Skip to content

King of Gods 702

King Of Gods

บทที่ 702 ปลิดชีพราชัน

“จ้าวเฟิง พวกเรารีบไปช่วยราชาเหมันต์จันทรากันเถอะ การต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ขอเจ้าจงตั้งใจรับมือให้ดี”

คำของบุรุษผมทองทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง เขาพยักหน้าเป็นการตอบรับ

การต่อสู้เมื่อครู่ เขาใช้ ‘ราชากระดองเหล็ก’ ลองวิชาก็เท่านั้น เช่นลองหาวิธีใช้เขตแดนมิติในการรบจริงๆ รวมไปถึงลองใช้เสวียนอ้าวอัสนีเทวะด้วย ส่วนการฆ่าเป็นเพียงเรื่องรองลงมา

ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว เมื่อครู่หากจ้าวเฟิงลงมืออย่างเต็มกำลังร่วมกับบุรุษผมทอง มีโอกาสถึงเจ็ดแปดส่วนเป็นอย่างน้อยที่จะสามารถสังหารราชากระดองเหล็กได้

“รีบไปช่วยเหลือราชาเหมันต์จันทรา” บุรุษผมทองกลายเป็นลำแสงสีทอง บินมุ่งไปยังเขตทะเลที่เกิดเรื่อง

แซ่ด!

ปีกวายุอัสนีด้านหลังจ้าวเฟิงโบกสะบัดด้วยความเร็วสูง สักพักจึงตามบุรุษผมทองทัน

“จ้าวเฟิง เจ้าเร็วกว่า รีบไปช่วยเหลือราชาเหมันต์จันทราก่อน”

บุรุษผมทองมีสีหน้าตระหนกกังวล

โดยทั่วไปเขามักจะวางตัวตามปกติกับราชาเหมันต์จันทรา คอยรักษาระยะห่าง แต่ในใจลึกๆ กลับหลงรักนางมานานแล้ว

เขารู้ว่ามรดกวายุอัสนีของจ้าวเฟิงรวดเร็วเหนือผู้ใดในชางไห่ พลังก็ไม่ด้อยกว่าไปกว่าตนเองเลย

“ตกลง” จ้าวเฟิงจ้องมองลึกลงไปแววตาบุรุษผมทอง ในใจบังเกิดความรู้สึกเคารพยำเกรง

ต่อให้เห็นแก่คำขอร้องที่หนักแน่นจริงจังของอีกฝ่าย เขาก็ไม่อาจทำให้บุรุษผมทองผิดหวังได้

ถึงแม้เขาเพิ่งเข้าร่วมกับราชาเหมันต์จันทราเพียงเวลาสั้นๆ แต่ก็จะทุ่มเทแรงกำลังทั้งหมดของตน

“ประกายปีกอัสนี!”

กลางอากาศ แสงปีกอัสนีเป็นดั่งประกายสายฟ้าบินผ่านทะเลหมอกแห่งความว่างเปล่า

ความเร็วของเขาแค่ครู่เดียวก็เร็วกว่าบุรุษผมทอง

ช่างรวดเร็วนัก

บุรุษผมทองตกตะลึง ความเร็วของอีกฝ่ายเหนือกว่าความเร็วของราชันในระดับลึกซึ้งของตนเสียอีก

“จ้าวเฟิง ไหว้วานเจ้าแล้ว…” บุรุษผมทองจ้องมองประกายปีกอัสนีที่ยิ่งบินยิ่งห่างไปไกล

หลายหมื่นลี้ห่างออกไป

บนทะเลหมอกแห่งความว่างเปล่า เรือขนาดใหญ่น้อยผสมปนเป เข่นฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยม

“ราชาเหมันต์จันทรา ดูสิว่าเจ้าจะยืนหยัดต่อไปได้อีกนานเท่าไหร่”

เสียงกระโชกโฮกฮากสะท้อนก้องในอากาศ อานุภาพราชันที่ยิ่งใหญ่ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง

ในอากาศเหนือทะเลหมอกความว่างเปล่า เงาร่างที่สมบูรณ์แบบของราชาเหมันต์จันทราขยับโบยบินอย่างว่องไวดาบและกระบี่ในมือสาดไอแหลมคมที่เย็นชาราวแสงจันทร์ออกมา กลายเป็นระลอกพายุกระบี่เย็นเยียบทิ่มแทงกระดูก

ระลอกคลื่นของกระบี่ครอบคลุมเป็นรัศมีกว่าสิบลี้ ตัดทุกสรรพสิ่งจนแหลกละเอียด และต้านทานแรงโจมตีจากทั่วทิศทาง

เห็นเพียงชายหนุ่มในชุดเกราะดำร่างกายสูงใหญ่ บนศีรษะมีเขาสีดำ ในมือถือง้าวด้ามยาว ฟาดฟันคมดาบที่สะเทือนทั่วทั้งภูเขาลำธารมาทีละสาย

ทุกครั้งที่ขยับง้าว อานุภาพของเขตแดนจะเผาไหม้เป็นเพลิงมืดมิดราวกับเกิดภัยพิบัติ

“ราชามังกรดำผู้ยิ่งใหญ่ใต้หล้า กวาดล้างทั้งสิบแปดยอด!”

โจรสลัดมากมายด้านล่างตะโกนเสียงดัง บรรยากาศช่างร้อนระอุ

ราชามังกรดำผู้นั้นสายเลือดกับร่างกายเหนือกว่าคนปกติ ในทุกครั้งที่ง้าวนั่นโบกสะบัดจะสามารถกดดันผู้อื่นได้

“ราชาเหมันต์จันทรา ยอมมาเป็นเมียรองของราชามังกรดำเสียเสียดีๆ เถอะ”

ชายแก่ในชุดผ้าป่านที่แสนอัปลักษณ์ โบกสะบัดแส้ทองเส้นยาวในมือ เกิดเงามังกรมากมายนับไม่ถ้วนพัวพันล้อมรอบทั่วร่างของราชาเหมันต์จันทรา

ผู้เฒ่าชุดผ้าป่านคนนี้เป็นราชันในระดับลึกซึ้งผู้หนึ่ง

ถึงแม้ว่ากำลังรบของเขายังห่างชั้นกับราชาเหมันต์จันทราและราชามังกรดำ

แต่ว่าแส้ยาวสีทองของเขาปราดเปรียวว่องไว ผ่านประสบการณ์การต่อสู้มานักต่อนัก ชำนาญเป็นอย่างยิ่งในด้านช่วยจับสังหาร

ราชาเหมันต์จันทราเป็นยอดฝีมือทางกระบี่และดาบที่ปราดเปรียวและรวดเร็ว ทว่าความเร็วของนางถูกผู้เฒ่าชุดผ้าป่านโจมตีตรึงเอาไว้ หนำซ้ำพลังเหนือธรรมดากับมรดกสายเลือดที่สูงส่งของราชามังกรดำ ทุกครั้งที่โจมตีล้วนแต่สามารถกำราบผู้คนได้

ภายใต้สถานการณ์ที่ผู้แข็งแกร่งทั้งสองคนปะทะกัน ราชาเหมันต์จันทราเสียเปรียบอย่างยิ่ง และยังสิ้นเปลืองพลังไปมากอีกด้วย

“เหอะ เหอะ ราชามังกรดำวางใจเถิด ราชาเหมันต์จันทราน่าจะทนได้ไม่นาน นางโดน ‘พิษกำยานเทพ’ ของข้า กลิ่นหอมดังกล่าวส่งผลโดยตรงกับชั้นดวงวิญญาณ ต่อให้เป็นราชันในระดับสุดยอด หากว่าไม่ได้ป้องกันก็จะโดนทำร้ายได้โดยง่าย”

ผู้เฒ่าชุดผ้าป่านยิ้มอย่างอัปลักษณ์ จ้องมองไปที่ราชาเหมันต์จันทรา เรือนร่างสูงอรชรสมบูรณ์แบบ ทำให้อดกลืนน้ำลายไม่ได้

“เกิดอะไรขึ้น ร่างกายของข้า…” บนหน้าผากขาวซีดของราชาเหมันต์จันทรามีเหงื่อผุดออกมา รู้สึกเพียงร่างกายอ่อนปวกเปียก ขยับเขยื้อนไม่ได้

“ต่ำทราม!” นางแค่นเสียงเย็นยะเยือก พยายามต้านทานฤทธิ์ของ ‘พิษกำยานเทพ’ แต่ยิ่งทำให้สิ้นเปลืองพลังไปมากขึ้นกว่าเดิม ประมือไปเพียงแค่หนึ่งช่วงเวลาต้มชาเท่านั้น ลมหายใจของนางก็ถี่กระชั้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านราชาเหมันต์จันทรา!”

ทะเลหมอกแห่งความว่างเปล่าด้านล่าง บุรุษวัยกลางคนที่มีหนวดผู้นั้นมีสีหน้าเป็นห่วงอย่างอดรนทนไม่ไหว

“เหอะ เหอะ…ศัตรูของเจ้าก็คือข้า”

โฉมสะคราญเรือนร่างอรชรในชุดสีม่วงวับๆ แวมๆ พลังฝึกตนอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดช่วงกลาง เค้าโครงของเขตแดนมิติปรากฏขึ้นรางๆ รอบกาย

บุรุษไว้หนวดวัยกลางคนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เขารับมือกับโฉมสะคราญในชุดม่วงเปลืองแรงไปมาก ตกอยู่ในสถานการณ์โดนจู่โจม จะให้ไปช่วยเหลือราชาเหมันต์จันทราได้อย่างไร

“เจ้าหนวด ข้าแนะนำให้เจ้ายอมแพ้เสียเถอะ ราชาเหมันต์จันทราโดน ‘พิษกำยานเทพ’ ใช้เวลาอย่างมากเพียงแค่ช่วงต้มชาก็น่าจะโดนราชามังกรดำจับอยู่ดี”

“เหอะ เหอะ…ความงามของราชาเหมันต์จันทรา บรรดาราชาโจรสลัดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มองกันตาเป็นมันมานานแล้ว” หญิงสาวในชุดม่วงเอ่ยไปพลาง ต่อสู้ไปพลาง ด้วยหมายกดดันจิตใจอีกฝ่าย

ในดวงตาของบุรุษไว้หนวดมีไฟลุกโชน ขบฟันแน่น

“รอกำลังเสริมมาก่อน ถึงแม้ว่าจะพ่ายแพ้ แต่ก็ยังคงมีความหวังจะรอดไปได้” บุรุษหนวดวัยกลางคนขบคิดในใจ

“กำลังเสริม?” โฉมสะคราญชุดม่วงเหมือนจะล่วงรู้ความคิดของเขา หัวเราะเย้ยหยันพลางเอ่ย “ฝั่งของราชากระดองเหล็กนั่นก็ใช่ว่าจะรับมือได้ง่ายๆ ต่อให้กำลังเสริมของพวกเจ้ารีบมาก็ยังช้าไปอยู่ดี”

ราชากระดองเหล็ก!

บุรุษหนวดวัยกลางคนสีหน้าเปลี่ยน คิดไม่ถึงว่าราชากระดองเหล็กก็เข้าร่วมกับกลุ่มราชามังกรดำแล้ว

การต่อสู้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ฝั่งของราชาเหมันต์จันทรากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ยังไม่ต้องพูดถึงกำลังรบขั้นสูงของราชัน แค่กำลังรบของตัวเรือด้านล่างก็ไม่เท่ากองทัพของราชามังกรดำแล้ว

การโจมตีของราชามังกรดำในครั้งนี้เรียกได้ว่าวางแผนเตรียมไว้นานแล้ว จึงเคลื่อนกำลังทหารมาขนานใหญ่

“ตุบ ตุบ ผ่าง…”

ราชาเหมันต์จันทราร่ายรำกระบี่ เรือนร่างแบบบางโบยบินไปมาในทะเลหมอกความว่างเปล่า

แต่ร่างของนางก็ถูกผู้เฒ่าอัปลักษณ์ในชุดผ้าป่านยับยั้งเอาไว้

ในทุกๆ การโจมตีของราชามังกรดำล้วนใช้พลังในการกดดัน กระเทือนจนแขนทั้งสองข้างของนางเกิดอาการชา

ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ ฤทธิ์ของ ‘พิษกำยานเทพ’ ทำลายกำลังรบของนาง ทำให้สิ้นเปลืองพลังเพิ่มขึ้น ความรวดเร็วปราดเปรียวก็ไม่เท่ากับตอนสภาวะสมบูรณ์

ถ้าหากว่าไม่เป็นเช่นนั้น ต่อให้นางไม่อาจต้านทานได้ก็ยังพอมีโอกาสให้ถอยหลัง

ความหวังเดียวในการหนีเอาชีวิตรอดมีเพียงรอกำลังเสริมเท่านั้น

ผ่านไปครึ่งช่วงเวลาต้มชา ราชาเหมันต์จันทราหอบหายใจถี่ เหงื่อไหลพลั่ก มือเท้าทั้งสี่เกิดอาการชา

ส่วนขาของนางถูกบาดเป็นรอยเลือดยาว เผยให้เห็นเรียวขาขาวราวหิมะที่น่าเย้ายวน

“ต้องจับเป็นแม่นางคนนี้ให้ได้” แววตากระเหี้ยนกระหือรือของราชามังกรดำปิดบังไม่มิด

การพ่ายแพ้และโดนจับของราชาเหมันต์จันทราขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

แซ่ด พรึ่บ!

ทะเลหมอกที่อยู่ไกลออกไป ฉับพลันมีเศษเสี้ยวประกายอัสนีเส้นสายหนึ่งพาดผ่าน

“นั่นมัน…” ราชันจำนวนหนึ่งที่กำลังต่อสู้ล้วนแต่สัมผัสได้อย่างพร้อมเพรียง

ในครรลองสายตาปรากฏแสงปีกวายุอัสนีคู่หนึ่ง มุ่งตรงเข้าสู่สนามรบด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง

“กำลังเสริมมาแล้ว!” ชายวัยกลางคนหนวดเคราครึ้มเอ่ยเสียงต่ำ

ผู้มาเยือนก็คือจ้าวเฟิง

แต่ว่านอกเหนือจากความตกตะลึงแล้ว บุรุษผู้มีหนวดก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่บางส่วน

ด้วยจ้าวเฟิงเองก็ไม่ใช่ราชันในระดับลึกซึ้ง ต่อให้เข้าร่วมก็ทำได้เพียงกู้สถานการณ์ที่เลวร้าย แต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ใดได้

“ถึงจะรวดเร็ว แต่ก็น่าเสียดายที่ยังไม่ถึงขั้นราชันเลย”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…มีคนรนหาที่ตายอีกแล้ว”

เหล่าโจรสลัดของราชามังกรดำชะงักเล็กน้อย ก่อนเผยสีหน้าโหดเหี้ยม แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

ประกายปีกอัสนี!

จ้าวเฟิงกลายเป็นวายุอัสนีสว่างวาบเส้นสายหนึ่งตรงเข้าไปในสนามรบ สายตากวาดผ่านไปทั่ว เขาไม่ได้รีบเข้าไปช่วยราชาเหมันต์จันทราในทันที

แซ่ด วูบ!

แสงปีกอัสนีเป็นดั่งสายฟ้าพุ่งทะลวงไปหาโฉมสะคราญชุดม่วง

ชายฉกรรจ์มีหนวดดวงตาเป็นประกาย ถ้าหากแก้ปัญหาสตรีชุดม่วงนั่นได้อย่างรวดเร็ว กำลังรบของระดับราชันทั้งสองคนร่วมมือกันช่วยเหลือราชาเหมันต์จันทราก็ยังพอมีหวัง

“เหอะ!” สตรีชุดม่วงหัวเราะเสียงเย็น นางจะยอมให้อีกฝ่ายสมใจได้อย่างไร เค้าโครงเขตแดนรอบกายนางผุดระลอกพลังสีม่วง

นางพอจะได้ยินเรื่องของจ้าวเฟิงผู้เป็นราชันคนใหม่มาบ้างแล้ว สามารถสังหารราชาอสรพิษดำได้ ถึงแม้จะเป็นเพราะโชคช่วย ทว่าอย่างน้อยๆ ก็พอมีส่วนอยู่

ขณะเดียวกัน ราชามังกรดำและผู้เฒ่าชุดผ้าป่านที่อยู่กลางอากาศล้วนเพิ่มความเร็วในการต่อสู้

“ตายเสียเถอะ!”

จ้าวเฟิงเร็วกว่าที่จินตนาการเอาไว้ ตรงดิ่งมายังเบื้องหน้าของสตรีชุดม่วง ปรากฏคมมีดพิฆาตสีชาดขนาดใหญ่ในมือ กลิ่นอายพลังของวายุอัสนีเกาะกลุ่มรวมกันจนถึงระดับสุดยอด

สตรีชุดม่วงยิ้มเยาะ เค้าร่างเขตแดนของนางได้เตรียมพร้อมไว้รอแล้ว อยากจะรีบจัดการนางงั้นหรือ? ไม่มีทางเสียหรอก!

แต่ในวินาทีต่อมา โฉมสะคราญชุดม่วงใจสั่นสะท้านจนร้องอุทานออกมา

เขตแดนเมืองมายา!

เงาเมืองวงกตมายาที่มีหมอกหนาปกคลุมจนเลือนราง ผสานเข้ากับฟ้าดินที่ว่างเปล่า

สตรีชุดม่วงว้าวุ่นใจนัก ประสาทสัมผัสได้รับผลกระทบอย่างหนัก มองเห็นร่องรอยการโจมตีของจ้าวเฟิงไม่ชัดเจน ช่องโหว่ปรากฏให้เห็นในความหวาดหวั่นวุ่นวาย

ฟุ่บ!

คมดาบพิฆาตสีชาดขนาดใหญ่ทะลวงผ่านเข้าไปในช่องโหว่เขตแดนของนาง

ไม่มีใครสังเกตเห็น บนคมดาบพิฆาตนั่นมีกลิ่นอายอัสนีเทวะที่ไม่สูญสลาย และอยู่เหนือกว่าพลังในฟ้าดินลอยขึ้นมา

“อ๊าก…”

โฉมสะคราญชุดม่วงกรีดร้อง ถูกคมดาบพิฆาตสีชาดฟันขาดเป็นสองส่วน อีกทั้งยังกลายเป็นเถ้าถ่านท่ามกลางวายุอัสนีที่ระเบิดเผาผลาญรุนแรง

คมดาบพิฆาตสีชาดพลังอัดแน่นรวมกันมากอยู่แล้ว ซ้ำยังหลอมรวมเสวียนอ้าวของอัสนีเทวะเข้าไปอีกด้วย

ขนาดดวงวิญญาณของโฉมสะคราญชุดม่วงยังถูกเผาไหม้ทำลายจนสูญสลายกระจัดกระจายไป

“อะไรกัน!” บุรุษหนวดครึ้มเบิกตากว้าง จ้องมองการดับสูญของหญิงชุดม่วง

เพียงกระบวนท่าเดียวก็ปลิดชีพราชันผู้หนึ่งจนพินาศไป

คนทั้งสองฝ่ายหน้าเปลี่ยนสีอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ทำไมถึง…” ราชามังกรดำและผู้เฒ่าชุดผ้าป่านก็ตกใจเช่นกัน

แซ่ด ฟุ่บ!

ลำแสงปีกอัสนีที่เหมือนประกายสายฟ้าพุ่งผ่านอากาศเหนือทะเลหมอกความว่างเปล่า

รวดเร็วเหลือเกิน!

ร่องรอยของจ้าวเฟิงที่อยู่ใกล้เคียงบุรุษหนวดครึ้มหายไปแล้ว

ในวินาทีที่สังหารสตรีชุดม่วง จ้าวเฟิงไม่รีรอ หมุนตัวไปหาราชันทั้งสองที่อยู่เหนืออากาศขึ้นไป

อัสนีสังหาร!

“ระวัง!” ราชามังกรดำเอ่ยเสียงต่ำ

ลำแสงปีกอัสนีตรงดิ่งไปยังผู้เฒ่าชุดผ้าป่านที่พัวพันอยู่กับราชาเหมันต์จันทรา

ผู้เฒ่าชุดผ้าป่านใจเย็นวาบ เพิ่งจะเตรียมตัวพร้อมก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่กระจายไปทั่วร่าง

“ปีกอัสนีโบยบิน!”

ลำแสงปีกอัสนีผุดเส้นสายฟ้าแหลมคม ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า ก่อนฟาดลงไปบนร่างของผู้เฒ่าชุดผ้าป่าน

เร็วเกินไปแล้ว!

ในขณะที่ผู้เฒ่าชุดผ้าป่านโต้กลับมา ร่างกายก็ถูกปีกอัสนีพิฆาตตัดออกเป็นสองส่วน

จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้เพียงวิชาปีกอัสนีโบยบิน แต่ยังใช้เคล็ดวิชาปีกอัสนีอย่าง ‘คมปีกวายุอัสนี’ ด้วย

เขาใช้ปีกวายุอัสนีเป็นกระบวนท่าโจมตี ความเร็วมากยิ่งกว่า อานุภาพรุนแรงยิ่งกว่า

อีกทั้ง ‘คมปีกวายุอัสนี’ ที่ว่านี้ จ้าวเฟิงก็หลอมรวมเสวียนอ้าวอัสนีเทวะเข้าไปเพื่อสังหารดวงวิญญาณ

“อ๊าก!”

ผู้เฒ่าชุดผ้าป่านส่งเสียงโหยหวน ร่างกายถูกแผดเผา วิญญาณดั้งเดิมที่ได้รับบาดเจ็บกลายเป็นลำแสงร่างคนสีทองเลือนราง และใช้พลังราชันหลบหนีออกไป

แต่ทว่า

เขาหนีออกไปยังไม่ถึงหลายสิบลี้ ก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่ทิ่มแทงเข้ามา กลิ่นอายแหลมคมที่แข็งแกร่งยึดตัวเอาไว้

“ธนูเหนือนภา!”

ธนูโบราณสีเงินในมือจ้าวเฟิง ปรากฏแสงลูกศรสีทองสว่างขึ้นมา เสียง ‘ฟิ้ว’ ดังขึ้น มันพุ่งผ่านไปในทะเลหมอกความว่างเปล่าทันใด

ฟุ่บ โครม!

ลำแสงลูกศรสีทองเผยตัวขึ้นในฉับพลัน และทะลวงผ่านวิญญาณดั้งเดิมของผู้เฒ่าชุดผ้าป่านไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!