Skip to content

King of Gods 667

King Of Gods

บทที่ 667 ได้มาครอง

สุสานครึ่งเซียน?

จ้าวเฟิงเพิ่งจะรู้ว่านี่คือชื่อเรียกของสุสานใจกลาง เห็นได้ชัดเจนเลยว่าที่นั่นเป็นที่ฝังศพของครึ่งเซียน

เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนนี้เข้าใจสถานการณ์ในอุทยานครึ่งเซียนอย่างยิ่ง

“มีทั้งความเสี่ยงและโอกาสอยู่พร้อมกัน ในสุสานครึ่งเซียนฝังศพของครึ่งเซียนเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีพลังชีวิตใด แต่ก็ไม่อาจกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง” เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนเอ่ยอย่างคลุมเครือ

จ้าวเฟิงรู้ดีว่า การตายของครึ่งเซียนมีสาเหตุมาจาก ‘ด่านเซียน’ เป็นหลัก

ตายในขณะเผชิญด่านเซียน แต่ร่างไม่ได้สูญสลายไป นับว่าเป็นจุดจบที่โชคดียิ่งนัก

“เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับสุสานครึ่งเซียนบ้าง?” จ้าวเฟิงเปิดปากถาม

ถ้าหากคุ้นเคยกับสุสานครึ่งเซียน ย่อมส่งผลดีต่อแผนการของจ้าวเฟิงหรือการเคลื่อนไหวของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย

“เพราะว่าเมื่อครู่ดูดซึม ‘ผลึกน้ำตาเงือก’ เข้าไป ข้าจึงได้เศษเสี้ยวความทรงจำบางส่วนกลับมาบ้าง ส่วนโครงสร้างคร่าวๆ ของ ‘สุสานครึ่งเซียน’ นั่นข้าก็พอรู้อยู่บ้างเล็กน้อย”

เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนบอกข้อมูลส่วนหนึ่งแก่จ้าวเฟิงอย่างรวดเร็ว

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ แล้วจึงมอบผลึกน้ำตาเงือกก้อนหนึ่งให้เป็นรางวัล

หลังจากที่เก็บเกี่ยวข่าวคราวจนเสร็จ จ้าวเฟิงก็ขมวดคิ้ว เพราะดูไปแล้วในสุสานครึ่งเซียนนั้น นอกจากวิญญาณอาฆาตก็ล้วนแต่เป็นหุ่นเชิดศพเฝ้าสุสาน มีเพียงแต่อันตรายและไม่มีผลประโยชน์เลยแม้แต่น้อย

จ้าวเฟิงเพิ่งจะอ้าปาก แต่แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน

สตินึกคิดของเขาโดนสถานการณ์ภายในสุสานครึ่งเซียนดึงดูดความสนใจไป

ภายในทางเดินสุสาน

อ๊าก โครม~

วิญญาณอาฆาตสีม่วงชาดสูงราวสิบกว่าจั้งปรากฏเป็นเงาของเทพนักรบผู้หนึ่ง ควันเพลิงตลบอบอวล ลอยตัวอยู่กลางอากาศ กลิ่นอายยิ่งใหญ่ที่เหมือนกลายเป็นจริงจนสัมผัสได้กดดันทั่วบริเวณดังกล่าว

“วิญญาณอาฆาตระดับจักรพรรดิ!” หนานกงเซิ่ง เมิ่งซี และคนที่เหลือหน้าถอดสีกันจนหมด

“รีบหนีเร็ว วิญญาณอาฆาตจักรพรรดินี้อยู่เกินกว่าขอบเขตที่พวกเราจะรับมือไหว”

สีหน้าของเวินลั่วอันสับสนวุ่นวายเป็นครั้งแรก

ร่างเงาวิญญาณอาฆาตของเทพนักรบ เป็นเหมือนพลังของจักรพรรดิที่ทำให้ระดับชั้นวิญญาณสั่นสะท้านและเจ็บปวด

สวบ!

เลือดครึ่งเซียนอาศัยโอกาสนี้หมุนคว้างเข้าไปภายในจุดมืดมิดอันลึกยิ่งของสุสาน

ในเวลานี้

หนานกงเซิ่ง เมิ่งซี เวินลั่วอัน และเจ้าแมวขโมยตัวน้อย ทั้งสี่ต่างกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายอย่างยิ่ง

วูบ!

ดวงตาสีฟ้าโปร่งแสงปรากฏอยู่เหนือศีรษะของเจ้าแมวตัวน้อย

 

จ้าวเฟิงเตรียมตัวเรียบร้อยเป็นอย่างดี ถ้าหากเกิดอันตรายขึ้นจริงๆ เขาจะใช้วิชา ‘เคลื่อนย้ายมิติ’ ช่วยเจ้าแมวขโมยตัวน้อยออกมา

เพราะอยู่ด้วยกันมาเป็นระยะเวลานาน ความสัมพันธ์ของจ้าวเฟิงและเจ้าแมวตัวน้อยจึงเกินกว่าสัตว์วิเศษธรรมดาทั่วไป

“ต่อให้ต้องยอมแพ้ในการช่วงชิงเลือดเซียน ก็จะไม่มีทางปล่อยให้เจ้าแมวขโมยต้องตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างแน่นอน” จ้าวเฟิงตัดสินใจแล้ว

เขาส่งโครงสร้างแผนที่ของ ‘สุสานครึ่งเซียน’ ให้แก่เจ้าแมวขโมยตัวน้อย

เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องแล้ว มันแยกเขี้ยวเป็นรอยยิ้ม มือทั้งสองจับกริชจักรพรรดิเงาสังหารและกิเลนหยกสีม่วง เสียง ‘วูบ’ ดังขึ้น ก่อนมันจะหายเข้าไปภายในร่างของสัตว์อสูรขั้นราชัน

ด้วยเหตุนี้

แรงกดดันจำนวนมากจึงมีสัตว์อสูรในขั้นราชันแบกรับเอาไว้ แล้วยังได้พลังราชามหาศาลคอยคุ้มครอง

เรียกได้ว่าในหมู่คนทั้งหมดนี้ เจ้าแมวขโมยตัวน้อยปลอดภัยที่สุด

วูบ โครม~

วิญญาณจักรพรรดิอาฆาตพุ่งทะลวงมาหาเหล่าอัจฉริยะ ดวงวิญญาณต้องสั่นสะท้าน เลือดลมในกายปั่นป่วน ทั้งยังต้องแบกรับการโจมตีจากแรงกดดันมหาศาลที่ไร้รูปร่าง

ขนาดสัตว์อสูรในขั้นราชันยังดูเหนื่อยล้า แม้กระทั่งฝีเท้าก็ยังช้าลงอย่างเห็นได้ชัด

 

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยแสยะยิ้ม ควบคุมให้สัตว์อสูรตรงเข้าไปยังรูปสลักโบราณบริเวณกำแพงฟากหนึ่ง

ชนกำแพง?

หนานกงเซิ่งและพวกมองเห็นการกระทำของเจ้าแมวตัวน้อย จึงแอบสงสัยว่าหรือเจ้าแมวตัวนี้จะบ้าไปแล้ว

แต่ว่าสถานการณ์ต่อมาก็ทำให้คนทั้งสามต้องตาโตด้วยความตกใจ

โครม!

รูปสลักโบราณตรงกำแพงพลันแหวกออกเป็นทางลับเส้นหนึ่ง สัตว์อสูรขั้นราชันที่อยู่กับเจ้าแมวรีบมุดเข้าไปในทางลับทันที

“ตามไป!”

หนานกงเซิ่งและคนอื่นๆ ก็ไม่ใส่ใจเลือดครึ่งเซียนแล้ว ขอเอาตัวรอดเป็นหลักไว้ก่อน

วิญญาณอาฆาตในระดับจักรพรรดิ ต่อให้คนทั้งสามร่วมมือกันก็ยากจะต้านทานได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีวิญญาณอาฆาตจำนวนมากอยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย

โครม ตูม!

วิญญาณจักรพรรดิอาฆาตพุ่งเข้าใส่ทางเข้าเส้นทางลับ แต่ด้วยขนาดร่างกายที่ใหญ่โตจึงโดนผลักกระเด็นออกมา

ส่วนประกอบโครงสร้างของสุสานครึ่งเซียนมีความพิเศษอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นวิญญาณอาฆาตที่ไร้รูปร่างก็ยากจะ ‘ทะลวงผ่านกำแพง’ เข้าไปได้

ถึงจะเป็นเช่นนั้น กลิ่นอายยิ่งใหญ่น่าสะพรึงกลัวก็ยังทะลวงผ่านดวงวิญญาณ จึงทำให้หนานกงเซิ่งและคนอื่นๆ ที่ตามมาทีหลังบาดเจ็บไปไม่น้อย

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยที่เดินนำอยู่ด้านหน้ายังซ่อนตัวอยู่ภายในร่างของสัตว์อสูรจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิด

พู่ว!

หนานกงเซิ่งและพวกถอนหายใจยาว วิญญาณจักรพรรดิอาฆาตไม่ได้ตามมา

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกลับมานั่งบนตัวสัตว์อสูรด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง แล้วนำทางอยู่เบื้องหน้า

“เจ้าแมวตัวนี้ ทำไมจู่ๆ ก็คุ้นเคยกับสภาพภูมิศาสตร์ในสุสานขึ้นมาเสียอย่างนั้น?”

เมิ่งซีและเวินลั่วอันลอบมองหน้ากัน

รีบตามเจ้าแมวตัวนี้ไป!

ใจของคนทั้งหมดชาวาบ

ภายในพื้นที่ต้องห้ามของสุสานใจกลาง พวกเขาหลงทิศทางไปหมด ความเป็นความตายของพวกเขาจึงสัมพันธ์กับกับเจ้าแมวตัวนี้เป็นอย่างยิ่ง

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยควบคุมสัตว์อสูรเดินเลี้ยวไปมาภายในทางลับ

ในวินาทีใดวินาทีหนึ่งนั่นเอง

สัตว์อสูรขั้นราชันก็กระโดดออกจากปากทางของทางลับ มุดเข้าไปภายในห้องสุสานใต้ดินที่มิดสนิทยิ่งกว่า

ห้องสุสานใต้ดินแห่งนี้มืดมิดไปหมด

ด้วยความเป็นมาหลายหมื่นปี ที่แห่งนี้สาดซัดกลิ่นอายน่าสะพรึงที่ชวนให้ใครต่อใครขวัญผวาออกมา

 

สุสานใต้ดินเป็นใจกลาง ภายในรัศมีร้อยลี้กลับไม่มีวิญญาณอาฆาตหรือวิญญาณจักรพรรดิอาฆาตเลยสักตน

ภายในห้องสุสานว่างเปล่าไปหมด มีเพียงแค่ ‘ร่างไหม้ๆ’ ที่ดำสนิทก็เท่านั้น

ร่างไหม้ร่างนั้นไม่มีลักษณะของความเป็นมนุษย์เลยแม้แต่น้อย คล้ายเป็นกองเถ้าถ่านซึ่งผ่านการกัดกร่อนของวันเวลา บนพื้นผิวมีแสงอยู่บ้าง

“นั่นคือ…”

อัจฉริยะในขั้นราชันทั้งสามคนจ้องมองไปที่ร่างไหม้เกรียมนั้น รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายพลังต้องห้ามน่ายำเกรง

กลิ่นอายต้องห้ามถึงจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ ก็สามารถทำให้เทพและมารสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ

อึดอัดยิ่งนัก!

อัจฉริยะในขั้นราชันทั้งสามคนไม่กล้าสูดหายใจ

นัยน์ตาของสัตว์อสูรมีแววหวาดกลัวอย่างยิ่ง มันสั่นสะท้านอยู่ตรงหน้าร่างศพไหม้เกรียมนั่น

“ร่างศพนี้ไม่มีกลิ่นอายของชีวิตอยู่อีกแล้ว ไม่มีพลังวิญญาณ ไม่มีกลิ่นอายปราณที่แท้จริง แต่กลับสาดซัดกลิ่นอายที่น่ากลัวเช่นนี้ออกมาได้”

ภายในห้องสุสานใต้ดินเงียบกริบ

ด้านนอกของห้องสุสานไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ และไม่มีวิญญาณหน้าไหนกล้าเข้าใกล้ทั้งนั้น

“ศพร่างนี้มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะเป็นศพของครึ่งเซียน”

“กลิ่นอายต้องห้ามนั่นเห็นได้ชัดเลยว่าไม่ได้มาจากพลังของร่างศพเอง”

อัจฉริยะในขั้นราชันทั้งสามคนแววตาเป็นประกาย และต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา

วูบ!

ดวงตาไร้รูปร่างปรากฏขึ้นในห้องสุสานใต้ดินแห่งนั้น

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายต้องห้ามซึ่งทะลวงผ่านกายใจ ที่มาของพลังนั้นเหมือนเป็นความวินาศของสรรพสิ่งบนโลกใบนี้

“ศพของครึ่งเซียนถูกเผาจนหมดสิ้น กลิ่นอายกลุ่มก้อนนั้นไม่ได้มาจากร่างที่เหลืออยู่ของศพครึ่งเซียนเอง”

จ้าวเฟิงใจเต้นถี่รัว เขาข้ามอากาศไป แต่กลับไม่สามารถต้านทานการกดดันของกลิ่นอายต้องห้ามนั้นได้

“นั่นคืออำนาจเทวะ!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงของเศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนลอยมา

อำนาจเทวะ!

จ้าวเฟิงใจเต้นแรง ไม่น่าล่ะ ร่างของครึ่งเซียนถึงมีสภาพไม่เป็นร่างมนุษย์ แทบจะกระจัดกระจาย และไม่มีกลิ่นอายของชีวิตหลงเหลืออยู่เลย

“ในขณะที่ครึ่งเซียนตายเพราะอำนาจเทวะ ขนาดห้องสุสานยังไม่ทันได้ตระเตรียมให้เรียบร้อยเลย”

เศษเสี้ยวห้วงคิดของครึ่งเซียนมีความโศกาอยู่ไม่น้อย

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเศษเสี้ยวห้วงคิดที่แยกออกมาจากสตินึกคิดดวงวิญญาณของครึ่งเซียน

“ศพร่างนี้ถูกทำลายจนสิ้นซาก ไม่มีมูลค่าอะไรมากนัก แต่ว่าอำนาจเทวะที่หลงเหลืออยู่ในร่างศพนั้นกลับมีคุณค่ามหาศาล และจะส่งผลดีอย่างมากกับวิชาอัสนีในร่างท่าน” เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนเอ่ย

อำนาจเทวะ!

ใจของจ้าวเฟิงเต้นถี่ระรัว อำนาจเทวะนี้ขนาดครึ่งเซียนยังทำให้ตายมาแล้ว แม้แต่วิญญาณเซียนยังต้องหวาดกลัว

จากตรงนี้จึงเห็นได้ว่าพลังกลุ่มก้อนนี้มีค่ามากมายมหาศาลเท่าไหร่

เกรงว่าต่อให้เป็นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับที่ยังหลงเหลืออยู่ หรือกระทั่งครึ่งเซียนเอง ก็ล้วนแต่ต้องสนใจร่างศพที่มีอำนาจเทวะหลงเหลืออยู่เป็นแน่

“เซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับทั่วไป เมื่อทะลวงขั้น ‘เซียน’ ประมาณแปดเก้าสิบส่วนจะโดนอำนาจเทวะโจมตีจนร่างกายแหลกสลาย อีกทั้งครึ่งเซียนในยามนั้นใช้ร่างของตนต้านรับอำนาจเทวะมหาศาล ถึงแม้ว่าร่างจะไม่สูญสลายไป แต่เห็นได้ว่าพลังดังกล่าวอยู่ใกล้ขอบเขตเซียนสวรรค์ ขาดไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง…”

เศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียนเอ่ยพึมพำ

เมื่อฟังถึงตรงนี้ จ้าวเฟิงก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าร่างศพที่ดูดซับอำนาจเทวะมีค่าสูงส่งมากมายเพียงใด

ตัวมันเองสามารถโจมตียอดฝีมือในขอบเขตเซียนสวรรค์ได้ ในโลกใบนี้ล้วนแต่หาได้ยากยิ่ง

อีกทั้งยอดฝีมือที่สามารถรักษาร่างของตนเองไม่ให้พินาศไปเพราะอำนาจเทวะก็ยิ่งหาได้ยากยิ่งกว่า

หากจะว่ากันตามระดับแล้ว ร่างศพที่เคยได้รับอำนาจเทวะอาจจะเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในอุทยานครึ่งเซียนแห่งนี้

ต่อให้เป็นเลือดครึ่งเซียน มูลค่าของมันก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับร่างศพที่มีอำนาจเทวะเสียด้วยซ้ำไป

เพราะเลือดครึ่งเซียนไม่ได้ส่งผลต่อขอบเขตเทวาเร้นลับเสียเท่าไหร่

แต่ร่างศพที่มีอำนาจเทวะ ต่อให้เป็นเซียนหรือครึ่งเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับก็มีมูลค่าสูงส่งเป็นที่สุด

“อำนาจเทวะส่วนมากมี ‘เทพอัสนี’ เป็นหลัก ด้วยเหตุนี้ร่างศพเทวะร่างนี้จึงมีประโยชน์ต่อข้าอย่างมาก” ใจของจ้าวเฟิงฮึกเหิมขึ้น

เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยนั่งบนหลังสัตว์อสูรราชัน ในมือถือกริชจักรพรรดิเงาสังหาร ค่อยๆ เข้าใกล้ ‘ร่างศพไหม้เกรียม’ ไปทีละน้อย

พวกหนานกงเซิ่งเองก็ไม่ใช่คนโง่ ย่อมพอจะคาดเดาประวัติความเป็นมาของร่างนี้ได้บ้าง

เพราะเรื่องที่ครึ่งเซียนตายเพราะอำนาจเทวะก็ไม่ใช่ความลับสำคัญอะไร

“ในเมื่อศพร่างใหญ่ พวกเราก็แบ่งกันแล้วกัน” จ้าวเฟิงเปิดปากเอ่ย

จะใช้พลังของคนเพียงคนเดียวแบ่งร่างศพนี้ออกคงยากลำบากยิ่งนัก

ต่อให้เป็นราชัน เมื่อมาอยู่ต่อหน้าร่างศพเทวะ ในแต่ละอริยาบทก็ยังถูกกดดันไว้

“ได้” อัจฉริยะในขั้นราชันทั้งสามกลับไม่คัดค้านแต่อย่างใด

คนทั้งสี่ปรึกษาหารือกัน ยังจะใช้ ‘กริชจักรพรรดิเงาสังหาร’ ของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยเป็นส่วนสำคัญในการตัดแยกร่างศพ

 

 

วิ้ง!

พลังของทั้งสี่คนรวมกันอยู่ในกริชจักรพรรดิเงาสังหารจนกลายเป็นลำแสงเงากริชเย็นยะเยือก ตัดลงบนร่างศพที่เกรียมไหม้

โครม ฟู่~

ในขณะที่กริชจักรพรรดิเงาสังหารตัดลงบนร่างศพไหม้ดำ พลังก็โดนลดทอนไปมากกว่าเก้าสิบส่วนเพราะอำนาจเทวะ

ร่างศพไหม้เกรียมมีร่องรอยน้อยนิดจนแทบสังเกตไม่เห็น

อัจฉริยะในขั้นราชันทั้งสามมีสีหน้าพิลึกอย่างยิ่ง

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เกรงว่าหากจะตัดแยกร่างศพนี้คงต้องใช้เวลาถึงวันสองวัน

แต่เมื่อคิดถึงมูลค่าของร่างศพเทวะ อัจฉริยะในขั้นราชันจึงไม่ยอมถอย อย่าว่าแต่วันสองวันเลย ต่อให้เป็นเดือนสองเดือนก็ยังคุ้มค่า

โครม ตุบ! ตุบ!

ในทุกๆ สี่ห้าช่วงลมหายใจ ทั้งสี่คนจะร่วมมือกันใช้เงากริชจักรพรรดิตัดลงบนร่างศพที่ไหม้เกรียม

เมื่อทั้งสี่ร่วมมือกัน พลังของกริชจักรพรรดิมากพอที่สังหารราชันที่มีพลังอ่อนแอได้เลยทีเดียว

วูบ!

ดวงตาข้ามระยะทางของจ้าวเฟิงหายไปจากภายในห้องสุสานใต้ดิน

แต่กลับไม่ได้หายไปจากสุสานครึ่งเซียน

เวลาไม่นานนัก

 

ดวงตาข้ามระยะทางของจ้าวเฟิงก็หาที่ซ่อนตัวของ ‘เลือดครึ่งเซียน’ ในละแวกใกล้เคียงเจอ

สตินึกคิดของเลือดครึ่งเซียนอ่อนแออย่างยิ่ง แล้วทันใดนั้นเอง มันก็สัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของ ‘ดวงตาข้ามระยะทาง’ บนพื้นผิวเปล่งแสงเรืองรองกระจ่างใส

“เตรียมรับเลือดเซียน” จ้าวเฟิงเอ่ยกับเศษเสี้ยวห้วงคิดครึ่งเซียน

เคลื่อนย้ายมิติ!

ระลอกพลังดวงตาครอบคลุมทั่วเลือดครึ่งเซียน ภายในใจกลางปรากฏตาน้ำวน

วิ้ง!

เลือดครึ่งเซียนเพิ่งจะดิ้นรนแต่กลับหยุดชะงักในฉับพลัน

เพราะภายในระลอกคลื่นพลังดวงตาทะลักกลิ่นอายจิตวิญญาณที่มันคุ้นเคยและใกล้ชิดออกมา

วูบ!

เลือดครึ่งเซียนที่กระจ่างใสถูกตาน้ำวนกลืนหายไปจากครรลองสายตา

“ได้เลือดเลือดครึ่งเซียนมาแล้ว!”

ดวงตาข้ามระยะทางฉายแววปีติยินดี แล้วจึงสลายหายไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version