บทที่ 791 เข้าสู่มิติเทพลวงตา
หลังจากทะลวงผ่านขอบเขตปราณเทวะแล้ว ดวงวิญญาณจะแปรเปลี่ยนไป ทว่าไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสภาวะแบบธรรมดา มันมีพลังที่แข็งกล้าแฝงอยู่ภายใน
ไม่ว่าจะคุณสมบัติของกายเนื้อภายนอกหรือดวงวิญญาณ ล้วนแต่อยู่ในแรงแบกรับของมิติ
หนึ่งในนี้ไม่ว่าจะเป็นดวงวิญญาณหรือกายเนื้อ หากแข็งแกร่งไปจนถึงระดับขั้นหนึ่งก็จะเกินขีดจำกัดแรงแบกรับของมิติ
อุโมงค์เชื่อมต่อนี้ก็มีหลักเหตุผลเดียวกัน
“ขั้นดวงวิญญาณของข้าในตอนนี้เทียบเท่าได้กับราชันปราณเทวะธรรมดา อาจจะแข็งแกร่งกว่าเสียด้วยซ้ำไป”
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนเล็กน้อยของอุโมงค์
ความรู้สึกสั่นสะเทือนนั้นรุนแรงกว่าข่งเฟยหลิงคนก่อนหน้าที่อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชัน หรือกระทั่งรุนแรงเทียบเท่ากับ ‘อวิ๋นฮ่าว’ ที่ถูกมิติฉีกทึ้งจนร่างแหลก
หรือว่าตนเองจะมีจุดจบเช่นเดียวกับอวิ๋นฮ่าว?
จ้าวเฟิงกังวลใจ
ในวินาทีอันตรายนี้ จ้าวเฟิงถึงขั้นเตรียมเอา ‘ดวงตาเทพเจ้าออกจากร่าง’ อีกครั้ง
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การรักษาเอาตัวรอดถึงเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก
ดีที่แรงกระเทือนดังกล่าวเพียงแค่ใกล้เคียงกับของอวิ๋นฮ่าว แต่ไม่รุนแรงเท่า
อุโมงค์เชื่อมต่อมีปฏิกิริยาสะท้อนกลับกับชั้นกายเนื้อมากกว่า
มิติปราณที่แท้จริงที่แก่นผลึกในร่างราชันปราณเทวะสร้างขึ้น พลังของมันไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
พลังฝึกตนกับปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงกลับหยุดไว้ที่ขอบแขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลาง
เวลานี้ จ้าวเฟิงรู้สึกยินดีเป็นครั้งแรกที่พลังฝึกตนของตนเองไม่สูงขนาดนั้น
ในความเป็นจริงแล้ว
ลูกศิษย์และยอดฝีมือสำนักส่วนหนึ่งก็จงใจไม่ทะลวงผ่านขอบเขตราชันเพื่อจะรับมือกับ ‘มิติเทพลวงตา’
รอเข้าไปในมิติเทพลวงตา เก็บสะสมเอาไว้ให้มากก่อน แล้วใช้เพื่อทะลวงผ่านระดับใดๆ ในคราวเดียว
ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อจะลดความเสี่ยงที่มองไม่เห็นลงจนถึงขั้นต่ำที่สุด
พรึ่บ!
ในขณะที่ร่างของจ้าวเฟิงปรากฏขึ้น เขาสัมผัสได้ว่ากายเนื้อและดวงวิญญาณหนักอึ้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แรงกดดันที่เก่าแก่ไร้จุดสิ้นสุดกลุ่มหนึ่งทะลักทะลวงเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน นั่นก็คือกลิ่นอายที่อยู่มาตั้งแต่ยุคบรรพกาลและโบราณกาล
ขณะที่ปรากฏตัวอย่างฉับพลันนั้น จ้าวเฟิงรู้สึกราวกับตนเองเข้าไปในห้วงฝันบรรพกาล
แรงกดดันมิติของที่แห่งนี้รุงแรงกว่าของอุทยานครึ่งเซียนระดับขั้นหนึ่ง
ทั่วทั้งมิติมีความมืดมิดพร่าเลือน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อทัศนวิสัยมากนัก
ในครรลองสายตาปรากฏทะเลทรายเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา ธุลีทรายส่งเสียงหวีดหวิว
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ข้างกายของจ้าวเฟิงมีเงาร่างส่วนหนึ่งของยอดฝีมืออาวุโสและลูกศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น
หลังจากนั้น
คนทั้งหมดเก้าสิบเก้าคนก็ปรากฏกายขึ้นในมิติโบราณที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้
“ทุกคนรวมตัว!”
ข่งเฟยหลิงเริ่มรวบรวมสมาชิกตามแผนการของบรรดายอดฝีมือผู้อาวุโส
การเชื่อมต่อของมิติเทพลวงตา ตามปกติแล้วคนที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันจะถูกส่งมายังตำแหน่งใกล้เคียงกัน
อย่างเช่น อัจฉริยะที่เข้ามาจากทางอุโมงค์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น ก็จะปรากฏตัวขึ้นที่ตำแหน่งเดียวกันในมิติเทพลวงตา
สำนักอื่นๆ บนดินแดนเกาะเทียนเฟิงที่เข้ามาภายในมิติเทพลวงตา จะปรากฏกายขึ้นในตำแหน่งที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับพื้นที่แห่งนี้
แต่ทั่วทั้งดินแดนเกาะใหญ่ ขั้วอำนาจที่พอจะเชื่อมต่อกับมิติเทพลวงตา เมื่อนับรวมกับจวนอ๋องโหวแล้วก็มีไม่มากนัก
“ท่านผู้เฒ่าเฟ่ย ตอนนี้พวกเราอยู่ในตำแหน่งใดของมิติเทพลวงตา?”
ข่งเฟยหลิงถามขึ้น
ตอนก่อนหน้านี้พลังของนางอาจจะนับเป็นที่หนึ่งที่สองในฝูงชน แต่หากพูดเรื่องประสบการณ์แล้ว ข่งเฟยหลิงเทียบไม่ได้กับยอดฝีมืออาวุโสส่วนหนึ่ง
‘ผู้เฒ่าเฟ่ย’ ที่นางเอ่ยถามเป็นผู้เฒ่าวัยเจ็ดสิบที่ถือไม้เท้าไว้ในมือ
‘ผู้เฒ่าเฟ่ย’ ผู้นี้มีประสบการณ์มากที่สุด เคยเข้ามาภายในมิติเทพลวงตาถึงสองครั้ง แม้ว่าจะเก็บเกี่ยวอะไรไม่ได้ แต่ว่าก็ยังมีชีวิตรอดอยู่ต่อ หนำซ้ำยังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ ได้มากมาย
“ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งได้แน่ชัด ด้วยอาณาเขตของมิติเทพลวงตากว้างใหญ่ มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเข้ามาภายในพื้นที่ที่ยังไม่รู้จักก็เป็นได้”
ใบหน้าของผู้เฒ่าเฟ่ยเต็มไปด้วยริ้วรอยและประสบการณ์
พลังฝึกตนของเขาก็แตะไปถึงขั้นครึ่งก้าวสู่ราชัน หากว่าประมือกันขึ้นมาจริงๆ ก็สามารถเอาชนะคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกันได้อย่างสบายๆ
ต่อจากนั้น
กองกำลังของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นก็เริ่มสำรวจพื้นที่ในละแวกใกล้เคียง
แรงกดดันของมิติเทพลวงตาไม่น้อยเลย ประสาทสัมผัสในแต่ละด้านถูกกดไว้ คนที่พลังฝึกตนต่ำกว่าราชันปราณเทวะก็ยากจะโบยบินได้
เมื่อขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงและครึ่งก้าวสู่ราชันอยู่ในที่แห่งนี้ จะทำได้เพียงกระโดดและโผทะยานได้ระยะสั้นๆ เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้มาเยือนจากภายนอกสำรวจมิติแห่งนี้ได้ยากเย็นนัก
ทะเลทรายเบื้องหน้าเป็นผืนทรายกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
ไม่นานนัก ลูกศิษย์หลายคนที่ออกไปสำรวจในที่ไกลออกไปก็ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จัก
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
เมื่อยอดฝีมือส่วนหนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นได้ยินเช่นนั้น จึงรีบบินไปเพื่อให้ความช่วยเหลือ
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสอดส่ายไปยังที่ไกลๆ อย่างอดไม่ได้
เห็นเพียงหนูฟันแหลมคมขนาดใหญ่หลายตัว ดวงตาของมันสาดแสงสีแดงเป็นประกาย และกำลังปะทะเข้ากับลูกศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นหลายคน
หนูฟันแหลมโครงสร้างร่างกายแข็งแกร่งยิ่ง การโจมตีของคนในขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปยากจะทำร้ายมันให้ถึงแก่ชีวิตได้
จนถึงตอนที่ผู้อาวุโสในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดมาถึง ฟาดฝ่ามือลงไปอย่างรวดเร็ว โจมตีหนูฟันแหลมหนึ่งในนั้นจนตาย
ส่วนหนูฟันแหลมคมตัวอื่นๆ ในขณะที่พวกมันกรีดร้องโหยหวนก็รีบมุดลงไปในรูทรายบริเวณใกล้เคียง
“หนูฟันแหลมคมพวกนี้เป็นประเภทในยุคโบราณ ฟันที่แหลมคมและขนของพวกมันเป็นวัตถุดิบที่หาได้ยากในโลกภายนอก”
ผู้อาวุโสในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดผู้นั้นเอ่ยอย่างยินดีเล็กน้อย
ในการค้นหาหลังจากนั้น บรรดายอดฝีมือของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นก็เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตประเภทหนูส่วนหนึ่ง
ส่วนพวกผู้ค้นหาเกาะกลุ่มรวมกัน ทุกกลุ่มล้วนมีคนในขั้นนายเหนือแท้ดูแลอยู่ จึงแทบไม่มีความเสี่ยงอะไร ถึงแม้จะดูน่ากลัวก็ตาม
จ้าวเฟิงและหลิ่วเทียนฝานที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันก็เผชิญหน้ากับการโจมตีด้วย
หืม?
ทันใดนั้นเอง จ้าวเฟิงพลันมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างหนึ่ง จึงอดจะมองพื้นดินใต้เท้าไม่ได้
“ระวัง!”
หลิ่วเทียนฝานตะโกนเสียงดัง ลำแสงวงแหวนสีม่วงหม่นที่เผาผลาญรุนแรงปะทะลงไปยังพื้นกรวดทรายใต้ฝ่าเท้า
หลังเสียงดัง ‘โครม’ สมาชิกหลายคนในกลุ่มเล็กๆ นี้โดนแรงดังกล่าวกระแทกลอยออกไปหลายสิบจั้ง
และในวินาทีต่อมา
เสียงกรีดร้องเย็นยะเยือกลอยมาจากภายในพื้นทะเลทราย แมงป่องขนาดยักษ์สีดำปลอดทั่วร่างผุดขึ้นมาจากใต้ดิน
แมงป่องสีดำตัวใหญ่ ขนาดตัวยาวสิบกว่าจั้ง ทั่วร่างของมันประหนึ่งเหล็กกล้า ก้ามและหางแมงป่องมีพิษกับความเย็นเยียบที่แหลมคม
แซ่ด!
ฝูงชนอดสูดหายใจเย็นด้วยความหวาดผวาไม่ได้
การโจมตีเมื่อครู่ทิ้งไว้เพียงริ้วรอยที่ไม่ชัดเจนบนผิวหนังดังเหล็กกล้าของแมงป่องตัวใหญ่สีดำ
“ระวังพิษของเจ้าแมงป่องนี่!”
หลิ่วเทียนฝานดึงดาบยาวชั้นพิภพออกมา ฟันไปที่แมงป่องสีดำตัวใหญ่
เคร้ง!
แรงฟาดฟันนี้กลับโดนแมงป่องยักษ์ใช้ก้ามหนึ่งคู่ป้องกันเอาไว้ได้อย่างมั่นคง
ปัง!
พลังรุนแรงกลุ่มหนึ่งกระแทกจนหลิ่วเทียนฝานกระเด็นถอยร่นไปหลายก้าว
ถ้าหากสู้ตัวต่อตัว ชัยชนะของหลิ่วเทียนฝานถือว่าน้อยนิดยิ่ง ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือหลบหนีไปเสีย
แต่เมื่อเข้ามาภายในมิติเทพลวงตา โดยปกติแล้วจะทำงานกันเป็นกลุ่ม
มีเพียงอัจฉริยะยอดฝีมือระดับสูงส่วนหนึ่งที่พลังถึงขั้นราชัน ถึงจะมีคุณสมบัติทำอะไรเพียงลำพังได้
“ย้าก!” จ้าวเฟิงร้องลั่น ทั่วร่างปรากฏแสงโลหะสีเงินฟ้าออกมาชั้นหนึ่ง แล้วจึงส่งหมัดออกมาเบาๆ
ตู้ม!
กำลังกายมหาศาลที่ไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งปะทะเข้าบนร่างของแมงป่องยักษ์สีดำ
พลังกายกลุ่มนั้นปะทะเข้าทันทีทันใด มากพอจะทำให้ขอบเขตแก่นก่อเนิดระดับต่ำกระอักเลือดได้
แต่ว่าแมงป่องตัวใหญ่เลือดเนื้อร่างกายแกร่งกล้ายิ่งนัก ร่างกายเพียงสั่นน้อยๆ ความเร็วของมันถูกจำกัดไว้
ทว่าวิธีการของจ้าวเฟิงไม่ได้มีเพียงจุดนี้เท่านั้น
เขาขยับนิ้วเล็กน้อย วายุอัสนีธาตุน้ำคล้ายระลอกเล็กๆ กลายเป็นคลื่นการโจมตีลักษณะครึ่งวงกลมกวาดผ่านทั่วร่างของแมงป่องสีดำตัวใหญ่
แซ่ด แซ่ด โครม!
ความรู้สึกชาจากการโดนสายอัสนีบาต จำกัดแมงป่องยักษ์ไว้อีกครั้ง
แซ่ด!
วายุอัสนีธาตุน้ำและพลังร่างกายรวมตัวกัน จ้าวเฟิงจึงสามารถควบคุมแมงป่องยักษ์สีดำได้อีกครั้งจากด้านข้าง
ความเร็วท่าร่างของเขารวมไปถึงสำนึกรู้ล้วนแปลกประหลาดและสูงส่งเกินจะเปรียบ
แมงป่องสีดำตัวนั้นไม่สามารถโจมตีจ้าวเฟิงได้
สิบช่วงลมหายใจต่อมา
จ้าวเฟิงและหลิ่วเทียนฝานเป็นแรงหลัก โจมตีจนแมงป่องยักษ์สีดำล่าถอยไป
แต่แมงป่องตัวนี้มีแรงต้านทานที่แกร่งกล้านัก กลับไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่อย่างใด
ผู้อาวุโสในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดหลายคนมาถึงโดยไว แรงโจมตีที่กล้าแกร่งและสมบูรณ์สามารถกดดันแมงป่องยักษ์สีดำได้อย่างสบายๆ
“ยิ่งแก่ยิ่งมากประสบการณ์จริงๆ” หลิ่วเทียนฝานทอดถอนใจ
ยอดฝีมือผู้อาวุโสส่วนมากมีพลังฝึกตนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง รูปแบบการโจมตีเฉียบขาดอย่างยิ่ง
ไม่นานนัก
แมงป่องยักษ์สีดำถูกกลุ่มคนล้อมสังหาร ด้วยความช่วยเหลือของยอดฝีมือผู้อาวุโสหลายคน พวกมันไม่มีแม้แต่โอกาสจะหนีด้วยซ้ำ
“ยอดฝีมือผู้อาวุโสเหล่านี้มีกำลังรบแข็งแกร่งอย่างมาก”
จ้าวเฟิงลอบผงกศีรษะน้อยๆ
เขาคาดการณ์ว่า คนรุ่นใหม่หกสิบกว่าคนทั้งหมดรวมตัวกัน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้อาวุโสสามสิบกว่าคนอยู่ดี
ในเขตพื้นที่ทะเลทรายเวิ้งว้างไม่มีสิ้นสุด
ทั้งกองกำลังของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นเริ่มค้นหาและรุกคืบอย่างเป็นระบบระเบียบ
ยอดฝีมือส่วนหนึ่งเอาพาหนะของตนเองออกมา ในเขตทะเลทรายจะเหมาะสมกับสัตว์วิเศษประเภทบนบกมากกว่า
ด้วยเพราะแรงกดดันมิติและพายุทราย จึงทำให้ไม่เหมาะสมจะใช้สัตว์วิเศษที่โบยบิน
จ้าวเฟิงจึงยังไม่เรียกวิหคนิลกาฬออกมาเป็นการชั่วคราว เขาเริ่มระแวงว่าบนพื้นราบนี้เหมาะหรือไม่ที่จะใช้พาหนะ
ครึ่งวันต่อมา
ในอากาศเหนือทะเลทราย เมฆหมอกเคลื่อนคล้อย สงบราบเรียบอย่างน่าประหลาด
เวลานี้ ฝูงชนก็ไม่เจอสิ่งมีชีวิตพวกนั้นอีก
“ช้าก่อน!”
‘ผู้เฒ่าเฟ่ย’ ที่เป็นดังกุนซือผู้ชี้นำโบกมือขึ้นในฉับพลัน
“อากาศเช่นนี้ไม่ควรดีใจไป ในอดีตข้าเคยทำภารกิจของสำนัก เคยดำรงชีวิตในทะเลทราย ถ้าหากทายไม่ผิด พายุทรายครั้งใหญ่จะหมุนวนมา”
ผู้เฒ่าเฟ่ยขมวดคิ้วมุ่น
พายุทะเลทราย?
เหล่ายอดฝีมือของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นล้วนแต่หน้าเปลี่ยนสีไป
ถ้าหากเป็นโลกภายนอก พายุทะเลทรายทั่วไปคงจะไม่อยู่ในสายตา แต่ว่ามิติเทพลวงตาเป็นมิติขั้นสูง แม้แต่จะบินก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
พลังภัยพิบัติธรรมชาติของที่นี่ไม่ควรจะมองข้าม!
ณ เวลานี้ ยังมองไม่เห็นแม้แต่เงาของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งบนทะเลทราย จึงทำให้พอจะคาดเดาได้
“ท่านผู้เฒ่าเฟ่ย พวกเราควรทำอย่างไรกันดี?” ข่งเฟยหลิงถาม
“ไม่มีจุดหลบภัยที่เหมาะสม พวกเรายากจะหลบหนี ‘พายุทะเลทราย’ วิธีเดียวที่ทำได้คือรวมตัวกันบนที่สูงแล้วสร้างค่ายขึ้นมา”
ผู้เฒ่าเฟ่ยเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
คำแนะนำของเขาได้รับการยอมรับในทันที
พวกเขาหาสถานที่ที่มีตำแหน่งสูง รวมแรงกำลังแล้วสร้างค่ายกลต้านทานแห่งหนึ่งในทันที
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ลูกศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นลงมือทำอย่างรวดเร็ว
ไม่นานจากนั้น
กองกำลังก็เจอยอดเขาทะเลทรายที่ค่อนข้างสูง จึงเริ่มสร้างค่ายกลทันใด
ภายใต้การแนะนำของผู้เฒ่าเฟ่ย ฝูงชนเริ่มสร้างค่ายกลในแขนงดินแห่งหนึ่งขึ้นมา
ในค่ายกลผลึกสีเหลืองสว่าง ปรากฏเรือนหินหลังใหญ่ปกป้องคนที่อยู่ภายในไว้
ครึ่งชั่วยามต่อจากนั้น
ฟ้าดินก็เริ่มดำมืดขึ้น พายุทะเลทรายปลิวว่อนกลืนกินทุกสิ่งในครรลองสายตา
วิ้ง~
ค่ายกลหินที่คนทั้งหมดรวมตัวกันอยู่สั่นสะเทือนเบาๆ และค่อยๆ อับแสงลง
คนทั้งหมดรีบเร่งวางผลึกเริ่มต้น ส่งปราณที่แท้จริงเข้าไป
“พลังของพายุทรายนี้รุนแรงกว่าที่คาดคิดเอาไว้มาก คนที่อยู่ในขั้นต่ำกว่าครึ่งก้าวสู่ราชันยากจะอยู่รอดได้…”
ผู้เฒ่าเฟ่ยเอ่ยอย่างกังวล
คนทั้งหมดมีสีหน้าหวาดกลัว ภายในมิติเทพลวงตานี้ เพียงแค่ภัยพิบัติทางธรรมชาติก็ยังมีพลังที่แข็งกล้าเช่นนี้แล้ว
ถ้าหากว่าเป็นยอดฝีมือสำนักเพียงหนึ่งสองคนก็จะเดินทางไปอย่างยากลำบาก
จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ นั่งหลับตาฝึกบำเพ็ญตนภายในค่ายกลหินอย่างเงียบๆ
ทุกครั้งที่มิติเทพลวงตาเปิดออก จะมีเวลาประมาณหลายเดือน ยาวนานที่สุดจะไม่เกินครึ่งปี
อีกทั้งมิติแห่งนี้ ถึงแม้เป็นสถานที่ที่เซียนหลงเหลือเอาไว้ ไอสวรรค์ในฟ้าดินก็แข็งแกร่งว่าดินแดนทวีปไม่มากนัก
ที่สำคัญก็คือ ที่นี่มีทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่ยากจะพบเจอในโลกภายนอก
แต่ทว่าโชคของสำนักศักิ์สิทธิ์วั่นคงจะไม่ดีนัก พื้นที่ที่เชื่อมต่อได้เป็นเพียงทะเลทรายที่ว่างเปล่าผืนนี้
พายุทรายครั้งนี้ดำเนินไปเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ
ในวินาทีหนึ่ง พายุทรายค่อยๆ ลดตัวลง สถานที่สูงที่คนทั้งหมดอยู่และบนยอดเขายังโดนทะเลทรายกลบทับ
พรึ่บ! พรึ่บ!
ยอดฝีมือผู้อาวุโสส่วนหนึ่งเป็นผู้นำ สาดฝุ่นธุลีของค่ายกลหินกระเซ็นออกจนทะลุเป็นอุโมงค์เส้นหนึ่ง
หลังจากที่เห็นดวงทิตย์อีกครั้งแล้ว
เหล่าคนมองไปรอบๆ แต่ละคนมีความรู้สึกงุนงง ล้วนแต่สิ้นสติไปและยากจะเชื่อได้