บทที่ 705 กำลังของจักรพรรดิ
“ฟากของพันธมิตรโจรสลัด ความเป็นไปได้ที่จะชนะมีเพียงสามสิบส่วนเท่านั้น ข้าแนะนำให้นายท่านถอยออกจากวังวนนี้เสีย”
เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
ด้วยความสามารถด้านความเร็วของจ้าวเฟิง จะหนีเอาชีวิตรอดออกจากการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้ยากเลยแม้แต่น้อย
จ้าวเฟิงคิดวนเวียนไปมา ส่ายศีรษะแล้วเอ่ย “นี่เป็นโอกาสดีเยี่ยมครั้งหนึ่งที่จะทำความเข้าใจในพลังของจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะ”
มาจนถึงตอนนี้ จ้าวเฟิงยังไม่เคยประมือกับจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะอย่างจริงๆ จังๆ สักครั้ง
จักรพรรดิมู่อวิ๋นผู้นี้มิใช่จักรพรรดิชั้นยอด ถ้าหากในศึกที่มีพวกพ้องยังไม่มีความกล้ามากพอจะต่อสู้ด้วย ก็ไม่ต้องพูดถึงการเผชิญหน้ากับจักรพรรดิแห่งความตายเลย
ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเฟิงเข้าร่วมกับกองทัพของราชาเหมันต์จันทรา ก็ควรที่จะทุ่มเทกำลังกายกำลังใจรักษาสัญญาของตนให้ดี
โครม!
ทันใดนั้นเอง
ทะเลวิญญาณสีม่วงของจ้าวเฟิงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เมื่อถูกพลังที่แกร่งกล้าราวกับฟ้าและดินตรึงไว้ ทั้งยังต้องแบกรับการโจมตีที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นขั้นต่ำกว่าราชันลงไป เกรงว่าดวงวิญญาณคงแตกกระสานซ่านเซ็น และหากเปลี่ยนเป็นราชันธรรมดา สภาพจิตใจย่อมต้องบาดเจ็บสาหัสเป็นอย่างน้อย
“จักรพรรดิมู่อวิ๋น!”
จิตใจของจ้าวเฟิงเย็นชืด จ้องมองไปยังจักรพรรดิมู่อวิ๋นที่อยู่ในใจกลางแสงเมฆสีแดงหม่น
การโจมตีและตรึงเป้าหมายเมื่อครู่มาจากพลังของจักรพรรดิมู่อวิ๋น
ที่แท้จักรพรรดิมู่อวิ๋น ‘จับจ้อง’ จ้าวเฟิงไว้เสียแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ราชาเหมันต์จันทราและราชาฉลามยักษ์ร่างกายสั่นสะท้านกันทั่วหน้า
ยามนั้น พลังของจักรพรรดิมู่อวิ๋นเล็งเป้าหมายไปที่คนสามคนในเวลาเดียวกัน แล้วยังคุกคามโจมตีดวงวิญญาณด้วย
“นายท่าน! จักรพรรดิมู่อวิ๋นผู้นี้ทิ้งร่องรอยประทับไว้บนร่างของพวกท่านทั้งสามด้วย”
เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยเตือน
จ้าวเฟิงพบว่า ‘ราชามังกรดำ’ ที่อยู่อีกฟากมีรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมและเคียดแค้น
เห็นได้ชัดเจนว่าจ้าวเฟิงกลายเป็นหนึ่งในรายชื่อคนที่ราชามังกรดำต้องการจะสังหาร ดังนั้นจึงทิ้งร่องรอยไว้บนร่างของเขา เพราะว่าเขาสังหารบิดาบุญธรรมของราชามังกรดำไป
ส่วนราชาฉลามยักษ์และราชาเหมันต์จันทราคือศัตรูตัวฉกาจที่ขวางทางการขึ้นเป็นจักรพรรดิโจรสลัดของเขา ถ้าหากลงมือสังหารไปได้ก็จะไม่มีใครสามารถสะเทือนตำแหน่งของราชามังกรดำ
“เอ๊ะ!” จักรพรรดิมู่อวิ๋นร้องออกมาเบาๆ ด้วยความแปลกใจ สายตากวาดมองผ่านจ้าวเฟิง
พลังจักรพรรดิของเขาที่โจมตีเข้าไปเมื่อครู่ กลับไม่อาจทำให้เจ้าเด็กนั่นอกสั่นขวัญหายได้
เขายิ่งรู้สึกว่ากลิ่นอายดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเป็นหนึ่งราวกับภูเขาสายฟ้า ยากที่จะทำให้กระเทือนได้
แต่ทว่า จักรพรรดิมู่อวิ๋นไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก ผืนพสุธาแห่งนี้มีบรรดาผู้มีพรสวรรค์แปลกประหลาดมากมาย มีส่วนหนึ่งที่คุณสมบัติดวงวิญญาณแกร่งกล้า หรือไม่ก็พลังมั่นคงเกินจะเปรียบ จึงยากจะทำให้สั่นสะเทือนได้
กระทั่งในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ มีเผ่าพันธุ์น่าสะพรึงประเภทหนึ่งที่กลืนกินดวงวิญญาณลงไปโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง
“ทุกคนระวังหน่อย ราชันขั้นต่ำกว่าระดับลึกซึ้งอยู่ให้ห่างจากจักรพรรดิมู่อวิ๋นเข้าไว้ ”
“ข้ากับราชาเหมันต์จันทรา และราชันในระดับลึกซึ้งทั้งสี่ จะจัดการตรึงกำลังจักรพรรดิมู่อวิ๋นไว้ก่อน…”
ราชาเหมันต์จันทราและราชาฉลามยักษ์เอ่ยผ่านห้วงคิดเซียน
แต่ว่าตอนนี้จักรพรรดิมู่อวิ๋นลงมือเสียแล้ว
วิ้ง โครม!
แสงเมฆสีแดงหม่นหมุนวนรอบๆ บริเวณประหนึ่งมีชีวิต บดบังดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ครอบคลุมรัศมีป็นร้อยลี้
ความว่างเปล่าในฟ้าและดินถูกจักรพรรดิมู่อวิ๋นควบคุมจนถึงขีดสุด พลังในฟ้าดินที่ไร้รูปร่างกดข่มพันธมิตรโจรสลัดและราชาโจรสลัดจำนวนมากเอาไว้
“ตายเสีย!”
จักรพรรดิมู่อวิ๋นโบกมือเบาๆ กลางอากาศก่อตัวเป็นมือขนาดใหญ่ซึ่งมีเส้นสายเมฆสีแดงหม่นพวยพุ่ง ก่อนจะดิ่งลงมาจากฟ้า
แสงเมฆสีแดงล้อมรอบมือนั้น ล่องลอยคล้ายกับหมอกควัน ราวกับเป็นตัวแทนของพลังของฟ้าดินและผืนพสุธา
“แย่แล้ว!”
ราชาเหมันต์จันทราและราชาฉลามยักษ์รู้สึกหนักหน่วงที่ใจ สูดหายใจเข้าลึก แล้วจึงบินหลบหลีกไป
เพราะว่ามือยักษ์เจาะจงโจมตีราชันในระดับสุดยอดสองคนโดยเฉพาะ
เพียงแค่สามารถสังหารราชันในระดับสุดยอดทั้งสองคน พันธมิตรโจรสลัดก็จะพินาศย่อยยับ
“เงาฉลามยักษ์!”
ราชาฉลามยักษ์ร้องดังกึกก้องแล้วเปิดผนึกสายเลือด ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยเงาของฉลามใหญ่ยักษ์จากบรรพกาล
ในขณะที่เขาโบกมือ ใบมีดบริเวณศีรษะของพลังเงาฉลามยักษ์บรรพกาล พุ่งทะลวงไปยังเมฆรูปมือสีแดงอย่างดุดัน
“เหมันต์จันทราไร้เทียมทาน!”
กระบี่และดาบของราชาเหมันต์จันทราเกี่ยวกระหวัด คมดาบไอกระบี่ที่ทะลวงขึ้นฟ้าเกี่ยวพันกันเป็นระลอกแสงจันทร์ที่บิดเบี้ยวสมจริง ไอเย็นยะเยือกทรงพลังบดขยี้แสงเมฆสีแดงหม่นรอบด้าน
แน่นอนว่าถึงแม้จะเป็นราชันในระดับสุดยอดทั้งสองคนก็ยังทำได้เพียงหลบหนี ฟากหนึ่งก็รวบรวมพลังเพื่อต้านทานมือยักษ์ แต่ไม่กล้าที่จะรับมืออย่างซึ่งๆ หน้า
โครม ฟุ่บ ตูม!
มือยักษ์สีแดงหม่นครอบคลุมรัศมีหลายร้อยจั้งแล้วจึงระเบิดออกมา
ร่างของราชันในระดับสุดยอดทั้งสองลอยกระเด็น
“อ๊าก อ๊าก…”
ในบริเวณใกล้เคียง ราชันธรรมดาสองคนไม่อาจหลบพ้น จึงโดนกดทับจนกลายเป็นกองเลือดสองกองในทันที
เพียงหนึ่งฝ่ามือก็สังหารราชันธรรมดาสองคนในพริบตา
แซ่ด!
ราชันส่วนหนึ่งในพันธมิตรโจรสลัดถอนหายใจเย็นเยือก
“ราชันที่ยังไม่ถึงระดับลึกซึ้ง เมื่ออยู่เบื้องหน้าของจักรพรรดิก็เป็นเพียงแค่มดปลวกเท่านั้น”
เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยพึมพำ
เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย
จ้าวเฟิงใจชาวาบ พลังของจักรพรรดิน่ากลัวเกินไปแล้ว
“รีบหลบไป!”
ราชันธรรมดาเหล่านั้นทิ้งระยะห่างอย่างรวดเร็ว
“ทุกคน รีบกระจายตัวออกไปเร็ว!”
ดาบและกระบี่ของราชาเหมันต์จันทราเปล่งแสงขึ้นอย่างพร้อมเพรียง คมดาบและแสงกระบี่ที่เย็นยะเยือกบิดเบี้ยวรวมกัน ก่อนพุ่งทะลวงไปยังจักรพรรดิมู่อวิ๋น
ในมือของราชาฉลามยักษ์ปรากฏขวานเล่มใหญ่ราวสองจั้ง ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษขนาดใหญ่ในชั้นพิภพ
ขวานยักษ์กวัดแกว่ง แฝงไปด้วยพลังในขอบเขตของราชันระดับสุดยอดและพลังเก่าแก่ของเงาฉลามยักษ์ ทำให้อากาศสั่นสะท้านน้อยๆ
โครม โครม บึ้ม!
การโจมตีของสองราชันในระดับสุดยอดตรงไปยังร่างของจักรพรรดิมู่อวิ๋น
จักรพรรดิมู่อวิ๋นหัวเราะเยาะแล้วกวาดมือข้างหนึ่ง แสงสีแดงหม่นที่แน่นขนัดในอากาศกลายเป็นหลุมขนาดมหึมา ดูดกลืนการโจมตีของราชันในระดับสุดยอดทั้งสองคนไป
ไม่เพียงเท่านั้น หลุมยักษ์ที่เกิดจากแสงสีแดงหม่นยังสอดประสานกันกับแสงเมฆทั่วบริเวณ จึงเกิดเป็นแรงดึงดูดมหาศาล
“ไม่ได้การ!”
หลังจากที่ราชาเหมันต์จันทราและราชาฉลามยักษ์โจมตีแล้ว ร่างกายก็โดนหลุมสีแดงมืดนั่นดึงเข้าไป
พรึ่บ ฟุ่บ!
แล้วในเวลานี้เอง แสงลูกธนูสีทองที่ซึ่งล้อมรอบด้วยวายุอัสนีสีชาดพุ่งทะลวงไปแทงที่ร่างของจักรพรรดิมู่อวิ๋นอย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิมู่อวิ๋นตกใจ แสงลูกธนูสีทองนั่นเหมือนตรึงเป้าหมายและแทงทะลุผ่านดวงวิญญาณของเขา
คนแข็งแกร่งเช่นเขายังไม่อาจหลบหนีได้
อีกทั้งแสงลูกธนูทองแฝงไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง ตรงดิ่งไปบีบเค้นดวงวิญญาณ
ลูกธนูนั้นทำให้เขาไม่กล้านึกดูแคลน
ในความเป็นจริงแล้ว นี่เป็นลูกศรที่สุดยอดที่สุดของธนูเหนือนภาตั้งแต่จ้าวเฟิงได้มันมาครอบครอง
เมื่อเปรียบกับเมื่อสิบวันที่ผ่านมา วายุอัสนีพิฆาตสีชาดในธนูดอกนี้มีเพลิงไฟที่แข็งกล้าเสวียนอ้าวอัสนีเทวะที่แฝงอยู่ก็มากกว่าคราวก่อนถึงครึ่งหนึ่ง
โครม พรึ่บ!
รอบกายของจักรพรรดิมู่อวิ๋นล้อมรอบไปด้วยเงามิติที่เป็นรูปธรรม พลังของธนูถูกดูดซึมไปอย่างรวดเร็ว หลังจากพุ่งเข้าใส่จักรพรรดิมู่อวิ๋นก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที
“โลกมิติส่วนตัวของจักรพรรดิคือเขตแดนมิติที่เป็นรูปธรรม” จ้าวเฟิงตกใจ
ธนูดอกนี้ถึงแม้ไม่อาจทำร้ายจักรพรรดิมู่อวิ๋น แต่ว่าก็พอจะคลี่คลายปัญหายุ่งยากของราชาทั้งสองได้
“ไปพร้อมกัน!”
ราชาเหมันต์จันทรา ราชาฉลามยักษ์ รวมไปถึงราชันในระดับลึกซึ้งทั้งสี่คน ทะลวงโจมตีเข้าไปยังจักรพรรดิมู่อวิ๋นในทันที
ราชันในระดับสุดยอดที่เก่งกล้าหลายคนลงมือโจมตีพร้อมกันเช่นนี้ จักรพรรดิมู่อวิ๋นเองจึงไม่อาจจะประมาทได้อีก
วูบ เปรี้ยง เปรี้ยง!
ราชาหยาดพิรุณและราชาผู้เก่งกล้าทั้งหกคนปะทะเข้ากับจักรพรรดิมู่อวิ๋น จนเกิดความรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย
ในขณะเดียวกัน
ราชาโจรสลัดคนอื่นๆ ที่นำโดยราชามังกรดำก็เริ่มรบราฆ่าฟันกับพันธมิตรโจรสลัด
“สังหาร!”
ราชามังกรดำจับง้าวกวาดทำลายไปทั่วทิศทาง ราชันธรรมดาไม่สามารถต้านทานได้เลย
จักรพรรดิมู่อวิ๋นผู้นั้น ควบคุมราชาเหมันต์จันทรา ราชาฉลามยักษ์ รวมไปถึงราชาที่เก่งกล้ารวมหกคนเพียงลำพัง
พลังมหาศาลของราชามังกรดำพลันทะลักออกมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“เจ้าหนุ่ม ตายเสียเถอะ!”
ราชามังกรดำเลียริมฝีปาก แววตาที่ทั้งเย็นชาและอำมหิตจับจ้องจ้าวเฟิง
เขาก้าวยาวๆ มาเพื่อสังหารจ้าวเฟิง
“ประกายปีกอัสนี!”
จ้าวเฟิงจึงใช้ปีกวายุอัสนีเพื่อจะทิ้งระยะห่างกับราชันมังกรดำ
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้เปิดเนตรเทพเจ้านั้น จ้าวเฟิงยากที่จะรับมือกับราชันในระดับสุดยอดซึ่งๆ หน้า
ทางฟากของราชามังกรดำยังมีราชันในระดับลึกซึ้งสี่คนและราชันธรรมดาผู้เก่งกล้าอีกสองคน
แต่ว่าทางฟากของพันธมิตรโจรสลัด นอกจากคนที่โดนตรึงกำลังไว้ ยังมีราชันอีกสิบยี่สิบคน หนึ่งในนั้นมีราชันในระดับลึกซึ้งสามคนด้วย
แต่เพียงแค่ราชามังกรดำเพียงคนเดียว อย่างน้อยก็สามารถควบคุมราชันในระดับลึกซึ้งได้สองถึงสามคนแล้ว
หากยึดตามข้อได้เปรียบด้านจำนวนคน ฟากของจ้าวเฟิงย่อมไม่เสียเปรียบ หรือกระทั่งว่ายังได้เปรียบเสียด้วยซ้ำไป
ทว่าฝั่งของจักรพรรดิมู่อวิ๋น กำลังของเขาเพียงคนเดียวสามารถกดดันพวกราชาเหมันต์จันทรา ราชาฉลามยักษ์ทั้งหกคนได้อย่างสบายๆ
ถึงขนาดที่ว่าจักรพรรดิมู่อวิ๋นยังมีเวลาว่าง ทันทีที่ลงมือก็สามารถสังหารราชาโจรสลัดของฟากพันธมิตรได้คนหนึ่งเป็นอย่างน้อย
ในทันทีที่ราชาเหมันต์จันทราและราชาฉลามยักษ์พ่ายแพ้ หรือต่อให้ผู้ที่พ่ายแพ้ไปจะเป็นราชันในระดับสุดยอดผู้หนึ่ง สถานการณ์การรบก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไป
“คุนอวิ๋นน้อย!”
จ้าวเฟิงหันไปเรียกเด็กน้อยครึ่งเซียนที่อยู่ข้างกายเบาๆ
“นายท่าน ท่านคิดจะ…” เด็กน้อยครึ่งเซียนเผยอาการตื่นเต้นที่หาได้ยากยิ่ง
พรึ่บ!
เด็กน้อยครึ่งเซียนถูกจ้าวเฟิงเก็บเข้าไป
เมี้ยว เมี้ยว!
ถัดจากนั้น แมวขโมยตัวน้อยสีเทาเงินที่ถือธงสีดำปรากฏขึ้นในสนามรบ
พู่ว พู่ว พรึ่บ!
ในเวลาสั้นๆ ค่ายกลหุ่นเชิดศพถูกเปิดออกและครอบคลุมรัศมีหลายลี้
ค่ายกลหุ่นเชิดศพดูดซึมเศษเสี้ยวจิตและวิญญาณของราชันส่วนหนึ่งในการต่อสู้ที่ผ่านมา ดังนั้นคำสาปอาฆาตและปราณศพที่แฝงอยู่จึงไปถึงขั้นที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยควบคุมค่ายกลหุ่นเชิดศพ แล้วจึงหดค่ายกลให้เหลืออาณาเขตเพียงหลายสิบจั้ง
หน้าที่ของมันก็คือดูดซึมจิตและวิญญาณของราชันที่สู้รบแล้วตาย
“ปีกอัสนีโบยบิน!”
ปีกวายุอัสนีด้านหลังของจ้าวเฟิงโบกสะบัดแล้วหายไปจากจุดเดิม
“อ๊าก!”
ในวินาทีต่อมา ราชันธรรมดาในฟากของศัตรูถูกจ้าวเฟิงสังหารในทันที
เมื่อรวมปีกอัสนีโบยบินกับคมปีกวายุอัสนี จ้าวเฟิงจะสามารถสังหารเป้าหมายได้อย่างราบรื่นรวดเร็ว
ในขณะที่ใช้วิชาปีกอัสนีโบยบินไปถึงเป้าหมาย คมปีกวายุอัสนีก็จะฟาดฟันคมดาบออกไป เป้าหมายไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ หรือต่อให้สามารถโต้ตอบได้ทันก็หลบไม่พ้นอยู่ดี
เพราะว่าในด้านความเร็วแล้ว นอกเหนือจากจักรพรรดิและราชันในระดับสุดยอดไม่กี่คน คนอื่นก็ตามจ้าวเฟิงไม่ทัน
“อ๊าก!”
ลำแสงปีกอัสนีสว่างวาบแล้วสังหารราชันธรรมดาอีกคนหนึ่ง
ครู่เดียว ฟากของราชามังกรดำก็เหลือระดับราชันเพียงสี่คน แล้วจึงตกเข้าสู่วงล้อมของราชาโจรสลัดฝั่งพันธมิตรจำนวนมาก
จักรพรรดิมู่อวิ๋นขมวดคิ้ว เขาไม่อาจปล่อยให้ราชามังกรดำตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงได้
“อ๊าก อ๊าก!”
จักรพรรดิมู่อวิ๋นตวัดฝ่ามือผ่านอากาศมา สังหารราชันธรรมดาไปสองคน แล้วยังสร้างอาการบาดเจ็บสาหัสให้กับราชันธรรมดาอีกผู้หนึ่ง
แน่นอนว่าจักรพรรดิมู่อวิ๋นย่อมอยากจะสังหารจ้าวเฟิง แต่วิชาปีกวายุอัสนีของจ้าวเฟิงสูงส่งล้ำเลิศอย่างยิ่ง มีความสามารถคล้ายกับว่าทำลายแกนกลางมิติไปได้
นึกถึงในยามก่อน จักรพรรดิวายุอัสนียังสามารถหนีเอาชีวิตรอดจากการตามล่าของเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
อากาศเหนือทะเลหมอกของกลุ่มดินแดนวั่นหยวน
เรือสำเภาสีทองลำยักษ์ที่เย็นยะเยือกทะลวงผ่านทะเลหมอกความว่างเปล่า สาดซัดกลิ่นอายมรณะน่าสะพรึงขวัญออกมา
ในทุกที่ที่เรือมรณะแล่นผ่าน สรรพชีวิตในทะเลจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ใกล้เคียงล้วนแต่แทบหยุดหายใจ
“ด้านหน้าก็คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอด”
ใบหน้าอบอุ่นสดใสของบุรุษหนุ่มมองไปด้านหน้า
“จากการวิเคราะห์ พื้นที่ในบริเวณนี้อาจจะเป็นทิศทางที่จ้าวเฟิงหนีไป”
เสียงสั่นพร่าที่แยกไม่ได้ว่าชายหรือหญิงดังมาจากราชาจิตวิญญาณมรณะผู้สวมหน้ากากสีขาวดำข้างกาย
บุรุษหนุ่มผู้สดใสเวินลั่วอันมองไปยัง ‘ราชาอินหยาง’ (หยินหยาง) ซึ่งเป็นผู้นำของสี่ราชาจิตวิญญาณมรณะด้วยสีหน้าเคารพนับถือ