บทที่ 771 การหมั้นหมาย (1)
ราชวงศ์ต้าเฉียนไม่เหมือนกับอาณาจักรทั่วๆ ไปในโลกใบนี้!
ราชวงศ์นี้อยู่เหนือสรรพชีวิตนับหมื่นล้าน สำนักมากมายนับไม่ถ้วน และตระกูลต่างๆ รวบรวมชีวิตจำนวนมหาศาลในฟ้าดินเป็นอันหนึ่งอันเดียว จนกลายเป็นอาณาจักรที่สูงส่ง
ทันทีที่ ‘จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต้าเฉียน’ โกรธเกรี้ยว คนจะตายเป็นล้าน ผืนฟ้าย้อมด้วยเลือดสีแดงฉาน สำนักสองดาวสามดาวล้วนแต่ต้องสั่นสะเทือน
กฎของราชวงศ์ก็คือ พื้นดินทั้งหมดล้วนเป็นของราชวงศ์ คนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นอาณาประชาราษฎร์ของกษัตริย์ทั้งสิ้น
ที่ตั้งของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นได้ชื่อว่าอยู่ในการปกครองดูแลของราชวงศ์ต้าเฉียน
“ภารกิจนี้…ไม่ใช่สำนักประกาศ น่าจะมาจากราชวงศ์ต้าเฉียน” จ้าวเฟิงชัดเจนแจ่มแจ้งในใจ
ดินแดนเกาะเทียนเฟิงเองก็มีสถาบันการปกครองในรูปแบบราชวงศ์ นั่นก็คือจวนอ๋องโหว
จวนอ๋องโหว มีท่านอ๋องที่เป็นคนสนิทของราชวงศ์ผู้หนึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ปกครองพื้นที่ทะเลความว่างเปล่าในละแวกใกล้เคียงกับทวีปดินแดนเกาะเทียนเฟิง
เพียงแค่ทรัพยากรดินแดนเกาะที่มีในอาณาเขตแห่งนี้ ก็มีมากกว่ากลุ่มดินแดนเทียนหลูและกลุ่มดินแดนชิงกู่รวมกันเสียอีก
“ทุกคนมากันพร้อมแล้ว ข้าตรวจชื่อเลยแล้วกัน”
ผู้เฒ่าชุดขาวที่เป็นหัวหน้า บนร่างกายสาดกระจายพลังอำนาจที่แข็งแกร่งออกมา
ในระหว่างที่เรียกชื่อ ผู้เฒ่าชุดขาวก็จะซักถามความสามารถพิเศษของคนที่เขาไม่รู้จักเท่าไหร่นัก
เมื่ออ่านชื่อ ‘จ้าวเฟิง’ ผู้เฒ่าชุดขาวก็หยุดชะงักไป
“ความถนัด คือนักฝึกสัตว์”
จ้าวเฟิงยื่นมือมาลูบบนขนนุ่มละเอียดของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย แล้วจึงตอบสั้นกระชับ
บนใบหน้าของผู้เฒ่าชุดขาวฉายแววแปลกใจ
เด็กที่อยู่ขั้นผู้วิเศษแท้คนนี้ ไม่ได้เคารพยำเกรงต่อผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงแม้แต่น้อย
ดวงตาของศิษย์พี่ก่วงที่อยู่อีกฟากเผยแววเย็นชาอำมหิต
“จ้าวเฟิง ภารกิจราชวงศ์ในครั้งนี้จะเป็นจุดจบของเจ้า”
ศิษย์พี่ก่วงเก็บงำอารมณ์ความรู้สึก ยังคงแย้มยิ้มขณะไปพูดคุยกับวั่นหรงที่อยู่ข้างกายจ้าวเฟิง
ศิษย์พี่ก่วงตกหลุมรักหวั่นหรง ศิษย์น้องโฉมสะคราญผู้อ่อนหวานและสุขุมนุ่มลึกผู้นี้มาโดยตลอด
จากการตามเกี้ยวพาที่ผ่านมา ศิษย์พี่ก่วงได้รับความรู้สึกดีๆ และความไว้เนื้อเชื่อใจเบื้องต้นจากหวั่นหรง
แต่ทว่าภารกิจราชวงศ์ครั้งนี้ ศิษย์พี่ก่วงกลับพบว่าศิษย์น้องวั่นหรงและจ้าวเฟิงอยู่ใกล้ชิดกันอย่างยิ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวเฟิง วั่นหรงยิ้มอย่างอ่อนหวานดั่งดอกไม้แรกแย้ม
“เจ้าเด็กอ่อนต่อโลกนี่ ให้เจ้าได้ใจไปก่อนสักสองสามวันแล้วกัน…”
ศิษย์พี่ก่วงข่มความรู้สึกโกรธเกรี้ยวไว้ในใจ
เวลาผ่านไปไม่นานนัก กลุ่มคนที่แข็งแกร่งขบวนนี้ ก็นั่งเรือทะเลความว่างเปล่ามุ่งออกไปจากดินแดนเกาะเทียนเฟิง
ที่ทะเลความว่างเปล่า จ้าวเฟิงยืนมองลงไปยังดินแดนเกาะใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยไอสีฟ้าชั้นหนึ่ง สามารถมองเห็นโครงร่างของสายน้ำได้รำไร
สามารถเรียกว่า ‘ดินแดนเกาะใหญ่’ ได้ ขนาดของมันย่อมใหญ่กว่าดินแดนเกาะทั่วไปห้าถึงสิบเท่า อีกทั้งทรัพยากรและสภาพแวดล้อมก็ดียิ่งกว่าด้วย
จ้าวเฟิงยังพบอีกว่า ที่นี่อยู่ใกล้กับดินแดนทวีป ไอสวรรค์ในฟ้าดินลึกล้ำ แกนกลางและแรงกดดันของมิติก็จะมีมากกว่าส่วนหนึ่ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ พลังที่อยู่ในระดับเดียวกันสามารถทำลายเมืองเมืองหนึ่งในพื้นที่ชางไห่ได้ ถ้าหากเข้าไปภายในดินแดนทวีป บางทีอาจจะทำลายได้เพียงหมู่บ้านแห่งเดียวเท่านั้น
เรือทะเลความว่างเปล่าลำนี้มีความเร็วที่น่าตกใจ เร็วเกินกว่าครึ่งของเรือทะเลหุ่นเชิดศพเสียอีก
เห็นได้ชัดว่าอารยธรรมของราชวงศ์แห่งดินแดนทวีปรุ่งเรืองกว่าชางไห่มาก
สามวันต่อมา
เรือทะเลความว่างเปล่าก็เข้าใกล้ดินแดนเกาะที่ไอสวรรค์ค่อนข้างเบาบาง และไม่ต่างกับทวีปบุปผาครามมากนัก
“ที่นี่คือ ‘ดินแดนอู๋เชวีย’! ทุกคน…พร้อมรบ!” ผู้เฒ่าชุดขาวตะโกน
ภายในลำเรือ จ้าวเฟิงเปิดเปลือกตาออกจากสภาวะการฝึกบำเพ็ญตน
การฝึกตนของหลายวันมานี้ พลังฝึกตนของเขาทะลวงถึงขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอด ใช้เวลาไม่นานนักก็จะสามารถทะลวงขั้นนายเหนือแท้
จ้าวเฟิงค่อนข้างจะพึงพอใจในพัฒนาการพลังฝึกตนของตนเอง
วืด!
เรือทะเลความว่างเปล่าทะยานเข้าสู่ชั้นควันของดินแดนเกาะ สะเก็ดลูกไฟสว่างเจิดจ้ากระจายตัวออกมา
“ดินแดนเกาะแห่งนี้เหมือนกันกับดินแดนบุปผาคราม”
จ้าวเฟิงพึมพำในใจ
ตามที่เขาเข้าใจ ดินแดนอู๋เชวียแห่งนี้เป็นเขตชายแดนของการปกครองดินแดนเกาะเทียนเฟิง
สถานการณ์ของดินแดนเกาะแห่งนี้วุ่นวาย ต่อต้านคนต่างถิ่นอย่างมาก เป็นสถานที่ที่ไม่มีคนใส่ใจดูแลมายาวนาน
อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นเพราะราชวงศ์ต้าเฉียนมีสิทธิ์ในการปกครองทะเลความว่างเปล่าไม่ยิ่งใหญ่เช่นเก่าก่อน
อย่างเช่นชางไห่ที่จ้าวเฟิงอยู่นี้ ราชวงศ์ต้าเฉียนก็ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ก็ปรากฏหอบนกำแพงเมืองของราชวังที่โออ่าสวยงามขึ้นในครรลองสายตา
“ฆ่าขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงทุกคนที่ปรากฏในพระราชวัง”
ผู้เฒ่าชุดขาวออกคำสั่ง
หลังจากเอ่ยออกมา ก็ได้ยินแต่เสียงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
“ตู้ม”
ขวานยักษ์ในชั้นพิภพด้ามหนึ่ง พาลูกเพลิงทำลายล้างดิ่งลงมาจากเบื้องบนอย่างมืดฟ้ามัวดิน ชั่วพริบตาเดียวก็ปกคลุมทั่วหอกำแพงเมืองแห่งนั้น
ในชั่วขณะเดียว
หอกำแพงเมืองนั้นก็ทลายลงบนพื้น
เมืองหลวงอันเป็นที่ตั้งของพระราชวังก็ได้รับผลกระทบไปด้วย เสียงร้องโหยหวนคราญครางดังอยู่ทั่ว
ภายในเมืองหลวงมีทั้งขอบเขตแก่นก่อกำเนิดและยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้คอยดูแล แต่ละคนล้วนตอบโต้กลับมาอย่างโกรธแค้น
สามารถสถาปนาอาณาจักรที่ปกครองโดยราชวงศ์ขึ้นภายในเขตดินแดน พลังของอีกฝ่ายย่อมต้องไม่ธรรมดา
แต่ทว่า กลุ่มภารกิจในครั้งนี้นำโดยยอดผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง และยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดหลายคนล้วนแต่มีอาวุธชั้นพิภพที่สมบูรณ์
ยอดฝีมือของสำนักสองดาวระดับสุดยอด พลังในระดับเดียวกันย่อมเหนือกว่าราชวงศ์พื้นเมืองอยู่แล้ว
ในละแวกใกล้ๆ กับเมืองหลวงตกอยู่ในสถานการณ์รบราฆ่าฟันอันดุเดือด
ในขณะที่เพิ่งเริ่มต้น ราชวงศ์พื้นเมืองยังมีแรงต่อต้านอยู่บ้าง ต่อมาจึงได้กลายเป็นสนามรบอีกแห่งหนึ่ง
“ดูไปแล้ว ราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ของทวีปบุปผาครามในยามก่อน ก็คงจะโดนกระทำเช่นนี้จนล่มสลายไปเพียงข้ามคืน” จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ
เขาเข้าร่วมการต่อสู้ รับผิดชอบยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงที่หลบหนีมายังเขตชายแดนเป็นหลัก
“พวกเจ้าเหล่านี้เป็นบัวในตม อย่าหวังว่าจะตั้งราชวงศ์ขึ้นมา และช่วงชิงโชคชะตากับต้าเฉียน”
กำลังรบของยอดผู้สูงศักดิ์ในชุดขาวน่ากลัวอย่างยิ่ง สังหารขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสองคนติดๆ กัน
ในเวลาดังกล่าว ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดหลายคนที่ล้อมโจมตีเขาเพียงคนเดียวล้วนแต่ล่าถอยออกไป
ขณะที่สู้รบ ผู้เฒ่าชุดขาวยังออกคำสั่งให้คนอื่นๆ ไล่สังหารคนที่เล็ดลอดออกไปได้
พวกจ้าวเฟิงกับศิษย์พี่วั่นหรงที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงรับผิดชอบตามสังหารพวกลิ่วล้อ
สมาชิกบางส่วนของราชวงศ์พื้นเมืองนั้น ได้เร้นกายหนีไปภายใต้การปกป้องของยอดฝีมือ
จ้าวเฟิงเป็นหนึ่งในสมาชิกที่รับผิดชอบตามสังหารคนที่หลบหนีไปได้
สมาชิกราชวงศ์ที่ถูกตามฆ่าเหล่านั้นจะสู้กลับหรือไม่ก็คุกเข่าร้องขอชีวิต
หลักการของจ้าวเฟิงคือถ้ายอมแพ้ก็จะไว้ชีวิต
ในความเป็นจริงแล้ว การสังหารครั้งนี้ไม่มีผิดถูกจริงๆ ในหลักศีลธรรม เพียงแค่มีจุดยืนที่ต่างกันเท่านั้น
เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
ในเขตการปกครองของราชวงศ์ต้าเฉียน จะยอมให้สถาปนาราชวงศ์อื่นได้อย่างไร
ในเวลานั้นเอง
“ระวัง มีคนดักซุ่มอยู่!”
จ้าวเฟิงตามล่าเข้าไปในหุบเขา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของกลุ่มสมาชิกจากสำนักอยู่ไม่ไกล
“อ๊าก อ๊าก…”
ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดผู้หนึ่งที่ไล่ล่าเข้ามาภายในหุบเขาและขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงหลายคน พากันตายอย่างอนาถติดๆ กัน
ใครกัน?
จ้าวเฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย ยืนอยู่บนวิหคนิลกาฬ
“จ้าวเฟิง ต้องโทษที่เจ้าทำตัวโดดเด่นออกมา ในวันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า” มีเสียงแหบห้าวลอยมา
ผู้เฒ่าสวมหน้ากากร่างกายเล็กเตี้ยเดินออกมาจากในหุบเขา กริชชั้นพิภพในมือยังมีคราบเลือด
นอกจากนี้
ในละแวกใกล้เคียงของหุบเขา ยังปรากฏกลิ่นอายแกร่งกล้าหกเจ็ดเส้นสาย พลังฝึกตนต่ำสุดอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย
คนเหล่านี้ใส่ชุดคลุมสีดำและสวมหน้ากากเหมือนกัน
“ยอดผู้สูงศักดิ์สองคน ผู้สูงศักดิ์หกคน บ้านตระกูลอินให้เกียรติข้าเสียจริง”
จ้าวเฟิงเอ่ยแล้วยิ้มเยาะ
เมื่อต้องเผชิญหน้าการล้อมสังหารจากคนมากมายเช่นนี้ เด็กหนุ่มที่อยู่ในครรลองสายตายิ้มแย้มออกมาอย่างสบายใจ
ภาพเช่นนี้ทำให้ผู้เฒ่าร่างเตี้ยและคนอื่นๆ เกิดความแปลกใจ แล้วเตรียมพร้อมต่อสู้
“เจ้าเด็กนี่ จะตายแล้วยังปากเก่งอีก”
เสียงเย็นของหญิงสาวผู้หนึ่งลอยมาจากเบื้องหลัง นางคือหญิงในชุดดำที่ผอมเหมือนท่อนฟืน มีเพลิงสีเทามืดเป็นชั้นหมุนวนรอบกาย
สตรีผู้นี้เป็นแขนงวิญญาณมรณะที่หาได้ยากยิ่ง แววตาจับจ้องไปที่วิหคนิลกาฬเขม็ง
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการสังหารครั้งนี้เป็นแผนที่วางไว้นานแล้ว
“มือสังหารของตระกูลอินสามารถมาสังหารข้าอย่างแม่นยำในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ ในกลุ่มทำภารกิจจะต้องมีหนอนบ่อนไส้อย่างแน่นอน”
จ้าวเฟิงมั่นใจอย่างยิ่ง
เรื่องของหนอนบ่อนไส้ตัวนั้นดูเป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง
จ้าวเฟิงตายในสถานการณ์วุ่นวายของการทำภารกิจราชวงศ์ครั้งนี้ ก็จะไม่ทำให้สำนักเกิดความสงสัยมากนัก และยังใส่ร้ายว่ามือสังหารเป็นคนของราชวงศ์พื้นเมืองได้ด้วย
“ทิ้งไว้นานเดี๋ยวพลาดโอกาส ลงมือสังหารเลย!”
ผู้เฒ่าร่างเตี้ยในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงกำกริชชั้นพิภพในอุ้งมือ ร่างกายสั่นไหว ก่อนหลอมรวมเข้าไปภายในบรรยากาศที่มืดมิดว่างเปล่า แล้วจึงหายวับไปกับตา
สวบ ฟุ่บ!
ในวินาทีถัดมา ไอเย็นแหลมคมตรงดิ่งไปยังส่วนหัวใจของจ้าวเฟิง
ที่แท้ผู้เฒ่าร่างเตี้ยฝึกศาสตร์เงาสังหารที่หาได้ยากยิ่ง
แต่ทว่ากริชชั้นพิภพในมือของเขาเพิ่งจะเข้าใกล้จ้าวเฟิง ร่างกายก็พลันแข็งค้างไป
วูบ!
กริชลึกลับที่มืดมนราวกับเงาพุ่งทะลุผ่านส่วนหัวของผู้เฒ่าร่างเตี้ย
“เป็นไปได้อย่างไรกัน…”
ผู้เฒ่าชะงักนิ่งอยู่กับที่ เลือดสดๆ ไหลหยดลงบนพื้น
คนที่ลงมือสังหารเขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเงาสังหารเช่นกัน อีกทั้งยังมีความสามารถสูงส่งกว่าเขามาก
เมี้ยว เมี้ยว!
แมวน้อยสีเทาเงินตัวหนึ่งปรากฏกายขึ้นเบื้องหลังของผู้เฒ่าร่างเตี้ย แล้วจึงเปลี่ยนร่างเป็นเส้นลำแสงสีเงินเข้มเส้นหนึ่ง
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
ยอดฝีมือในขอบเขตก่อกำเนิดที่อยู่ใกล้เคียงหลายคนมีรูเลือดบนช่วงอก
จนสุดท้ายแล้วก็เหลือเพียงหญิงสาวผอมแห้งที่อยู่ในเพลิงสีเทามืดคนนั้น
นัยน์ตาของสตรีคนดังกล่าวฉายแววหวาดกลัวออกมา หลังของนางชุ่มด้วยเหงื่อเย็น เห็นได้ชัดว่าตื่นตกใจวิชาเงาสังหารของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย
จ้าวเฟิงเพิ่งเตรียมพร้อมจะลงมือ ในความมืดที่ไกลแสนไกลมีเสียงลอยแว่วมา
“นายน้อยจ้าวเฟิง อดทนไว้ พวกข้ามาช่วยเจ้าแล้ว…”
กลิ่นอายของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดหลายกลุ่มกำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
ผู้เฒ่าชุดผ้าป่านที่เป็นผู้นำมีพลังฝึกตนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงสุดยอด ในมือมีกระบี่ชั้นพิภพหนึ่งด้าม เขาเปลี่ยนเป็นไอเย็นสีม่วง ก่อนทะยานไปยังร่างหญิงสาวผอมแห้งคนดังกล่าว
หญิงสาวผอมแห้งเพิ่งจะเตรียมตัวหลบ แต่กลับเจอจ้าวเฟิงใช้ฝ่ามือสะบัดเข้าให้
ฝ่ามือดังกล่าวเหมือนว่ามีพลังมารอย่างหนึ่ง เมืองวงกตมายาที่มีหมอกควันปกคลุมเลือนรางปรากฏขึ้น
ตูม! โครม!
หญิงสาวผอมแห้งยืนนิ่งไม่ไหวติง ภายใต้การโจมตีร่วมกันของผู้เฒ่าชุดผ้าป่านและจ้าวเฟิง นางถูกทิ่มแทงจนดับดิ้นอย่างรวดเร็ว
สวบ สวบ สวบ!
ผู้เฒ่าชุดผ้าป่านที่ลงมือนั้นรีบนำผู้อาวุโสในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดหลายคนมายังที่ดังกล่าว
“จ้าวเฟิง เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดี!”
ผู้เฒ่าชุดผ้าป่านที่เป็นผู้นำผ่อนลมหายใจยาว เช็ดรอยเหงื่อที่อยู่บนหน้าผาก
ที่แท้คนผู้นี้เป็นผู้อาวุโสส่วนหนึ่งของตระกูล ‘จ้าวเฟิง’ เมื่อได้รับรายงานจึงรุดหน้ามาช่วยจ้าวเฟิง
“ท่านผู้อาวุโส น้าอาทุกท่าน พวกท่านมาได้ ‘ทันเวลา’ พอดีเลย” จ้าวเฟิงเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยนั่งอยู่บนไหล่ของเขา ปรายตามองด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
ผู้เฒ่าในชุดผ้าป่านและคนอื่นๆ เหงื่อไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ สีหน้าอึดอัดเล็กน้อย
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้าแมวขโมยตัวน้อย ตอนที่พวกเขารีบมา บางทีอาจเห็นแค่ศพของจ้าวเฟิง
“นี่คือผู้อาวุโสแมวขโมยที่ข้าได้มาพร้อมโอกาสครั้งใหญ่เมื่อหลายเดือนก่อน” จ้าวเฟิงเอ่ยแนะนำ
“คารวะผู้อาวุโสแมวขโมย!” ผู้เฒ่าชุดผ้าป่านและคนอื่นสีหน้าเคร่งขรึม
แมวตัวนี้ได้สังหารกลุ่มยอดฝีมือขอบเขตแก่นก่อกำเนิดของตระกูลอินอย่างสบายมือ และลงมือสังหารยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดไปคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เมี้ยว~
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยมีสีหน้าภาคภูมิใจ ทำท่าทีเหมือนเป็นผู้อาวุโส
กลุ่มผู้อาวุโสของตระกูลจ้าวยิ่งประหลาดใจในความโชคดีนี้
“จ้าวเฟิง คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีโอกาสที่ดีเช่นนี้ มีผู้อาวุโสแมวขโมยอยู่ พวกข้าคงไม่ต้องกังวลในความปลอดภัยของเจ้าอีกต่อไปแล้ว” ผู้เฒ่าชุดผ้าป่านเอ่ยอย่างทอดถอนใจ
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ผู้เฒ่าก็เปลี่ยนเรื่อง “จ้าวเฟิง ที่มาในครั้งนี้เพราะมีเรื่องอยากคุยกับเจ้าเสียหน่อย ให้เจ้าได้เตรียมใจไว้บ้าง”
“เอ๊ะ? มีเรื่องอะไรหรือ?”
“เฮอะเฮอะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการหมั้นหมายของเจ้าและแม่นาง ‘ลั่วสุ่ยเอ๋อร์’ ….”