บทที่ 750 คำสั่งล่าสังหาร (13)
ไอสวรรค์ของจ้าวเฟิงขาดหายไปเล็กน้อย ไม่ได้อยู่ในสภาวะสุดยอด
แต่ว่านี่คือกลยุทธ์ของเขา
บีบคั้นไปทีละก้าว ไม่ปล่อยให้จักรพรรดิแห่งความตายมีโอกาสฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
มองเห็น ‘รยางค์มรณะ’ ของจักรพรรดิแห่งความตายยังคงรัดตรึงร่างของราชันปราณเทวะอีกสองคน จ้าวเฟิงจึงไม่เอ่ยอะไรอีกต่อไป ลงมือโจมตีในทันที
“เนตร…เพ่ง…เทพเจ้า!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงทะลักพลังดวงตาสีม่วงเจิดจ้า จนกลายเป็นน้ำวนสีม่วงที่ลึกล้ำจนไม่เห็นก้นบึ้ง สร้างโลกมายาที่ปกคลุมด้วยหมอกควันขึ้นมา
ในความมืดมิด แรงฉุดรั้งดวงวิญญาณที่รุนแรงถึงแก่ชีวิตตรงออกมาจากดวงตาเทพเจ้า
“ไม่นึกเลยว่าเจ้า…”
จักรพรรดิแห่งความตายสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก มงกุฎสีม่วงทองบนศีรษะปลดปล่อยระลอกพลังวิญญาณที่แปลกประหลาดออกมา
ราชันปราณเทวะหลายคนที่อยู่เบื้องหน้าเขาและยอดฝีมือมากมายของสำนักสองดาวพากันกลัวจนหายใจไม่ออก ดวงวิญญาณหนาวเหน็บ เกิดความรู้สึกไปว่าจะโดนฉกชิงวิญญาณ
ยิ่งอยู่ใกล้จักรพรรดิแห่งความตายเท่าไหร่ ความหวาดกลัวกระวนกระวายใจก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น
น้ำวนสีม่วงในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง ยิ่งหมุนวนก็ยิ่งลึกล้ำ ปรากฏเป็นโลกหมอกควันราวฝันเลือนราง
“ใช้พื้นฐานของเนตรเพ่งมรณะ แล้วยังผสานวิชาดวงตามายาที่มีเฉพาะเข้าไปภายในด้วย!”
ร่างกายและจิตใจของจักรพรรดิแห่งความตายสั่นสะท้านน้อยๆ
เนตรเพ่งมรณะจะใช้พลังศาสตร์วิญญาณที่อยู่เหนือสิ่งใดช่วงชิงเอาดวงวิญญาณของเป้าหมายไป
ในสถานการณ์ปกติทั่วไป จะวัดผลแพ้ชนะจากระดับดวงวิญญาณ
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยต่างๆ อย่างพลังที่กล้าแกร่ง ความลึกซึ้งในศาสตร์วิญญาณ และกลวิธีต่างๆ อีกด้วย
จ้าวเฟิงใช้เคล็ดวิชา ‘ศาสตร์มายา’ ที่สูงส่งลึกล้ำ เดิมทีเขาก็ถนัดในศาสตร์มายาอยู่แล้ว แรกเริ่มสุดดวงตาสายเลือดของเขาเรียนรู้ศาสตร์นี้ รวมไปถึงภาพมัจฉามายาที่เคยสัมผัสมาในสำนักจันทร์สลาย
หลังจากผ่าน ‘ตำหนักฟั่นหลุนกู่อิน’ ความเข้าใจที่จ้าวเฟิงมีต่อศาสตร์มายาจึงลึกล้ำไปถึงระดับขั้นใหม่
ตามที่ภาพวาดหลิวฉินซินบนกำแพงเอ่ยไว้ ขอบเขตสูงสุดของศาสตร์มายาก็คือภาพมายาเสมือนจริง
ในเวลานี้
‘เนตรเพ่งเทพเจ้า’ ของจ้าวเฟิงไม่ได้เป็นเพียงการดูดซึมแย่งชิงดวงวิญญาณเท่านั้น แต่ยังใช้เสวียนอ้าวของศาสตร์มายา อานุภาพจึงยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
“ข้าต่างหากถึงจะเป็นกระบวนท่าดั้งเดิม เจ้าผู้เป็นหัวขโมยจะรับมือกับข้าได้อย่างไร…”
จักรพรรดิแห่งความตายโกรธแค้นอย่างยิ่ง
ทว่าเขายังคงต้องรวบรวมพลังใช้เคล็ดวิชาศาสตร์วิญญาณเพื่อต้านทาน ‘เนตรเพ่งเทพเจ้า’
‘เนตรเพ่งเทพเจ้า’ ที่จ้าวเฟิงลึกซึ้งมีแนวโน้มว่าจะเหนือกว่าต้นฉบับอยู่รางๆ
เพราะจ้าวเฟิงเรียกใช้เคล็ดวิชาดังกล่าวมี…เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า มีข้อได้เปรียบกว่าเนตรมรณะของเขาเสียอีก
ส่วนที่จ้าวเฟิงขาดไปก็คือส่วนต่างของสิ่งที่แฝงในพลังเท่านั้น
“รีบหนีไปเร็ว!”
ราชันปราณเทวะอีกสองคนฉวยโอกาสนี้หลบหนีออกจาก ‘รยางค์กลืนวิญญาณ’ ของจักรพรรดิแห่งความตายด้วยความช่วยเหลือจากสตรีในชุดชุดชาววัง
“เฮอะเฮอะ” เนตรเทพเจ้าที่เพ่งมองอยู่ของจ้าวเฟิงถึงค่อยๆ หยุดลง
จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเขาคือขัดขวางรยางค์กลืนวิญญาณของจักรพรรดิแห่งความตายที่กำลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
“สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา!”
ทั่วร่างของเด็กน้อยครึ่งเซียนสาดแสงสีทองเรืองรอง ฤทธิ์กายศักดิ์สิทธิ์ข้ามฟ้ามา เขาส่งลำแสงฝ่ามือสีทองที่ลี้ลับออกมาหลายสาย พันธนาการและจำกัดเอาไว้หลายชั้น
“เพลิงเนตรล้างผลาญ!”
ในขณะที่จักรพรรดิแห่งความตายถูกจำกัดไว้ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็ทะลักเพลิงดวงตาที่น่าสะพรึงขวัญออกมา ลำแสงสีทองสาดส่องไม่หยุด
โครม!
เพลิงเนตรสีทองกึ่งโปร่งแสงกลุ่มหนึ่งระเบิดบนร่างของจักรพรรดิแห่งความตายเสียงดังสนั่น ทะลวงผ่านทั้งโลกจิตวิญญาณและโลกรูปธรรม
นี่เป็นเพลิงเนตรวายุอัสนีของ ‘ระดับทอง’ ที่หลอมรวมพลังอัสนีเทวะเข้าไป
วินาทีที่ปลดปล่อยเพลิงเนตรนั้นเอง พลังอัสนีเทวะจำนวนนับสามร้อยกว่าเส้นในทะเลวิญญาณสีม่วงของจ้าวเฟิงก็สาดแสงเป็นประกายแน่นขนัด
“อั่ก…”
จักรพรรดิแห่งความตายร้องโหยหวน เพลิงอัสนีสีทองเผาผลาญอยู่ทั่วร่าง กายและวิญญาณเหมือนเผชิญหน้ากับการระเบิดของเพลิงอัสนีนับหมื่น
ในเพลิงเนตรล้างผลาญสีทองยังแฝงไปด้วยพลังอัสนีเทวะและเสวียนอ้าวทำลายล้าง ซึ่งล้วนแต่กำราบควบคุมร่างศพอมตะได้ยอดเยี่ยมยิ่ง
ดวงวิญญาณของเขาได้รับผลกระทบมากที่สุด
การพบกันในครั้งนี้ ไม่ว่าจ้าวเฟิงจะใช้ธนูเหนือนภาหรือเพลิงเนตรสีทองก็โจมตีชั้นดวงวิญญาณเป็นหลักทั้งสิ้น
“วายุอัสนีสีทอง นี่แทบจะเป็นระดับสูงสุดของ ‘มรดกวายุอัสนี’ แล้ว” จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำในใจ
วายุอัสนีสีทองของเขาในวันนี้มีแรงเพลิงอยู่ห้าหกส่วนขึ้นไป
จากแก่นสำคัญของเพลิงวายุอัสนีสีทอง เมื่อเพลิงเนตรล้างผลาญสีทองที่สร้างขึ้นมาผสานกับพลังอัสนีเทวะ อานุภาพของมันมากพอจะทำร้ายจักรพรรดิมากมายจนบาดเจ็บสาหัส
“หนามจิตวิญญาณ!”
ในวินาทีที่จักรพรรดิแห่งความตายเผยช่องโหว่ หนามจิตวิญญาณที่โปร่งใสราวผลึกสีม่วงก็พุ่งทะลุเข้าไปในชั้นดวงวิญญาณ
วิ้ง!
มงกุฎสีทองเข้มของจักรพรรดิแห่งความตายสาดลำแสงมืดสนิทเหมือนดอกบัวสีนิล
แต่ว่ามงกุฎสีทองเข้มนี้ขาดพลังต้านทานต่ออัสนีเทวะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลิงเนตรสีทองในรอบแรกที่มีเสวียนอ้าวทำลายล้างและพลังอัสนีเทวะอยู่ จึงถึงขั้นสร้างความเสียหายกับมงกุฎนั้นด้วย
ดวงวิญญาณของจักรพรรดิแห่งความตายได้รับอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ความเสียหายเพิ่มมากขึ้นจากในครั้งก่อน
“จักรพรรดิแห่งความตาย! อาการบาดเจ็บของชั้นดวงวิญญาณยากจะฟื้นฟูได้…”
ในรอยยิ้มของจ้าวเฟิงมีความอำมหิตอยู่ส่วนหนึ่ง
เขาขาดแคลนไอสวรรค์อยู่บ้าง แต่ว่าจุดสำคัญของเขาเป็นการโจมตีโดยศาสตร์วิญญาณ
พลังฟื้นฟูจากร่างกายและสายเลือดของหมื่นเผ่าพันธุ์ ทำให้จ้าวเฟิงไม่เกรงกลัวที่จะสู้เป็นระยะเวลานาน
“เพลิงมรณะหมิงถง!”
ในดวงตามืดสนิทของจักรพรรดิแห่งความตาย พลังมรณะกลายเป็นแสงทมิฬต้องห้ามสายหนึ่ง ระลอกเพลิงปะทะเข้าไปที่จ้าวเฟิง
กายและใจของจ้าวเฟิงค้างแข็ง ทั้งดวงวิญญาณและร่างกายสัมผัสได้ถึงวิกฤตของความตาย
จักรพรรดิแห่งความตายสำแดงวิชาต้องห้ามในศาสตร์วิญญาณกับจ้าวเฟิงน้อยครั้งนัก
และในครั้งนี้ก็อยู่นอกเหนือจากปกติด้วย
วิ้ง!
ทั่วร่างของจ้าวเฟิงเกาะกลุ่มเป็นเกล็ดมังกรเหมันต์ชั้นหนึ่ง ผิวกายมีเกราะเหมันต์สีน้ำเงินปรากฏขึ้นอีก เขตแดนเหมันต์ที่หนาวเหน็บครอบคลุมฟ้าดินเป็นรัศมีร้อยลี้
โครม!
การโจมตีเข้าอย่างจังของเนตรแห่งความตาย ก่อให้เกิดเสียงดัง ‘แซ่ดแซ่ด’ ขึ้นเมื่อปะทะร่างจ้าวเฟิง
ในเวลาเดียวกัน
ทะเลวิญญาณสีม่วงของจ้าวเฟิงก็เผชิญหน้ากับการเผาผลาญและกัดกร่อนของระลอกเพลิงสีดำ
“ตูม——”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงกระเทือนอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง พลังอัสนีเทวะนับสามร้อยเส้นสายในทะเลวิญญาณสาดซัดพลังที่สั่นสะเทือนเทพเจ้าบนชั้นฟ้าออกมา
ผลัวะ ผลัวะ!
ใจกลางของทะเลวิญญาณสีม่วง คลื่นวารีสีฟ้าถาโถมอย่างบ้าคลั่ง
เมฆหมอกวายุอัสนีเกี่ยวกระหวัดกันกลางอากาศ
“จักรพรรดิแห่งความตาย…ไร้ประโยชน์! ระดับขั้นดวงวิญญาณของข้าและเจ้าต่างกันไม่มากนัก”
มุมปากจ้าวเฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ
ดวงตาเทพเจ้าของเขาขจัดการโจมตีดวงวิญญาณออกไปได้มาก ถึงแม้ว่าจะโดนโจมตีจากเนตรมรณะก็ยังสามารถดำรงอยู่ได้
แต่เงื่อนไขที่ต้องมีก่อนหน้านั้นคือ…ระดับขั้นดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงและจักรพรรดิแห่งความตายไม่ได้แตกต่างกันมากมายนัก
จ้าวเฟิงมีดวงวิญญาณระดับจักรพรรดิ มีข้อได้เปรียบจากดวงตาเทพเจ้า รวมไปถึงได้การชะล้างของพลังอัสนีเทวะจนแข็งแกร่ง
ด้านส่วนแฝงในพลัง จ้าวเฟิงยังคงห่างชั้น แต่ว่าระดับความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณกลับไม่มีความแตกต่างใดๆ เลย
“ไม่ผิดคาด”
จักรพรรดิแห่งความตายไม่ได้ประหลาดใจเท่าไหร่นัก สีหน้าเคร่งขรึมยิ่งขึ้น
ไม่ยอมรับไม่ได้ว่าเขาเผชิญหน้ากับคู่ปรับตัวฉกาจที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนแล้ว
ที่พึ่งสำคัญของเขาก็คือ เนตรมรณะ ซึ่งถูกเนตรเทพเจ้าดวงที่เก้ากดข่มไปครึ่งหนึ่ง
ถึงแม้เป็นร่างศพอมตะของเขา พลังศาสตร์วิญญาณในแขนงมรณะก็โดนอัสนีเทวะยับยั้งเอาไว้เช่นกัน
“เพลิงเนตรล้างผลาญ!”
“หนามจิตวิญญาณ!”
จ้าวเฟิงอยู่ค่อนข้างไกลโจมตีกลับ
เด็กน้อยครึ่งเซียนอยู่ตรงกลางระหว่างจ้าวเฟิงและจักรพรรดิแห่งความตาย
เขากระตุ้นสิบแปดฝ่ามือผนึกนภาเพียงเพื่อกักขังร่างและจำกัดการปลดปล่อยเคล็ดวิชาของจักรพรรดิแห่งความตาย
เปรี้ยง! ฟุ่บ…
ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิง สีหน้าของจักรพรรดิแห่งความตายซีดเผือดขึ้นอีก
หากจะพูดถึงระดับความลึกซึ้งในศาสตร์วิญญาณ จักรพรรดิแห่งความตายยังคงมีข้อได้เปรียบในระดับหนึ่ง
แต่ว่าดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงเป็นถึงระดับเนตรเทพเจ้า ในขณะที่สู้ไปเรื่อยๆ พลังที่แฝงอยู่ยิ่งกระตุ้นออกมาก็ยิ่งน่ากลัว
แล้วที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมีการป้องกันแข็งแกร่งในชั้นดวงวิญญาณ
ชั้นการป้องกันของร่างกาย จ้าวเฟิงมีหอกจักรพรรดิเหมันต์และสายเลือดป้องกันของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ จึงทำให้เทียบเท่ากับจักรพรรดิแห่งความตาย
แต่ทว่าในด้านการฟื้นฟูพลัง จ้าวเฟิงจะได้เปรียบกว่าเล็กน้อย
จักรพรรดิแห่งความตายหน้าเปลี่ยนสีไปมา ในที่สุดจึงเข้าใจว่าเหตุใดจ้าวเฟิงไล่ล่าสังหารมาตลอดทาง ถึงไอสวรรค์ยังไม่ได้ฟื้นฟูจนหมด แต่ก็ยังไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“พลังของจ้าวเฟิงผู้นี้แทบจะอยู่ในระดับเดียวกับข้าแล้ว มีเพียงแค่ส่วนแฝงในพลังส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ด้อยกว่า”
จักรพรรดิแห่งความตายสูดหายใจลึก
นี่เป็นความจริงที่เขาจำเป็นต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้
ภายใต้การโดนกดดันจากคำสั่งล่าสังหารหลายต่อหลายครั้ง การเติบโตพัฒนาของจ้าวเฟิงมาจนถึงระดับสุดยอดของชีวิตแล้ว
“เคียวมรณะ!”
ในมือของจักรพรรดิแห่งความตายปรากฏเคียวเล่มใหญ่ที่มีหมอกควันสีดำหมุนวน พลังเพลิงมรณะที่น่ากลัวล้อมรอบ
สนามพลังมรณะ!
กลุ่มพลังที่น่ากลัวและมืดมิดราวหมึกพวยพุ่งออกมาจากรอบตัวเขา แล้วจึงกวัดแกว่งเคียวมรณะ ตรงไปใกล้จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนยิ่งขึ้น
จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนหน้าเปลี่ยนสีไป
การรวมตัวที่แข็งแกร่งของเคียวมรณะกับสนามพลัง ในระดับชั้นรูปธรรมเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง แทบจะไม่อาจพังทลายได้เลย
พลังในการโจมตีถูกสนามพลังมรณะดูดซึมเปลี่ยนผัน หรือไม่ก็เพิ่มพลังให้ ‘เคียวมรณะ’ นั้น
“วายุอัสนีสีทอง!”
ในมือของจ้าวเฟิงปรากฏหอกแสงสีทองยาวร้อยจั้ง บนพื้นผิวแผ่พลังอัสนีเทวะและกลิ่นอายทำลายล้างที่น่าสะพรึงอย่างยิ่ง
ตุบ ตุบ! เคร้ง!
หอกแสงสีทองและเคียวมรณะปะทะกันกลางอากาศไม่หยุด
จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนโดนบีบจนถอยร่นติดๆ กัน
ฝ่ามือต้องห้าม!
เด็กน้อยครึ่งเซียนเปลี่ยนเคล็ดวิชาลับ น้ำวนแปลกประหลาดที่ใจกลางฝ่ามือปลดปล่อยลูกไฟสีทองหม่นปกคลุมในพื้นที่ที่จักรพรรดิแห่งความตายอยู่ ใช้ระลอกพลังการควบคุมกักขังพลังไอสวรรค์เอาไว้
โครม ตูม บึ้ม!
การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายทำให้พื้นดินภูเขาของสำนักสองดาวในละแวกใกล้เคียงพังทลายไป
คลื่นการโจมตีที่กล้าแกร่งทำให้ราชันปราณเทวะที่อยู่แถวๆ นั้นสามคนหน้าถอดสีในทันที
“ขายหนุ่มเรือนผมสีม่วงคนนั้นเป็นใครกันแน่ ถึงกับไล่ตามสังหาร ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ ได้”
สตรีในชุดชาววังและราชันอีกสองคนพยายามหิ้งช่วงระยะห่าง
จักรพรรดิแห่งความตายและชายหนุ่มผมสีม่วงต่างเรียกเคล็ดวิชาดวงวิญญาณและสายเลือดดวงตาที่สูงส่งน่าสะพรึงขวัญออกมา
ถึงแม้จะเป็นการต่อสู้ในชั้นกายเนื้อ ก็ยังถือว่าเป็นผู้ที่โดดเด่นในบรรดาจักรพรรดิด้วยกัน
“เงามรณะ!”
จักรพรรดิแห่งความตายที่กำลังต่อสู้พลันกลายเป็นเส้นลำแสงมืดมิด แล้วจึงพุ่งตรงออกไปจากดินแดนเกาะในทันที
รวดเร็วนัก!
สตรีในชุดชาววังและราชันที่เหลือตะลึงจนพูดไม่ออก
“ปีกอัสนีผ่านฟ้า!”
ปีกอัสนีบนหลังจ้าวเฟิงเปล่งแสงแวววาวออกมา ก่อนจะกลายเป็นเส้นวายุอัสนีบินเข้าไปยังนอกเขตดินแดน
ความเร็วที่เขาโบยบินเร็วกว่าจักรพรรดิแห่งความตายหลายส่วนอย่างเห็นได้ชัด
ราชันทั้งสามตัวค้างแข็งราวท่อนไม้ เมื่อมีสติกลับมาแล้วก็ยังคงหวาดกลัวจับใจ
“บุรุษหนุ่มผมสีม่วงคนนั้นเหมือนว่าจะชื่อจ้าวเฟิง…”
“ยอดฝีมือที่สามารถไล่ตาม ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ ได้ ในใต้หล้านี้มีน้อยนิดจนนับได้ ดินแดนชังไห่แห่งนี้ได้กำเนิดยอดฝีมือที่สูงส่งขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว”
จะต้องรู้ว่า พลังของราชันในขอบเขตปราณเทวะสามคนนี้เหนือกว่าพวกราชันทั้งสามของ ‘เฉิงเยว่เซียนกู’ ที่ปรากฎกายขึ้นในตอนนั้นเสียด้วยซ้ำไป
“เพลิงเนตรล้างผลาญ!”
“ธนูเหนือนภา!”
ปีกอัสนีของจ้าวเฟิงโบกสะบัด โบยบินผ่านฟ้าข้ามมิติอย่างรวดเร็ว และไล่ตามโจมตีจักรพรรดิแห่งความตายอย่างโหดเหี้ยมรุนแรง
ในทะเลหมอกความว่างเปล่า
‘คำสั่งล่าสังหาร’ ครั้งนี้ผ่านกลุ่มดินแดนและพื้นที่ดินแดนเกาะมากมาย
ในทุกแห่งที่คนทั้งสองผ่านไป ฟ้าดินจะสะเทือนเลื่อนลั่น ภูเขาลำธารแหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ เสมือนเกิดมหันตภัยขึ้น
ในตอนเพิ่งเริ่มต้น จักรพรรดิแห่งความตายยังพอจะมีแรงต้านทานอยู่บ้าง หลายเดือนต่อมา เขาบาดเจ็บสาหัสติดต่อกัน แรงใจทั้งหมดล้วนถูกใช้ไปเพื่อรักษาเอาชีวิตรอด
การไล่ล่าล่าสังหารไปทั่วนี้ร่ำลือไปถึงภายนอกดินแดนที่กว้างใหญ่ ชื่อเสียงของยอดฝีมือผู้สูงส่งนามว่า ‘เทพราชาดวงตาซ้าย’ ขจรขจายไปทั่วดินแดนชังไห่อย่างช้าๆ!