Skip to content

King of Gods 730

King Of Gods

บทที่ 730 เขตแดนมิติทั้งสอง

การลงมือสังหารอันแสนทารุณของเด็กน้อยครึ่งเซียน ทำให้พวกของ ‘เจ้าลัทธิมารเทียนซิง’ ที่รีบตามมาด้านหลังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ร่างกายและจิตใจแข็งค้าง

ในเวลาอันรวดเร็ว ราชันปราณเทวะธรรมดาทั้งสองโดนเด็กน้อยครึ่งเซียนใช้มือตะปบจนสิ้นชีพ

“มอบของในครอบครองของพวกเจ้ามา แล้วข้าจะไว้ชีวิต”

เด็กน้อยครึ่งเซียนเลียริมฝีปาก แล้วจึงมองไปทางราชันทั้งสามของฝั่งเจ้าลัทธิมารเทียนซิงที่รีบร้อนตามมาทีหลัง

ในวินาทีนี้เอง พื้นที่ของสนามรบในละแวกใกล้เคียงเงียบสงัดราวไร้สัญญาณของสิ่งมีชีวิตใด

เด็กน้อยอายุสามสี่ขวบผู้นั้นมีพลังน่ากลัวในการสังหารที่ทำให้ยอดฝีมือของสำนักหนึ่งดาวสองดาวใจเต้นระรัวอย่างหวาดกลัว

ขนาดราชันทั้งสองยังโดนสังหารอย่างง่ายดาย แล้วนับประสาอะไรกับคนที่อยู่ในลำดับขั้นต่ำกว่า

“พวกเจ้า…เป็นใครกันแน่!”

เจ้าลัทธิมารเทียนซิงสีหน้าคล้ำเครียดขึ้น แววตาเย็นชา ตราดวงดาวสีดำตรงหว่างคิ้วขยับวูบวาบ

กลุ่มดินแดนมังกรสีชาด ชื่อเสียงด้านพลังของผู้อาวุโสศาสตร์มารกระเทือนไปทั่วหมื่นพันสำนักในแผ่นดินแถบนี้

ในกลุ่มราชันทั้งสามคนที่เหลืออยู่ มีเพียงพลังของเขาเท่านั้นที่เข้าใกล้ขั้นราชันในช่วงสุดยอด

หากเจ้าลัทธิมารเทียนซิงร่วมมือกับราชันในสำนักฝ่ายธรรมมะทั้งสอง ก็จะสามารถต้านทานราชันในระดับสุดยอด หรืออาจสังหารอีกฝ่ายได้ด้วย

“ข้าไม่อยากจะพูดซ้ำอีกรอบ”

เด็กน้อยครึ่งเซียนสีหน้าเย็นชา พลังครึ่งเซียนและแก่นแท้กายศักดิ์สิทธิ์กดดันอากาศในฟ้าและดิน

ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด

เจ้าลัทธิมารเทียนซิง ผู้เฒ่าผมขาว และโฉมสะคราญชุดขาว ทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายมารต่างไม่กล้าลงมืออย่างผลีผลาม เพราะว่าผู้ที่ลงมือจริงๆ ของฟากเรือหุ่นเชิดศพมีเพียงแค่เด็กน้อยครึ่งเซียน

ภายในเรือโจรสลัด ยังมีบุรุษหนุ่มลี้ลับที่ยากเกินจะคาดเดาอีกคน

“หืม? บุรุษหนุ่มผู้นั้นไปไหนแล้ว?”

ห้วงคิดเซียนของราชันปราณเทวะทั้งสามปิดผนึกพื้นที่แห่งนี้ และสัมผัสได้ถึงระลอกมิติ

ปีกอัสนีโบยบิน!

แซ่ด พรึ่บ!

ปีกอัสนีสีชาดขนาดยี่สิบจั้ง เป็นดั่งปีกที่กำลังเผาไหม้ซึ่งล้อมรอบด้วยวายุอัสนี ปรากฏขึ้นบริเวณด้านหลังเหนือศีรษะของเจ้าลัทธิมารเทียนซิงและพรรคพวก

เจ้าลัทธิมารเทียนซิงและราชันทั้งสองสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอัสนีทำลายล้างที่พวยพุ่งออกมาในทันทีทันใด จนทำให้เกิดความรู้สึกหายใจลำบาก

วูบ โครม!

 

พายุพิฆาตสีชาดขนาดมหึมาที่หมุนวนโดยมี ‘ปีกวายุอัสนี’ เป็นจุดศูนย์กลาง ปกคลุมกดราชันทั้งสามจนต้องโคจรพลังราชันเพื่อทุ่มเทแรงมาปกป้องร่างกายอย่างเสียไม่ได้

“นายท่าน!”

เด็กน้อยครึ่งเซียนถอนหายใจโล่งอก

ต่อให้ตัวเขาเพียงคนเดียวต้านทานพลังของเจ้าลัทธิมารเทียนซิงและพวกอีกสองก็ยังพอมีความเป็นไปได้ที่จะเอาชนะ

แต่หากว่าคนทั้งสามพร้อมใจกันหนีไปคนละทิศละทาง เขาก็ยากจะสังหารได้

แต่ว่าในตอนนี้ จ้าวเฟิงใช้วิชาปีกอัสนีโบยบินปรากฏตัวที่ด้านหลังราชันแล้วโจมตีต่อในทันที เช่นนั้นเจ้าลัทธิมารเทียนซิงและพวกจึงไม่มีความหวังจะรอดชีวิตแต่อย่างใด

เด็กน้อยครึ่งเซียนก็เคยสัมผัสกับความเร็วของจ้าวเฟิงมาแล้วอย่างลึกซึ้ง

“นายท่าน?”

เจ้าลัทธิมารเทียนซิงและพวกหน้าถอดสี สัมผัสได้แต่ไอเย็นเยียบที่กระจายไปทั่วร่าง

เด็กน้อยผู้นี้น่าจะมีกำลังรบเทียบเท่ากับราชันช่วงสุดยอดเป็นอย่างน้อย เช่นนั้นแล้วผู้เป็นเจ้านายจะมีพลังอยู่ในระดับใดกัน

“ทั้งสองท่านยั้งมือก่อน!”

ผู้เฒ่าผมขาวและโฉมสะคราญในชุดขาวตกใจไม่น้อย ตะโกนเสียงดังอย่างรีบร้อน

หากต่อสู้กันจริง ด้วยพลังของเจ้าลัทธิมารเทียนซิงอาจจะพอมีโอกาสหลบหนีไปได้ ทว่าพวกเขาสองคนเป็นแค่ราชันธรรมดา ความหวังในการจะหนีเอาชีวิตรอดมีน้อยกว่าครึ่งเสียอีก

“พลังของสองคนนี้น่าจะอยู่เหนือขั้นราชันช่วงสุดยอดขึ้นไปเป็นอย่างน้อย…”

เจ้าลัทธิมารเทียนซิงสูญเสียจิตต่อสู้

พลังดารามารในร่างเขาโคจรอย่างลับๆ เตรียมเคล็ดวิชาในการหนีเอาชีวิตรอดไว้

ในฐานะที่เชี่ยวชาญในศาสตร์มารเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มดินแดนมังกรสีชาด เจ้าลัทธิมารเทียนซิงมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน อยู่เหนือกว่าราชันธรรมดาทั่วไป จึงไม่ยินยอมให้ผู้อื่นปล้นชิงของของตนเอง

แต่ทว่า เคล็ดวิชาในการหนีเอาชีวิตรอดของเขาเพิ่งจะเริ่มต้น บุรุษหนุ่มผู้มีปีกอัสนีอยู่ด้านหลังก็ลงมือแล้ว

“อย่าเพิ่งรีบไปสิ!”

ปีกอัสนีพิฆาตสีชาดเบื้องหลังของจ้าวเฟิงขยายออกอีกหลายสิบจั้ง ปีกใหญ่สีชาดที่เหมือนกำลังลุกไหม้อยู่บดบังฟ้าดิน พลังมหาศาลจากสำนึกรู้ราชาเพิ่มขึ้นหลายส่วนในฉับพลัน

โครม!

เพียงแค่หมัดเบาๆ ของจ้าวเฟิง ความว่างเปล่าทั้งหมดก็ตกเข้าสู่มิติผลึกเหมันต์ที่เย็นยะเยือก สรรพสิ่งทั้งหมดโดนแช่แข็งเอาไว้

“แย่แล้ว! เขตแดนผนึกเหมันต์…”

เจ้าลัทธิมารเทียนซิงและพวกล้วนแต่ตกเข้าไปอยู่ภายในอาณาเขตของพายุหมุนที่หนาวเหน็บ ร่างกายแข็งค้างจนมีชั้นเกล็ดน้ำแข็งเกาะ ทำให้ความเร็วลดลงไปมาก

ไม่เพียงเท่านั้น ในหมัดนั้นยังปรากฏโลกเขาวงกตที่เต็มไปด้วยหมอกควันเข้าปกคลุมทั่วทั้งกายและใจ

“อะไรกัน…เขตแดนในศาสตร์วิญญาณ!”

“เขตแดนมิติทั้งสอง!”

เจ้าลัทธิมารเทียนซิงและพวกตื่นตระหนกอย่างยิ่ง ไม่มีแรงจะโต้กลับเลยแม้แต่น้อย

เขตแดนฉวนปิง! เขตแดนเขาวงกตมายา!

เป็นเขตแดนมิติสองชั้น

เขตแดนฉวนปิงมาจากสายเลือดเผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์ของจ้าวเฟิง เป็นเขตแดนจากพรสวรรค์!

หรือก็คือ จ้าวเฟิงเพียงแค่ปล่อยหมัดธรรมดาออกมาก็แฝงไปด้วยเขตแดนทั้งสองศาสตร์วิชา หนึ่งคือ เขตแดนศาสตร์วิญญาณ อีกหนึ่งคือเขตแดนฉวนปิงที่ค่อนข้างเป็นรูปธรรม

ผลลัพธ์ของเขตแดนฉวนปิงคือแช่แข็งสรรพสิ่งนับหมื่น

หมื่นสรรพชีวิตในเขตแดนฉวนปิงล้วนแต่โดนปกคลุมไปด้วยพลังเหมันต์ ถูกผนึกด้วยน้ำแข็ง

เมื่อเขตแดนมิติทั้งสองทับซ้อนเข้าด้วยกัน อานุภาพจะยิ่งไม่อาจคาดการณ์ได้

ผัวะ โครม!

เจ้าลัทธิมารเทียนซิงโดนหมัดปะทะจนกระเด็นออกไป ชั้นเกล็ดน้ำแข็งเกาะอยู่ทั่วร่าง โดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว

ภายใต้การทับซ้อนของเขตแดนทั้งสอง เขาไม่มีโอกาสลงมือโต้กลับได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งร่างกายและจิตใจล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส

เขตแดนเมืองมายาของจ้าวเฟิงผสานเข้ากับการโจมตี ไม่เพียงแค่ทำให้จิตวิญญาณปั่นป่วนวุ่นวาย แต่ยังโจมตีดวงวิญญาณด้วยเช่นกัน

“นายท่านยั้งมือเถอะ!”

“พวกเรายอมให้ท่านจัดการ!”

ผู้เฒ่าผมขาวและโฉมสะคราญชุดขาวติดอยู่ภายในสองเขตแดนมิติ ยากจะหลุดพ้นได้ด้วยตนเอง ถึงขนาดที่ว่าไม่อาจสัมผัสได้แม้แต่เงาของจ้าวเฟิง

ผลจากการทับซ้อนของเขตแดนมิติทั้งสองคือคนทั้งสามตกอยู่ในเมืองวงกตขนาดใหญ่ที่หนาวเหน็บ

เจ้าลัทธิมารเทียนซิงทอดกายอยู่ข้างกำแพงของเขาวงกตที่กลายเป็นผลึกน้ำแข็ง แล้วทุ่มเทกำลังทั้งหมดสลายพลังแช่แข็ง สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

ต่อให้เขาสามารถต้านทานเขตแดนฉวนปิงได้ แต่ก็ไม่อาจหนีออกจากเขตแดนเมืองมายาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ

พรึ่บ! พรึ่บ!

ผู้เฒ่าผมขาวและโฉมสะคราญชุดขาว หลังจากที่ราชันทั้งสองยอมรับความพ่ายแพ้แล้วจึงหายไปจากครรลองสายตาของเจ้าลัทธิมารเทียนซิง

“น่ารังเกียจนัก…”

เจ้าลัทธิมารเทียนซิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ราชันในฝ่ายธรรมะทั้งสองกลับยอมแพ้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

เหลือเพียงเจ้าลัทธิมารเทียนซิงคนเดียวเท่านั้นที่ติดอยู่ในเขตแดนมิติทั้งสอง แต่ยังไม่ยินยอมจำนน

เขามีของล้ำค่าหลายอย่างในครอบครอง จะยินยอมให้โดนฉกฉวยไปเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

เมี้ยว เมี้ยว!

ผู้เฒ่าผมขาวและโฉมสะคราญชุดขาวเผชิญหน้ากับการปล้นชิงจากแมวขโมยตัวน้อย

ราชันในขอบเขตปราณเทวะทั้งสองล้วนแต่เป็นกำลังหลักของสำนักสองดาว ทรัพยากรที่มีเพรียบพร้อมอย่างยิ่ง

“ยังมียอดฝีมือในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดที่อยู่ด้านล่าง มอบของที่มีมาให้หมด”

เด็กน้อยครึ่งเซียนกอดอกมองดูสนามรบด้านล่าง

สนามรบด้านล่างยังมีขอบเขตแก่นก่อกำเนิดจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่โดนปล้นชิง

ผู้เฒ่าผมขาวและโฉมสะคราญชุดขาวสีหน้าอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง

สนามรบกว้างใหญ่ของสำนักสองดาวกลับพบเจอกับการฉกชิงของกลุ่มโจรสลัดสี่คน

แล้วในเวลานี้เอง

เจ้าลัทธิมารเทียนซิงที่ติดอยู่ในเขตแดนทั้งสองแห่งพลันร้องตะโกนอย่างเจ็บปวดทรมาน ก่อนจะหล่นลงมาจากบนฟ้า

ที่แท้จ้าวเฟิงโคจรเจตจำนงดวงตา ปล่อยกระบวนท่า ‘หนามจิตวิญญาณ’ ใส่เขาแล้ว

ข้อได้เปรียบของการเอาชนะในชั้นดวงวิญญาณ แทบจะทำให้เขาผู้เป็นเจ้าลัทธิมารเทียนเซิงเป็นลมล้มพับไปในทันที

จ้าวเฟิงปรบมือ แล้วให้เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกับเด็กน้อยครึ่งเซียนเก็บกวาดสถานการณ์นี้

“ดวงวิญญาณของข้าเผชิญกับการโจมตีอย่างหนักหน่วง ต่อให้วิญญาณดั้งเดิมหลบหนีไปก็ต้องตายอยู่ดี”

เจ้าลัทธิมารเทียนซิงมีสีหน้าจนใจ หมดอาลัยตายอยาก  เมื่อหวนคิดถึงตนเองที่เป็นถึงเจ้าลัทธิมารของสำนักสองดาวครึ่ง ทว่ายังต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

“ข้ายอมแพ้แล้ว!

 

เจ้าลัทธิมารเทียนซิงยกมือขึ้นทั้งสองข้าง แล้วใช้ห้วงคิดเซียนสั่งให้บรรดายอดฝีมือของสำนักมาร ทั้งหมดยอมรับความพ่ายแพ้

ในตอนนี้ เหล่าราชันผู้มากความสามารถของกองทัพทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมล้วนแต่โดนจับไว้ การรบด้านล่างยุติลงอย่างรวดเร็ว

ต่อจากนั้น

สนามรบยิ่งใหญ่ของสำนักสองดาวก็เผชิญหน้ากับการปล้นชิงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์

สำนักสองดาวทั้งสามและเหล่าสำนักหนึ่งดาวมากมายโดนเรือโจรสลัดลำหนึ่งปล้นไป

หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไปผู้คนต้องตื่นตะลึงเป็นแน่

ใช้เวลาครึ่งวันเต็มๆ การปล้นยอดฝีมือในสนามรบสำนักสองดาวของพวกจ้าวเฟิงจึงสิ้นสุดลง

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยมีสีหน้าพึงพอใจคล้ายกับบ้าคลั่งเงินตรา พลางจัดแจงของที่ได้มาจากการต่อสู้ซึ่งกองพะเนินราวภูเขา

ภายในแหวนเหล็กโบราณของจ้าวเฟิงจึงกลับมา ‘เต็ม’ อีกครั้ง

ในดวงตาของเด็กน้อยครึ่งเซียนก็กระตือรือร้นและมีไฟลุกโชนเช่นกัน

เมื่อมองกลับกัน สำนักสองดาวทั้งสามแห่งและเหล่าคนระดับสูงของสำนักหนึ่งดาว แต่ละคนเหมือนกับโดนบีบบังคับ ทำท่าทางราวกับสตรีผู้อ่อนแอ สีหน้าว่างเปล่า ขมขื่นและไร้เรี่ยวแรง

“เอาละ ต้องขอบคุณการต้อนรับที่อบอุ่นของทุกท่าน พวกข้าคงไม่รั้งอยู่นานแล้ว”

หลังจากเก็บกวาดของที่ได้จากการต่อสู้แล้ว พวกของจ้าวเฟิงก็เข้าไปภายในเรือหุ่นเชิดศพ

สวบ!

เหล่ายอดฝีมือมองส่งเรือหุ่นเชิดศพลอยแหวกอากาศไปจนลับสายตา

พู่ว!

จนกระทั่งเรือหุ่นเชิดศพหายไปจากครรลองสายตา บรรดายอดฝีมือบนสนามรบของสำนักสองดาวจึงค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก

แต่ว่าในทันใดนั้นเอง เหล่ายอดฝีมือจำนวนมากพลันบันดาลโทสะราวอัสนีบาต สบถคำหยาบก่นด่า

ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ร้องคร่ำครวญโวยวายขึ้นมา

“เฮ้อ! หินยักษ์เทียนอวิ๋นของข้า…”

“ ‘โสมพฤกษาหมื่นปี’ ของข้าที่เก็บสะสมมานานหลายร้อยปี…”

ยอดฝีมือที่สูงส่งจำนวนไม่น้อยในสนามรบสองดาวบ้าคลั่งโกรธแค้นอยู่ที่เดิม แต่ว่าไม่มีใครกล้าไล่ตามเรือหุ่นเชิดศพลำนั้นไป

การต่อสู้ระหว่างสำนักที่ต่อเนื่องมานานนับร้อยปีของกลุ่มดินแดนมังกรสีชาดจึงยุติลงตั้งแต่ตอนนี้

จุดมุ่งหมายของการแย่งชิงรบราฆ่าฟันระหว่างสำนักต่างๆ คือต้องการแบ่งทรัพยากรและผลประโยชน์ครั้งใหม่

แต่ว่าในตอนนี้ยอดฝีมือระดับสูงในสนามรบแต่ละคนต่างหมดตัว ไหนเลยจะมีแก่ใจไปรบราฆ่าฟันกันอีก

 

และแน่นอนว่าสำหรับผู้ที่ฝึกตนอยู่ในระดับกลางและล่าง ไปจนถึงคนชนชั้นล่างแล้วกลับเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง

หลายพันปีนับจากนั้น กลุ่มดินแดนมังกรสีชาดก็ไม่มีการรบราฆ่าฟันของสำนักใหญ่ต่างๆ อีก สำนักหนึ่งดาวและสองดาวล้วนแต่เริ่มดำรงชีวิตอยู่อย่างสงบสุข

จากการรบครั้งนี้ ทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ของกลุ่มดินแดนมังกรสีชาดโดนช่วงชิงไปหลายส่วน

จะต้องรู้ว่าทรัพย์สมบัติและทรัพยากรเก้าส่วนของโลกใบนี้ล้วนแต่อยู่ในครอบครองของยอดฝีมือจำนวนไม่มาก

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”

เรือหุ่นเชิดศพข้ามผืนฟ้าไปยังเขตนอกดินแดน แล้วจึงมีเสียงหัวเราะกึกก้องของพวกจ้าวเฟิงลอยมา

ในเรือ

พวกของจ้าวเฟิงเริ่มแบ่งสมบัติกัน

ในฐานะที่เป็น ‘หัวหน้าเรือโจรสลัด’ จ้าวเฟิงย่อมเป็นผู้ควบคุมสิทธิ์ในการแบ่งทรัพย์สมบัติ

ภายในกลุ่มนี้ เจ้าแมวขโมยและคุนอวิ๋นน้อยต่างก็แบ่งทรัพยากรออกเป็นสองส่วน เจ้าหอโครงกระดูกแบ่งทรัพยากรไปส่วนหนึ่ง

ถึงจะเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังเป็นจำนวนมหาศาลที่สามารถซื้อสำนักหนึ่งดาวที่แข็งแกร่งได้หลายแห่งเลยทีเดียว

ในฐานะที่จ้าวเฟิงเป็นหัวหน้าเรือ เขาจึงได้ทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งเพียงคนเดียว

“เหอะ เหอะ ที่แท้สมบัติที่ได้จากการปล้นสนามรบของสำนักสองดาวมากมายขนาดนี้เชียว”

“มิน่าล่ะขั้วอำนาจของโจรสลัดถึงอยู่ในทุกที่ของทะเลความว่างเปล่าภายนอก”

“การปล้นชิงของพวกเรายังสามารถนำสันติสุขมาสู่ดินแดนแห่งนี้ และสร้างความสุขอย่างไม่ที่สิ้นสุด…”

ทั้งสี่พูดคุยกันโดยไม่รู้สึกละอายใจแม้แต่น้อย

พวกเขาไม่รู้เลยว่ากองกำลังโจรสลัดทั่วๆ ไป ไหนเลยจะกล้ายั่วโมโหและทำผิดต่อสำนักสองดาว นอกเสียจากว่าจะเป็นเหล่าราชาโจรสลัดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด

ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นถึงขั้นเสนอแนะว่าต้องการจะไปปล้นชิงเพิ่มอีกหรือไม่

“อย่าพูดให้ดูดีเกินไปนัก! เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน จักรพรรดิโจรสลัดในคราวก่อนกำลังรบไร้เทียมทานและมีฝีมือสูงส่งอย่างยิ่ง ผลลัพธ์ยังโดนเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับลงมือสังหาร ความเร็วของจักรพรรดิวายุอัสนีเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่ก็ยังโดนเซียนจื่อเย่ปลิดชีพ…”

จ้าวเฟิงส่ายศีรษะ ไม่ได้โดนผลประโยชน์ในระยะสั้นๆ บังตาเอาไว้

เขาย่อมไม่หยิ่งทระนงว่าตนจะสามารถเหนือกว่าจักรพรรดิวายุอัสนีและจักรพรรดิโจรสลัดในช่วงรุ่งโรจน์ได้

ในทะเลหมอกความว่างเปล่า

เรือหุ่นเชิดศพโบยบินด้วยความเร็วอย่างยิ่ง จุดหมายปลายทางในการเดินทางครั้งนี้ใกล้เข้ามาทุกที

“ยังเหลือเวลาอีกสองสามเดือนก็จะไปถึง ‘ตำหนักเซียนพิณสวรรค์’…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!