันกลุ่มใหม่หลอมรวมไปกับฟ้าและดิน กระตุ้นให้พลังมหาศาลของขอบเขตปราณเทวะทะลวงผ่านดวงวิญญาณในอากาศ

พลังแห่งราชันที่ยิ่งใหญ่ของราชาเผ่าเงือกไม่สามารถกักขังจ้าวเฟิงได้ ทำได้อย่างมากก็เพียงแค่กดเอาไว้เท่านั้น

พรึ่บ!

เนตรสวรรค์หายวับไปจากด้านบนของตำหนักเทพเผ่าเงือก

ณ ห้องบ่มสุรา

นัยน์ตาของจ้าวเฟิงเบิกออกกว้าง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แล้วเก็บเอาสุราเซียนมายาที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งไป

เพียงห้วงความคิดเดียว จ้าวเฟิงก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าและดินจนไม่อาจแบ่งแยกออกจากกันได้

‘พลัง’ ที่เขาสร้างขึ้น ทะลวงผ่านสิ่งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม จนเกิดเป็นพลังแกร่งกล้าของราชัน

แต่ว่า

เมื่อออกจากสภาวะของเนตรสวรรค์ พลังราชันของจ้าวเฟิงลดลงไปครึ่งหนึ่ง

“ต่อให้เป็นเช่นนี้ ข้าก็มีพลังและสำนึกรู้ของครึ่งก้าวสู่ราชัน ทั้งยังอยู่เหนือครึ่งก้าวสู่ราชันทั่วไป และใกล้เคียงกับราชัน”

จ้าวเฟิงเองไม่ได้ประหลาดใจแต่อย่างใด ในเมื่อพลังราชันเมื่อครู่ของเขาก็เกิดขึ้นได้ในยามที่อยู่ในสภาวะเนตรสวรรค์

“พลังของครึ่งก้าวสู่ราชัน…”

เฉินอี้หลินและคนอื่นๆ สัมผัสได้ถึงพลังไร้รูปร่าง ใจและกายแบกรับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่

นอกเหนือจากเฉินอี้หลินและเจียงฟาน สตินึกคิดและร่างกายของคนอื่นๆ ราวกับโดนกักขัง ยากที่จะขัดขืนใดๆ

“นี่ไม่ใช่พลังครึ่งก้าวสู่ราชันธรรมดาแล้ว!”

ใจของเฉินอี้หลินสั่นสะท้าน

ภายในพลังครึ่งก้าวสู่ราชันของจ้าวเฟิง ยังแฝงไปด้วยสำนึกรู้ของราชาในขอบเขตปราณเทวะซึ่งแกร่งกล้ายิ่งนัก

อีกทั้งครึ่งก้าวสู่ราชันทั่วไปจะปรากฏพลังแค่ในระดับชั้นดวงวิญญาณ แต่กลับไม่อาจมีรูปลักษณ์ของพลังที่ ‘แข็งแกร่ง’ ในระดับนี้

“ในอุทยานครึ่งเซียน พลังของข้าถูกกดข่มจากพลังครึ่งเซียน” จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

เมื่อได้สัมผัสกับขอบเขตพลังใหม่ทั้งหมด เขาจึงรับรู้ถึงความน่ากลัวของพลังครึ่งเซียนอย่างลึกซึ้งขึ้น

ถ้าหากจะพูดว่า ขอบเขตพลังของเขาคือน้ำบ่อหนึ่ง เช่นนั้นขอบเขตพลังของครึ่งเซียนก็เป็นดุจมหาสมุทร

“สุราเซียนมายามีผลลัพธ์ที่น่ากลัวเช่นนี้เชียวหรือ?”

บนใบหน้าของพวกเฉินอี้หลินและเจียงฟานมีแววหวั่นเกรง และยังมีความริษยาอยู่ด้วยบางส่วน

พวกเขาไม่รู้เลยว่า จ้าวเฟิงได้ดวงตาเทพเจ้าและดวงตาข้ามผ่านระยะทางเข้าช่วย จึงทำให้ผลลัพธ์ทั้งหมดของสุราเซียนมายาปะทุออกมาอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ชม ‘การแสดง’ ของราชาเงือกอีกด้วย

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นอัจฉริยะคนอื่นใช้สุราเซียนมายาไปในปริมาณมาก ภายในเวลาเดียวกัน ผลลัพธ์น่าจะยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของจ้าวเฟิงเสียด้วยซ้ำ

“ในสภาวะธรรมดา พลังของข้าอยู่ในระดับครึ่งก้าวสู่ราชัน เช่นนั้นจะลองใช้ดวงตาข้ามผ่านระยะทางอีกที”

ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงสั่นสะเทือน

สวบ!

ขอบเขตพลังของจ้าวเฟิงสูงส่งผ่านขีดจำกัดของกายเนื้อไปแล้ว ครรลองสายตาสามารถมองผ่านตำหนักเทพเผ่าเงือกไป

อาณาเขตที่สามารถมองเห็นได้ของดวงตาข้ามผ่านระยะทางขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ

วิ้ง!

ดวงตาสีฟ้าไร้รูปร่างกึ่งโปร่งแสงหลอมรวมเข้ากับผืนนภาเบื้องบนทะเลสาบจื่อเยียน

รอบด้านของเนตรสวรรค์ทะลักพลังของราชัน ไอสวรรค์ในท้องฟ้าฟากหนึ่งเหมือนโดนแช่แข็ง

พลังของจ้าวเฟิงแตะถึงขั้นราชันระดับต้นแล้ว

“ที่แท้ข้าจะมีพลังของราชันอย่างแท้จริงเมื่ออยู่ในสภาวะดวงตาข้ามผ่านระยะทาง”

จ้าวเฟิงอิ่มเอมใจอย่างยิ่ง มีความรู้สึกราวอยู่ในจุดสูงสุด แล้วมองลงมายังโลกเบื้องล่าง

พลังของราชันเพียงห้วงความคิดเดียวก็ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต สามารถสังหารผู้สูงศักดิ์กับยอดผู้สูงศักดิ์ธรรมดาได้อย่างง่ายดาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!