Skip to content

King of Gods 728

King Of Gods

บทที่ 728 วิกฤตด้านทรัพยากร

หลังจากนั้นพักหนึ่ง

จ้าวเฟิงเรียกคืนวิชาสืบวิญญาณของดวงตาซ้ายและทอดถอนใจ แววตาที่มองไปยังดินแดนเก่าแก่โบราณแห่งนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ในความทรงจำของนกอสูรโบราณมีความเข้าใจต่อห้วงฝันบรรพกาลไม่มากนัก

ในห้วงฝันบรรพกาลนี้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรในระดับต่ำที่สุด และเพิ่งมาถึงยังที่แห่งนี้ ในระดับต้นยังมีสติปัญญาอยู่ส่วนหนึ่ง

หนึ่งชีวิตของนกอสูรโบราณจะสามารถอยู่ได้แค่ในรัศมีหนึ่งพันลี้เท่านั้น

ในพื้นที่ไกลออกไปกว่านี้ ระดับขั้นจะสูงส่งกว่าและอันตรายเป็นอย่างยิ่ง กลิ่นอายที่แข็งแกร่งบางส่วนทำให้มันไม่กล้าเข้าใกล้

ในห้วงฝันบรรพกาลมีสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่แกร่งกล้าอย่างยิ่ง

ในเศษเสี้ยวความทรงจำของนกอสูร มันเคยเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์ที่รูปร่างคล้าย ‘มนุษย์’ อยู่สองสามครั้ง

กลิ่นอายของเผ่าพันธุ์พวกนั้นอยู่ห่างไกลออกไปมาก ทว่ายังกดดันนกอสูรโบราณจนไม่อาจจะหายใจได้

จากภาพในความทรงจำ จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเผ่าพันธุ์เหล่านั้น

“ห้วงฝันบรรพกาลแห่งนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ข้าจะต้องสำรวจอย่างระมัดระวัง ไม่อาจผลีผลามบุกทะลวงเข้าไป”

จ้าวเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก

ในเวลาเดียวกัน

เขาเกิดความสงสัยว่าเหตุใดตนเองจึงสามารถเข้ามาภายในมิติแห่งนี้ผ่านทางดวงตาข้างซ้ายได้

ห้วงฝันบรรพกาลกับดวงตาเทพเจ้า หรือว่าเจ้าของของมันจะเกี่ยวข้องอะไรกัน?

แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งในห้วงฝันบรรพกาลที่ไม่อาจจะเข้าใจได้เลยคือ จ้าวเฟิงที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงและในที่แห่งนี้เหมือนกันอย่างยิ่ง

เห็นได้ชัดเจนเลยว่า นี่ไม่ใช่เพียงแค่สตินึกคิดของจ้าวเฟิงเข้าไปภายในเท่านั้น

ในห้วงฝันบรรพกาล ร่างกายของจ้าวเฟิงมีเลือดเนื้ออยู่จริงๆ สามารถใช้อาวุธต่างๆ และแหวนเหล็กโบราณได้

เพียงแต่จ้าวเฟิงในตอนนี้ยังไม่เคยลองเอาสิ่งชีวิตอื่นๆ เข้ามาด้วย จะเป็นไปได้หรือไม่ก็คงต้องลองดู

ในขณะนี้ จ้าวเฟิงยังไม่อยากเปิดเผยความลับเรื่องห้วงฝันบรรพกาลออกไป

“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ เฝ้าไว้ให้ดีๆ…” ก่อนจะจากไป จ้าวเฟิงกำชับรายละเอียดบางอย่างเอาไว้

พรึ่บ!

จ้าวเฟิงในโลกแห่งความเป็นจริงถือผลไม้ไว้สองผล

เขากินผลไม้จิตวิญญาณผลที่สุกไปแล้วเก้าส่วนก่อนโดยไม่ลังเล

ผลไม้ของห้วงฝันบรรพกาลส่งผลดีกว่าผลไม้จิตวิญญาณชั้นยอดในโลกความจริงหลายเท่าตัว

เพียงแต่ว่าหลังจากมาถึงขอบเขตปราณเทวะแล้ว หากจะพัฒนาด้านการฝึกตนก็จำเป็นต้องสะสมสิ่งต่างๆ เป็นจำนวนมหาศาล

จ้าวเฟิงคาดคะเนแล้วว่า ตนเองกินผลไม้ทั้งหมดยี่สิบแปดผล อย่างมากก็ทำได้เพียงผลักดันให้พลังฝึกตนไปถึงยังขอบเขตปราณเทวะช่วงกลางเท่านั้น

นี่ยังเป็นเพียงผลลัพธ์ของการดูดซึมผลไม้ได้มากที่สุดตามที่คาดหวังไว้

ในห้องหัวหน้าเรือ

จ้าวเฟิงโคจรปราณที่แท้จริง ดูดซึมไอสวรรค์ในฟ้าดินที่เก่าแก่ดั้งเดิมภายในผลไม้ดังกล่าว

มิติของปราณที่แท้จริงในแก่นผลึกมีปราณที่แท้จริงสีชาดไหลบ่า หลังจากดูดซึมพลังของผลไม้จิตวิญญาณนั่นแล้ว จึงเดือดปุดๆ เหมือนมหาสมุทรสีชาดที่ถูกเผาไหม้

เมื่อแตะถึงขอบเขตปราณเทวะ ในสถานการณ์ปกติทั่วไปปราณที่แท้จริงแทบจะใช้ได้ไม่มีวันหมด

แต่ทว่า ในขณะที่ก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะ การขยายตัวของมิติปราณที่แท้จริงและการเปลี่ยนแปลงเพิ่มพูนของสำนึกรู้ในดวงวิญญาณ จะยังคงดำเนินไปอย่างช้าๆ

นี่เป็นหนทางที่ยาวไกลอย่างยิ่ง

ต่อให้จ้าวเฟิงสามารถเข้าไปภายในห้วงฝันบรรพกาลได้ ก็เป็นเพียงแค่การย่นระยะทางให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้

หนึ่งเดือนจากนั้น

จ้าวเฟิงดูดซึมผลไม้จิตวิญญาณสองผล พลังฝึกตนกับปราณที่แท้จริงขยายกว้างใหญ่และมั่นคงไปอีกขั้น แต่ว่ายังคงห่างไกลจากปราณเทวะช่วงกลางอย่างยิ่ง

แน่นอนว่าภายในโลกทะเลวิญญาณก็ยังคงดูดซึมพลังอัสนีเทวะ เป็นกิจวัตรที่ต้องทำในทุกวัน

‘พลังอัสนีเทวะ’ เสริมให้ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทุกวัน กระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยซ้ำไป และค่อยๆ เข้าใกล้ระดับจักรพรรดิปราณเทวะอย่างช้าๆ

นอกจากนี้ จ้าวฟิงก็ไม่เคยหยุดศึกษา ‘ปีกวายุอัสนี’ ให้ลึกซึ้งเพิ่มไปอีกขั้น

“ปีกอัสนีโบยบิน…ประกายปีกอัสนี…คมปีกวายุอัสนี…”

ห้วงความคิดหนึ่งของจ้าวเฟิงคอยศึกษาเคล็ดวิชาลับและกลยุทธ์ของปีกอัสนี

จากการแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิโจรสลัดและการต่อสู้กับราชาจิตวิญญาณมรณะ ทำให้จ้าวเฟิงได้ใช้เคล็ดวิชาปีกอัสนีในสถานการณ์จริง

เป้าหมายต่อไปของจ้าวเฟิงก็คือขอบเขตพลังสูงสุดของประกายปีกอัสนี…ปีกอัสนีผ่านฟ้า!

ถ้าพูดเรื่องคุณสมบัติแล้ว ปีกอัสนีผ่านฟ้าก็คือการรวมตัวกันของ ‘ประกายปีกอัสนี’ และ ‘วิชาปีกอัสนีโบยบิน’

โดยจะใช้เคล็ดวิชามิติของปีกอัสนีโบยบินภายใต้พื้นฐานความเร็วสูงสุดของเสวียนอ้าววายุอัสนี แล้วจึงสำแดงการข้ามผ่านฟากฟ้าอันน่าอัศจรรย์ออกมา

ในทันทีที่ลึกซึ้งใน ‘ปีกอัสนีผ่านฟ้า’ การข้ามผ่านระยะทางพันลี้หรือหมื่นลี้เพียงชั่วพริบตาเดียวก็จะไม่ใช่เพียงตำนานอีกต่อไป

แต่ทว่าจะฝึกฝนให้กลายเป็น ‘ปีกอัสนีผ่านฟ้า’ จำต้องเข้าใจการใช้ ‘วิชาปีกอัสนีโบยบิน’ และ ‘ประกายปีกอัสนี’ ให้คุ้นชินเสียก่อน ซึ่งจ้าวเฟิงกำลังพยายามเข้าใกล้เป้าหมายนี้

วันเวลาค่อยๆ หมุนเวียนเปลี่ยนไป

ภายในเรือหุ่นเชิดศพ จ้าวเฟิงฝึกฝนไปถึงขั้นใหม่ทั้งหมด เส้นทางหลังจากนั้นก็ไม่ได้เผชิญหน้ากับคำสั่งล่าสังหารอีก

นี่ก็อยู่ในการคาดการณ์ของจ้าวเฟิงเช่นกัน

อันดับแรก บรรดาบริวารของจักรพรรดิแห่งความตายแทบจะโดนจ้าวเฟิงสังหารไปจนหมดสิ้นแล้ว

อันดับสอง จ้าวเฟิงทำลายพลังเนตรมรณะไปจนถึงที่สุดแล้ว จึงยากที่จะสัมผัสได้

หลังจากเลื่อนขั้นขึ้นเป็นราชันแล้ว จ้าวเฟิงหลอมรวมกับพลังอัสนีเทวะมากยิ่งขึ้น ขอบเขตของ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’  ก็เข้าใกล้ระดับขั้น ‘หนึ่งห้วงคิดพันแปรผัน’ เช่นกัน

ตามหลักการแล้ว จ้าวเฟิงสามารถทำลายพลังเนตรมรณะได้ทั้งหมด

แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น

เขาจงใจเหลือเศษเสี้ยวของพลังเนตรมรณะที่ยากจะค้นเจอเอาไว้ แล้วปิดผนึกมันไว้ทั้งหมด

หากจักรพรรดิแห่งความตายไม่ได้อยู่ข้างกาย ก็คงยากจะสัมผัสได้

“จักรพรรดิแห่งความตาย การตามล่าของเจ้าทำให้ข้าต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาหลายปี ความแค้นนี้ข้าจะต้องเอาคืนยิ่งกว่านี้เป็นหลายเท่าตัว…”

จ้าวเฟิงคิดฝังใจ

โดนคนไล่ล่ามาหลายปี ต้องมีชีวิตอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย ไม่สงบสุขเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องโมโหเป็นฟืนเป็นไฟแน่นอน

ในเดือนที่เก้าหลังออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด

วิ้ง!

ภายในเรือหุ่นเชิดศพก็ปรากฏกลิ่นอายราชันคนใหม่ขึ้น

“ขอบเขตปราณเทวะ! ในที่สุดก็ทะลวงผ่านได้แล้ว…”

ทั่วร่างของเด็กน้อยครึ่งเซียนเปล่งแสงสีทองสว่างเรืองรอง ประหนึ่งรูปปั้นพระพุทธสีทองเจิดจ้า

เพียงแค่กลิ่นอายที่สายเลือดกายศักดิ์สิทธิ์สาดซัดออกมา ก็ทำให้เจ้าหอโครงกระดูกผู้อยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลายหายใจได้อย่างยากลำบาก

“กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทองของเด็กน้อยครึ่งเซียนเข้าระดับขั้นที่ห้าแล้ว”

จ้าวเฟิงที่กำลังปิดด่านฝึกตนตกใจตื่น

เขาเองก็มีมรดกวิชา ‘กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทอง’  หรือกระทั่ง ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ที่อยู่ในระดับขั้นที่สูงขึ้นไปอีก

ในทันทีที่ฝึกฝน ‘กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทอง’ ผ่านระดับขั้นที่ห้าแล้ว จะเรียกได้ว่าอยู่เหนือกว่าขอบเขตปราณเทวะ การจะใช้กายเนื้อต้านทานจักรพรรดิก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

เมื่อฝึกตนทะลวงผ่านขอบเขตปราณเทวะแล้ว…‘กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทอง’ ก็จะเข้าสู่ขั้นที่ห้าไปโดยปริยาย

จ้าวเฟิงไม่อาจคาดเดากำลังรบในตอนนี้ของเด็กน้อยครึ่งเซียนได้เลย

แต่มีจุดหนึ่งที่เขามั่นใจได้ก็คือ เด็กน้อยครึ่งเซียนอยู่เหนือคนต่ำกว่าระดับขั้นจักรพรรดิทั้งสิ้น ทว่าจะรับมือกับจักรพรรดิได้หรือไม่ก็ยังต้องรอดูสถานการณ์จริงก่อน

“นายท่าน พวกเราในตอนนี้ร่วมมือกัน ขอแค่ไม่ใช่จักรพรรดิชั้นยอดก็ไม่ต้องหวาดกลัวอะไร”

เสียงของเด็กน้อยครึ่งเซียนดังขึ้น

จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนทะลวงผ่านถึงขอบเขตปราณเทวะพร้อมกัน จึงไร้เทียมทานอยู่เหนือคนในระดับจักรพรรดิลงไป

ถ้าหากว่าคนทั้งสองร่วมมือกัน ย่อมไม่ต้องหวาดกลัวจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะทั่วๆ ไป

“อยากจะรับมือกับ ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ นี่ยังห่างไกลนัก”

จ้าวเฟิงสั่นศีรษะน้อยๆ ไม่ได้ทระนงตนแต่อย่างใด

จักรพรรดิปราณเทวะก็แบ่งเป็นลำดับต่างๆ เช่นกัน

จักรพรรดิธรรมดาและจักรพรรดิชั้นยอดมีพลังต่างกันอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น

ในบรรดาจักรพรรดิทั้งหลาย จักรพรรดิแห่งความตายผู้นั้นมีตัวตนอยู่อย่างไร้เทียมทาน กำลังรบเกรงว่าจะเข้าใกล้เซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ

“นายท่าน ในตอนนี้ข้าขาดแคลนทรัพยากรอย่างยิ่ง ถ้าหากมีทรัพยากรเพียงพอจะทำให้พลังของข้าฟื้นฟูเพิ่มขึ้นไปได้อีกขั้น…”

เด็กน้อยครึ่งเซียนร้องทุกข์

เขาเป็นครึ่งเซียนที่ใช้เลือดคืนชีวิต ขอเพียงแค่มีทรัพยากรที่เพียงพอ พลังก็จะ ‘ฟื้นฟู’ อย่างรวดเร็วได้โดยไม่ต้องฝึกตน!

จ้าวเฟิงไม่พูดอะไร

เขาไม่อยากให้ทรัพยากรจากห้วงฝันบรรพกาลแก่เด็กน้อยครึ่งเซียนต่อไปเรื่อยๆ

ทรัพยากรที่จะให้เด็กน้อยครึ่งเซียนต้องโดนจำกัด

ถ้าหากว่าไม่เพิ่มการควบคุมแล้ว ภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าอาจหนักหนากว่าของจักรพรรดิแห่งความตายก็เป็นได้

“ทรัพยากรในครอบครองของข้าก็ไม่พอเช่นกัน” จ้าวเฟิงเอ่ยพลางสั่นศีรษะ

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยยื่นศีรษะออกมา โบกกรงเล็บเหมือนจะฟ้องอะไรบางอย่าง

“นายท่าน ร้อยศพต้องสาปส่วนมากพัฒนาขึ้นเป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงสุดยอด แต่หากจะเพิ่มระดับขึ้นไปอีกก็ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากอย่างเร่งด่วน”

เจ้าหอโครงกระดูกก็เอ่ยอย่างขมขื่น

ภายในเรือหุ่นเชิดศพ

คน เด็ก แมว และโครงกระดูก ตกอยู่ในบรรยากาศรอบตัวที่แปลกประหลาด

เหมือนเวลาแค่ชั่วค่ำคืนเดียว เรือหุ่นเชิดศพก็ตกอยู่ในสภาวะวิกฤตด้านทรัพยากรเสียแล้ว

ไม่เพียงแต่ทรัพยากรเท่านั้น แม้กระทั่งผลึกเริ่มต้นในครอบครองของจ้าวเฟิงก็เหลือน้อยไม่ต่างกัน

เขายังต้องเหลือผลึกเริ่มต้นเอาไว้เพื่อประคับประคองการโบยบินของเรือหุ่นเชิดศพด้วย

ทว่าจุดเริ่มต้นของวิกฤตทางทรัพยากรในครั้งนี้เริ่มขึ้นที่เมืองเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์

ต่อให้จ้าวเฟิงเลือกเป็นครั้งที่สอง เขาก็จะทำเช่นนั้นอยู่ดี

“นายท่าน ข้ามีข้อเสนอแนะ” เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยขึ้นในฉับพลันด้วยแววตาเป็นประกาย

“แนะนำ? คงไม่ใช่จะให้ไปยกเค้าดินแดนภายในหรือว่าสำนักสองดาวกระมัง?” จ้าวเฟิงกลอกตา

ดูจากวิกฤตของทรัพยากรในตอนนี้แล้ว ต่อให้ไปยกเค้าสำนักหนึ่งดาวสักหลายแห่ง ทำลายขั้วอำนาจของโจรสลัดสักหลายสิบกลุ่ม ก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร

ไม่มีเหตุผลอื่นนอกเสียจากว่าระดับขั้นของจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนสูงเกินไป ทรัพยากรธรรมดาไม่มีประโยชน์อันใดทั้งนั้น

“นายท่าน เมื่อไม่นานมานี้ข้าปราบขั้วอำนาจโจรสลัดกลุ่มหนึ่งลงได้อย่างราบคาบ และได้ข่าวมาเรื่องหนึ่ง ที่  ‘กลุ่มดินแดนมังกรสีชาด’ ด้านหน้ามีสำนักสองดาวหลายแห่งสู้รบตบมือกันไม่เลิกรา…”

เด็กน้อยครึ่งเซียนเลียริมฝีปากน้อยๆ ทั้งใบหน้าอำมหิต สีหน้าอารมณ์บ่งบอกทำนองว่า ‘เจ้าก็รู้’

สีหน้าเช่นนี้ปรากฏบนใบหน้าเด็กน้อยครึ่งเซียนแล้วประหลาดอยู่บ้าง ทำให้ดูโหดเหี้ยมขึ้นหลายส่วน

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยโบกกรงเล็บเป็นการแสดงออกถึงการเห็นด้วย ในช่วงนี้มันเองก็ขัดสนอยู่เช่นกัน

สีหน้าของเจ้าหอโครงกระดูกก็ฉายแววปีติยินดีด้วย

“สนามรบของสองดาวงั้นหรือ?” จ้าวเฟิงใจสั่น

การรบของสำนักสองดาวต้องยิ่งใหญ่แน่นอน และย่อมต้องมีทรัพยากรมหาศาลอยู่ในนั้น

เมื่อเจอกับสนามรบของสำนักสองดาว ถ้าหากว่าเป็นในยามก่อนจ้าวเฟิงย่อมต้องหลีกหนีไปให้ไกลอย่างแน่นอน

แต่ว่าในตอนนี้ สนามรบสำนักสองดาวขนาดใหญ่เป็นเพียงแค่สถานที่ดีๆ ที่ใช้ ‘ตามล่าหาสมบัติ’ ก็เท่านั้น

“อืม ข้าดูแผนที่ก่อน” ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงกระตุก แล้วเบื้องหน้าจึงปรากฏม่านแสงเหมันต์

บนม่านแสงปรากฏโครงร่างแผนที่ของกลุ่มดินแดนในละแวกใกล้เคียง ‘กลุ่มดินแดนมังกรสีชาด’  ที่เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยถึงก็อยู่ด้านหน้านี้เอง น่าจะมีระยะทางประมาณหนึ่งในห้าของกลุ่มดินแดนแห่งหนึ่ง

จ้าวเฟิงมองแผนที่ต่ำลงไปเรื่อยๆ

เมื่อสายตากวาดผ่านห้าหกกลุ่มดินแดน จ้าวเฟิงก็เจอ ‘กลุ่มดินแดนเฉียนเซิ่ง’

“ตำหนักเซียนพิณสวรรค์…อยู่ไม่ไกลแล้ว” จ้าวเฟิงใจเต้น

ตำหนักเซียนพิณสวรรค์เป็นดินแดนแห่งหนึ่งใน ‘กลุ่มดินแดนเฉียนเซิ่ง’

ก่อนที่จะถึงตำหนักเซียนพิณสวรรค์ ถือโอกาสวนเวียนหาทรัพยากรและสมบัติส่วนหนึ่งก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนัก

“เอาแบบนี้แล้วกัน…ออกเดินทางได้!”

จ้าวเฟิงเองก็อดรนทนไม่ไหวเช่นกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยากเก็บสมบัติหรืออยากจะเข้าใกล้ตำหนักเซียนพิณสวรรค์ที่เป็นจุดหมายปลายทาง

สวบ!

ความเร็วของเรือหุ่นเชิดศพเพิ่มขึ้น ทั่วทั้งลำเรือเหมือนจะกระตือรือร้นขึ้นมา ตรงดิ่งไปยังกลุ่มดินแดนมังกรสีชาดที่อยู่เบื้องหน้าในทันที

ในขณะเดียวกัน

ณ กลุ่มดินแดนมังกรสีชาดซึ่งเป็นดินแดนเกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของทวีปบุปผาคราม

โครม เพล้ง ตูม!

บนฟากฟ้า พลังของราชันปะทะเข้าหากันจนเกิดความรู้สึกราวฟ้าสั่นสะเทือน

ภูเขาและลำธารในดินแดนหมู่เกาะปริร้าวเป็นชั้นๆ ฝุ่นควันลอยคละคลุ้ง ด้านล่างคือกองกำลังหลักของขอบเขตแก่นก่อกำเนิด

มีสำนักสองดาวทั้งหมดสามแห่งกำลังประมือกันอยู่ภายในดินแดนเกาะขนาดใหญ่

สนามรบแห่งนี้ ราชันปราณเทวะที่ลงมือต่อสู้กันมีอยู่สี่ห้าคน

พวกเขาไม่รู้เลยว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญสี่คนกำลังใกล้เข้ามา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!