บทที่ 700 ลอบโจมตีทางเรือ
เด็กน้อยครึ่งเซียนจ้องมองเมืองมายาในหมอกควันที่พร่าเลือนรอบด้าน ภาพขมุกขมัวที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศเป็นเหมือนภาพทับซ้อนไปทั่ว
เขตแดนมิติขั้นต้นเช่นนี้ ในสายตาของเขาย่อมไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง
แต่สามารถสร้างเขตแดนมิติออกมาได้ว่องไวเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ขั้นต้นเท่านั้น ทว่าจากที่เขาเคยพบเจอมาก็ยากนักจะมีคนทำได้เช่นนี้
สำหรับคนที่เพิ่งจะทะลวงผ่านถึงราชันในขอบเขตปราณเทวะ จะสรรสร้างเขตแดนมิตินั้นมีเงื่อนไขมากมาย ทั้งในเรื่องของระดับขั้นดวงวิญญาณ สำนึกรู้ในจิตวิญญาณ รวมไปถึงความเข้าใจในมิติ หรือกระทั่งความเข้าใจในตนเอง และความสามารถในการสร้างจินตนาการ
สรุปคือ การจะสร้างเขตแดนมิติมีข้อกำหนดต่างๆ มากมาย เงื่อนไขยังสูงลิ่วอีกด้วย
ยกเว้นก็แต่พวกหนานกงเซิ่งที่มีกายจิตว่าง เชี่ยวชาญในเคล็ดวิชามิติ หลังจากทะลวงขึ้นเป็นราชันแล้วก็จะสามารถสร้างเขตแดนมิติได้อย่างรวดเร็ว
หรือว่าจะเป็นจ้าวหยูเฟยก็ยังมีโอกาสที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เช่นเดียวกัน แรกสุดคือมีมิติอยู่แต่เดิมแล้ว จากนั้นได้เศษเสี้ยวจิตวิญญาณสือเฉิงเป็นใจกลางของพลัง แล้วบวกกับจักรพรรดิชั้นยอดที่ทุ่มเททุกอย่างช่วยนาง จึงทำให้นางสร้างโลกมิติส่วนตัวได้
“บางทีนี่อาจเป็นพรสวรรค์สายเลือดดวงตาแขนงวิญญาณของจ้าวเฟิง ระดับขั้นดวงวิญญาณกับสำนึกรู้ในพลังของเขาน่าจะเข้าใจในมิติจนถึงขั้นที่เงื่อนไขต้องการแล้ว” เด็กน้อยครึ่งเซียนคิดในใจ
ต่อให้เป็นเขา ตอนนี้ก็ยังมีเงื่อนไขบางส่วนที่ยังไม่มากพอจะสร้างเขตแดนมิติได้
นอกเสียจากว่าจะได้พลังของครึ่งเซียนกลับมา
สองวันต่อมา เค้าโครงพื้นที่ของเมืองวงกตมายาชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
เขตแดนมิติของจ้าวเฟิงหดเล็กลง ครอบคลุมไว้เพียงเรือหุ่นเชิดศพเท่านั้น
เจ้าหอโครงกระดูกอยู่ภายในเมืองวงกตมายาท่ามกลางหมอกควัน ยากที่จะแยกแยะจริงหรือปลอม
มีเพียงดวงตาของเด็กน้อยครึ่งเซียนเท่านั้นที่มองออกว่า เมืองวงกตมายาแห่งนี้เป็นเพียงแค่มิติเสมือนจริงที่อยู่กึ่งกลางระหว่างภาพมายาและรูปธรรม
วูบ!
ห้วงคิดของจ้าวเฟิงขยับเล็กน้อย แล้วจึงเก็บเขตเมืองแดนมายาขนาดเล็กนี้เข้าไป
“ในทันทีที่ข้ากระตุ้นใช้ ‘เขตแดนเมืองมายา’ สตินึกคิดของศัตรูที่เข้าใกล้ข้าทั้งหมดก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย อาจจะถึงขั้นเสียสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยทีเดียว แล้วถ้าหากว่าข้าใช้พลังของเขตแดนนี้โจมตีล่ะก็ ในทุกๆ กระบวนท่าจะทำให้เกิดพลังมายาวิญญาณขนาดมโหฬารเข้าปกคลุมและโจมตี ช่วยลดทอนกำลังรบของฝั่งตรงข้ามลงไปมาก”
แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกายขณะแจกแจงความสามารถของเขตแดนมิติเมืองมายา
เขตแดนในศาสตร์วิญญาณเดิมทีก็ค่อนข้างไม่เป็นที่นิยม มีราชันจำนวนไม่มากที่สามารถสร้างได้สำเร็จ
‘เขตแดนเมืองมายา’ ทำให้จ้าวเฟิงมีความสามารถในการต่อสู้กับราชันจำนวนมากได้โดยลำพัง
ยอดฝีมือผู้ที่ระดับขั้นวิญญาณต่ำกว่าเขาหรือว่าพอๆ กัน ล้วนต้องได้รับผลกระทบจากเขตแดนเมืองมายานี้ เมื่อบวกกับลักษณะการโจมตีของปีกวายุอัสนี จึงทำให้สามารถประมือกับราชันธรรมดาหลายคนได้
ทะเลวิญญาณ
จ้าวเฟิงปรับปรุงเขตเมืองแดนมายาให้สมบูรณ์พร้อมอยู่ภายในที่แห่งนี้ ซึ่งจัดว่าเป็นมิติที่ปิดผนึก
เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบวัน เขตเมืองแดนมายาของจ้าวเฟิงก็ยิ่งสมจริงและเป็นรูปร่างมากขึ้น อีกทั้งทิวทัศน์แวดล้อมภายในก็ละเอียดขึ้นไม่น้อย
วูบ!
จ้าวเฟิงนำเจ้าแมวขโมยตัวน้อยเข้าไปภายในเขตแดนเมืองมายา
เมืองมายาที่ปรากฏในครรลองสายตาปกคลุมไปด้วยหมอกควัน ระยะที่สายตามองเห็นไม่เกินสิบจั้งด้วยซ้ำ
ภายในเมืองวงกตมายา ทุกแห่งหนล้วนแต่เป็นกำแพงและตรอกซอกซอย ภูมิประเทศสลับซับซ้อน ข้างหูยังมีเสียงเพลงเก่าแก่ที่ไพเราะของเผ่าเงือกล่องลอยมาอีกด้วย
เมี้ยว เมี้ยว
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยแยกเขี้ยว เมื่อเดินเล่นไปมาในพื้นที่ในเขตแดนเมืองมายา ก็พบกับโรงเตี๊ยมที่มีคนแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าคนภายในโรงเตี๊ยมแห่งนั้นเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น
“ถ้าหากสามารถบรรลุถึงขอบเขตปราณเทวะที่สมบูรณ์ ก็มีหวังที่จะทำให้ทุกอย่างในนี้สมจริงมากยิ่งขึ้น”
จ้าวเฟิงอดพึมพำในใจไม่ได้
หากทำให้ของในเขตแดนมิติสมจริงมากยิ่งขึ้นได้ เช่นนั้นก็เท่ากับว่ามีความสามารถเบื้องต้นในการเปิดมิติแล้ว
มิน่าตวนมู่ชิงถึงเคยพูดไว้ว่า ความสามารถเหนือธรรมชาติเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงให้เจ้าแมวขโมยเข้ามาภายใน ด้วยต้องการให้มันช่วยหาช่องโหว่หรือไม่ก็จุดที่ยังขาดอยู่
อาณาเขตของเขตแดนมิติมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เป็นพื้นที่มิติที่ตนเองสร้างขึ้น ขณะที่กำลังเป็นรูปร่างในช่วงต้นย่อมต้องมีช่องโหว่บางส่วนอยู่บ้างเช่นกัน
ดีที่โครงสร้างของเขตแดนมิติในตอนนี้ยังพอจัดการได้อย่างง่ายดาย รอยโหว่มีไม่มาก มันยังไม่ใช่มิติที่แท้จริง ยังไม่กลายเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง และยังไม่มีระบบระเบียบใด
เมื่อใกล้จะเสร็จลุล่วงแล้ว ระบบของมิติยิ่งซับซ้อนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีช่องโหว่มากขึ้นตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่นซากปรักหักพังสือเฉิง
จ้าวเฟิงเชื่อว่าอุทยานครึ่งเซียนก็ต้องมีช่องโหว่ไม่มากก็น้อยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นกิเลนหยกสีม่วงในมือของเมิ่งซีผู้นั้นคงไม่อาจควบคุมสัตว์อสูรในขั้นราชันของอุทยานครึ่งเซียนได้ นั่นเป็นการโกงชัดๆ
“เขตแดนเมืองมายาของนายท่านไม่ด้อยไปกว่าเขตแดนของราชันทั่วไปเลย”
เด็กน้อยครึ่งเซียนก็เข้ามาสำรวจตรวจตรา จากนั้นจึงเสนอแนะแนวทางและความเห็นบางส่วนแก่จ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงจึงมอบทรัพยากรบางส่วนแก่เขาเป็นการตอบแทน
ขอแค่เด็กน้อยครึ่งเซียนเสนอแนะวิธีการที่สามารถเพิ่มพลังความสามารถให้กับจ้าวเฟิง ก็จะได้รับทรัพยากรดีๆ เป็นการตอบแทน จ้าวเฟิงทำเช่นนี้ก็เพื่อให้เด็กน้อยครึ่งเซียนกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น
ด้วยเพราะในสถานการณ์ปกติทั่วไป เขามักจะจำกัดทรัพยากรที่ให้กับเด็กน้อยครึ่งเซียน
หลังจากที่เขตแดนเมืองมายาสำเร็จลุล่วงแล้ว จ้าวเฟิงก็ไม่ได้พอใจแต่อย่างใด
“เขตแดนเมืองมายาเป็นเขตแดนในศาสตร์วิญญาณ เมื่อใดที่ข้าใช้อย่างไม่ระมัดระวังก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการโดนไล่ล่าจากคำสั่งล่าสังหาร”
จ้าวเฟิงรู้ดี เขตแดนเมืองมายาแห่งนี้จะให้ดีคือไม่ควรใช้ตามอำเภอใจ
จากนั้นเขาจึงเริ่มพิจารณาหาแนวทางของเขตแดนประเภทอื่น
แนวคิดของเขตแดนอีกสองประเภท แบ่งออกเป็นเขตแดนสายเลือดและเขตแดนวายุอัสนี
ถึงอย่างไรเขตแดนเมืองมายาก็เพิ่งจะสมบูรณ์แค่ในขั้นต้นเท่านั้น จ้าวเฟิงจะลองเนรมิตเขตแดนอื่นๆ ก็คงไม่เสียหายอะไร
“เขตแดนขนาดไหน” เมื่อเด็กน้อยครึ่งเซียนล่วงรู้ถึงความคิดของจ้าวเฟิง สีหน้าก็รื่นเริงยิ่งนัก
ช่าง ‘ได้คืบจะเอาศอก’ เสียจริง จ้าวเฟิงผู้นี้ไม่ได้เป็นราชันที่แท้จริง สร้างเขตแดนมิติได้แห่งหนึ่งก็นับว่าล้ำหน้าจนทำให้คนตกตะลึงอย่างยิ่งแล้ว คาดไม่ถึงว่าเขามีเขตแดนมิติแห่งหนึ่งแล้วยังไม่พอใจ ยังอยากจะสร้างแห่งที่สองเพิ่มอีก
“ตามหลักการแล้ว เขตแดนสองแห่งกับเขตแดนหลายแห่งสามารถดำรงอยู่พร้อมกันได้ แต่ว่ามีราชันและ จักรพรรดิน้อยนิดนักที่จะทำได้เช่นนี้” เด็กน้อยครึ่งเซียนส่ายศีรษะน้อยๆ
จะสร้างเขตแดนมิติแห่งหนึ่งต้องลงแรงและใช้เวลาจำนวนมากเพื่อแก้ไขให้สมบูรณ์แบบขึ้น
ราชันทั่วไปยังไม่มีเขตแดนมิติเลยด้วยซ้ำ จะสร้างเขตแดนมิติขึ้นมาสักแห่งก็ยากเต็มที ไหนเลยจะสามารถแบ่งใจไปสร้างอีกแห่งหนึ่งเพิ่มขึ้นอีก
การจดจ่อทุ่มเทพลังคือหนทางที่จะไปสู่ระดับสุดยอด
ผู้ที่มาถึงระดับราชันปราณเทวะล้วนเข้าใจในหลักการข้อนี้ จึงมักจะศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับเขตแดนแห่งหนึ่งให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ยกตัวอย่างเช่น สร้างเขตแดนมิติหลายแห่งอาจจะได้เปรียบในเรื่องจำนวน แต่ว่าอาจจะพ่ายแพ้ต่อเขตแดนมิติที่สูงส่งกว่านี้หรือไม่ก็โลกมิติส่วนตัวของจักรพรรดิ
ในด้านนี้เงื่อนไขด้านคุณภาพจะทำให้ได้เปรียบกว่าด้านจำนวน
“พูดได้ว่าข้าสามารถสร้าง ‘เขตแดนสองแห่ง’ ได้เช่นนั้นสิ”
ท่าทาง ‘หัวแข็งและโง่งม’ ของจ้าวเฟิงทำให้เด็กน้อยครึ่งเซียนกลอกตาขึ้นด้านบน ไม่มีแรงจะอธิบายอะไรอีก
ความจริงแล้ว จ้าวเฟิงจะไม่เข้าใจหลักการนี้ได้อย่างไร
แต่ว่าเขามีพรสวรรค์ในการสร้างเขตแดนมิติ ในยามนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรมากมายนัก มีเขตแดนมิติเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่งก็จะได้กำลังรบเพิ่มขึ้นอีกแรงหนึ่ง ทำไมจะไม่ยินดีเล่า
แล้วยิ่งไปกว่านั้น ‘เขตแดนเมืองมายา’ ของเขาก็ไม่สามารถใช้ได้ตามอำเภอใจ
“เขตแดนมิติแห่งที่สองให้เป็น ‘เขตแดนวายุอัสนี’ ก็แล้วกัน” จ้าวเฟิงตัดสินใจ
‘เขตแดนเมืองมายา’ สามารถส่งผลกระทบต่อสตินึกคิดของฝ่ายตรงข้าม เน้นการตัดทอนและจำกัดพลัง แต่ว่าไม่อาจเพิ่มพลังโจมตีของจ้าวเฟิง
ไม่เหมือนกับ ‘เขตแดนวายุอัสนี’ ที่สามารถเพิ่มกำลังรบของจ้าวเฟิงได้มากมาย
อีกทั้งจ้าวเฟิงยังมีความคิดหนึ่งที่กล้าหาญอย่างยิ่ง นั่นก็คือจะใช้ ‘พลังอัสนีเทวะ’ เป็นแก่นของเขตแดนวายุอัสนี
พลังอัสนีเทวะมีเสวียนอ้าวที่ไม่ดับสูญ เขตแดนมิติที่ใช้มันเป็นแก่นกลางย่อมต้องมีอานุภาพและความเสถียรอยู่เหนือเขตแดนมิติทั่วไปแน่นอน
หลายวันต่อมา จ้าวเฟิงเริ่มสร้างเขตแดนวายุอัสนีท่ามกลางสายตาแปลกประหลาดไร้ความรู้สึกของเด็กน้อยครึ่งเซียน
แต่ทว่าการสร้างเขตแดนวายุอัสนี ความยากและแรงต้านทานที่เกิดขึ้นมากกว่าเดิมเป็นอย่างยิ่ง
จ้าวเฟิงสามารถสร้างเขตเมืองแดนมายาอย่างรวดเร็วได้เพราะพรสวรรค์ดวงวิญญาณของเขา และรวมถึงมีโครงสร้างของเมืองวงกตมายามาก่อนนานแล้ว ทว่าเขตแดนวายุอัสนีไม่ใช่เขตแดนในศาสตร์วิญญาณ
สิ่งนี้ต้องการความเข้าใจที่จ้าวเฟิงมีต่อวายุอัสนีอย่างลึกซึ้ง แล้วยังต้องวางโครงสร้างเขตแดนใหม่ทั้งหมด
“ความยากน่าจะเป็นสิบเท่าเป็นอย่างน้อย” จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความยากลำบากอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ยอมแพ้แต่อย่างใด
พรสวรรค์ในแขนงวิญญาณของจ้าวเฟิง รวมไปถึง ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ช่วยให้การสร้างเขตแดนมิติง่ายดายยิ่งขึ้น
หลายวันต่อมา
ในทะเลวิญญาณของจ้าวเฟิงก็ปรากฏเค้าโครงที่เลือนรางของเขตแดนวายุอัสนี ซึ่งถือว่าห่างไกลจากระยะเริ่มต้นอย่างมาก
ในเวลาเดียวกัน เขากระตุ้น ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ เพื่อจะแบ่งห้วงความคิดไปทำอย่างอื่น
โลกทะเลวิญญาณกำลังดูดซึมพลังอัสนีเทวะอยู่ตลอดเวลา
เพียงแต่จ้าวเฟิงไม่อาจให้พลังดวงวิญญาณถูกใช้เป็นจำนวนมากจนเกินไป จึงต้องหยุดบ้างเป็นครั้งคราว
ในวันนี้ ห้วงความคิดกลุ่มหนึ่งของจ้าวเฟิงก็กำลังฝึกฝนพลังอัสนีเทวะที่แฝงอยู่ภายในทะเลวิญญาณ แล้วจึงเอาเสวียนอ้าวของภัยอัสนีที่เขาเข้าใจลึกซึ้งหลอมรวมเข้าไปภายในวายุอัสนีพิฆาตสีชาดต่อไป
ทันใดนั้นเอง เรือหุ่นเชิดศพก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คลื่นภายนอกสาดซัด เกิดพายุรุนแรงหมุนวนไปทั่ว
จ้าวเฟิงลืมตาขึ้น
“นายท่าน เรือของพวกเรากำลังร่วมมือกับทัพของ ‘ราชาเหมันต์จันทรา’ ต่อสู้กับราชาโจรสลัดคนอื่น” เจ้าหอโครงกระดูกเอ่ยรายงาน
บนทะเลหมอกความว่างเปล่า มีเรือโจรสลัดจำนวนเจ็ดแปดลำกำลังต่อสู้ปะทะกัน
ในฝั่งของจ้าวเฟิง ได้ชายหนุ่มเรือนผมทองผู้เป็นราชันในระดับลึกซึ้งเป็นคนนำทัพ
ชายหนุ่มผู้นี้นำทัพเรือโจรสลัดจำนวนสี่ลำ ซึ่งเรือของจ้าวเฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้น
ราชาเหมันต์จันทรารวมไปถึงเรือของนางไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้
เรือที่อยู่ตรงข้าม ตรงกลางเป็นเรือเหล็กกล้าลายพร้อยลำหนึ่ง ไอบ้าคลั่งรุนแรงกระจายออกไปหลายร้อยจั้ง
บนเรือเหล็กลำนั้น มีราชาโจรสลัดผู้หนึ่งซึ่งร่างปกคลุมด้วยเกราะเหล็กหนา ในแววตาฉายความอำมหิตเย็นชาออกมา
จ้าวเฟิงรู้สึกได้เลยว่า บนร่างของราชาโจรสลัดผู้นี้มีตราคำสั่งอยู่แผ่นหนึ่ง
คนผู้นี้คงจะเป็นหนึ่งในสิบแปดยอดราชาโจรสลัด
“อยากจะจัดการข้า? มีก็แต่ยอมให้ข้าชิดใกล้ ‘ราชาเหมันต์จันทรา’ เสียก่อนเท่านั้นแหละ” ราชาโจรสลัดเรือเหล็กเอ่ยเสียงต่ำ
“มีเเช่นนี้ที่ไหนกัน!”
“เจ้าบ้านี่ไม่รู้จักละอาย!”
ชายหนุ่มผมทองที่อยู่อีกฟากกับยอดฝีมือโจรสลัดตะเบ็งเสียงอย่างโกรธเกรี้ยว
ราชาเหมันต์จันทราเป็นดั่งเทพธิดาในสายตาของเหล่าโจรสลัด สเน่ห์และความงามของนางดึงดูดบรรดายอดฝีมือจำนวนมาก
“ราชากระดองเหล็ก! ดูแล้วเจ้าไม่ได้มีเจตนาจะเข้าร่วมทัพของพวกเรา” ชายผมทองสีหน้าเหี้ยมอำมหิต
ปฏิกิริยาของราชากระดองเหล็กแปลกไปจากเดิม
โจรสลัดสิบแปดยอดธรรมดาจะไม่กล้าทำผิดต่อราชาเหมันต์จันทราผู้เป็นหัวหน้าโจรสลัด
ชายหนุ่มเรือนผมสีทองสงสัยขึ้นมาว่า ราชากระดองเหล็กน่าจะเข้าร่วมกับทัพโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่อีกสองคนไปแล้ว
“ราชากระดองเหล็ก? เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
ราชากระดองเหล็กโมโหถึงขีดสุด เขาไม่พอใจใน ‘ฉายา’ นี้อย่างยิ่ง
เขาถนัดวิชาป้องกัน เครื่องป้องกันเหล็กคล้ายกระดองเต่าของเขาแข็งแกร่งจนยากจะต่อกรได้
นอกเหนือจากยอดโจรสลัดทั้งสาม การป้องกันของเขาในดินแดนโจรสลัดศักดิ์สิทธิ์แทบจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน
“โจมตี!” ชายหนุ่มผมทองผู้ซึ่งอยู่ในฐานะราชันระดับลึกซึ้งเอ่ยสั่งสั้นๆ แล้วจึงพุ่งทะยานไปยังเรือรบของราชากระดองเหล็กเป็นคนแรก
“กล้าเปิดศึกกับข้างั้นเรอะ ?”
ในแววตาของราชากระดองเหล็กฉายแววประหลาดพาดผ่าน
กองกำลังเหล็กกล้าของเขามีแรงปะทะน่ากลัว แรงป้องกันก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง โจรสลัดทั่วๆ ไปล้วนแต่ไม่กล้าจะประมือกับเขา
วูบ วูบ!
ราชันในระดับลึกซึ้งสองคนปะทะเข้าหากันกลางอากาศในขณะที่สั่นวูบวาบ เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้น
โครม โครม เปรี้ยง!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เรือเหล็กกล้าก็พุ่งทะยานมาอย่างโหดเหี้ยมและคุกคาม
“นายท่าน ท่าไม่ดีแล้ว!” เจ้าหอโครงกระดูกร้องเสียงหลง
ท่ามกลางพายุรุนแรง เรือหุ่นเชิดศพโคลงเคลงไปมาจนเกือบจะพลิกคว่ำ