Skip to content

King of Gods 666

King Of Gods

บทที่ 666 เศษเสี้ยวห้วงคิดของครึ่งเซียน

จนถึงตอนนี้ จ้าวเฟิงอ่านตำราทั้งหมดภายในห้องเก็บตำราจนครบแล้ว

ในหัวของเขามีเนื้อหาของตำราอยู่ชัดเจนแจ่มแจ้งอย่างยิ่ง

จ้าวเฟิงสนใจความรู้ภายในตำราเหล่านี้อย่างแท้จริง เขาตั้งใจอ่านจนหมดตั้งแต่ต้นจนจบ

ในประวัติการเปิดอุทยานครึ่งเซียนที่เคยผ่านมา เขายังเป็นอัจฉริยะจากภายนอกคนแรกที่ทำสถิตินี้ได้

จ้าวเฟิงค่อยๆ หลับตาลง

เขารู้สึกว่าเนื้อหาความรู้ในตำราเหล่านี้เหมือนมีจิตวิญญาณที่เลือนรางซุกซ่อนอยู่

ความรู้ในตำราทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกัน

ในทันใดนั้นเอง ตำราทั้งหมดในห้องก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา

หืม?

จ้าวเฟิงใจเต้น เขามีความรู้สึกแปลกๆ ก่อนหน้านี้แล้วว่า ตำราพวกนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ เมื่ออ่านหนังสือพวกนี้จนจบหมดบางทีอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปก็ได้

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!

ในระยะเวลาไม่นานนัก ตำราในห้องเก็บตำราลุกไหม้อยู่ท่ามกลางแสงสว่างอันเจิดจ้า ค่อยๆ โปร่งแสงทีละน้อย

“นี่คือ…”

จ้าวเฟิงมีสีหน้าระแวดระวัง ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม

ในเมื่อที่นี่คืออุทยานครึ่งเซียน เหตุการณ์ทั้งหมดย่อมไม่สามารถคาดเดาได้ด้วยหลักการทั่วไป

หลังจากหลายช่วงลมหายใจผ่านไป ตำราเหล่านี้เผาไหม้ตนเองจนเสร็จสิ้น ก็เกาะกลุ่มรวมเป็นลำแสงโปร่งใสระยิบระยับสายหนึ่ง แล้วทำปฏิกิริยาแปลกประหลาดกับเนื้อหาความรู้ในหัวของจ้าวเฟิง

วูบ!

ลำแสงโปร่งใสนั่นหายวับไป ก่อนจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเนื้อหาของตำราต่างๆ ในหัวจ้าวเฟิงทันที

“ผู้เยาว์ ข้าคือครึ่งเซียนนาม ‘คุนอวิ๋น’ เจ้าโชคดียิ่งนักที่ผ่านการทดสอบของครึ่งเซียน” น้ำเสียงก้องกังวานดังขึ้นในหัวของจ้าวเฟิง

ในหัวเขา

ลำแสงโปร่งใสสาดซัดพลังเซียนยิ่งใหญ่แก่กล้า ส่งแรงกดดันมาให้สตินึกคิดของจ้าวเฟิง

“ครึ่งเซียนคุนอวิ๋น?” จ้าวเฟิงลอบหยั่งเชิงลำแสงระยิบระยับนั้น

ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นอัจฉริยะทั่วไป พบเจอ ‘โอกาสอันดี’ ในระดับเช่นนี้ย่อมต้องตกใจจนลุกลี้ลุกลนไปแล้ว

ก็เพราะลำแสงโปร่งใสนั้นมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็น ‘มรดกจิตวิญญาณ’ ที่ครึ่งเซียนทิ้งเอาไว้

แต่ทว่า

จ้าวเฟิงใช่ว่าจะไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ในซากปรักหักพังสือเฉิงคราก่อน เขาเคยพูดคุยสื่อสารกับเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงมาแล้ว

เซียนจือเย่เป็นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับก็จริง แต่ครึ่งเซียนผู้เป็นเจ้าของอุทยานครึ่งเซียนก้าวเข้าไปในขอบเขตเซียนสวรรค์แล้วครึ่งหนึ่งแล้ว

“ท่านเป็นเจ้าของอุทยานแห่งนี้ เป็นครึ่งเซียนลี้ลับผู้นั้นจริงหรือ?” จ้าวเฟิงเอ่ยถาม

“เจ้าช่างบังอาจนัก! กล้าสงสัยสถานะของข้าด้วยหรือ? ข้าเป็นเศษเสี้ยวจิตสำนึกที่ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นเหลือทิ้งไว้เชียว”

ลำแสงแวววาวนั่นเอ่ยเสียงขรึมลงเหมือนมีความโกรธเคืองอยู่บางส่วน

พริบตาเดียว ในระดับชั้นวิญญาณก็มีกลิ่นอายจิตวิญญาณที่น่ากลัว เป็นเหมือนสัญญาณของความต้องการจะทำลายฟ้าทะลวงดิน

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นผู้ด้อยประสบการณ์ น่าจะต้องตกใจจนฉี่รดกางเกงแล้วรีบเคารพกราบไหว้อย่างแน่นอน

จ้าวเฟิงไม่พูดจาแต่กลับแกล้งทำท่าทางตกอกตกใจ

“ผู้เยาว์! ถ้าหากว่าเจ้ามีใจซื่อสัตย์ เชื่อฟังคำแนะนำสั่งสอนของข้า ในภายหน้าเจ้าอาจจะได้รับมรดกของครึ่งเซียน กระทั่งอุทยานครึ่งเซียนขนาดใหญ่นี้ก็จะให้ได้เจ้าสืบทอด” น้ำเสียงเบาๆ มีความสูงส่งอยู่ในที

มรดกของครึ่งเซียน?

สืบทอดทั้งอุทยานครึ่งเซียน?

เมื่อจ้าวเฟิงได้ยินเรื่องราวทั้งหมดนี้แล้วยากจะห้ามไม่ให้ใจเต้นรัวแรง

“ผู้เยาว์ เจ้ายินดีจะเป็นศิษย์ของข้าครึ่งเซียนคุนอวิ๋นหรือไม่”

แสงระยิบระยับเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยองคล้ายว่าอยู่เหนือทุกสิ่ง

แต่ทว่า

เมื่อจ้าวเฟิงได้ยินคำสัญญาเหล่านี้กลับเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “แค่เศษเสี้ยวห้วงคิดเส้นสายหนึ่ง กล้าเรียกตนเองว่าครึ่งเซียนงั้นรึ!”

เมื่อเอ่ยจบ ลำแสงโปร่งใสเป็นประกายนั่นอดจะตกใจไม่ได้

“ผู้เยาว์ เชื่อหรือไม่ว่าห้วงความคิดอย่างข้าสามารถทำให้วิญญาณเจ้าแตกกระสานซ่านเซ็นได้”

ลำแสงระยิบระยับแค่นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์

ในวินาทีต่อมา

ระดับชั้นวิญญาณก็เกิดปรากฏการณ์รุนแรงทะลวงฟ้าทลายดิน

“เหอะเหอะ เจ้าเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวห้วงความคิด ยังอยากจะเลียนแบบพลังของครึ่งเซียน คิดจะเขียนเสือให้วัวกลัวแต่ล้มเหลวงั้นสิ” จ้าวเฟิงหัวเราะเยาะ

ใบหน้าของเขาสงบราบเรียบ ในชั้นวิญญาณเป็นอิสระ แต่เขากลับไม่หวาดกลัวพลังยิ่งใหญ่ที่ทำลายล้างฟ้าและดินเลยแม้แต่น้อย

หากเปลี่ยนเป็นอัจฉริยะที่อยู่ในขั้นต่ำกว่าราชัน เก้าสิบเก้าส่วนคงโดนหลอกลวงแล้วรีบกราบเคารพพลังของครึ่งเซียนในทันที

แต่จ้าวเฟิงเป็นอัจฉริยะที่ชำนาญในวิชาดวงตาและวิญญาณ อุบายแอบอ้างผู้อื่นมากดขี่คนอื่นอีกทีย่อมหลอกลวงเขาไม่ได้

เขามีความเข้าใจในศาสตร์วิญญาณลึกซึ้งอย่างยิ่งแล้ว

หลังจากที่ลำแสงโปร่งใสแวววาวนั่นปรากฏกาย จ้าวเฟิงก็สามารถแยกแยะได้ว่านี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวห้วงคิดเท่านั้น

เศษเสี้ยวห้วงคิดและเศษเสี้ยววิญญาณมีความแตกต่างกันอยู่

เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิง เป็นเศษเสี้ยววิญญาณประเภทหนึ่งที่ค่อนข้างสมบูรณ์ อยู่เหนือกว่าเศษเสี้ยวห้วงคิดมากนัก

เศษเสี้ยวห้วงคิดเป็นเพียงแค่ห้วงความคิด ถ้าอยู่ในระดับที่สูงหน่อย ก็จะมีความรู้ไม่มากก็น้อยของเจ้าของก่อนจะตายรวมอยู่ด้วย

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงไม่หวาดกลัว ‘เศษเสี้ยวห้วงคิดของครึ่งเซียน’ นี้เลย

“ผู้เยาว์ เจ้านี่รนหาที่ตายเสียจริง…” เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ในน้ำเสียงกลับมีความขลาดกลัวอยู่ด้วย

“เหอะ! อาจารย์ของข้าก็เป็นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ วิธีการแบบเจ้ายังคิดจะหลอกข้าอีกงั้นเรอะ” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเย็น

ในวินาทีต่อมา กลิ่นอายพลังที่น่ากลัวของดวงตาเทพเจ้าก็ทะลักออกมา แล้วจัดการพลังเซียนลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นโดยเศษเสี้ยวห้วงคิดจนแตกละเอียดไป

“ผู้เยาว์ ยั้งมือก่อน! เจ้าชนะแล้ว…”

ลำแสงโปร่งใสอับแสงลงราวกับเทียนริบหรี่กลางพายุภายใต้การกดดันจากกลิ่นอายดวงตาบรรพกาลของจ้าวเฟิง

เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนร้องออกมาอย่างทุกข์ทรมาน

เจ้ามนุษย์แปลกประหลาดคนนี้ชำนาญวิชาศาสตร์ดวงวิญญาณ พลังดวงตาและวิญญาณก็แข็งแกร่งเช่นนี้ ที่มาของสายเลือดดวงตาเกรงว่าจะไม่ธรรมดา

อีกทั้ง ‘ท่านอาจารย์’ ผู้เป็นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับที่จ้าวเฟิงเอ่ยถึงก็ทำให้มันใจสั่น

จ้าวเฟิงยิ้มเย็น แล้วเก็บกลิ่นอายพลังของดวงตาเทพเจ้ากลับไป

ถ้าหากเขาไม่ชำนาญในวิชาศาสตร์วิญญาณและมีดวงตาเทพเจ้า ไม่แน่ว่าอาจจะโดน ‘เศษเสี้ยวห้วงความคิดครึ่งเซียน’ ทำให้ตกใจจนโดนอีกฝ่ายจูงจมูกไปแล้ว

ดีที่จ้าวเฟิงเยือกเย็นมากพอจะมองเห็นความแข็งแกร่งภายนอกแต่ข้างในแสนอ่อนแอของเศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียน

 

“เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียน เจ้ามาอยู่ที่นี่แท้จริงแล้วมีเจตนาอะไรกันแน่? เจ้าเข้าใจในอุทยานครึ่งเซียนมากเท่าไหร่?” จ้าวเฟิงเริ่มสอบถาม

เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนทั้งโกรธทั้งอาย แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงตอบคำถามอย่างว่าง่าย

แต่เดิมมันตั้งใจจะหลอกลวง หลอกใช้เจ้ามนุษย์ แต่คิดไม่ถึงว่าจะกลายมาเป็นเบี้ยล่างของอีกฝ่ายเสียเอง

“แก่นแท้วิญญาณของนายท่านครึ่งเซียนได้แตกสลายก่อนที่จะ ‘ผ่านด่านเคราะห์เซียน’ หลงเหลือไว้เพียงเศษเสี้ยวห้วงคิดที่กระจัดกระจายไปในส่วนต่างๆ ของอุทยานครึ่งเซียน ส่วนข้าก็เป็นหนึ่งในนั้น…”

เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนไม่กล้าปิดบัง

เด็กหนุ่มผู้นี้สติปัญญาเป็นเลิศ จิตใจเยือกเย็น วิชาดวงตาและวิญญาณน่าตกใจอย่างยิ่งเบื้องหลังก็ยังมีผู้อาวุโสในขอบเขตเทวาเร้นลับ คำโกหกหลอกลวงของเขายังปิดบังได้ไม่นานเท่าไหร่เลย

เวลาชั่วครู่หนึ่งผ่านไป

จ้าวเฟิงจึงเข้าใจต้นสายปลายเหตุ

หลังจากที่ครึ่งเซียนสูญสลายไป แทบเรียกได้ว่าวิญญาณแตกกระสานซ่านเซ็น เหลือไว้เพียงแค่เศษเสี้ยวห้วงคิดส่วนหนึ่งเท่านั้น

และเศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนนี้ก็ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องเก็บตำรา

เพราะก่อนที่ครึ่งเซียนจะสูญสลายมักจะหมกตัวอยู่ภายในห้องเก็บตำราแห่งนี้ ดังนั้นเศษเสี้ยวห้วงคิดที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำจึงอยู่ที่นี่ด้วย

เมื่อจ้าวเฟิงอ่านหนังสือทั้งหมดภายในห้องเก็บตำรา จึงเป็นการกระตุ้นเศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนที่เกือบจะสลายไปแล้วให้ตื่นขึ้น

หลังจากที่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จ้าวเฟิงอดจะผิดหวังไม่ได้

เศษเสี้ยวห้วงคิดนี่ดูไปแล้วไม่ได้มีประโยชน์มากมายนัก ไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมอุทยานครึ่งเซียนแต่อย่างใด

“ผู้เยาว์! เจ้าอย่ามองข้าต่ำไปนัก ในฐานะที่เป็นห้วงคิดครึ่งเซียน ข้าเข้าใจนายท่านและอุทยานครึ่งเซียนลึกซึ้งอย่างยิ่ง แล้วที่สำคัญคือข้าอาจจจะช่วยฟื้นฟูพลังให้กับตัวครึ่งเซียนได้ด้วย” เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนรีบละล่ำละลั่กอธิบาย

มันในตอนนี้อ่อนแอยิ่งนัก กังวลว่าหากตนเองไม่มีประโยชน์ใดๆ แล้วจะถูก

จ้าวเฟิงทำลาย

“ฟื้นฟูครึ่งเซียน?” เมื่อจ้าวเฟิงฟังถึงตรงนี้กลับรู้สึกแปลกใจไม่น้อย

เพราะสิ่งที่ปรากฏในครรลองสายตาเขาเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวห้วงคิดของครึ่งเซียนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิง สภาวะแก่นแท้วิญญาณเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบอยู่เล็กน้อย แต่ไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองให้กลับคืนมาได้

“ขอเพียงแค่ได้เลือดของครึ่งเซียน ก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง”

เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนเอ่ยอย่างหยิ่งผยอง

ใช้เลือดคืนชีวิต?

จ้าวเฟิงเคยได้ยินความสามารถเช่นนี้ในตำนานมาบ้าง ตำราภายในห้องเก็บตำราก็มีแนะนำเอาไว้

ว่ากันตามหลักการ เมื่อมีเลือดครึ่งเซียนหยดหนึ่งบวกกับเศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนสามารถ ‘ชุบชีวิตด้วยเลือด’ ได้แน่ๆ แต่หากอยากจะให้ครึ่งเซียนฟื้นฟูเท่ายามรุ่งโรจน์ก็นับว่าเป็นได้ยากยิ่ง

“เหอะเหอะ เจ้ารู้เรื่องของเลือดครึ่งเซียนด้วยสินะ แต่ว่าต่อให้ได้เลือดครึ่งเซียนมาครอบครอง ข้าก็คงจะเอามาเพิ่มพลังให้กับตนเอง” จ้าวเฟิงยิ้มเย็น

เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาใช้ห้วงความคิดอ่านหนังสือ เศษเสี้ยวห้วงคิดเซียนจึงรับรู้เรื่องบางเรื่องไปด้วย

“เจ้านี่มันไม่รู้คุณค่าของของมีค่า! ทันทีที่ ‘ชุบชีวิตด้วยเลือด’ ได้สำเร็จล่ะก็ จะสามารถกระตุ้นพลังความสามารถของครึ่งเซียนก่อนที่จะสูญสลายไปได้มากขึ้น หรือกระทั่งความทรงจำด้วย…”

เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว

จ้าวเฟิงไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ กลับตกอยู่ในภวังค์ไปช่วงหนึ่ง

ไม่มีสิ่งใดน่าสงสัย

หากใช้ ‘เลือดชุบชีวิต’ ครึ่งเซียน มูลค่าที่จะได้รับย่อมต้องมากมายกว่าเลือดครึ่งเซียนเพียงหนึ่งหยดเป็นแน่

พูดง่ายๆ ก็คือเป็นแผนการชุบชีวิตครึ่งเซียน

แต่ว่าการทำเช่นนี้ย่อมมีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน จะเลือกอย่างไร จ้าวเฟิงยังไม่ตัดสินใจในตอนนี้

ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังช่วงชิง ‘เลือดครึ่งเซียน’ มาไม่ได้ด้วยซ้ำ

“อยู่เฉยๆ ก็แล้วกัน” สตินึกคิดของจ้าวเฟิงหวนกลับมาในหัว

“ช้าก่อน!” เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนเอ่ยเสียงต่ำ “ข้าเป็นเพียงเศษเสี้ยวห้วงคิด สามารถเป็นรูปเป็นร่างได้อีกครั้งก็นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว ถ้าหากว่าเจ้าไม่ทำอะไร ข้าน่าจะอยู่ได้ไม่กี่วัน”

ในหัวของจ้าวเฟิง กลุ่มลำแสงระยิบระยับอับแสงลงไปมาก เหมือนแตกสลายไปได้ทุกขณะ

จ้าวเฟิงคิดแล้วคิดอีก จึงใช้ระลอกคลื่นพลังดวงตาที่ชุ่มชื่นห่อหุ้มเศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนไว้อย่างระมัดระวัง

พลังดวงตาของจ้าวเฟิงจัดอยู่ในธาตุวารี มีความสามารถรักษาฟื้นฟู ภายใต้ความชุ่มฉ่ำของระลอกพลังดวงตา กลุ่มลำแสงนั้นเสถียรขึ้นมาบางส่วน

ต่อจากนั้นจ้าวเฟิงเอาน้ำเต้าสีเขียวเข้มออกมา

“น้ำเต้าปราณมรกต!”

เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนปีติยินดี รีบเข้าไปภายในน้ำเต้าปราณมรกตในทันที

น้ำเต้าปราณมรกตเหมาะสมต่อการดำรงอยู่ของเศษเสี้ยวห้วงคิดและแก่นแท้วิญญาณ กระทั่งมีผลในการหล่อเลี้ยงได้

ว่ากันว่าจักรพรรดิกับราชันบางส่วน หลังจากพลังเศษเสี้ยววิญญาณอยู่ในน้ำเต้ามรกตแล้ว หลายปีผ่านไปจะสามารถถือกำเนิดใหม่ได้อีกครั้งเลยทีเดียว

เศษเสี้ยวพลังครึ่งเซียนอยู่ในหัวของจ้าวเฟิง ได้ระลอกพลังดวงตาหล่อเลี้ยงก็ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้

แต่ในทันทีที่จ้าวเฟิงใช้พลังดวงตาและวิญญาณในปริมาณมาก หรือโดนโจมตีจากภายนอก ก็อาจส่งผลกระทบไปถึงเศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนได้

“ข้ายังพอมีผลึกน้ำตาเงือก หญ้ารวมวิญญาณ และพวกทรัพยากรล้ำค่าต่างๆ ในศาสตร์วิญญาณ” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ

“ผลึกน้ำตาเงือก? หญ้ารวมวิญญาณ? เร็วเข้าสิ นี่อาจจะทำให้ข้าคงรูปหรือกระทั่งเปลี่ยนเป็นเศษเสี้ยววิญญาณได้”

เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนพลันมีท่าทีรอไม่ไหว

“ในโลกนี้ไม่มีของให้เปล่า ในคราแรกเจ้าเองก็ไม่ได้จะช่วยเหลืออะไรข้า ข้าจะช่วยเจ้าอย่างไร นอกเสียจากว่า…” จ้าวเฟิงเอ่ยเยาะๆ

“นอกเสียจากว่าเจ้าจะเคารพข้าเป็นเจ้านาย” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“ให้เจ้าเป็นเจ้านายงั้นรึ? นี่เป็นไปไม่ได้!”

ในน้ำเต้าปราณมรกตมีเสียงโหวกเหวกของเศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนดังออกมา

“เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ในนั้นไปตลอดเถิด ต่อให้ได้เลือดครึ่งเซียนมาเจ้าก็ไม่มีทางจะถือกำเนิดใหม่ได้อีกครั้ง” จ้าวเฟิงเอ่ยเรียบๆ

เมื่อพูด จบเขาลุกขึ้นเตรียมจะออกจากห้องเก็บตำรา

เพิ่งจะออกมาข้างนอก

“เจ้ามนุษย์ เจ้าชนะแล้ว…” เสียงของเศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนเหมือนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มีน้ำเสียงจนปัญญาเล็ดลอดออกมาด้วย

จ้าวเฟิงผงกศีรษะอย่างพอใจ แล้วเอาผลึกน้ำตาเงือกหยดหนึ่งใส่เข้าไปในน้ำเต้าปราณมรกต

เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนดูดซึมพลังของผลึกน้ำตาเงือกอย่างกระหาย

เพียงแค่เวลาไม่นาน เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนก็มีกลิ่นอายที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น พลังวิญญาณก็แข็งแกร่งขึ้นมาก

“นายท่าน มีความน่าจะเป็นเท่าไหร่ที่จะช่วงชิงเอาเลือดครึ่งเซียนมาได้”

เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนเอ่ยหลังจากดูดซึมผลึกน้ำตาเงือกจนเสร็จสิ้น

“พูดยาก เพราะว่าเลือดครึ่งเซียนเข้าไปภายในสุสานใจกลางแล้ว” จ้าวเฟิงไม่กล้ายืนยัน

“สุสานใจกลาง? ท่านหมายถึง…สุสานครึ่งเซียน?” เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนตกใจอย่างยิ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version