Skip to content

King of Gods 797

King Of Gods

บทที่ 797 ปลดปล่อยพลังเต็มที่

กองกำลังกลุ่มนั้นลักษณะกระบวนทัพแข็งแกร่งกว่ากลุ่มคนของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นอำนาจจากภายนอกที่ไล่สังหารไต้ซือมนุษย์งู

“เป็นขั้วอำนาจที่ไหนกัน ถึงสามารถไล่ล่าไต้ซือมนุษย์งูจนเป็นเช่นนี้ได้”

ผู้อาวุโสและคนอื่นๆ ตื่นตระหนก แล้วจึงถอนใจโล่งอกพร้อมกัน

เมื่อครู่ไต้ซือผู้นั้นสื่อสารกับพลังของ ‘ผลึกปีศาจ’ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย

สวบ สวบ สวบ!

กองกำลังเหล่านั้นเดือดพล่านดุดัน ผู้นำเป็นชายฉกรรจ์คิ้วหนาร่างกายกำยำ ในมือถือหอกยาวที่สาดลำแสงสายฟ้ารอบๆ

“พวกเจ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์…มาได้เวลาพอดี!”

ไต้ซือมนุษย์งูมองเห็นคนกลุ่มนี้ก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวไปหมดทุกสิ่ง

คนกลุ่มนี้เพิ่งจะมาถึงก็ทำลายถิ่นที่อยู่ของเผ่าพันธ์มนุษย์งู ไต้ซือจะกลับไปช่วยก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำผู้นั้น

ทันทีที่ออกจากจตุรัสทมิฬแห่งนี้ ไต้ซือมนุษย์งูก็สื่อสารกับพลังของ ‘ผลึกปีศาจ’ อย่างค่อนข้างยากลำบาก

เปรี้ยง! ฟ่อ

ไต้ซือมนุษย์งูฟาดคทาในมือฉับหนึ่ง งูสายฟ้าสีม่วงเข้มประหลาดหลายต่อหลายตัวตรงดิ่งไปยังกลุ่มคนฝั่งตรงข้าม

“อ๊าก อ๊าก…”

กลุ่มคนที่ดูโหดร้ายเหล่านั้นตกอยูในความโกลาหลทันที เสียงร้องโหยหวนลอยมา

พวกเขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า หลังจากที่ไต้ซือมนุษย์งูเข้าไปภายในสถานที่นี้แล้วจะมีพลังแกร่งกล้าเช่นนี้

“หอกสายฟ้า!”

หอกยาวในมือของชายฉกรรจ์คิ้วเข้มแทงออกไป พลังสายฟ้าเกาะกลุ่มรวมตัวกันจนถึงขีดสุดลำแสงละเอียดเล็กราวเข็ม อานุภาพดุจฟ้าคะนอง ทะลวงผ่านทั่วผืนฟ้า

แซ่ด แซ่ด ผลัวะ!

บนร่างของไต้ซือมนุษย์งูสาดแสงโลหิตสีม่วงชั้นหนึ่งออกมา และเชื่อมกับพลังของผลึกปีศาจไม่หยุดหย่อน

ถึงแม้ไต้ซือมนุษย์งูจะไม่สามารถใช้พลังกลุ่มนั้นได้อย่างแท้จริง แต่กลับเกิดการบดขยี้ในระดับขั้นพลัง

ชายฉกรรจ์คิ้วหนาโจมตีอย่างรุนแรงด้วยหอก ทว่าไม่อาจจะทะลวงผ่านการป้องกันของไต้ซือมนุษย์งู

“เป็นไปได้อย่างไร…”

ชายฉกรรจ์เสียสมาธิไปเล็กน้อย ไต้ซือมนุษย์งูที่ก่อนนี้ถูกเขาโจมตีจนพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า ตอนนี้เปลี่ยนมาแข็งแกร่งเช่นนี้

กลับเป็นไต้ซือมนุษย์งูที่โบกคทาในมือส่งๆ ลำแสงโลหิตสีม่วงก็กลายเป็นคลื่นแสงพุ่งทะลวงออกไป บีบให้ชายฉกรรจ์คิ้วเข้มผู้นั้นถอยร่นไปติดๆ

“พลังของผลึกปีศาจระดับขั้นสูงส่งเกินไป ถึงแม้ว่าจะไม่มีเสวียนอ้าวใดแฝงอยู่…”

จ้าวเฟิงถอยกลับไปยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง

การลงมือของของไต้ซือมนุษย์งูไม่มีเคล็ดลับอะไรแฝงอยู่ทั้งสิ้น มีเพียงการกดดันของพลังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

หากนับแต่เรื่องระดับความแข็งแกร่งของพลัง ถึงเป็นจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะก็ยังสู้ไม่ค่อยได้

ดีที่พลังของผลึกปีศาจมีเพียงความแข็งแกร่ง ไม่มีเสวียนอ้าวอะไรแฝงเท่าไรนัก

“มารพิโรธ!”

ไต้ซือมนุษย์งูยกคทาขึ้นมาน้อยๆ พลังที่ยิ่งใหญ่ของผลึกปีศาจครอบคลุมไปทั่วสถานที่แห่งนั้น

แสงโลหิตม่วงปกคลุมทั่วทั้งจตุรัสทมิฬ

บรรดายอดฝีมือที่แข็งแกร่งในที่แห่งนั้นสัมผัสได้เพียงเลือดลมในร่างกายและพลังสายเลือดหลุดลอยออกไปไม่หยุด

พรึ่บ~

แต่สีของ ‘ผลึกปีศาจ’ ที่อยู่บนเสายิ่งแดงสดกว่าเดิม

ในที่สุดแล้วจ้าวเฟิงก็เข้าใจว่า ทำไมพลังของผลึกปีศาจจึงทำให้สายเลือดยอดฝีมือเกิดสัมผัสประหลาด

“ท่านเป็น ‘กูเจาจื้อ’ ที่อยู่ในลำดับหนึ่งร้อยสี่สิบห้าของอัจฉริยะรายชื่อจักรพรรดิ? พวกข้ายินดีจะร่วมมือด้วยเพื่อรับมือกับไต้ซือมนุษย์งู”

ผู้เฒ่าเฟ่ยเอ่ยแนะนำเสียงสูง

คนทั้งสองสำนักมองสถานะของชายฉกรรจ์คิ้วหนาผู้ถือหอกยาวออก

กูเจาจื้อเป็นคนของสำนักสามดาวที่อยู่ในเขตชายแดนของดินแดนทวีป นามว่า ‘ตำหนักวิญญาณปฐพี’

ในเวลาเดียวกัน ตัวเขาเองก็เป็นอัจฉริยะของรายชื่อจักพรรดิต้าเฉียนเช่นกัน และยังอยู่ในลำดับต้นๆ กว่าข่งเฟยหลิงอีกด้วย

“ได้!”

กูเจาจื้อเด็ดขาดนัก ให้ลูกศิษย์และยอดฝีมือของ ‘ตำหนักวิญญาณปฐพี’ ตั้งค่ายกลขึ้นเพื่อรับมือกับไต้ซือมนุษย์งู

แรงกดดันที่สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นและวังสุริยันม่วงต้องแบกรับเบาบางลงไปเล็กน้อย จึงอาศัยโอกาสนั้นโจมตีกลับไป

ตำหนักวิญญาณปฐพี สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น และวังสุริยันม่วง ยอดฝีมืออัจฉริยะของทั้งสามสำนักร่วมแรงร่วมใจกัน อานุภาพพลังย่อมไม่ธรรมดาไปด้วย

อีกทั้งตำหนักวิญญาณปฐพีซึ่งเป็นหนึ่งในนั้นยังเป็นถึงสำนักสามดาว

ครืน! จตุรัสอันเป็นที่ตั้งของแท่นบูชาปีศาจมีแรงกระเทือนเบาๆ

ไต้ซือมนุษย์งูกำคทาในมือไว้แน่น ดูไม่สบายเหมือนที่ผ่านมา

กูเจาจื้อและหนานกงเซิ่งซึ่งเป็นอัจฉริยะขั้นราชันทั้งสอง พยายามหาช่องโหว่จากด้านข้างและซุ่มโจมตี

“สังหารไต้ซือมนุษย์งูก่อนค่อยคุยกันเรื่องแบ่งชิ้นส่วนผลึกเซียน!”

สำนักทั้งสามแห่งรวมทั้งหนานกงเซิ่งมีความเห็นเป็นหนึ่งเดียวกัน การโจมตียิ่งรุนแรงมากขึ้นทุกที

ไต้ซือมนุษย์งูสามารถติดต่อกับพลังแกร่งกล้าของผลึกปีศาจได้ แต่กลับไม่อาจปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของมัน

ไต้ซือมนุษย์งูตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบอย่างช้าๆ

ทว่าทั้งสามสำนักก็ทำอะไรศัตรูไม่ได้มากนัก

ไต้ซือมนุษย์งูถอยกลับไปยังบน ‘แท่นบูชาปีศาจ’ แล้วจึงกระตุ้นผลึกปีศาจรวมไปถึงพลังไร้ขอบเขตที่กระเพื่อมอยู่ภายในบ่อเลือดนั้นด้วย

หากว่าเขาตัดสินใจปกป้องจนตัวตาย ราชันทั้งสองก็ยากจะทะลวงผ่านการป้องกันดังกล่าวได้

และที่เลวร้ายที่สุดคือ พลังชั่วร้ายของผลึกปีศาจแทรกซึมไปทั่วทั้งจตุรัส พลังชีวิตกับปราณที่แท้จริงและเลือดลมของฝูงชนที่นั่นล้วนค่อยๆ หลุดลอยออกไป

พลังเลือดลมชีวิตที่หลั่งไหลถูกผลึกปีศาจและบ่อเลือดดูดซับ หากยืดเวลาต่อไป ฟากของทั้งสามสำนักจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

แน่นอนว่าในการต่อสู้ ไอวิญญาณของไต้ซือมนุษย์งูก็สูญไปเป็นจำนวนมาก

“พวกเรามีจำนวนคนมากกว่า ถึงจะสิ้นเปลืองพลังก็สังหารเขาได้”

ทั้งสามสำนักยังคงโจมตีอย่างเดิม การโจมตีของคนส่วนหนึ่งในนั้นถึงขั้นย้ายไปยังแท่นบูชา

“ทำลายแท่นบูชา พลังของผลึกปีศาจนั่นจะลดทอนไปอย่างมาก” ผู้เฒ่าเฟ่ยเอ่ยพลางหัวเราะ

แกรก! จากการโจมตีที่รุนแรง แม้วัสดุของแท่นบูชาจะดีเยี่ยมอย่างยิ่งยวดก็ยังปรากฏรอยปริร้าวขึ้น

ไต้ซือมนุษย์งูสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ราชาแมงป่อง ออกมาเถอะ…”

ไต้ซือตะเบ็งเสียงออกมา โบกคทาในมือ

พู่ว~

บ่อเลือดกลางแท่นบูชา มีร่างสูงใหญ่อัปลักษณ์สีดำสนิทของมนุษย์แมงป่องทะยานออกมา

“ราชาแมงป่อง!”

มนุษย์แมงป่องร่างนี้คือตัวที่หนานกงเซิ่งเอาชนะได้เมื่อคราวก่อน

หลังจากที่ราชันแมงป่องออกจากบ่อเลือด บาดแผลดีขึ้นประมาณหนึ่ง อีกทั้งยังมีแสงโลหิตสีม่วงครอบคลุมทั่วร่าง กำลังรบและการป้องกันล้วนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

“สังหาร!”

ราชาแมงป่องโบกก้าม พลานุภาพของราชันที่มืดมิดกลุ่มหนึ่งตรงดิ่งไปที่เหล่าคน

“มันเคยแพ้ข้ามาก่อน!”

หนานกงเซิ่งสำแดงท่าร่างมิติ เข้าใกล้ราชาแมงป่องอย่างรวดเร็ว คลื่นมีดอากาศเป็นเส้นสายทะยานไปฟาดฟัน

เมื่อราชาแมงป่องร่วมวงต่อสู้ด้วย ความกดดันของไต้ซือก็ลดลงไปมาก

พลังโจมตีและป้องกันของราชาแมงป่องแกร่งกล้าอย่างยิ่ง แล้วยังได้การสนับสนุนจากพลังของผลึกปีศาจ จึงเป็นดั่งเสือติดปีกเลยทีเดียว

ในทางกลับกัน หนานกงเซิ่งไม่ได้อยู่ในสภาวะสุดยอด เมื่อต้องรับมือแล้วก็กินแรงอยู่บ้าง

เปรี๊ยะ!

กูเจาจื้อแห่งตำหนักวิญญาณปฐพีกำหอกยาว เส้นสายฟ้าเล็กราวเข็มแหลมคม หลายครั้งที่มันรุกคืบเข้าไปใกล้แท่นบูชาปีศาจก็ล้วนโดนกระแทกจนกระเด็นออกมา

ไต้ซือผู้มีพลังผลึกปีศาจคุ้มครอง ในส่วนของการป้องกันถือว่าอยู่ในสถานะไร้พ่าย

“ทุกคนถอยออกมาก่อน!”

ผู้เฒ่าเฟ่ยสังเกตได้ถึงสถานการณ์ที่ผิดแปลกไป จึงเอ่ยเสียงต่ำ

หนึ่งในราชันทั้งสอง ไอสวรรค์ของหนานกงเซิ่งสูญสิ้นไปมาก ถึงกระทั่งอ่อนแอลงไปส่วนหนึ่ง

ส่วยกูเจาจื้อผู้นั้นก็มิได้อยู่ในสภาวะสุดยอดเช่นกัน

ทั้งสามฝั่งร่วมมือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถอยออกจากพื้นที่ของแท่นบูชาปีศาจจากปากทางแห่งหนึ่ง

ในอุโมงค์ทางเดินอันมืดมิดของเมืองใต้ดิน

กองกำลังทั้งสามเริ่มปรึกษาหารือและวางแผนการ แล้วยังส่งคนไปเฝ้าสังเกตการณ์แท่นบูชาปีศาจ

ราชาแมงป่องผู้นั้นกลับไปที่บ่อโลหิตอีกครั้ง

ไต้ซือไม่กล้าปล่อยราชาแมงป่องจากไปอย่างง่ายดาย มิฉะนั้นเขาเพียงคนเดียวต้องรับมือกับยอดฝีมือจำนวนมากของทั้งสามสำนัก ก็ยากที่จะป้องกันแท่นบูชาได้

“รอให้ปราณที่แท้จริงของข้าฟื้นฟูก่อนเถอะ จะลงมือทำลายแท่นบูชานั่นซะ ถึงเวลานั้นหวังว่าทุกท่านจะไม่ออมมือ” หนานกงเซิ่งเอ่ยเรียบๆ

เขาอยู่ในมุมๆ หนึ่ง นั่งขัดสมาธิฟื้นฟูไอสวรรค์

“ดี! ข้าเองก็มีเคล็ดวิชาแกร่งกล้าที่ยังไม่ได้ใช้เมื่อครู่” กูเจาจื้อผงกศีรษะน้อยๆ

จะรับมือกับไต้ซือนั่น สิ่งสำคัญอยู่ที่การทำลายแท่นบูชา

ขอแค่ไต้ซือหยิบยืมพลังของผลึกปีศาจมา อานุภาพจะลดทอนลงมาก เช่นนั้นแล้วย่อมต้องพ่ายแพ้ไปเป็นแน่

วันสองวันถัดมา

ยอดฝีมืออัจฉริยะของทั้งสามสำนักกำลังฟื้นฟูตนเองอยู่

จ้าวเฟิงกลับมาอยู่ในสภาวะที่มีจิตวิญญาณเต็มเปี่ยม เขาไม่ได้ออกแรงอะไรนักกับการสำรวจเมืองใต้ดิน

“พฤกษาอัสนีมืด!”

ในมือของจ้าวเฟิงปรากฏท่อนไม้ครึ่งท่อนสีดำสนิท โคจรวิชาวายุอัสนี แล้วดูดซึมพลังสายฟ้ามืดมิดภายในนั้นเอาไว้

พฤกษาอัสนีมืดชิ้นนี้เป็นของชั้นเยี่ยม แฝงไปด้วยส่วนสำคัญของศาสตร์อัสนีที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง

วิชาวายุอัสนีของจ้าวเฟิง เขาจะดูดซึมพลังของอัสนีโดยใช้ ‘วิชาหมื่นอัสนีห้าสาย’

และแน่นอนว่าในขณะที่จ้าวเฟิงดูดซึมก็ต้องกำจัดพลังมืดส่วนหนึ่งในท่อนไม้

“ไผ่วายุทมิฬ!”

มืออีกข้างของจ้าวเฟิงปรากฏไม้ไผ่ท่อนหนึ่ง ลมมืดทะมึนที่ไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งเผยขึ้นบนพื้นจุดเดิม

พฤกษาอัสนีมืด ไผ่วายุทมิฬ ล้วนเป็นสิ่งที่ได้มาจากห้องลับเก็บทรัพยากรในยามก่อน

ทรัพยากรชั้นยอดทั้งสองชิ้นนี้เป็นของหายากในโลกภายนอก สอดคล้องกับธาตุทั้งสองประเภทอย่างวายุและอัสนี

จ้าวเฟิงฝึก ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ จึงสามารถแบ่งจิตใจออกเป็นหลายสาย กระตุ้นวิชาหมื่นอัสนี แล้วจึงทำการดูดซึม

“หญ้าจิตวารีห้าเสียง!”

ในมือของจ้าวเฟิงปรากฏหญ้าล้ำค่าชิ้นที่สามในแขนงวารี

“เด็กคนนี้สิ้นเปลืองเอาการ ดูดซึมสมบัติสามสิ่งที่ล้ำค่ากันโต้งๆ เช่นนี้”

ยอดฝีมือและลูกศิษย์ส่วนหนึ่งของสามสำนักอิจฉาตาร้อน ผู้อาวุโสส่วนหนึ่งส่ายศีรษะทอดถอนใจ

จ้าวเฟิงดูดซึมพลังของทรัพยากรล้ำค่าทั้งสามในเวลาเดียวกัน ทำให้ผู้คนต่างตื่นตระหนก

แต่ที่ทำให้ยิ่งตกใจไปกว่านั้นคือ อัตราส่วนในการดูดซับของจ้าวเฟิงสูงอย่างยิ่ง การหลุดลอยออกไปของไอสวรรค์ในฟ้าดินก็มีไม่มากนัก

คิดดูแล้ว หากว่านี่ไม่ใช่พรสวรรค์ก็คงจะเป็นวิชาลับที่หาดูได้ยากยิ่ง

“สิ่งที่เจ้าเด็กนั่นฝึกคือวิชาวายุอัสนี”

กูเจาจื้อแห่งตำหนักวิญญาณปฐพีเอ่ยเสียงเบา แล้วปรายตามองจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงฝึกตนราวกับว่าอยู่เพียงลำพัง

ในความเป็นจริงแล้วเขายังมีโครงกระดูกของ ‘สิงโตวายุอัสนี’ แต่ของโจรชิ้นนั้นยังไม่อาจเอาออกมาใช้ได้เป็นการชั่วคราว

เวลาวันสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

จ้าวเฟิงดูดซึมสมบัติทั้งสามอย่างไปมากกว่าครึ่ง ความเร็วชวนให้คนขวัญผวาใจกลางแก่นก่อกำเนิดในร่างกายของจ้าวเฟิงขยายออกส่วนหนึ่ง

ในเวลาดังกล่าว พลังฝึกตนของเขาอยู่ในพื้นฐานของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลาง เมื่อทำให้แข็งแกร่งขึ้น จะเข้าใกล้ระดับต่ำช่วงปลายไปอีกก้าวหนึ่ง

“รอให้ข้าดูดซึมพลังของกระดูกวายุอัสนีเสร็จก่อนเถอะ พลังฝึกตนก็จะแตะขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายได้” จ้าวเฟิงอดคาดการณ์ถึงอนาคตไม่ได้

แน่นอนว่าบนร่างของราชามนุษย์แมงป่องก็มีแก่นผลึกของ ‘สิงโตวายุอัสนี’ ในขั้นราชันที่ล้ำค่ายิ่งกว่า

ถ้าหากเอาแก่นผลึกวายุอัสนีชิ้นนั้นมาได้ จ้าวเฟิงจะทะลวงผ่านไปขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงก็ไม่มีอะไรยาก

“เตรียมโจมตี!”

กูเจาจื้อแห่งตำหนักวิญญาณปฐพีค่อยๆ ชันกายขึ้น หอกยาวในมือมีงูสายฟ้าเกาะกลุ่มแสบตา

อีกฟากหนึ่ง หนานกงเซิ่งเองก็ยืนขึ้นแล้ว

การโจมตีแท่นบูชาในครั้งนี้ ทั้งสามสำนักสร้างกระบวนทัพที่เหมาะสมเพื่อรับมือ

พลังของกระบวนทัพสามารถสำแดงข้อได้เปรียบในด้านของจำนวนคน

“มารพิโรธ!”

ขณะที่ไต้ซือมนุษย์งูหัวเราะเสียงเย็นก็โบกคทา ลำแสงโลหิตสีม่วงจำนวนมหาศาลครอบคลุมทั่วทั้งที่แห่งนั้น ทว่ามีกระบวนทัพที่เตรียมพร้อมจะตั้งรับ ฝูงชนจึงต้านทานพลังประหลาดของ ‘ผลึกปีศาจ’ ได้มากขึ้น แรงกดดันก็ลดลงตามไปด้วย

ในเวลาเดียวกัน ราชันทั้งสองหนานกงเซิ่งและกูเจาจื้อก็ลงมือ

“ระเบิดสายฟ้า!”

หอกยาวชั้นพิภพลอยออกจากมือกูเจาจื้อ ปลดปล่อยกลุ่มสายฟ้าที่สว่างแสบตา ทะลวงไปยังแท่นบูชาและระเบิดออกอย่างรวดเร็ว

เวลานั้น

ทั่วทั้งแท่นบูชารวมไปถึงจตุรัสขนาดใหญ่ล้วนแต่สั่นสะเทือน ส่งเสียงดังโครมครามไม่หยุด

ที่แท้แล้ว กระบวนท่านี้ของกูเจาจื้อ หอกที่ปาออกไปกับกลุ่มสายฟ้าซึ่งเกาะกลุ่มตรงปลายหอกระเบิดออกพร้อมกัน

กระบวนท่านี้เท่ากับว่าใช้อาวุธชั้นพิภพแบกรับแรงระเบิดเอาไว้ พลังนับว่าสะเทือนขวัญอย่างยิ่ง

แกรก!

บนแท่นบูชาปีศาจปรากฏรอยโหว่ขึ้นหลายเส้น

เมื่อกระบวนท่านี้ลุล่วงแล้ว กูเจาจื้อรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องเล็กน้อย เมื่อมองไปที่หนานกงเซิ่งซึ่งอยู่ข้างกายกลับต้องตกใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!