Skip to content

King of Gods 71

King Of Gods

บทที่ 71 : ตีถึงในที่ซ่อน

“เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? นี่มันรังโจร วิ่ง!”

ฮวงชี่เกือบจะเสียสติไป ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง รู้สึกอยากจะสาปแช่งชั่วโคตรเง่าของจ้าวเฟิง

เจ้าโจรอำมหิตอันตรายพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มสาวเช่นพวกเขาจะเทียบได้ เพียงแค่ผู้ฝึกตนขั้นหกสามคนก็นับว่าเกินมือไปแล้ว ทั้งยังมีผู้ฝึกตนขั้นสี่ขั้นห้าอีกจำนวนมาก

“ศิษย์น้องเฟิง มันอันตรายเกินไป… เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่?”

จ้าวหยูเฟ่ยตะลึง จากการที่เผชิญหน้ากับเหล่าโจรมาหลายครั้ง พวกเขาเข้าใจถึงความร้ายกาจของวิธีการที่อีกฝ่ายใช้เป็นอย่างดี

“วิ่ง! ถอย! เรายังทำได้อยู่ในตอนนี้!” หัวใจของฮวงชี่รุ่มร้อนราวกับถูกสุ่มด้วยไฟ

หากพวกเขาถูกพบโดยพวกโจร พวกเขาคงได้รับชะตากรรมอันไม่อาจจินตนาการได้…

ใบหน้าของจ้าวหยูเฟ่ยขาวซีดอย่างหนักขณะที่คว้ามือของเด็กหนุ่มไว้อย่างไม่รู้ตัว

“เหตุใดเจ้าจึงพาเรามาที่นี่ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเต็มไปด้วยโจร?”

“เงียบหน่อย มีโจรทั้งหมด 11 คนที่นี่ ทว่าพวกมันไม่ได้อยู่ด้วยกันที่เดียว พวกท่านเพียงแค่ต้องทำตามแผนของข้าแล้วเราจะสามารถฆ่ามันได้ทั้งหมด…” น้ำเสียงของจ้าวเฟิงเยือกเย็นยิ่งนัก

“ข้าไม่ฟังเจ้าหรอก ข้าอยากจะหนี…” หัวใจของฮวงชี่เย็นเยียบด้วยความหวาดกลัว

ในตอนนั้น พวกเขาได้เห็นร่างที่ขยับไปรอบๆ ห้องไม้นั้นผ่านรอยแยกของหิน

“ลูกพี่ชี่! พี่น้องของเราที่ออกไปล่าสัตว์ยังไม่กลับมา” ผู้ฝึกตนขั้นหกที่โง่เง่าคนหนึ่งเอ่ย

“พวกเขาอาจจะไม่กลับมาแล้วหากพวกเขาไม่กลับมาในสองชั่วโมง…” ภายในห้องนั้นปรากฏเสียงลุ่มลึกของชายวัยกลางคนขึ้น

“เตรียมตัวให้พร้อม! ข้ากลัวว่าศัตรูอาจจะตามร่องรอยมาที่นี่” เสียงนั้นสามารถได้ยินแม้แต่ทั้งสามที่หลบอยู่หลังก้อนหิน

“ฮี่ฮี่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางหันหลังกลับแล้ว ดังนั้นแล้วพวกท่านต้องฟังแผนของข้า” จ้าวเฟิงแย้มยิ้มบาง

ฮวงชี่กัดฟันกรอด บัดนี้เขาเกลียดอีกฝ่ายเพราะว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นได้อยู่ในแผนของเด็กหนุ่มทั้งหมด

“ข้าจะฟังศิษย์น้องเฟิง” ความเชื่อมั่นในเสี้ยววินาทีนั้นปรากฏขึ้นในดวงตาของจ้าวหยูเฟ่ย

บัดซบ!

หัวใจของฮวงชี่ร่วงหล่นลงเมื่อจ้าวหยูเฟ่ยตกลง หากสตรีเช่นนางไม่แม้แต่จะหวาดกลัว แล้วเขาจะหวาดกลัวได้เช่นไร?

“พวกท่านทั้งสองไปจัดการผู้ฝึกตนขั้นสี่และขั้นห้าให้เร็วที่สุด แต่อย่าปะทะกับผู้ฝึกตนขั้นหก โดยเฉพาะหัวชายที่เป็นผู้ฝึกตนวัยกลางคนขั้นสุดยอดของขั้นเจ็ด…” จ้าวเฟิงอธิบายแผนแก่ทั้งสอง

“เช่นนั้นเจ้าจะทำอันใดระหว่างที่พวกเราออกไป?” ฮวงชี่เอ่ยถามอย่างสงสัย

“ข้าจะอยู่ด้านหลังพวกท่าน… คอยสนับสนุน!” จ้าวเฟิงแย้มยิ้ม

ฉิบหายไม่!

ฮวงชี่เกือบจะสบถดังลั่น ในขณะที่จ้าวหยูเฟ่ยกับเขากำลังฆ่าศัตรู ไอ้หมอนี่ หัวหน้ากลุ่มนี่ จะหลบอยู่หลังพวกเขา?

เขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ไม่มีทาง!

อันใดจะเกิดขึ้นหากจ้าวเฟิงหนีไปเพราะเห็นว่ามันยากเกินกว่าที่จะรับมือเล่า?

“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว” ทันทีที่สิ้นคำ ฮวงชี่ก็ถูกผลักออกไปพร้อมเสียง ‘พลั่ก’

อ๊าก!

ฮวงชี่ร้องลั่นเมื่อร่างของเขาถูกเห็น ในตอนนั้นเขาได้สาปแช่งไปยันบรรพบุรุษของจ้าเฟิง

“ฆ่า!”

เขาไม่มีที่ใดให้ไป ดังนั้นเขาจึงเริ่มโจมตีไปยังโจรที่อยู่ใกล้ๆ ห้องไม้

ผู้ใดอยู่ตรงนั้น!?

โจรที่อยู่ใกล้เคียงพบทั้งสองอย่างรวดเร็ว

“มาเร็ว! ศัตรูโจมตีแล้ว…”

เสียงต่อสู้ดังขึ้น

จ้าวหยูเฟ่ยและฮวงชี่โจมตีโจรผู้ฝึกตนขั้นสี่และขั้นห้า ตามแผนของจ้าวเฟิงนั้น พวกเขาต้องฆ่าให้หมดอย่างรวดเร็ว หากพวกเขาถูกรั้งโดยอีกฝ่าย พวกที่แข็งแกร่งกว่าย่อมมาถึงและพวกเขาย่อมถูกฆ่าอย่างแน่นอน

ภายใต้แรงกดดันนั้น พลังต่อสู้ของทั้งสองได้พุ่งสูงเกินกว่าที่พวกเขาเคยมี

อ๊ากกกก!

วินาทีที่ทั้งสองปะทะกับอีกฝ่ายผู้ฝึกตนขั้นสี่และขั้นห้าอย่างล่ะหนึ่งคนก็ถูกหั่น

ฟุ่บ!

ในเวลาเดียวกัน จ้าวเฟิงยืนเหนือก้อนหินใหญ่และปลดปล่อยลูกธนูออก

ตุบ!

ผู้ฝึกตนขั้นสุดยอดของขั้นห้าอีกคนร่วงลงบนพื้น สิ่งที่น่าตะลึงคือลูกธนูนั้นได้หยุดการโจมตีของอีกฝ่ายที่มุ่งไปยังด้านหลังของจ้าวหยูเฟ่ยอย่างสมบูรณ์

“เจ้าพวกเด็กเหลือขอ กล้าที่จะโจมตีพวกเรา! อย่าได้คิดว่าจะมีผู้ใดรอดไปจากวันนี้!?”

ชายวัยกลางคนร่างโตเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเดินออกจากห้องไม้และนำผู้ฝึกตนขั้นหกอีกสองคนมาพร้อมกัน

ฮวงชี่และจ้าวหยูเฟ่ยพลันรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากอีกฝ่าย กลิ่นอายของชายวัยกลางคนนั้นกระทั่งแข็งแกร่งกว่า เทียบเท่าได้กับห้าอันดับแรกของสิบองครักษ์ฟ้าหรือกระทั่งสามอันดับแรก

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ธนูสามดอกพุ่งฝ่าอากาศและมุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนขั้นหกทั้งสาม

เคร้ง!

ชายผู้เป็นหัวหน้าสามารถใช้ดาบของเขาในการป้องกันลูกธนูได้ ทว่าผู้ฝึกตนขั้นหกอีกสองคนข้างๆ เขานั้นบาดเจ็บเล็กน้อย

“ธนูบันไดสุวรรณนี่นับว่าไม่เลวโดยแท้ ข้าใช้กำลังเพียง 7-8ใน 10 และไม่แม้แต่จะใส่พลังภายในเข้าไป” บนใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มปรากฏรอยยิ้มบางเบา

ทุกครั้งที่เขาปล่อยลูกธนู ร่างของโจรจะล้มลงหนึ่งคน ในเวลาเดียวกันนั้น ทั้งจ้าวหยูเฟ่ยและฮวงชี่ก็ได้เข้าสู่การต่อสู้ที่ยากลำบาก แต่ด้วยการสนับสนุนของจ้าวเฟิงจากเบื้องหลัง พวกเขาจึงไม่ได้อยู่ในสภาวะเข้าตาจน

“ข้าจะปล่อยเด็กหนุ่มสาวสองคนนั่นแก่พวกเจ้า ข้าจะไปจัดการนักธนู…”หัวหน้าโจรวัยกลางคนเห็นว่าจ้าวเฟิงเป็นผู้ที่อันตรายที่สุดในทันที

จ้าวเฟิงปล่อยศรสามดอกออกไปยังผู้ฝึกตนขั้นหกทั้งสามอีกครั้งอย่างมั่นคง

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ผู้ฝึกตนขั้นหกทั้งสามป้องกันการโจมตีของเด็กหนุ่มอีกครั้ง ทว่ามันได้สร้างเวลาให้จ้าวหยูเฟ่ยและฮวงชี่ในการพักหายใจ

เมื่อชายวัยกลางคนไปถึงตัวของจ้าวเฟิง ก็เหลือโจรเพียงสี่ห้าคนเท่านั้น จ้าวหยูเฟ่ยและฮวงชี่อยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายถึงที่สุด

เชือดเกลียวคลื่น!

ดาบของหัวหน้ากลุ่มโจรนั้นราวกับทะเลเมื่อพลังลูกแล้วลูกเล่าได้ถูกใส่ลงไปในนั้น ความเชี่ยวชาญของเพลงดาบเขานั้นเกือบจะเข้าขั้นหลอมรวมและวิชานั้นก็เกือบจะเป็นระดับสุดยอดเช่นกัน

“เริ่ม!”

จ้าวเฟิงโบกธนูของเขาด้วยพลังจากวิชากำแพงเหล็กของเขา

เคร้ง!

แรงนั้นทำส่งให้ร่างของชายวัยกลางคนต้องถอยไปสองสามก้าว การวาดคันธนูธรรมดาๆ นั้นไม่เพียงแค่ได้รับพลังจากวิชากำแพงเหล็ก ทว่ายังมีกลิ่นอายที่ไม่อาจอธิบายได้ราวกับว่ามันหลอมรวมกับหนึ่งเดียวกับสิ่งรอบข้าง

“ฮิฮิ”

จ้าวเฟิงค่อยๆ แย้มยิ้ม จากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปบนอากาศและน้าวสายธนู

ฟุ่บ!

ศรดอกนั้นมุ่งตรงไปยังอกของโจรที่อยู่ใกล้ห้องไม้ ในเวลาเดียวกันศรดอกนั้นก็ได้คลี่คลายสถานการณ์เข้าตาจนของจ้าวหยูเฟ่ยและฮวงชี่ไปด้วย แม้ว่าจ้าวเฟิงจะฆ่าไปหนึ่ง แต่ทั้งสองก็ยังคงต้องเผชิญหน้ากับโจรสี่คนที่รวมกับผู้ฝึกตนขั้นหกเข้าไปด้วย

“อืม เกือบใช้ได้”

จ้าวเฟิงไม่คิดจะช่วยเหลือทั้งสองไปมากกว่านี้ และชายวัยกลางคนเบื้องหน้าเขาเองก็คงไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น

“ดรรชนีดารา!”

จ้าวเฟิงตวาดขณะที่เขาเก็บธนูของเขาและเข้าต่อสู้กับอีกฝ่ายในระยะประชิด

ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้นั้นเข้าสู่ขั้นสุดยอดของขั้นหก และมีกระบวนท่าลับนับไม่ถ้วน ผู้ฝึกตนขั้นหกทั่วไปอาจไม่แม้แต่จะสามารถรับมืออีกฝ่ายได้ครบกระบวนท่า

จ้าวเฟิงพบว่าเมื่อเขาใช้ดรรชนีดาราที่ขั้นสุดยอดของระดับสาม เขาก็ยังไม่อาจที่จะได้เปรียบ ทว่าข้อได้เปรียบของเขาก็ชัดเจนเช่นกัน วิชากำแพงเหล็กระดับห้าของเขานั้นมีความสามารถในการสะท้อนการโจมตีเล็กๆ ซึ่งช่วยทำให้เขารอดจากการโจมตีของศัตรูได้

แต่ชายวัยกลางคนไม่ได้วิ่งหนี! ด้วยประสบการณ์การต่อสู้ของเขานั้น เขารู้ว่าหากเขาหนี โอกาสรอดชีวิตจะต่ำกว่า

อย่างแรก จ้าวเฟิงนั้นเป็นนักธนูชั้นเซียน และการวิ่งหนีจากคนเช่นนี้นับว่าปัญญาอ่อน อย่างที่สองนั้นคือความเร็วของเด็กหนุ่มนั้นมากกว่าเขา

ชายวัยกลางคนตัดสินใจที่จะเข้าสู้ในระยะประชิดและหวังไว้กับลูกน้องให้จัดการเด็กเหลือขออีกสองคนโดยเร็วและมาช่วยเขา

ทั้งจ้าวหยูเฟ่ยและฮวงชี่ล้วนมีเวลาที่ยากลำบากในการเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นหกสองคน ผู้ฝึกตนขั้นสี่หนึ่งคน และผู้ฝึกตนขั้นห้าอีกหนึ่งคน ทว่าพวกเขาก็ยังเป็นอัจฉริยะ ภายใต้แรงกดดันนั้น พวกเขาได้เริ่มคุ้นชินกับมันและเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติของตน

อ๊ากกก!

ไม่ช้า ผู้ฝึกตนขั้นสี่ก็ถูกจัดการโดยจ้าวหยูเฟ่ยซึ่งทำให้พวกเขามีเวลาพักเล็กๆ เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้าเพียงผู้ฝึกตนขั้นห้าหนึ่งคน และผู้ฝึกตนขั้นหกสองคน ทว่าสีหน้าของพวกเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอีกครั้งเมื่อพวกเขามองไปทางด้านของจ้าวเฟิง

หากเป็นพวกเขาคนใดคนหนึ่งไม่ใช่จ้าวเฟิง พวกเขาอาจไม่แม้แต่จะรับมืออีกฝ่ายได้ถึงยี่สิบกระบวนท่า

ดรรชนีชี้ดารา!

กระบวนท่าของเด็กหนุ่มครานี้ได้เข้าสู่ชายขอบของระดับสี่

ฟุ่บ

รอยแผลบาดลึกปรากฏขึ้นบนร่างของโจรวัยกลางคน ทว่ามันกลับทำให้อีกฝ่ายบ้าคลั่งไป การโจมตีของชายร่างใหญ่พลันทรงพลังมากขึ้นเมื่อเขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเอง

ผู้เป็นหัวหน้าเอาชีวิตของตนเองเป็นเดิมพัน และเขากระทั่งยอมที่จะตายตกไปพร้อมกับอีกฝ่าย

จุดมุ่งหมายของเขาอาจทำให้คู่ต่อสู้จำนวนมากต้องหวาดระแวง ทว่าจ้าวเฟิงนั้นไม่นับเป็นธรรมดาได้ เขายังคงเยือกเย็นขณะที่เปิดดวงตาซ้ายออก

สิบกระบวนท่าต่อมา อาการบาดเจ็บบนร่างของชายวัยกลางคนเริ่มสาหัสยิ่งขึ้น ข้อผิดพลาดถูกพบโดยจ้าวเฟิงในที่สุด

ตุบ!

ร่างของหัวหน้ากลุ่มโจรล้มลงบนพื้นก่อนที่จะได้ดิ้นรน นิ้วได้เสียบแทงเข้าที่หัวใจของเขา

“เจ้าพวกนี้นับว่ายังมีดีอยู่บ้าง” จ้าวเฟิงพ่นลมหายใจออก

การต่อสู้ของจ้าวหยูเฟ่ยและฮวงชี่ก็เข้าสู่จุดจบเช่นกัน พวกเขารู้ว่าจ้าวเฟิงนั้นดูเหมือนจะไม่ยื่นมือเข้าช่วย ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ท่าไม้ตายออกและสามารถฆ่าโจรที่เหลือทั้งสามได้ในที่สุด

ฟุ่บ!

จ้าวเฟิงจัดการโจรที่พยายามจะวิ่งหนีไปด้วยธนูของเขา

ฟู่วว

ฮวงชี่และจ้าวหยูเฟ่ยทรุดลงบนพื้นอย่างเหนืออ่อน ทว่าความยินดีและความสุขสามารถมองเห็นได้ในดวงตาของทั้งสอง

รังโจรสิบเอ็ดคนถูกกวาดล้างแล้ว! มันเป็นภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในการทำให้สำเร็จ

ทั้งสองมองไปยังจ้าวเฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและหวาดกลัว เพราะว่าพวกเขารู้ว่านี่คือแผนการของเด็กหนุ่มและเขาได้รับหน้าที่ที่สำคัญที่สุดในการสนับสนุนพวกเขาทั้งสอง

ในเวลาเดียวกัน

เบื้องหลังหินห่างออกไปไม่กี่ร้อยหลา ร่างสีเงินที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสูดลมหายใจหนาวเหน็บ

“เจ้าเด็กสามคนนี่จัดการโจรทั้งรังลงได้! หกคนจากสิบเอ็ดคน รวมกับโจรขั้นสุดยอดของขั้นหกนั่นถูกฆ่าโดยเด็กหนุ่มที่ชื่อจ้าวเฟิง…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!