บทที่ 658 สัตว์อสูรในขั้นราชัน
“เจ้าเด็กน้อย! มรดกจาก ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’ ของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกคันก็เท่านั้น” เหลยเจิ้นยังมีท่าทีมั่นใจในชัยชนะอย่างยิ่ง
เขามีสายเลือดจิตวิญญาณอัสนีโบราณ จึงมีความสามารถในการดูดซึมและมีการคุ้มกันที่แข็งแกร่ง เมื่อบวกกับ ‘วิชาหมื่นอัสนีห้าสาย’ จึงเรียกได้ว่าเป็นราวกับเสือติดปีก
ในทางกลับกัน เมื่อสายเลือดวารีของจ้าวเฟิงต้องต้านทานพลังโจมตีจากศาสตร์อัสนีจะค่อนข้างอ่อนกำลัง
“พิภพอัสนี!”
ใต้ฝ่าเท้าของเหลยเจิ้นเกิดเป็นเส้นสายฟ้าโบราณสว่างแปลบปลาบ ระลอกอัสนีทั่วฟ้าประหนึ่งมุดลงดินตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิง
“การโจมตีสายอัสนีของเขาไม่เพียงแต่กลมกลืนไปกับสายวารี แต่ยังสามารถทะลวงผ่านพื้นพิภพด้วย”
ทั้งที่การโจมตียังมาไม่ถึงตัว จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงความชาจากการที่กระแสไฟฟ้าโดนตัว
วงแหวนวายุอัสนี!
บนร่างของจ้าวเฟิงมีระลอกวายุอัสนีสีม่วงสว่างเจิดจ้าหมุนวน ใต้ฝ่าเท้าของเขาปรากฏวงแหวนพิฆาตชวนเขย่าขวัญเพื่อรับการโจมตีจากเหลยเจิ้น
เปรี้ยง พรึ่บ! โครม!
พลังสายฟ้าสองกลุ่มพัวพันอยู่ด้วยกัน การโจมตีจากวายุอัสนีของจ้าวเฟิงเร็วขึ้นและรุนแรงยิ่งขึ้น
แต่วิชาอัสนีของเหลยเจิ้นรวมเอาสายอัสนีทั้งห้าที่มีรายละเอียดพลังหนาแน่นไว้ ทำได้ทั้งโจมตีและป้องกันสองอย่างพร้อมกัน
โดยเฉพาะกระบวนท่า ‘พิภพอัสนี’ ที่แข็งแกร่งหนักแน่นราวขุนเขา สายอัสนีก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน
ถึงแม้เหลยเจิ้นจะไม่มีสำนึกรู้ราชา แต่การโจมตีในระดับพลังเช่นนี้ก็ได้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน
เปรี้ยง เปรี๊ยะ!
ร่างกายของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน เท้าเริ่มชา จากนั้นคลายการโจมตีจากเหลยเจิ้นอีกครั้ง
เหลยเจิ้นยังอยู่รอดปลอดภัย เขากักเก็บการโจมตีของศาสตร์อัสนีอย่างสบายๆ มีทีท่าอิ่มเอมใจนัก
“ตาข้าแล้ว”
จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย็น แสงอัสนีพิฆาตสีม่วงที่อยู่ในฝ่ามือพลันปลดปล่อยกลิ่นอายสีชาดเล็กละเอียดออกมา
ไป!
จ้าวเฟิงโบกมือข้างหนึ่ง วายุอัสนีพิฆาตสีม่วงกลายเป็นลำแสงซึ่งภายในประกอบด้วยวายุอัสนีสีชาด
โครม เปรี้ยง!
ร่างของเหลยเจิ้นล้อมรอบด้วยลำแสงอัสนีหลากสีสัน ต้านทานลำแสงของวายุอัสนีนั้นไว้
ในครั้งนี้ เหลยเจิ้นไม่ได้สบายดีต่อไป ภายในวายุอัสนีพิฆาตสีม่วงแฝงด้วยวายุอัสนีสีชาด มีพลังในการทำลายล้างรุนแรงยิ่งขึ้น
ภายในวายุอัสนีสีชาดยังแฝงไปด้วยเพลิงทำลายล้างที่มีพลังเผาผลาญ โจมตีไปที่ร่างกายของเขาไม่หยุด
“ที่แท้เจ้าลึกซึ้งไปถึงวายุอัสนีพิฆาตสีชาด…” สีหน้าของเหลยเจิ้นเปลี่ยนไป
วายุอัสนีพิฆาตสีชาดไม่เพียงแต่เพิ่มการโจมตีของวายุอัสนีและพลังทำลายล้างอย่างมาก ทว่ายังเผาผลาญต่อเนื่องยาวนาน
พูดง่ายๆ คือหลังจากโดนวายุอัสนีสีชาดโจมตีแล้ว การทำลายจะไม่หยุดลงแค่นั้น จะยังเผาผลาญไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง
“วารีอัสนีห้าสาย!”
ลำแสงอัสนีบนร่างของเหลยเจิ้นพลันเปล่งแสงสีฟ้าเข้ม แล้วเผาผลาญเพลิงของวายุอัสนีสีชาดจนค่อยๆ จางหายไป
ในยามนั้น สองยอดอัจฉริยะในวิชาอัสนีสีหน้าเคร่งขรึมลง เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ได้คิดมาก่อนว่าจ้าวเฟิงจะรู้วิชา ‘วายุอัสนีพิฆาตสีชาด’
“ข้าเพิ่งรู้วิชาวายุอัสนีสีชาดขั้นต้น จึงทำอะไรเขาไม่ได้เลย”
สีหน้าของจ้าวเฟิงเย็นชา แววตาเป็นประกาย
“เจ้าเด็กคนนั้นกำลังรบสูงส่งยิ่งนัก กลับสามารถประมือกับเหลยเจิ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ ได้โดยไม่พ่ายแพ้”
อัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ละแวกนั้นเอ่ยด้วยความแปลกใจ
เหลยเจิ้นปรับสภาพให้กลับเป็นปกติ มุมปากหยักยิ้มเหยียด “เจ้าเด็กแซ่จ้าว ข้ายังไม่ได้สำแดง ‘วิชาหมื่นอัสนีห้าสาย’ ที่ทรงพลังอย่างแท้จริงออกมาเลย”
ถึงแม้จะมีทีท่าเชื่อมั่นในชัยชนะอย่างยิ่ง แต่ภายในใจของเหลยเจิ้นก็ยังรู้สึกวิตกกังวลไม่น้อย
มรดกวายุอัสนีเช่นเคล็ดวิชา ‘ปีกวายุอัสนี’ ต่อกรยากยิ่งนัก
‘วิชาหมื่นอัสนีห้าสาย’ ของเขาให้ความสำคัญกับการโจมตีและตั้งรับพร้อมกัน แต่ ‘มรดกวายุอัสนี’ ของจ้าวเฟิงมีการโจมตีและความรวดเร็วที่เป็นเลิศ
“ฮ่าฮ่า จริงหรือ?” จ้าวเฟิงแค่นเสียงเย้ยเยาะ สีหน้าเคร่งขรึมลง
โครม!
ในชั้นดวงวิญญาณเกิดกลุ่มพลังที่แข็งแกร่ง ทะลวงผ่านในดินฟ้า แล้วจึงค่อยๆ กลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่รุนแรง
“อะไรกัน!”
ร่างกายเหลยเจิ้นแข็งทื่อ สตินึกคิดถูกอานุภาพยิ่งใหญ่อันเกิดจากพลังกลุ่มนั้นกดดันอยู่
“พลังครึ่งก้าวสู่ราชัน!”
“พลังยิ่งใหญ่ของราชัน! นี่มันเรื่องอะไรกัน… ” โม่เทียนอวี่ที่อยู่อีกฟากฝั่งพูดไม่ออกในทันที
โครม เปรี้ยง~
เหนือศีรษะของคนทั้งหมดเหมือนมีเสียงดังอึกทึกครึกโครมของสายอัสนีบาตขนาดยักษ์ ลมพายุหมุนวน ในชั้นดวงวิญญาณก็สั่นสะท้านไม่สงบ
พลังครึ่งก้าวสู่ราชันประหนึ่งจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน พลังที่ไร้รูปร่างทำให้ใจและกายของเหลยเจิ้นหนักอึ้งราวภูผา เกิดความรู้สึกคล้ายจะหายใจไม่ออก
“นี่ไม่ใช่พลังของครึ่งก้าวสู่ราชันธรรมดา…”
ใบหน้าของเหลยเจิ้นขึ้นสีแดงระเรื่อ
ทันทีที่กระตุ้นพลังครึ่งก้าวสู่ราชัน กระบวนท่าโจมตีวายุอัสนีของจ้าวเฟิงมีขอบเขตความสามารถเพิ่มสูงขึ้นอย่างยิ่ง
ในที่ดังกล่าวเงียบสนิท
คนส่วนหนึ่งยังนึกว่ายอดฝีมือในสิบอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนใดมาถึงด้วยซ้ำไป
บนหน้าผากของเหลยเจิ้นผุดเหงื่อเย็นๆ ออกมา ชั้นดวงวิญญาณเหมือนถูกบีบคั้นอย่างรุนแรง
ถ้าหากไม่ใช่เพราะกำลังรบสายเลือดของเขาอยู่เหนือกว่าครึ่งก้าวสู่รราชันธรรมดา เกรงว่าเพียงแค่แรงจะต้านทานคงยังไม่มี
“พลังในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชันนี้คือสัญญาณของพลังที่ยิ่งใหญ่มหาศาล เขาทำได้อย่างไร? หรือว่าจะเป็นเพราะ ‘สุราเซียนมายา’…” โม่เทียนอวี่ลอบปาดเหงื่อเย็นๆ
เขานึกดีใจที่ตนไม่ได้ลงมือกับจ้าวเฟิงก่อนหน้านี้
หนึ่งช่วงลมหายใจ สองช่วงลมหายใจ สามช่วงลมหายใจ
พลังของครึ่งก้าวสู่ราชันกลุ่มก้อนนั้นกดดันสตินึกคิด กลิ่นอายมหาศาลก็กดทับร่างกายและจิตใจของเหลยเจิ้น
วูบ!
สามช่วงลมหายใจจากนั้น พลังครึ่งก้าวสู่ราชันก็หายวับไปในทันที
ฮู่~
เหลยเจิ้นรวมไปถึงเหล่าอัจฉริยะคนอื่นๆ ต่างถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
จ้าวเฟิงยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม บริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยแววตานับถือและหวาดกลัว
“ได้ยินมาว่าจ้าวเฟิงคนนั้นเคยยึดครองทะเลสาบจื่อเยียน เอาชนะถูจิ่วเซิน แล้วบุกเข้าไปภายในอาณาจักรเผ่าเงือก”
“ดูๆ ไปแล้วเขาอาจจะได้ ‘สุราเซียนมายา’ ถึงมีพลังครึ่งก้าวสู่ราชันด้วย”
“สุราเซียนมายา? อาณาจักรเงือกมีผู้เป็นราชาปกครองอยู่ เขาทำได้อย่างไรกัน?”
ในสถานที่แห่งนี้ บรรดาอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยกระซิบกระซาบกัน
แน่นอนว่า
ไม่ว่าจ้าวเฟิงจะใช้วิธีการใดจึงได้ครอบครองพลังครึ่งก้าวสู่ราชัน ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
สิ่งที่สำคัญคือเขาทำสำเร็จแล้ว
อีกทั้งพลังครึ่งก้าวสู่ราชันของเขาแข็งแกร่งกว่าธรรมดามากนัก
“ศิษย์น้องจ้าว!”
“พลังครึ่งก้าวสู่ราชัน…”
มีร่างเงาอีกจำนวนมากเข้ามาภายในตำหนักหย่างซิน กลิ่นอายของพลังครึ่งก้าวสู่ราชันยังมีอานุภาพที่ยิ่งใหญ่แฝงอยู่ ระยะทางห่างไกลก็สัมผัสได้
ผู้ที่มาถึงล้วนแต่เป็นศิษย์ของสำนักศักดิ์เสวียนเจิน
ศิษย์พี่หนานและต่งเหวินเจี้ยนก็อยู่ในนั้นด้วย ในแววตาของคนทั้งหลายมีอาการตื่นตกใจ ยากที่จะเชื่อสายตาตัวเองได้
“ศิษย์พี่ต่ง” จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ เพื่อตอบกลับไป
ต่งเหวินเจี้ยนและศิษย์พี่หนานมีสีหน้าอับอายเล็กน้อย
ยามที่เพิ่งเข้ามาในอุทยานครึ่งเซียน จ้าวเฟิงเลือกไม่เข้าร่วมกับพวกเขาที่จะบุกทะลวงเข้าไปภายในหอหมื่นทรัพย์
ในเวลานั้น ศิษย์พี่หนานรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
แต่คาดคิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงตัวคนเดียว จะสามารถโจมตีทะเลสาบจื่อเยียน เก็บเกี่ยวเอาผลึกน้ำตาเงือก สุราเซียนมายา แล้วยังมีพลังของขอบเขตครึ่งก้าวสู่ราชัน
ณ ริมขอบสระน้ำ
พลังครึ่งก้าวสู่ราชันของจ้าวเฟิงสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนทั้งหมด และกดดันโม่เทียนอวี่กับเหลยเจิ้นไม่น้อย
คนทั้งสองมองสบตากันเล็กน้อย ตัดสินใจที่จะร่วมมือกันรับมือจ้าวเฟิง
“เลือดครึ่งเซียน! ไม่ใช่ข่าวลวงซะด้วย!”
ศิษย์พี่หนานร่างกายสว่างวาบ แล้วเข้ามาอยู่ภายในเขตสิบจั้งต้องห้ามเช่นกัน
เป็นคนในระดับสิบอัจฉริยะอีกแล้ว!
ความสามารถของศิษย์พี่หนานเทียบเท่าได้กับเฉินอี้หลินก่อนที่จะดื่มสุราเซียนมายาเข้าไป
ความเย้ายวนของเลือดครึ่งเซียนนับว่ามากมายยิ่ง
อัจฉริยะบางส่วนที่อยู่ในหอหมื่นทรัพย์หรือไม่ก็พื้นที่อื่นๆ เมื่อได้ยินข่าวคราวต่างเร่งรุดมาที่นี่ สถานการณ์ยิ่งนานเข้ายิ่งตึงเครียด
โม่เทียนอวี่ เหลยเจิ้น ศิษย์พี่หนาน จ้าวเฟิง ล้วนแต่มีกำลังรบอยู่ในระดับสิบอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ตุบ! ตุบ!
สี่อัจฉริยะกลายมาเป็นตัวหลักของที่ดังกล่าว ต่างเข้าใกล้เลือดครึ่งเซียนไปเรื่อยๆ
แต่ทว่าเมื่อเข้าใกล้ระยะทางห้าจั้ง เหลยเจิ้นและศิษย์พี่หนานรู้สึกอิดโรยอย่างยิ่ง
สีหน้าของจ้าวเฟิงยังคงไม่แสดงท่าทีใดๆ แต่ว่าเขากลับแสร้งทำท่าทางราวกับยากลำบากอย่างยิ่ง
“ข้าจะเสนอหน้าคนแรกไม่ได้”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเล็งเป้าหมายไปที่เลือดครึ่งเซียน ดวงตาเทพเจ้าส่งสัญญาณให้ระแวดระวังมา
เกรงว่าพลังที่แฝงอยู่ภายในเลือดครึ่งเซียนจะน่ากลัวกว่าที่คิดเอาไว้มากนัก
อีกทั้งต่อให้จ้าวเฟิงสามารถเข้าใกล้เลือดครึ่งเซียนได้อย่างปลอดภัย แต่คนในระดับสิบอัจฉริยะคนอื่นก็คงไม่ปล่อยไปโดยง่าย
แล้วในเวลานี้เอง
ในดวงวิญญาณของจ้าวเฟิง กลิ่นอายมรณะค่อยๆ ใกล้เข้ามาอีกครั้ง
วูบ!
บุรุษหนุ่มหยางกวงผู้นั้นเดินทางมาที่ตำหนักหย่างซินตามกระแสฝูงชน แล้วลอยตัวอยู่เหนือหอแห่งหนึ่ง
“หืม? เลือดครึ่งเซียนนี่…” ใจของเวินลั่วอันเต้นกระตุกระรัว
เลือดครึ่งเซียน แถมยังเป็นเลือดบริสุทธิ์ของครึ่งเซียนอีกด้วย!
“ต่อให้เป็นท่านอาจารย์มาด้วยตนเอง ก็เกรงว่าคงไม่อาจต้านทานความเย้ายวนของเลือดครึ่งเซียนบริสุทธิ์ได้…”
เวินลั่วอันใจเต้นเร็วแรงขึ้นอีก ขอเพียงเขาได้ครอบครอง ‘เลือดครึ่งเซียน’ พลังในอนาคตอาจจะล้ำหน้าเกินกว่าจักรพรรดิแห่งความตายก็เป็นได้
หลังจากที่เห็นเลือดครึ่งเซียนแล้ว คำสั่งล่าสังหารอะไรก็ถูกเขาโยนทิ้งไปไม่สนใจ
“เลือดครึ่งเซียนจะต้องเป็นของข้าคนเดียวเท่านั้น! ขอแค่ได้ครอบครองเลือดนี้ พลังสายเลือดของข้าจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมาก แล้วถึงเวลานั้นจะลอบกำจัดจ้าวเฟิงก็ยังไม่สายเกินไป”
เวินลั่วอันตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
เลือดครึ่งเซียนเปลี่ยนแผนการทั้งหมดของเขา
อนึ่ง สถานการณ์ที่เขาต้องการที่สุดก็คือลอบสังหารจ้าวเฟิงแล้วเก็บศพในสภาพสมบูรณ์ไปด้วย
แต่ว่าในตอนนี้ เลือดครึ่งเซียนได้กลายมาเป็นเป้าหมายหลักของเขาไปแล้ว
“เวินลั่วอันก็มาแล้ว…”
จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างระแวดระวัง ยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้เลือดครึ่งเซียนหนักเข้าไปอีก สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งวุ่นวายขึ้นทุกที
บุรุษหนุ่มหยางกวง ‘เวินลั่วอัน’ ลอบสอดแนม
ส่วนโม่เทียนอวี่ เหลยเจิ้น ศิษย์พี่หนาน กับจ้าวเฟิง ในใจของแต่ละคนมีแผนการ และต่างระแวดระวังกันเป็นอย่างดี
ไม่นานนัก อัจฉริยะที่มารวมตัวกันในตำหนักหย่างซินยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ อัจฉริยะจำนวนไม่น้อยเร่งรุดมาจากที่ต่างๆ
จ้าวเฟิงและคนอื่นๆ ที่พยายามเดินในพื้นที่ต้องห้ามห้าจั้ง ในทุกๆ ก้าวย่างล้วนแต่ยากลำบากเกินจะเปรียบ แต่ละคนต่างเตรียมตัวป้องกัน
ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
ใจของจ้าวเฟิงเต้นเร็วเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
“นั่นมัน…” แววตาของบุรุษหนุ่มหยางกวงมองไปที่ทิศทางหนึ่ง
หนึ่งสองช่วงลมหายใจผ่านไป
สวบ!
สัตว์เขาเดียวตัวหนึ่งบินแหวกอากาศมาทางนี้
บินได้! ที่แท้ยังบินได้อีก!
ในอุทยานครึ่งเซียน นอกเหนือจากสัตว์ปีกขนาดใหญ่แล้ว สรรพชีวิตโดยมากไม่สามารถโบยบินได้
ในวินาทีถัดมา
พลังยิ่งใหญ่ของราชันที่สามารถทำลายล้างฟ้าดิน ก็สาดซัดกลิ่นอายสูงส่งของอสูรโบราณออกมา ครอบคลุมทั่วบริเวณตำหนักหย่างซินจากด้านบนไปกว่าครึ่ง
“พลังยิ่งใหญ่ของราชัน!”
“สัตว์อสูรโบราณในขั้นราชัน!”
ภายในตำหนักหย่างซินเกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้น
เหล่าอัจฉริยะจำนวนมาก สตินึกคิดล้วนแต่โดนบีบคั้น อยากจะขยับตัวก็ยังเป็นไปได้ยากนัก
ทันทีที่พลังมหาศาลของราชันกดทับลงมาจริงๆ อัจฉริยะครึ่งหนึ่งในที่แห่งนั้นกระอักเลือดออกมา
“คิกคิก มาเร็วไม่สู้มาได้พอเหมาะพอเจาะ!”
เสียงอ่อนหวานราวห้วงฝันของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นในทุกหัวใจของคน
บนร่างของสัตว์ในขั้นราชัน มีดรุณีในชุดสีฟ้ากระโปรงจีบขาว ดวงตาประกายวาววับดุจดวงดาว เป็นเหมือนภาพมายาชวนให้หลงใหล เรือนผมยาวระพื้นของนางสะอาดหมดจด สมบูรณ์แบบดุจความฝันอย่างแท้จริง
“เมิ่งซี!”
“นางควบคุมสัตว์เขาเดียวในระดับราชัน!”
บรรดาอัจฉริยะพูดอะไรไม่ออก คนบางปากสั่นระริก ในตอนนี้การจะเอ่ยปากพูดยากลำบากนัก
ในพื้นที่ต้องห้ามสิบจั้ง จ้าวเฟิง ศิษย์พี่หนาน และเหลยเจิ้นเหมือนว่ากำลังแบกรับภูเขาลูกหนึ่ง
ภายใต้แรงกดดันอย่างรุนแรงของเลือดครึ่งเซียนและพลังราชัน มีเพียงศิษย์พี่หนานกับเหลยเจิ้นที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง
ในวินาทีนี้เอง เมิ่งซีก็นำสัตว์อสูรในขั้นราชันโบยบินเหนือพื้นที่แห่งนี้
สวบ!
คนทั้งหมดจ้องมองเมิ่งซีที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองจากสัตว์เขาเดียวร่อนลงยังด้านบนของสระน้ำ อยู่ใกล้เลือดครึ่งเซียนเพียงนิดเดียว